KEEEN ผลิตภัณฑ์ที่ขจัดของเสียจากโรงงานเหมือนเพลง Heavy Metal แต่ถนอมสิ่งแวดล้อมเหมือนเพลง Jazz

ใครจะไปคิดว่างานอดิเรกของนักศึกษาคณะเทคนิคการแพทย์ หรือ ดร.วสันต์ อริยพุทธรัตน์ ที่ชื่นชอบการส่องจุลินทรีย์ในห้องแล็บวันนั้นจะกลายเป็นธุรกิจระดับโลกได้ เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งเขาเล็งเห็นประโยชน์ของเหล่าจุลินทรีย์ว่าย่อยสลายน้ำมันและไขมันได้ จึงหันมาเรียนต่อด้านสิ่งแวดล้อม นำเอา Biotechnology หรือเทคโนโลยีชีวภาพ มาใช้ในการขจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรม โดยวิธีการบำบัด ขจัด และเยียวยา มีสรรพคุณที่สำคัญคือไม่ก่อให้เกิดสารตกค้างวนกลับไปทำลายสิ่งแวดล้อม และช่วยลดค่าใช้จ่ายแฝงจากสิ่งแวดล้อมที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องจ่าย นอกจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม KEEEN ยังต่อยอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน เพื่อสร้างมิติการทำความสะอาดบ้านรูปแบบใหม่นอกเหนือจากการใช้สารเคมีกรดด่าง ให้การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น “ข่าวการนำเอาจุลินทรีย์มาใช้ในเหตุการณ์การพบน้ำมันรั่วไหลลงทะเลและปนเปื้อนบริเวณชายหาดที่ต่างประเทศ ทำให้เราแปลกใจมาก เพราะเราส่องดูจุลินทรีย์อยู่ทุกวัน ไม่ได้เอะใจเลยว่ามันกินคราบน้ำมันได้ กินไขมันได้ เรารู้สึกตาลุกวาวและบ้าคลั่งไปกับจุลินทรีย์เหล่านี้มากๆ จนตัดสินใจเรียนต่อด้านสิ่งแวดล้อมในเวลาต่อมา” จากเหตุการณ์นี้ทำให้ ดร.วสันต์ ค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมจนไปประทับใจงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้จุลินทรีย์ย่อยน้ำมันปิโตรเลียม ถึงขั้นตัดสินใจเรียนปริญญาโทต่อทางด้านสิ่งแวดล้อมสาขา Industrial Ecology ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และลงลึกกับวิทยานิพนธ์ในหัวข้อ ‘การประยุกต์ใช้จุลินทรีย์ในเชิงพาณิชย์’ ก่อนนำไปต่อยอดโดยหยิบงานวิจัยชิ้นนี้ไปศึกษาร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าประเทศไทยก็ทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำเข้าหัวเชื้อจากต่างประเทศอีกต่อไป เมื่อโรงงานอุตสาหกรรมบรรเลงบทเพลง Heavy Metal กับสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยเริ่มต้นจากการเป็นประเทศที่ทำการเกษตรเป็นหลัก และค่อยๆ พัฒนามาเป็นประเทศอุตสาหกรรม จนเกิดเป็นนิคมอุตสาหกรรมกระจายอยู่ทั่วประเทศ อาทิ นิคมยานยนต์ ปิโตรเคมี สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญต่อฐานเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่จะเติบโตไปในอนาคต […]

ประกาศออกไปให้โลกรู้ Green Road เปิดรับบริจาคถุงวิบวับ และถุงก๊อบแก๊บจนกว่าจะหมดโลก

“รับบริจาคถุงวิบวับและถุงก๊อบแก๊บจนกว่าจะหมดโลก” โครงการดีๆ จาก Green Road องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่รับบริจาคขยะพลาสติกมาเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ คืนให้กับสังคม โดยในคราวนี้มาพร้อมแคมเปญใหม่เพื่อเชิญชวนให้ทุกคน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ผ่านการบริจาคขยะพลาสติกจากถุงวิบวับ ทำความเข้าใจกันสักหน่อยเกี่ยวกับ “ถุงวิบวับ” คือถุงอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ประเภทกาแฟ เครื่องดื่ม ขนม เครื่องสำอาง ยา ฯลฯ ทำจากฟิล์มพลาสติกจำพวก Nylon, PET, LLDPE ประกบเข้ากับแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ด้วยความร้อน ทำให้มีข้อดีในการป้องกันความชื้น กันแสงแดด และอากาศได้ดี แต่มีข้อเสียที่ใหญ่หลวงคือการนำกลับไปรีไซเคิลยาก เพราะต้องแยกฟิล์มแต่ละชั้นออกจากกันก่อน ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าขยะพลาสติกทั่วไป จนกลายเป็นปัญหาส่งผลให้หลายๆ ที่ไม่รับซื้อหรือรับบริจาคขยะประเภทนี้ไปรีไซเคิล แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ผนวกกับการศึกษาวิจัยและพัฒนาทำให้ทาง Green Road สามารถนำถุงวิบวับ เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลร่วมกับถุงก๊อบแก๊บจนนำกลับมาผลิตใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycling อาทิโต๊ะ เก้าอี้ บล็อกปูพื้น รวมไปถึงผนัง พื้น หลังคาบ้าน เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงเรียน วัด อุทยานแห่งชาติ รวมถึงพื้นที่สาธารณะ นับเป็นการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกของประเทศไทยที่น่าสนใจ และเราทุกคนก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้อย่างง่ายๆ เพียงเริ่มจากการแยกขยะพลาสติกใกล้ตัว สำหรับท่านที่สนใจบริจาคสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/3i3JOgK […]

Smart Pole เสาไฟเป็นได้มากกว่าที่คิด

Smart Pole หรือเสาไฟอัจฉริยะ เป็นแนวคิดในการนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ มาผสมผสานสร้างสิ่งใหม่ ให้มีหน้าที่การทำงานที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เมืองของเราขาดในตอนนี้ แต่หมายถึงศักยภาพที่มากขึ้นของโครงสร้างพื้นฐานเมือง คุณภาพที่มากขึ้นของประชากรไปในเวลาเดียวกัน  และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเมืองให้เข้าสู่ Smart City ซึ่งคำว่าเมืองอัจฉริยะอาจไม่ได้หมายรวมถึงแค่เมืองทางกายภาพ แต่อาจหมายรวมถึงศักยภาพและความสามารถที่เพิ่มขึ้นของผู้คนภายในเมือง ผ่านการใช้เทคโนโลยีในวิถีชีวิตประจำวัน พื้นที่ริมถนน หากอยากเริ่มติดตั้งเสา Smart Pole สักต้น พื้นที่ริมถนนบริเวณจุดรอรถสาธารณะเป็นจุดที่ควรนำร่องติดตั้ง Smart Pole เป็นอันดับต้นๆ เพราะเป็นบริเวณที่เกิดกิจกรรมของคนหลายช่วงอายุ มีผู้คนสัญจรผ่านไปมา มีคนนั่งรอใช้บริการรถสาธารณะ ฟังก์ชันที่อยากนำเสนอจึงอยากเริ่มจากอะไรที่ง่ายๆ แต่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของคนเมือง เริ่มต้นจากการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนจากธรรมชาติอย่างแสงอาทิตย์ (Solar Cell) เพื่อกลบจุดอ่อนที่ว่า เสาไฟแบบเดิมมีฟังก์ชันการใช้งานเพียงช่วงเวลากลางคืน แต่ Smart Pole สามารถกักเก็บพลังงานธรรมชาติในตอนกลางวันเพื่อใช้หล่อเลี้ยงภายในระบบ ในยุคที่คนทั้งโลกสนใจปัญหาสิ่งแวดล้อมและมีนโยบายกระตุ้นให้ประชากรโลก หันมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทนการใช้พลังงานน้ำมัน รถพลังงานไฟฟ้าจึงได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างแพร่หลายในประเทศโลกที่ 1 แต่เมื่อมองย้อนกลับมาในประเทศไทย หนึ่งสิ่งที่ทำให้นโยบายการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ประสบความสำเร็จนัก เป็นเพราะปัญหาสถานีชาร์จไฟไม่เพียงพอต่อความต้องการ การเกิดขึ้นของ Smart Pole ที่มีฟังก์ชัน Charging Station จึงกลายเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะร่วมผลักดันให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า […]

ใช้สัมผัสบอกสีสันและรูปทรง .ONCE แบรนด์เสื้อผ้าที่ทำให้คนตาบอดสนุกกับการแต่งตัว

หากเช้าวันหนึ่งคุณตื่นมาแล้วพบว่า โลกใบนี้ถูกย้อมไปด้วยสีดำสนิท คุณจะใช้ชีวิตอย่างไร ลองจินตนาการต่อว่า คุณกำลังเปิดตู้เสื้อผ้าท่ามกลางความมืดมิด เพื่อที่จะแต่งตัวออกไปข้างนอกคุณคิดว่า Outfit วันนี้หน้าตาจะเป็นอย่างไร จะหยิบสีถูกกาลเทศะหรือไม่ก็ไม่อาจจะทราบได้ มันคงลำบากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อยเลยสินะ นี่แหละคือโลกที่คนตาบอดเจอในทุกวัน สีของเสื้อผ้า เรื่องเล็กๆ ที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนตาบอด กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์เสื้อผ้าคนตาบอด .ONCE และ จิระ ชนะบริบูรณ์ชัย ชายตาดีผู้นำเอาบทเรียนพิเศษจากคนตาบอดปักอักษรเบรลล์ ลงไปบนธุรกิจผ้าของครอบครัว คิดค้นเป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนสามารถเติมเฉดสีเข้าไปในโลกมืดมิด และยังคิดค้นเพิ่มความสนุกลงไปบนเสื้อผ้า ด้วยเทคนิคพิเศษดีกรีรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ให้คนตาบอดได้รู้สึกสนุกไปกับการแต่งตัวได้มากขึ้นในแต่ละวัน เหตุการณ์ ‘ขำขื่น’ เหตุเกิดแบรนด์ จิระ ชนะบริบูรณ์ชัย หรือ จุ้ย เติบโตในครอบครัวที่คุณป้าตาบอดสนิท ส่วนคุณลุงตาบอดเลือนราง เขาเห็นการใช้ชีวิตประจำวันของทั้งสองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการกิน การเดินทาง การทำงาน การสื่อสาร ทำให้จุ้ยเห็นว่าโลกมืดสนิทไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวันขนาดนั้น “หลายคนมักมองว่าชีวิตคนตาบอดนั้นน่าสงสาร แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไป แค่มีวิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป เหมือนกับโลกของเขาเป็นโลกอีกใบ ที่เป็นโลกแห่งความมืด และวิ่งควบคู่ไปกับโลกของคนทั่วไป เป็นโลกคู่ขนานกัน” ทั้งสองยังเป็นคนที่มอบรอยยิ้มและความอบอุ่นให้คนรอบข้างอยู่เสมอ แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้จุ้ยฉุกคิดถึงปัญหาการมองไม่เห็น นั่นคือ ‘การแต่งตัว’  “มีวันหนึ่งครอบครัวเรากำลังจะไปงานศพกัน แต่คุณลุงกับคุณป้าออกมาจากห้องพร้อมชุดสีแดง”  ฟังดูแล้วอาจเหมือนกับตลกร้ายในภาพยนตร์ที่ […]

‘หาตึกทุบยากเป็นเพราะ COVID-19 เพราะฉะนั้นขอทุบ COVID-19 แทนละกัน’

โฆษณามาดกวนที่พร้อมมอบรอยยิ้มให้แก่ผู้พบเห็นในคอลัมน์ Ad on Street คราวนี้ ถูกส่งเข้าประกวดจากป้ายโฆษณาของเฮียศักดา เจ้าของกิจการทุบตึกเจ้าดังของประเทศ ที่ออกมาประกาศว่าจะไม่ทนอีกต่อไป และขอประกาศเป็นศัตรูกับเจ้าไวรัสตัวร้าย เฮียเล่นคำว่า ‘ทุบ’ คำง่ายๆ แต่ความหมายสุดลึกล้ำ ที่คนอ่านแปลความได้ว่านอกจากจะมาทุบโควิดแล้ว เขายังรับทุบตึกด้วยนะ ผ่านการสอดแทรกการขายอย่างไม่เนียนในระหว่างบรรทัด ได้อย่างลงตัว ถือว่าเป็นรูปแบบการโฆษณาที่สอบผ่าน เพราะอิงกับสถานการณ์ที่ผู้คนสนใจ และยังทำให้ผู้อ่านรู้ว่าเฮียแกขายอะไรได้อย่างลงตัวในป้ายเดียว Ad on Street ชิ้นนี้ทำให้เราเห็นว่าความคิดสร้างสรรค์มีอยู่บนทุกตารางนิ้วของท้องถนน และใครจะไปคิดว่าป้ายโฆษณาทีเล่นทีจริงนี้ อาจจะกลายเป็นหมุดหมายบอกช่วงเวลาความยากลำบากทางประวัติศาสตร์ของเราได้ในอนาคต จนเราอยากอุทานออกมาว่า แหม่! ทำไปได้

สัญญาณไฟเหลือง เตรียมหยุด หรือ เตรียมเหยียบ

ฮันแน่~ ชอบเร่งเครื่องตอนเห็นไฟเหลืองกันหรือเปล่า ถ้าเคยทำหรือยังทำอยู่อยากให้ลองอ่านเรื่องราวเหล่านี้ดูสักนิด แล้วคุณอาจจะเปลี่ยนความคิดใจเย็นลง เมื่อไฟสีเหลืองอำพันแสดงอยู่บนเสาสัญญาณจราจร เราต้องทำตัวอย่างไรดี หลักการทำงานง่ายๆ ของไฟจราจรคือการใช้สีบ่งบอกสัญญาณการขับขี่ ไฟเขียวคือสัญญาณให้รถวิ่ง ในทางกลับกันไฟแดงคือสัญญาณบ่งบอกว่าให้หยุดรถ ทว่าไฟเหลืองกลับมีความพิเศษมากไปกว่านั้น เพราะสำหรับบางคนเห็นไฟแล้วเตรียมตัวหยุด แต่หลายคนเมื่อเห็นไฟเหลืองก็เปลี่ยนตัวเองเป็นวัวกระทิงที่พร้อมพุ่งกระโจนใส่ไฟเหลืองอย่างรวดเร็ว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวมีโอกาสก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ | ขับรถฝ่าไฟเหลืองผิดมั้ยนะ คำตอบคือผิด แต่มีข้อยกเว้นบางกรณีอ้างอิงตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 22 ระบุไว้ว่าผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏข้างหน้าในกรณีต่อไปนี้ สัญญาณจราจรไฟสีเหลืองอำพัน ให้ผู้ขับขี่เตรียมหยุดรถหลังเส้น เพื่อเตรียมปฏิบัติตามสัญญาณที่จะปรากฏต่อไป เว้นแต่ผู้ขับขี่ที่ได้ขับเลยเส้นรถหยุดไปแล้วขณะเกิดไฟเหลืองให้ขับรถเลยไปได้ เท่ากับว่าถ้าขับรถผ่านเส้นหยุดก่อนที่ไฟเหลืองขึ้นมีโทษปรับ 1,000 บาท นั่นเอง | แต่ในบางครั้งเราก็ไม่ได้ตั้งใจขับรถฝ่าไฟเหลือง หากไม่นับในบางครั้งที่เราอาจไม่ได้ตั้งใจจะทำผิด แต่การออกแบบสัญญาณไฟจราจรดันไม่เอื้อต่อการขับขี่เท่าที่ควร เช่น สัญญาณไฟจราจรบางแยกไม่มีตัวเลขนับถอยหลังระบุให้ชัดเจน หนำซ้ำบางแยกไฟเขียวยังไม่มีฟังก์ชันกะพริบเพื่อส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไฟเหลือง แต่จะเปลี่ยนแบบฉับพลันในขณะที่รถขับด้วยความเร็ว ทำให้ชะลอรถไม่ทันเพราะการเบรกกะทันหันอาจจะเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ จึงต้องตัดสินใจขับรถฝ่าไปในที่สุด ความจริงตามกฎจราจรประเทศไทยมีระยะเวลาไฟเหลืองเฉลี่ยราว 3 วินาทีบวกกับระยะเวลาไฟแดงของจุดอื่นอีก 2 วินาทีเพื่อความปลอดภัย โดยระยะเวลาดังกล่าวถูกคำนวณให้คนขับมีเวลาเพียงพอเพื่อจะหยุดรถทันเมื่อขับขี่รถด้วยความเร็วตามกฎหมาย แต่หากขาดสัญญาณบอกก่อนเปลี่ยนสีก็ยากที่จะคำนวณระยะในการเบรกรถได้ ซึ่งพบว่าแยกไหนมีระยะเวลาไฟเหลืองต่ำกว่า 3 วินาที สามารถแจ้งสำนักจราจรฯ กทม. มาแก้ไขให้ตรงมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยเช่นกัน […]

เวียดนามพัฒนาต่อไม่รอแล้วนะ! เตรียมสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ หวังพาหลุดกับดักรายได้ปานกลาง

หรือเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชียอาจจะไม่ใช่ไทยอีกต่อไป เมื่อเวียดนามประกาศเตรียมสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติ (NIC) บริเวณกรุงฮานอย อย่างยิ่งใหญ่โดยใช้พื้นที่รวมกว่า 35,000 ตารางเมตร และใช้งบประมาณทั้งสิ้น 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีเวียดนามซึ่งกล่าวไว้ว่า “นวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จและมีบทบาทในยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม” เพราะรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้นำมาปรับใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเติบโตของประเทศ โดยหวังว่าเวียดนามจะพัฒนาไปข้างหน้าบนพื้นฐานขององค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างเหมาะสม  ศูนย์นวัตกรรมแห่งชาติแห่งนี้จึงมีหน้าที่หลักในการสนับสนุนและผลักดันธุรกิจ Start-up และผลงานนวัตกรรมภายในประเทศ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนหลัก ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านธุรกิจ เทคโนโลยี นวัตกรรมให้กับประชาชน ที่สามารถใช้ในธุรกิจได้ เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ริเริ่มทำธุรกิจรายย่อย เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความรู้ให้คำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและดึงดูดความรู้และเงินลงทุนจากต่างแดน  สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนประเทศเวียดนามไปข้างหน้า เพื่อพาประเทศหลุดออกจากกับดักรายได้ปานกลาง และเตรียมการเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2045

ภารกิจ Zero Waste เริ่มต้นได้ที่บ้าน

ท่ามกลางชีวิตของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้คน รถยนต์ และความวุ่นวายในแต่ละวัน ความเรียบง่ายจึงกลายมาเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ จนเกิดเป็นแนวคิด Minimalism ที่ผู้คนโหยหาความสงบและความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต ด้วยการตัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นออก เมื่อเรามีสิ่งของน้อยชิ้นลง ก็จะเกิดความปลอดโปร่งและเป็นระเบียบทั้งภายในบ้านและภายในจิตใจ แต่ปัจจุบันสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องการเติมเต็มความสุขของตัวเอง แต่ยังรวมถึงการหันกลับมาใส่ใจธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นความรับผิดชอบของมนุษย์ทุกคน คงจะดีหากเราสามารถผสานวิถีชีวิตที่เรียบง่ายเข้ากับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อคืนประโยชน์ให้โลกใบนี้ได้ในเวลาเดียวกัน ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้เราต่างประสบกับภัยพิบัติต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโลกร้อน น้ำท่วม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ที่ทำร้ายโลกอย่างไม่เคยคิดถึงผลของการกระทำ ท่ามกลางภัยพิบัติดังกล่าวทำให้ผู้คนจำนวนมาก เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่เรียกว่าโลก ในฐานะการเป็นบ้านของสรรพชีวิต แนวคิดการอยู่อาศัยที่เรียกว่า Eco-living จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในยุคปัจจุบัน แต่การจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อมอาจไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยิ่งใหญ่เกินตัว เพราะการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นได้จากสิ่งเล็กๆ ที่แทรกซึมอยู่ในการใช้ชีวิตของเรา สิ่งที่จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนนั้น ประกอบไปด้วยคำว่า ‘Profit’ ‘Planet’ และ ‘People’ สามองค์ประกอบที่จะทำให้ชีวิตที่มีความสุขทั้งกับตัวเราเอง และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปด้วยกันได้อย่างลงตัว จุดเริ่มต้นแห่งความสมดุลแรกคือ ‘Profit’ หรือกำไร ในที่นี้อาจจะไม่ได้หมายถึงกำไรทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงกำไรชีวิตจากการอยู่อาศัยได้ด้วยเช่นกัน หากจะให้พูดถึงบ้าน Como Bianca จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ คงต้องยกให้ความสะดวกสบายด้วยทำเลโครงการที่อยู่ติด Mega Bangna และการออกแบบที่เรียบง่ายแต่มีดีไซน์ในสไตล์มินิมอล ภายนอกของตัวบ้านออกแบบมาอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด […]

168aroi คืนความทรงจำการกินบะหมี่สำเร็จรูป ด้วยบะหมี่เห็ดที่อร่อยแต่ Healthy ในเวลาเดียวกัน

ยังจำความรู้สึกเหล่านี้ได้ไหม ช่วงเวลาแห่งความเพลิดเพลิน ความสนุก ไปกับการกินเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่พวกเราเคยแบ่งปันให้กันในวัยเด็ก เรื่องราวและรสชาติต่างๆ ล้วนยังคงอยู่ในความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน เฉกเช่นเดียวกับแจมและเมย์ เพื่อนรักสองคนที่ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แต่ทุกครั้งที่ต้องไปต่างแดน ทั้งสองก็ไม่เคยลืมที่จะพกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดตัวไปด้วย เพื่อเป็นทั้งขนมและอาหารคลายหิวที่ไม่ว่าจะกินเมื่อไหร่ก็จะนึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ในวัยเด็ก แต่จากสถานการณ์ของ COVID-19 ทำให้เราเห็นถึงปรากฏการณ์ ที่คนทั้งโลกหันมาสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมถึงเมย์และแจมสองผู้ก่อตั้งแบรนด์ ก็เห็นถึงความสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เขาทั้งสองก็ยังคงรักในการกินเส้นเป็นชีวิตจิตใจ เลยเกิดเป็นไอเดียในการสร้างแบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีความร่วมสมัย ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และปราศจากส่วนประกอบจากสัตว์ ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเดิม | จากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สู่บะหมี่เห็ดเพื่อสุขภาพ เพราะรสชาติความอร่อยของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่มาพร้อมความสะดวกในการกิน ต่างต้องแลกมาด้วยปริมาณผงชูรส โซเดียม และน้ำมันจากกระบวนการผลิตที่ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพหากทานในปริมาณมาก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำไว้ว่า ปริมาณโซเดียมที่ทานในแต่ละวันไม่ควรเกิน 2,000 มิลลิกรัม ทว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่วนใหญ่ในท้องตลาด 1 ซอง มีปริมาณโซเดียมสูงถึง 1,500 – 1,600 มิลลิกรัม หรือเกือบเทียบเท่าปริมาณโซเดียมที่ควรจะกินในแต่ละวันเลยทีเดียว ที่สำคัญ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบางชนิดยังมีการเคลือบผงชูรสไว้ที่ตัวเส้นเพื่อเพิ่มรสชาติ และเพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษา บวกกับความกรุบกรอบและรสสัมผัสที่อร่อยขึ้น จึงนิยมใช้การทอดด้วยน้ำมัน ทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันภายในเส้น ซึ่งเป็นจุดไคลแมกซ์ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมากที่สุด […]

‘ลานยิ้มการละคร’ คณะละครชื่อชวนยิ้ม แต่จิกกัดและตั้งคำถามต่อสังคมอย่างเจ็บแสบ

หากศิลปะไม่เป็นเจ้านายใคร และไม่เป็นขี้ข้าใคร คุณคิดว่าศิลปะเป็นอะไรกันแน่ ถ้าคุณสงสัยในประโยคข้างต้นว่าจริงๆ แล้วศิลปะมีความสำคัญอย่างไรต่อสังคม เราชวนมาคุย กับ ‘กอล์ฟ-นลธวัช มะชัย’ ผู้ร่วมก่อตั้ง ‘ลานยิ้มการละคร’ คณะละครจัดแสดง Performance Art ริมถนนซึ่งเกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อน ที่ถึงแม้จะมีชื่อชวนยิ้ม แต่กลับบอกเล่าเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ชวนผู้ชมตั้งคำถาม พร้อมตีแผ่ประเด็นทางสังคมอย่างจิกกัดและเจ็บแสบ อย่างชุดการแสดง ณ บางกลอย ที่ทำให้หลายคนต่างหันกลับมามองประเด็นความขัดแย้ง ความอยุติธรรม และข้อเรียกร้องของชาวบ้านบางกลอยได้อย่างน่าสนใจ ปฐมบทลานยิ้มการละคร ก่อนจะมาเป็นลานยิ้มการละคร (Lanyim Theatre Group) พวกเขาเคยเป็นกลุ่มลานยิ้ม Lanyim Creative Group ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของแก๊งเพื่อนที่เรียนสื่อสารมวลชนด้วยกันแต่หลากแขนง ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ การแสดง ไปจนถึงการละคร ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานในฐานะสื่อ ประกอบกับการแสดงละคร เพื่อสื่อสารประเด็นการเมือง วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ชาติพันธุ์ ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชน แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆ การแสดงละครกลับกลายเป็นตัวตนที่ชัดเจนที่สุด พวกเขาต่างรู้ว่าถนัดอะไร อยากจะพูดอะไร ด้วยน้ำเสียงแบบไหน จนกลายมาเป็นกลุ่มลานยิ้มการละครที่เน้นการทำงานประเภทการแสดงละครเป็นหลัก สิ่งที่น่าสนใจของการเกิดกลุ่มลานยิ้มการละครคือการรวมตัวของกลุ่มเพื่อน เราเอ่ยปากถามไปว่า […]

หากวันหนึ่งคุณหูหนวกจะพบอะไรบ้าง ในเมืองไร้เสียงที่ชื่อว่ากรุงเทพฯ

‘…………..’ หากวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเสียงที่ได้ยินกลายเป็นเสียงเดียวกันทั้งหมด กลายเป็นเสียงแห่งความเงียบงัน ที่ดังก้องกังวานจนคุณไม่ได้ยินเสียงของผู้อื่นหรือแม้กระทั่งเสียงของตัวเอง คุณหันไปหยิบโทรศัพท์ที่เคยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 7 โมงเช้า แต่เช้าวันนี้กลับไม่ได้ยินเสียงปลุกชวนรำคาญหูอีกต่อไป สัมผัสได้เพียงแรงสั่นไหวจากโทรศัพท์เท่านั้น และภาพที่คุณเห็นจากตาดวงเดิมกลายเป็นเหมือนโลกใบใหม่ ที่มือไปถูกปุ่ม Mute ไว้ตลอดกาล คุณจะทำอย่างไรต่อในเช้าวันนี้  แค่เรื่องสมมุติ ‘หากวันหนึ่งกลายเป็นคนหูหนวก’ ยังทำให้เราเป็นกังวลไม่น้อย เพราะการได้ยินเป็นสัมผัสสำคัญของมนุษย์ที่ใช้ในการสื่อสาร Urban Creature จึงอยากจะชวนทุกคนไปรู้จักโลกของคนหูหนวกผ่านการพูดคุยกับ ปรียานุช ศศิธรวัฒนกุล หรือนุ้ย และล่ามภาษามือ เต็มศิริณ ชลธารสีหวัฒน์ หรือไข่มุก ตัวแทนจากสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตภายในเมืองของคนหูหนวก เพื่อให้คนหูดีและคนหูหนวกได้เข้าใจกันและกันมากขึ้น หากวันหนึ่งคุณหูหนวก จะพบกับอะไรบ้าง การสื่อสารที่ใช้ภาษามือและภาษากายแทนภาษาพูด – ปัญหาพื้นฐานในชีวิตประจำวันของคนหูหนวกคือเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากคนหูหนวกใช้ภาษามือสื่อสารเป็นภาษาแรก และใช้ภาษาไทยเป็นภาษาที่สอง ทำให้การใช้ภาษาไทยของคนหูหนวกอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร อาจไม่เข้าใจความหมายของคำทุกคำ เวลาเขียนรูปประโยคภาษาไทยก็มักจะเขียนตามไวยากรณ์ภาษามือของคนหูหนวก อย่างประโยคที่ว่า ‘ฉันกินข้าว’ แต่คนหูหนวกจะเขียนประโยคดังกล่าวเป็น ‘ข้าวฉันกิน’ สลับตำแหน่งคำ เหมือนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ซึ่งทำให้คนอ่านอาจจะเกิดความฉงนสงสัยและไม่เข้าใจสิ่งที่คนหูหนวกจะสื่อสาร และเมื่อคนหูหนวกเจอรูปประโยคยาวๆ เขาจะอ่านและแปลความหมายทีละคำ ทำให้ไม่เข้าใจรูปประโยคยาวนั้นเท่าไหร่ แต่เขาจะเข้าใจรูปประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ที่ใช้สื่อสารบ่อย รูปประโยคที่ใช้ในการสื่อสารกับคนหูหนวกจึงควรเป็นประโยคคำพูดสั้นๆ […]

ใบสั่งจราจร ไม่หนี ไม่จ่าย ได้ปะ

โดนใบสั่งจราจร ไม่หนี ไม่จ่าย ได้ปะ เป็นคำถามไท้ยไทยที่เราพบบ่อย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวินัยการขับขี่ของคนไทยได้เป็นอย่างดี เพราะคำตอบดังกล่าวทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่า ‘ควรจะต้องจ่าย’ หากคุณทำผิดกฎหมาย เหตุผลสำคัญที่คนทำผิดกฎจราจรส่วนใหญ่เพิกเฉยต่อการจ่ายค่าปรับ เกิดขึ้นจากระบบใบสั่งจราจรยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลกรมการขนส่งทางบกได้ทั้งหมด จึงทำให้ใบสั่งบางใบไม่ได้อยู่ในระบบ และเมื่อไม่อยู่ในระบบ ใบสั่งก็จะมีอายุความเพียง 1 ปี เหตุผลประการต่อมาคือ มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอในการติดตามเรียกเก็บค่าปรับใบสั่งทุกใบที่ออกมานับ 10 ล้านใบต่อปี จึงกลายเป็นปัญหาใบสั่งคั่งค้างในระบบ และผู้คนที่ได้รับใบสั่งต่างเพิกเฉยเพราะขาดการติดตามให้ไปชำระค่าปรับตามกฎหมาย ที่ตลกร้ายสำหรับเรื่องนี้ คือสถิติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวในเวทีสัมมนาเรื่องถนนไว้ว่า ในปี 2562 มีการแจกใบสั่งสูงถึง 11,839,622 ใบ ราว 12 ล้านใบ แต่มีผู้มาชำระค่าปรับเพียงแค่ 2,141,818 ใบ หรือ 18.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เทียบกับสถิติผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่จักรยานยนต์ประมาณ 30 ล้านคน และรถยนต์ประมาณ 10 ล้านคน นับเป็นการกระทำผิดสูงถึงราว 1 ใน 5 ของผู้ขับขี่บนท้องถนน […]

1 2 3 4 5

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.