
‘หนังไทยแท้ๆ แต่ทำไมฉายในไทยยากจัง’ ส่องปรากฏการณ์หนังไทยไม่มีที่อยู่

ไขข้อข้องใจ จอดรถบริเวณไหนผิดกฎหมายและเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

10 Censored Thai Cinemas ลิสต์หนังไทยที่รัฐไทยไม่ให้ไปต่อ

Urban Eyes 28/50 เขตลาดพร้าว Lat Phrao

จิบเครื่องดื่มจากโฆษณาดังที่ House 20 Cat and Home Studio บาร์แมวลับเปิดเฉพาะวันที่ 20 ของเดือน
POPULAR
10 Censored Thai Cinemas ลิสต์หนังไทยที่รัฐไทยไม่ให้ไปต่อ
เคยสงสัยไหมว่า นี่ก็ปี 2023 แล้ว ทำไมประเทศไทยยังมีข่าวคราวการแบนหนังไทยให้ได้เห็นกันอีก ทั้งที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์บ้านเราก็ไม่ได้สู้ดีนัก โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ที่ปีปีหนึ่งหนังไทยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไม่กี่สิบเรื่อง และส่วนใหญ่ก็เป็นแนวใกล้ๆ กัน เช่น หนังผี หนังตลก หนังรัก เป็นต้น โดนกีดกันประเด็นหรือแนวหนังยังไม่พอ พอผู้กำกับและทีมงานก่อร่างสร้างหนังไทยสักเรื่องมาจนเสร็จเรียบร้อย ก็ยังต้องมาไหว้พระสวดมนต์ให้ผ่าน ‘กองเซนเซอร์’ หรือ ‘คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์’ ที่รัฐเป็นกำลังสำคัญในการกำกับดูแลอีก Urban Creature ชวนพังกำแพงแห่งศีลธรรมอันดีงาม ความมั่นคงของชาติ และนานาเหตุผล แล้วมาย้อนดูหนังไทย 10 เรื่องที่โดนแบนในช่วงสิบกว่าปีนี้กัน แสงศตวรรษ (2551) ก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์ไทยที่โดนเซนเซอร์หรือห้ามฉายบ้าง แต่ ‘แสงศตวรรษ’ ซึ่งเป็นผลงานของ ‘อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ ผู้กำกับไทยที่เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก ก็ทำให้การเซนเซอร์ในวงการภาพยนตร์เป็นที่พูดถึงและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ‘แสงศตวรรษ’ กล่าวถึงชีวิตของแพทย์หญิงในโรงพยาบาลเล็กๆ ที่ต่างจังหวัด ที่มีความทรงจำที่ดีต่อผู้ป่วยและความรัก และอีกชีวิตของแพทย์ทหารหนุ่มในโรงพยาบาลในเมือง กับผู้ป่วยพิการและคู่รักของเขาที่จะจากไป หนังเรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทยในเดือนเมษายน ปี 2550 แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพราะชี้ว่ามีฉากที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ โดยมีเงื่อนไขให้ตัด 4 ฉากออกไป ได้แก่ […]
ฟังเสียงเด็กวัดจากอัลบั้ม ‘ธาตุทองซาวด์’ บันทึกช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วของ ‘YOUNGOHM’
การฟังเพลงแบบเป็นอัลบั้มใช้เวลาเยอะ และใช้สมาธิเยอะไม่ต่างกัน แต่ก็เพราะการฟังเพลงแบบเป็นอัลบั้มนี่แหละ ที่มอบความพิเศษของเรื่องราวผ่านบทเพลงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งได้ฟังอัลบั้มที่มีคอนเซปต์เรียงร้อยต่อกันไป แถมเป็นเรื่องราวที่บันทึกประสบการณ์ชีวิตในโลกที่เหมือนละครด้วยแล้ว เราย่อมได้รับพลังงานจากเรื่องเล่าเหล่านั้นเสมอ อัลบั้ม ‘ธาตุทองซาวด์’ คือความรู้สึกพิเศษแบบนั้น เพราะเป็นดั่งบันทึกเรื่องราวชีวิตของผู้คนในมุมหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร คอนเซปต์อัลบั้มที่ฟังต่อกันแล้วได้อรรถรสแบบหนังม้วนยาว พาทุกคนเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้เห็นว่า กว่า ‘YOUNGOHM’ (โอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์) ที่ถูกรู้จักในฐานะแรปเปอร์แห่งยุคเช่นทุกวันนี้ ในวันวัยแห่งการเริ่มต้นจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ยังโอมเลือกเป็นนักแรปมาตั้งแต่ช่วงวัยเรียน และเดินทางไปแข่งขันในหลากหลายสนามแรป บวกกับทำเพลงมาเรื่อยๆ จนหลายเพลงทำให้เขามีชื่อเสียง และเกิดอัลบั้มแรกของชีวิตเมื่อปี 2020 ชื่อว่า ‘Bangkok Legacy’ ในอัลบั้มแรกเราจะได้ยินความสบถ ความเกรี้ยวกราด และความคับแค้นต่างๆ ที่ผสมปนเปเล่าออกมาผ่านเพลง ทว่าอัลบั้มที่สองนี้เสมือนการตกผลึกของความนึกคิด ที่มันย้ำให้เห็นว่า ความสำเร็จหรือความสมหวังตั้งใจของคนคนหนึ่งนั้นย่อมมีความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ยังโอมได้เล่าประสบการณ์ต่างๆ ของชีวิตผ่าน 19 บทเพลงที่ตั้งใจสร้างขึ้นมา เป็นการเปิดเปลือยตัวตนบางอย่างในอดีตเพื่อทบทวนให้เห็นว่าเขาในปัจจุบันนั้นเป็นใคร รายละเอียดชีวิตที่นำมาบอกเล่าด้วยความสุนทรีย์ผ่านบทเพลงก็ช่วยทำให้ได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้นด้วย โดยแกนหลักอัลบั้มสองเป็นเรื่องราวของเด็กวัดธาตุทอง ช่วงเวลาชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน ซึ่งฉายภาพการอาศัยอยู่ในโซนเอกมัยใจกลางเมือง ย่านที่มีตึกสูงเสียดฟ้าและมีผู้คนมากมายที่ต่างพยายามเคลื่อนต่อไปเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คอลัมน์ แกะเพลง ชวนมาสำรวจอัลบั้มธาตุทองซาวด์ของยังโอม ที่บรรจุอัดแน่นด้วยบทเพลงทั้ง 19 เพลง ซึ่งล้วนเป็นบันทึกช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วของเด็กวัดธาตุทองแห่งย่านเอกมัยที่กลายเป็นแรปสตาร์ได้ตามที่ตั้งใจ วันนี้เราจึงขอเลือกหยิบบางเพลงมาพูดคุยกัน […]
แผนการพัฒนาชีวิตชาวเมืองใน Attack on Titan ให้อยู่บนเกาะสวรรค์ได้อย่างมีความสุข
“ฉันเชื่อมาตลอดว่าอีกฟากของทะเลนั้นมีอิสระ แต่ว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่อยู่อีกฟากคือศัตรู ถ้าเราฆ่าคนอีกฟากได้หมดเราจะเป็นอิสระกันได้งั้นเหรอ” – เอเรน เยเกอร์ ติดตาม Attack on Titan มาจนถึง The Final Season Part 3 แล้ว หลายครั้งก็แอบจินตนาการว่า หากเราเป็นชาวเอลเดียในบทบาทของชาวบ้านธรรมดาทั่วไป จะใช้ชีวิตบนเกาะสวรรค์อย่างมีความสุขได้อย่างไร ถ้าต้องคอยเอาชีวิตรอดจากการรุกรานของไททัน แถมดูเหมือนว่าความเป็นอยู่ของเมืองก็ยังไม่ค่อยจะเอื้อให้อยู่รอดจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตเสียด้วย คอลัมน์ Urban Isekai ชวนมาวางแผนและหาทางพัฒนาเมืองหลังกำแพงสูงกัน จะทำอย่างไรให้ชาวเมือง Mitras บนเกาะสวรรค์แห่งนี้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพที่ดีขึ้น แม้ว่ายังต้องหาหนทางเอาชีวิตรอดจากการบุกรุกของไททันก็ตาม ซาซาเงโย! ซาซาเงโย จงอุทิศด้วยหัวใจ! สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างชาวเอลเดียและชาวโลก หลังจากที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน ก็ถึงเวลาที่ชาวเอลเดียจะได้มีเพื่อนบ้านสักที ด้วยการเปิดเกาะและส่งตัวแทนไปผูกสัมพันธ์กับเมืองรอบนอก เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมการใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป และนำเอาเทคโนโลยีก้าวหน้าจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาปรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเมืองให้เท่าทันโลก หรือนำมาใช้พัฒนากองทัพเพื่อสร้างความแข็งแรง รองรับการบุกรุกของไททันได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสร้างความเข้าใจกันผ่านประวัติศาสตร์ของทั้งสองฝ่าย ให้การศึกษาชาวเมือง ชาวเมืองหลายคนยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง แถมเรื่องราวนอกกำแพงยังกลายเป็นเรื่องต้องห้าม ทำให้เอเรนและอาร์มินในวัยเด็กต้องแอบอ่านหนังสือของคุณปู่ ถึงจะรู้เรื่องราวของมหาสมุทรกว้างใหญ่ภายนอกกำแพง ดังนั้นเราจะปรับเปลี่ยนและพัฒนาการศึกษาให้กระจายไปในทุกพื้นที่ของเมือง ไม่ว่าอยู่เขตไหนก็จะได้เรียนหนังสือ เพื่อสร้างความรู้พื้นฐานในด้านต่างๆ ให้ชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความก้าวหน้าของโลกภายนอกกำแพง ข้อมูลความถูกต้องของประวัติศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน […]
สำรวจผลงานและช่วงชีวิตของแวนโก๊ะ ผ่าน ‘Van Gogh Alive Bangkok’ วันที่ 31 มี.ค. – 31 ก.ค. 66 ที่ ICONSIAM
กลับมาอีกครั้งกับนิทรรศการภาพวาดจากศิลปินชื่อดัง ‘วินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh)’ ด้วยการจัดแสดงศิลปะสไตล์ Immersive Multi-Sensory Experience ที่จัดเต็มทั้งแสง สี เสียงแบบทันสมัยภายใต้ชื่อ ‘Van Gogh Alive Bangkok’ หลังก่อนหน้านี้เคยมีการจัดแสดงภาพวาดกว่า 300 ภาพในนิทรรศการมัลติมีเดีย ‘Van Gogh. Life and Art’ ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะดิจิทัลกรุงเทพฯ (MODA) มาก่อน รับประกันได้เลยว่าการมาประเทศไทยครั้งนี้ของ Van Gogh Alive จะสร้างความทรงจำสุดประทับใจให้ทุกคนได้กลับไปไม่ต่างจากผู้ชมกว่า 8.5 ล้านคน ใน 80 เมืองก่อนหน้า เช่น ปักกิ่ง เบอร์ลิน เดนเวอร์ ลอนดอน มาดริด มอสโก โรม และซิดนีย์ ภายในงานจะมีการนำเสนอผลงานชิ้นเอกของศิลปินระดับโลกคนนี้กว่า 3,000 ชิ้นในขนาดมหึมาที่ประสานเข้ากับเพลงคลาสสิกอันทรงพลัง โดยมีภาพถ่ายและวิดีโอคอยบอกเล่าแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจของเขา ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับสีสันและรายละเอียดที่สดใส อันเป็นเอกลักษณ์ของแวนโก๊ะอย่างจุใจ Van Gogh […]
‘ไม่มีใครที่อยากมีความสัมพันธ์แย่ๆ หรอก’ ค่านิยมสุขภาพจิตที่อยากให้ทำความเข้าใจใหม่
เรารักสังคมที่เปิดกว้างและเข้าถึงเรื่องสุขภาพจิตอย่างง่ายดายขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มากๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่รักเลยกับการที่บางคนนำชุดความรู้จิตวิทยาบางอย่างมาวิเคราะห์กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จนลืมไปว่า ทุกเหตุการณ์และตัวบุคคลล้วนมีความละเอียดอ่อนต่างกันโดยสิ้นเชิง แค่เพียงชุดความคิดเดียวที่แม้จะได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างขนาดไหน ก็ไม่ได้เป็นบทการันตีว่าจะสามารถนำมาใช้กับทุกคนบนโลกได้ ไม่มีใครคนไหนเหมือนกัน และไม่ว่าอะไรแย่ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิต ไม่จริงเลยที่สิ่งนั้นจะทำให้เรากลายเป็นคนต้องคำสาป และมันไม่มีหรอก ปัญหาสุขภาพจิตไหนที่โหดร้ายเกินเยียวยา หากคนคนนั้นเลือกที่จะมีความกล้า ให้เวลา และเชื่อมั่นในตัวเอง เพื่อเดินทางไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพจิตดี เพราะอยากให้คนในสังคมเปิดใจ มีมายด์เซตที่ไม่ตัดสินคนอื่นผ่านความสัมพันธ์ของพวกเขาไปก่อน เราขอแชร์บางชุดความคิดที่อยากกระตุ้นให้ทุกคนลองมองในมุมใหม่ดู “เกิดมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น โตมาก็จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่อบอุ่น” เราขอเริ่มด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยาที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกัน นั่นคือ ทฤษฎีความสัมพันธ์ในช่วงปี 1950s ที่ชื่อ Attachment Theory โดย John Bowlby เขาเชื่อว่า ทารกทุกคนเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพื่อเป็นทักษะในการอยู่รอด ซึ่งคนใกล้ชิดของทารกคือ ‘ผู้ดูแล’ นั่นเอง (เราขอใช้คำว่า ผู้ดูแล เพราะคนคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อหรือแม่เท่านั้น ใครก็ตามที่ใกล้ชิดและผูกพันกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นคุณยาย พี่เลี้ยง คนเลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์ ฯลฯ ก็ถือเป็นผู้ดูแลทั้งสิ้น) John Bowlby ได้ทำการทดลองกับหลายครอบครัว และได้บทสรุปที่กึ่งๆ เป็นคำทำนายอนาคตของเด็กแต่ละครอบครัวมาว่า ‘สิ่งที่คนใกล้ชิดเลือกปฏิบัติต่อเด็กและสิ่งที่เด็กเลือกตอบสนองนั้น จะช่วยสร้างแพตเทิร์นความสัมพันธ์ของเด็กคนนั้น เมื่อเขาโตมามีคนรักเป็นของตัวเอง’ […]
Beat the Heat in Bangkok ทำกรุงเทพฯ ให้กลับมาเย็นอีกครั้ง
ในปัจจุบันที่กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยไอความร้อนจากการเผชิญหน้ากับ ‘ปรากฏการณ์เกาะความร้อน’ หรือ ‘Urban Heat Island (UHI)’ เหตุการณ์ที่พื้นที่ในเมืองมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณรอบนอก ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และสิ่งปลูกสร้างภายในเมืองที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ต้นไม้ในเมืองลดลง เคยลองคิดกันเล่นๆ ไหมว่า ถ้าเราสามารถทำให้หน้าร้อนของเมืองไทยที่มีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีมีอุณหภูมิลดลงได้ หน้าตาของเมืองกรุงเทพฯ จะแตกต่างไปจากปัจจุบันและทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้มากน้อยขนาดไหน วันนี้คอลัมน์ Urban Sketch จึงขอหยิบเอาแผนพัฒนาเมืองบางส่วนของประเทศสิงคโปร์อย่าง ‘Cooling Singapore’ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อลดภาวะ UHI ภายในเมือง มาออกแบบกรุงเทพฯ กันใหม่ว่า ถ้าต้องการให้อุณหภูมิเมืองลดลงจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง 01 | VEGETATION : เพิ่มสีเขียวให้พื้นที่เมือง หากต้องการลดอุณหภูมิเมืองลง สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ ‘พื้นที่สีเขียว’ เนื่องจากพืชโดยทั่วไปมีคุณสมบัติในการแผ่รังสีความร้อนที่ต่ำและสร้างร่มเงา ช่วยลดการสะสมของพลังงานแสงอาทิตย์ภายในเขตเมืองได้ แต่การจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอุณหภูมิภายในเมืองลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องปลูกต้นไม้จำนวนมากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในแนวระนาบหรือแนวดิ่งตามอาคารต่างๆ ก็ตาม การมีสวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่มากแต่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ รอบเมืองอย่างทั่วถึง จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ความเย็นจากพื้นที่ในบริเวณนั้นๆ ส่งผลดีต่อพื้นที่อาคารโดยรอบได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับการมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งทั่วเมืองอย่างปัจจุบัน แต่สำหรับอากาศของประเทศไทย แค่สวนสาธารณะในแนวราบคงไม่เพียงพอ การปลูกพืชเพิ่มในแนวดิ่งไม่ว่าจะเป็นพืชไม้เลื้อยบริเวณผนังอาคาร ฟาร์มผักบนหลังคา พื้นที่สีเขียวบริเวณอาคารร้าง รวมถึงพื้นที่ว่าง ล้วนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ชาวเมืองเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ง่ายขึ้น […]
ร้านชาเล็กๆ ริมน้ำ ‘The Willow Teashop’ โปรเจกต์คั่นเวลาของร้านหนังสือเดินทาง ที่บ้านศิลปิน
หลังจากประกาศโยกย้ายทำเลร้านไปที่แห่งใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว ในช่วงเวลาระหว่างที่กำลังรอร้านใหม่สร้างเสร็จ ร้านหนังสือเดินทางก็ได้มีโปรเจกต์คั่นเวลาเล็กๆ เกิดขึ้น นั่นคือ ‘The Willow Teashop’ ร้านชาเล็กๆ ริมน้ำ ที่แม้ไม่ได้เป็นร้านหนังสือแต่ก็มีบรรยากาศน่ารักๆ คล้ายร้านหนังสือเดินทาง เอาไว้คลายความคิดถึงให้ชาวนักอ่านที่มีต่อร้านหนังสือแห่งนี้ นอกจากจำหน่ายชาเป็นหลัก The Willow Teashop ยังจำหน่ายขนม Homemade Scones และหนังสือภาษาอังกฤษด้วย โดยอาจมีสินค้าอื่นๆ ประกอบบ้าง พูดง่ายๆ ว่าที่นี่คือร้านชาที่มีหนังสือขาย เมื่อเลือกซื้อหนังสือที่ถูกใจแล้ว ก็นั่งดื่มชา ชิม Scone และเฝ้ามองวิวริมน้ำไปด้วยได้ The Willow Teashop ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของบ้านศิลปิน (The Artist’s House) คลองบางหลวง บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งชั้นล่างมีมุมกาแฟ งานศิลปะ มุมให้อาหารปลา และสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ใครที่อยากเดินทางไปเยี่ยมเยียน ทางเพจร้านหนังสือเดินทางแจ้งว่า The Willow Teashop อาจเปิดให้บริการไม่ได้ทุกวัน เพราะเจ้าของร้านยังต้องโฟกัสกับการสร้างร้านหนังสืออยู่ ดังนั้นตัวร้านชาอาจเปิดให้บริการได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆ […]
ลดการใช้พลาสติกด้วยขวดน้ำ BYO พกพาสะดวก ใช้งานหลากหลาย มีทั้งหลอด ช้อน และช่องเก็บของ
480,000 กว่าล้านคือจำนวนขวดพลาสติกใช้แล้วทิ้งจากทั่วโลกในแต่ละปี แม้จะมีพลาสติกบางส่วนที่นำไปรีไซเคิลได้ แต่ขวดพลาสติกที่เหลือจำนวนมหาศาลล้วนกลายเป็นขยะที่เกลื่อนกลาดอยู่ทุกสถานที่ เรียกได้ว่าพบเห็นได้ตั้งแต่ทะเลไปจนถึงภูเขาสูง การลดใช้พลาสติกจึงเป็นใจความสำคัญที่ผู้คนและหลากหลายแบรนด์ยังคงส่งต่อความตั้งใจถึงกัน วันนี้เราอยากพาไปรู้จักอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม นั่นก็คือขวดน้ำอเนกประสงค์ชื่อว่า ‘BYO’ โดยขวดน้ำนี้มีความเฉพาะตัวคือ บรรจุน้ำได้ถึง 24 ออนซ์ซึ่งพอดีกับการใช้ชีวิตประจำวัน แถมขนาดที่ใหญ่นี้ยังพอดีกับช่องวางแก้วได้ด้วย บรรจุภัณฑ์นี้ใช้วัสดุสเตนเลสเกรดเอที่กันความรั่วไหลได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เราดื่มด่ำได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนเย็น และยังออกแบบให้ปากกระบอกมีความกว้างที่มากพอจะใส่น้ำแข็งก้อนเข้าไปเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ขวดน้ำนี้ยังได้ฉายาว่าเป็น ‘Swiss Army Knife’ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อมีดพับสวิส ด้านข้างของขวดจึงถูกออกแบบให้มีช่องเสียบหลอดที่สามารถถอดออกมาใช้ดูดน้ำหรือใช้ชงเครื่องดื่มให้ส่วนผสมเข้ากันก็ได้ โดยตัวหลอดนั้นยังยืดได้ถึง 9.5 นิ้วเลยทีเดียว อีกข้างของขวดยังมีช่องเสียบช้อนสเตนเลสที่ดึงออกมาใช้รับประทานอาหารได้เช่นกัน ส่วนบริเวณใต้ขวดน้ำนี้ยังซ่อนช่องเก็บของลับเอาไว้ ให้เราใช้เก็บกุญแจ เงิน ยารักษาโรค หรือแม้แต่หูฟังไร้สายอย่าง AirPods ก็ยังได้ ขวดของ BYO มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้งานได้หลากหลาย จะพกไปมื้อกลางวันหรือตอนออกกำลังกายก็หมดห่วง ทั้งยังออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานหลายปี ช่วยลดการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวลงได้อย่างมาก Source :Yanko Design | bit.ly/3JqUEe3
LATEST
StarCrete คอนกรีตประเภทใหม่ ทำจากมันฝรั่ง เกลือ และฝุ่นนอกโลก ใช้สร้างบ้านบนดาวอังคารได้
การส่งเหล่านักบินอวกาศออกไปสำรวจนอกโลก ทำให้มนุษย์ได้ค้นพบว่าจักรวาลอันกว้างใหญ่ยังมีอะไรอีกมากที่เราอาจคาดไม่ถึง และเมื่อมนุษย์โลกยังต้องออกสำรวจจักรวาลกันต่อไป จึงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานนอกโลก แต่โครงสร้างต่างๆ ล้วนมีราคาแพงและวัสดุก็หายาก เมื่อต้องการวัสดุที่จะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้าง นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ จึงคิดค้นวัสดุชนิดใหม่ที่เรียกว่า ‘StarCrete’ หรือคอนกรีตที่สามารถใช้สร้างบ้านบนดาวอังคารได้ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการคิดค้นนี้ เลือกใช้ดินจำลองบนดาวอังคารมาผสมกับแป้งมันฝรั่งและเกลือเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างวัสดุที่มีความแข็งแรงกว่าคอนกรีตทั่วไป และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานก่อสร้างในสภาพแวดล้อมนอกโลก ในบทความจากวารสาร Open Engineering ทีมวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า แป้งมันฝรั่งธรรมดาสามารถทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะได้ หลังจากที่ผลิต StarCrete ขึ้นและทำการทดสอบก็พบว่าคอนกรีตประเภทใหม่มีกำลังอัดถึง 72 MPa (เมกะปาสคาล) ซึ่งแข็งแรงกว่าคอนกรีตทั่วไปที่จะมีแรงอัดอยู่ที่ 32 MPa และหากว่าถ้าใช้ส่วนผสมอย่างฝุ่นจากดวงจันทร์จำลอง StarCrete ก็จะแข็งแกร่งขึ้นกว่าถึง 91 MPa กันเลยทีเดียว เดิมทีส่วนผสมนั้นจะใช้เลือดและปัสสาวะของนักบินอวกาศเป็นสารยึดเกาะ แม้ว่าจะได้วัสดุที่มีกำลังอัดประมาณ 40 MPa ซึ่งดีกว่าคอนกรีตทั่วไปก็จริง แต่กระบวนการนี้ก็มีข้อเสียคือต้องใช้เลือดเป็นประจำ และการปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรอย่างอวกาศ การใช้แป้งมันฝรั่งจึงดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า “เพราะว่าแป้งเป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศ ดังนั้นแป้งควรเป็นสารยึดเกาะมากกว่าเลือดมนุษย์ นอกจากนี้ เทคโนโลยีอาคารในปัจจุบันยังต้องการการพัฒนาอีกหลายปี และต้องใช้พลังงานจำนวนมากและอุปกรณ์ต่างๆ มีขนาดที่ใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มต้นทุนและความซับซ้อนให้กับภารกิจ ดังนั้น StarCrete จะเข้ามาช่วยลดความซับซ้อนดังว่าและมีราคาถูกกว่า” ดร.อเล็ด โรเบิร์ตส์ […]
‘หนังไทยแท้ๆ แต่ทำไมฉายในไทยยากจัง’ ส่องปรากฏการณ์หนังไทยไม่มีที่อยู่
เมื่อไม่นานมานี้มีประเด็นหนังไทยถึงสองเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ถึงแม้จะเป็นคนละประเด็นก็ตาม เรื่องหนึ่งประสบปัญหาการถูกลดรอบฉายหนัง ส่วนอีกเรื่องต้องเลื่อนฉายเพราะเนื้อหาไม่ผ่านกองเซนเซอร์ ทำให้เราสงสัยว่า ทั้งๆ ที่เป็นหนังไทยแท้ๆ แต่ทำไมการฉายหนังในประเทศบ้านเกิดถึงยากเหลือเกิน คอลัมน์ Curiocity จึงอยากชวนมาร่วมกันหาคำตอบของปัญหาหนังไทย ว่าทำไมการฉายหนังไทยสู่สาธารณะในไทยถึงเป็นเรื่องยาก และความยากนี้ส่งผลถึงวงการหนังอย่างไรบ้าง พร้อมกับฟังความคิดเห็นจากมุมของคนทำหนังอย่าง ‘บี๋-คัทลียา เผ่าศรีเจริญ’ โปรดิวเซอร์หนังอิสระ ที่ต้องประสบปัญหาเหล่านี้โดยตรง หนังไทยเข้าโรงทั้งทีต้องมีประเด็น อุตสาหกรรมหนังไทยถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมจากภาครัฐ ค่าตอบแทนแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับชั่วโมงการทำงาน คนไทยไม่สนับสนุนหนังไทยด้วยกันเอง หรือแม้แต่เรื่องคุณภาพของหนังไทยที่มักโดนนำไปเปรียบเทียบกับหนังต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ปัญหาข้างต้นที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของปัญหาหนังไทยที่มักพูดถึงกันอยู่เรื่อยๆ แต่ปัญหาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงทุกครั้งที่มีหนังเตรียมฉาย มีแผนจะฉาย กำลังจะฉาย และฉายแล้วในโรงภาพยนตร์คือ เรื่องความไม่ยุติธรรมที่ส่งผลกระทบต่อวงการหนังไทย อย่างประเด็นของการลดจำนวนรอบฉายหนังเรื่อง ‘ขุนพันธ์ 3’ ที่เป็นการตัดโอกาสจนอาจทำให้ผู้สร้างไม่กล้าลงทุนกับหนังไทย หรือเรื่อง ‘หุ่นพยนต์’ ที่เกือบไม่ได้ฉายเพียงเพราะใช้แค่การตัดสินใจของคณะกรรมการเป็นหลักมากกว่าการทำความเข้าใจการสื่อสารของตัวหนัง การถกเถียงถึงประเด็นเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลเสียกับวงการหนังไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการจุดประกายเพื่อให้คนสนใจและหันมาให้ความสำคัญของการมีอยู่ของหนังไทยมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่ายังมีคนจำนวนมากที่มองเห็นศักยภาพของหนังไทย และยังรอวันที่จะเห็นหนังไทยมีพื้นที่ในประเทศไทยมากกว่าเดิม เข้าพร้อมหนังดังก็ต้องทำใจ หลายคนน่าจะเคยเจอเหตุการณ์เช็กรอบหนังว่าตอนนี้มีหนังเรื่องใดฉายบ้าง แต่กลับพบว่าเกินกว่าครึ่งของรอบหนังที่เข้าฉายทั้งหมดในวันนั้นคือหนังเรื่องเดียวกัน ทำให้หนังเรื่องอื่นต้องแบ่งสันปันส่วนเวลาและโรงฉายเพื่อให้มีพื้นที่ในการเข้าถึงผู้ชม ถึงแม้จะไม่ใช่แค่หนังไทยอย่างเดียวที่ต้องเจอกับการเบียดโรงจากหนังฟอร์มยักษ์แบบนี้ แต่หลายๆ ครั้งก็มักเป็นหนังไทยทุกทีที่ถูกตัดโอกาส จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังไม่มีทางแก้เสียที การลดจำนวนรอบฉายอาจไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าหลายคนเชื่อว่า ถ้าหนังดียังไงก็มีคนดู แต่ในทางกลับกัน คนดูจะรู้ได้อย่างไรว่าหนังเรื่องนั้นดีหรือไม่ หากรอบฉายและระยะเวลาที่ฉายมีน้อยจนไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายแล้วหนังเรื่องนั้นๆ […]
เข้าถึงธรรมชาติด้วยปลายนิ้วสัมผัส ผ่าน ‘Full Ki-Board Wireless’ คีย์บอร์ดที่ทำจากไม้ ใช้งานได้จริง
ชาวมินิมอลต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะ ‘Full Ki-Board Wireless’ คือคีย์บอร์ด Mechanical ที่ทำจากไม้แท้ๆ แถมยังให้สัมผัสแปลกใหม่ในระหว่างการใช้งาน เป็นผลงานที่เกิดจากการออกแบบสุดสร้างสรรค์ของ ‘Hacoa’ ร้านขายอุปกรณ์สุดน่ารักสัญชาติญี่ปุ่นที่สินค้าทุกชิ้นภายในร้านทำจากไม้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา พาวเวอร์แบงก์ เครื่องเขียน หรือแม้กระทั่งตัวคีย์บอร์ดเอง Full Ki-Board Wireless เกิดขึ้นจากการแกะสลักไม้วอลนัตหรือเชอร์รีแผ่นใหญ่อย่างประณีต ให้กลายเป็นแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดสุดคลาสสิกที่สามารถรักษาสีและลายไม้ได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สอดคล้องไปกับคำว่า ‘Ki’ ที่หมายถึงพลังงานหรือจิตวิญญาณในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง ที่สำคัญ ทาง Hacoa ยังออกแบบให้ Full Ki-Board Wireless มาพร้อมกับตัวอักษรภาษาอังกฤษเพียงภาษาเดียว เพื่อคงความเรียบง่ายและสวยงาม และเลือกใช้ ‘Blue Switch’ ซึ่งเป็น Key Switch ประเภทคลิกสองจังหวะภายในคีย์บอร์ด ทำให้ผู้ใช้งานกดสนุกคล้ายกำลังพิมพ์อยู่บนเครื่องพิมพ์ดีดในอดีต สร้างความเพลิดเพลินในการใช้งานได้เป็นอย่างดี และด้วยความที่ Full Ki-Board Wireless ทำขึ้นจากไม้ที่มีแนวโน้มจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาและการใช้งาน ผู้ออกแบบจึงเคลือบแป้นพิมพ์ด้วยยูรีเทน น้ำมันเคลือบแข็งพื้นผิวไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องรักษาเนื้อไม้ให้คงความสวยงามได้อย่างยาวนาน ส่วนการใช้งานของคีย์บอร์ดยังเป็นแบบไร้สาย มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 1,000 mAh ที่สามารถใช้งานได้นานถึง 240 […]
ไขข้อข้องใจ จอดรถบริเวณไหนผิดกฎหมายและเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
ปัญหาหนึ่งที่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน โดยเฉพาะในตัวเมืองกรุงเทพฯ ต้องเจอบ่อยๆ คือการ ‘ไม่มีที่จอดรถ’ ไม่ว่าจะเป็นตอนไปกินข้าวตามร้านอาหาร ทำธุระ หรือแม้กระทั่งในซอยบริเวณบ้านของตนเองก็ตาม ถ้าเป็นเส้นทางหลักที่มีแถบสีของฟุตพาท แดง เหลือง หรือดำ กำกับไว้ ก็คงไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเท่าไหร่ แต่สำหรับพื้นที่ในตรอกซอกซอย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ไหนจอดได้หรือไม่ได้บ้าง คอลัมน์ Curiocity พาไปไขข้อข้องใจเรื่องนี้ ด้วยการเปิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจอดรถ ตั้งแต่จอดตรงไหนผิดกฎหมายบ้าง ถ้าบังเอิญจอดในพื้นที่ผิดกฎหมายจะต้องเจอกับอะไร และถ้าเราเป็นผู้เดือดร้อนจากกรณีดังกล่าวจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน จอดตรงไหนผิดกฎหมายบ้าง นอกจากการจอดยานพาหนะทางบกไว้ในพื้นที่ของตนเองที่มีรั้วรอบขอบชิด เพื่อความถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ตามกฎหมายผู้ขับขี่รถยนต์ไม่มีสิทธิ์จอดรถในทางสาธารณะหรือพื้นที่เอกชนโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากจะมีความผิดตาม ‘พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 55’ ในหมวด 4 เรื่องการหยุดและจอดรถที่ว่าด้วยการมิให้ผู้ขับขี่หยุดรถใน 7 กรณี ดังนี้ 1) ในช่องเดินรถ เว้นแต่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถในกรณีที่ไม่มีช่องเดินรถประจำทาง2) บนทางเท้า3) บนสะพานหรือในอุโมงค์4) ในทางร่วมทางแยก5) ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ6) ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ7) ในเขตปลอดภัย พูดง่ายๆ ว่า ถึงแม้เราจะจอดรถในซอยหรือบริเวณหน้าบ้านตัวเองก็อาจผิดกฎหมายได้ หากมีลักษณะตรงตาม 7 กรณีที่กล่าวมาข้างต้น หากผิดกฎหมาย […]
เช็กสีเสื้อ ออกรถ คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ ดูทุกดวงทุกฤกษ์ได้เพียงปลายนิ้ว
ด้วยแอปฯ ปฏิทินมงคลน่ำเอี๊ยง พูดได้ว่าฤกษ์งามยามดีนั้นสอดคล้องกับความเชื่อและสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนตั้งแต่เกิดจนตาย โดยโปรดักต์หนึ่งที่น่าจะเป็นของคุ้นตาตามผนังบ้านของหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นภาพปฏิทินจีนหรือปฏิทินน่ำเอี๊ยง เหตุผลที่ผู้คนนิยมใช้กันก็เพราะปฏิทินน่ำเอี๊ยงมีคุณสมบัติมากกว่าแค่บอกวันเดือนปี แต่ยังบอกฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล ดวงประจำ หรือสิ่งที่ไม่ควรทำในแต่ละวันได้ด้วย และเมื่อปฏิทินนี้ถูกนำมาปรับใช้ในสังคมไทยเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว ก็ได้ผนวกเข้ากับศาสตร์ปฏิทินแบบสุริยคติและจันทรคติ ทำให้มีการระบุวันพระและวันข้างขึ้น-ข้างแรม รวมถึงคุณลักษณะอื่นๆ อีกมากมายที่ทำให้ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี จากปฏิทินน่ำเอี๊ยงที่เป็นกระดาษก็วิวัฒนาการกลายมาเป็นแอปพลิเคชันที่อยู่ในสมาร์ตโฟน แอปพลิเคชันนี้มีชื่อว่า ‘Num Eiang Astrolendar’ หรือชื่อไทย ‘ปฏิทินมงคลน่ำเอี๊ยง’ ที่มีการออกแบบหน้าตาปฏิทินให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีเอกลักษณ์ หน้าตาทันสมัย ใช้งานง่าย และรองรับการเข้าใช้งานพร้อมกันได้ถึงวันละเกือบหนึ่งแสนคน เมื่อโหลดมาแล้ว ทุกคนจะพบกับบริการเบื้องต้นอย่างคำพยากรณ์ทั่วไปในวันนั้นๆ ปีนักษัตรที่ไม่ถูกกัน วันพระไทย,จีน วันธงไชย วันกาลกิณี วันอุบาทว์ เลขมงคล สีมงคล เวลามงคล ทิศมงคล หรือสิ่งที่ควรปฏิบัติกับหลีกเลี่ยงในวันนั้น รวมถึงฟังก์ชันการแจ้งเตือนวันสำคัญต่างๆ ล่วงหน้า เป็นต้น สำหรับสายมูฯ แอปฯ นี้ยังมีฟีเจอร์ที่เป็นทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อช่วยตัดสินใจในชีวิตประจำวัน หลักๆ คือการดูฤกษ์งามยามดีในโอกาสสำคัญ ไม่ว่าจะวันแต่งงาน ฤกษ์คลอดบุตร เวลาก่อสร้าง การทำธุรกิจ ออกรถ และขึ้นบ้านใหม่ […]
Areeya Home เปิดตัวโครงการใหม่ ‘AREN X Bangna’ บ้านเดี่ยวดีไซน์สวย ให้ความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ใช้ชีวิตเต็มที่
Areeya Home เปิดตัวโครงการ ‘AREN X Bangna’ บ้านเดี่ยวดีไซน์สวย ให้ความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ใช้ชีวิตเต็มที่ โครงการ AREN X จะเปิดให้เข้าชมวันที่ 25 มีนาคม 2566 ติดตามรายละเอียดและนัดเยี่ยมชมได้ที่ https://bit.ly/3yFiRHm LINE : @areeyahome หรือโทร. 1797 หากจะมีบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง เราเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องเลือกบ้านที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของตัวเอง และมีพื้นที่ที่ให้อิสระในการใช้ชีวิตด้วย AREN X Bangna คือโครงการ Xclusive Private Residence จาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ กับบ้านสไตล์ Modern Minimal ที่มาพร้อมคอนเซปต์ More Madly Minimal บ้านที่เน้นงานดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอกย้ำความเป็นตัวตน บ่งบอกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย รวมถึงให้เลือกพื้นที่ตามที่ต้องการได้ ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังคงความเป็นส่วนตัว และมีพื้นที่ภายในบ้านสำหรับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ โดย AREN ได้ยกระดับ AREN X ด้วยพื้นที่กลางบ้านที่สามารถเลือกดีไซน์ได้ตามต้องการ ทั้ง […]
‘She’s Too Much’ นิทรรศการบันทึกชีวิต 28 วัน โดย Juli Baker and Summer วันที่ 16 มี.ค. – 16 เม.ย. ที่ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก
กลับมาอีกครั้งกับนิทรรศการเดี่ยวจาก ‘Juli Baker and Summer’ หรือ ‘ป่าน-ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา’ ศิลปินที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์ ผู้ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกผ่านผลงานศิลปะสีสันสดใสราวกับแสงแดดในฤดูร้อน โดยนิทรรศการเดี่ยวครั้งที่ 5 นี้มีชื่อว่า ‘She’s Too Much’ ซึ่งเป็นการแสดงผลงานที่ผ่านการสำรวจ บันทึก เฉลิมฉลอง ผลักไส และโอบกอดทุกห้วงอารมณ์ความรู้สึก ตลอดช่วงเวลา 28 วันของเธอ She’s Too Much คือคำกล่าวถึงเธอที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ ในบางเวลา และได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือปกสองเล่ม คือ ‘All About Love’ โดย Bell Hooks และ ‘Red Moon Gang’ โดย Tara Costello ที่มอบพลังแห่งความรักและโอบกอดอารมณ์ทั้งดีและร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 28 วันของเธอ และทำให้ตระหนักถึงที่มาที่ไปของอารมณ์ความรู้สึกในใจที่อาจเกิดได้จากเรื่องยิบย่อยประจำวัน ทำให้เธอเริ่มจดบันทึก สำรวจ และเฝ้าติดตามอารมณ์ ก่อนที่จะนำเรื่องราวที่บันทึกไว้ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด 29 […]
Tainan Market ออกแบบหลังคาตลาดค้าส่งในไต้หวัน ให้เป็นสวนสาธารณะที่ผู้คนใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
การใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่ายังคงเป็นสิ่งที่นักออกแบบคำนึงถึงอยู่เสมอ เพราะการพัฒนาฟังก์ชันการใช้งานของอาคารให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อตัวอาคารและทำให้ผู้คนใช้งานสถานที่เหล่านั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย ทาง MVRDV หรือสำนักงานออกแบบสถาปัตยกรรมและผังเมืองชื่อดังในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก็ยังคงมุ่งเดินหน้าออกแบบความท้าทายใหม่ๆ ของการสร้างสถาปัตยกรรมที่ยกระดับต่างไปจากเดิม ด้วยการออกแบบโครงการตลาดค้าผักและผลไม้แห่งใหม่ที่ชื่อว่า ‘Tainan Market’ ในย่านไถหนาน ประเทศไต้หวัน ที่สร้างแล้วเสร็จไปเมื่อปี 2022 โครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากทีมสถาปนิกเชื่อว่า ตลาดค้าส่งเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและอาหารที่หล่อเลี้ยงผู้คน และจะมีประโยชน์มากยิ่งขึ้นไปอีกหากมีฟังก์ชันให้ผู้คนสามารถมาพบปะ สังสรรค์ รับประทานอาหาร หรือทำกิจกรรมร่วมกันได้ด้วย MVRDV จึงออกแบบหลังคาโลหะซึ่งเป็นภาพคุ้นเคยของตลาดทั่วไป ให้กลายเป็นหลังคาที่เป็นพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ บริเวณส่วนหนึ่งบนหลังคาถูกออกแบบให้เปิดโล่ง มีพื้นที่กลางแจ้งที่เรียบง่าย มองไกลๆ จะเห็นหลังคาสีเขียวนี้มีลักษณะเป็นเนินภูเขา มีบันไดที่ชวนให้ผู้คนเดินขึ้นไปยังพื้นที่ต่างๆ รวมถึงจุดสูงสุดเพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบๆ อาคารที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาค โดยในอนาคตหลังคาของตลาดแห่งนี้ยังอาจพัฒนาเพิ่มเติมให้มีพื้นที่สำหรับปลูกผักและผลไม้ด้วย ส่วนพื้นที่อีกด้านหนึ่งของหลังคาคืออาคารสี่ชั้นที่ประกอบด้วยสำนักงานบริหารของตลาด และยังมีศูนย์นิทรรศการที่สามารถจัดแสดงสินค้าเกษตรจากภูมิภาคต่างๆ ซึ่งการต่อเติมอาคารนี้ได้ทำการเจาะโครงสร้างหลัก ทำให้มีช่องทางเดินเข้าออกไปยังบริเวณหลังคาพื้นที่สาธารณะได้ บอกเลยว่าการจับจ่ายซื้อของจะทำได้อย่างสบายอารมณ์ เพราะในส่วนด้านล่างที่เป็นพื้นที่ของตลาดยังถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายและเต็มไปด้วยประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย โดยจัดสรรโครงสร้างให้เปิดออกทุกด้านและยกเพดานสูงโปร่งเพื่อช่วยถ่ายเทอากาศ รวมไปถึงการเจริญเติบโตของพืชนานาชนิดบนหลังคาในอนาคต ยังจะช่วยให้ตลาดแห่งนี้มีความเย็นแม้ไต้หวันจะอยู่ในช่วงฤดูร้อน Source :Åvontuura | bit.ly/3JgNeZG
OpenAI เปิดตัวโมเดลใหม่ GPT-4 แชตบอตบน ChatGPT ที่ฉลาดขึ้น ผิดพลาดน้อยลง และรับข้อมูลรูปภาพได้
OpenAI เปิดตัวโมเดลใหม่ GPT-4 แชตบอตบน ChatGPT ที่ฉลาดขึ้น ผิดพลาดน้อยลง และรับข้อมูลรูปภาพได้ เมื่อปลายปี 2022 องค์กรวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI ได้เปิดตัว ‘ChatGPT’ ซึ่งเป็น AI Chatbot หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสื่อสารผ่านข้อความกับมนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีฟังก์ชันที่ตอบคำถามได้เกือบจะทุกเรื่อง จนหลายคนมองว่า ChatGPT จะส่งผลกระทบและปฏิวัติวงการต่างๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี การศึกษา การท่องเที่ยว การเมือง และสื่อสารมวลชน แต่ความล้ำไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะล่าสุด OpenAI ได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อว่า ‘GPT-4’ ซึ่งทางบริษัทระบุว่าเป็น ‘โมเดลหลากหลายรูปแบบขนาดใหญ่ (Large Multimodal Model)’ ที่ฉลาดกว่าและมีความสามารถมากกว่าโมเดลตัวเก่าที่ใช้ใน ChatGPT อย่าง GPT-3.5 โมเดลตัวใหม่นี้ได้รับการพัฒนาให้มีข้อมูลที่เที่ยงตรงมากขึ้น ประมวลข้อความที่ยาวถึง 25,000 คำ ซึ่งมากกว่าโมเดลเก่าถึง 8 เท่า แถมยังรองรับการนำเข้าข้อมูล (Input) ที่เป็นรูปภาพได้ด้วย หมายความว่าผู้ใช้งานจะสามารถตอบคำถามโดยใช้รูปภาพได้ จากเดิมที่สามารถโต้ตอบได้ด้วยข้อความเพียงอย่างเดียว […]
10 Censored Thai Cinemas ลิสต์หนังไทยที่รัฐไทยไม่ให้ไปต่อ
เคยสงสัยไหมว่า นี่ก็ปี 2023 แล้ว ทำไมประเทศไทยยังมีข่าวคราวการแบนหนังไทยให้ได้เห็นกันอีก ทั้งที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์บ้านเราก็ไม่ได้สู้ดีนัก โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ที่ปีปีหนึ่งหนังไทยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไม่กี่สิบเรื่อง และส่วนใหญ่ก็เป็นแนวใกล้ๆ กัน เช่น หนังผี หนังตลก หนังรัก เป็นต้น โดนกีดกันประเด็นหรือแนวหนังยังไม่พอ พอผู้กำกับและทีมงานก่อร่างสร้างหนังไทยสักเรื่องมาจนเสร็จเรียบร้อย ก็ยังต้องมาไหว้พระสวดมนต์ให้ผ่าน ‘กองเซนเซอร์’ หรือ ‘คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์’ ที่รัฐเป็นกำลังสำคัญในการกำกับดูแลอีก Urban Creature ชวนพังกำแพงแห่งศีลธรรมอันดีงาม ความมั่นคงของชาติ และนานาเหตุผล แล้วมาย้อนดูหนังไทย 10 เรื่องที่โดนแบนในช่วงสิบกว่าปีนี้กัน แสงศตวรรษ (2551) ก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์ไทยที่โดนเซนเซอร์หรือห้ามฉายบ้าง แต่ ‘แสงศตวรรษ’ ซึ่งเป็นผลงานของ ‘อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ ผู้กำกับไทยที่เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก ก็ทำให้การเซนเซอร์ในวงการภาพยนตร์เป็นที่พูดถึงและถกเถียงกันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ‘แสงศตวรรษ’ กล่าวถึงชีวิตของแพทย์หญิงในโรงพยาบาลเล็กๆ ที่ต่างจังหวัด ที่มีความทรงจำที่ดีต่อผู้ป่วยและความรัก และอีกชีวิตของแพทย์ทหารหนุ่มในโรงพยาบาลในเมือง กับผู้ป่วยพิการและคู่รักของเขาที่จะจากไป หนังเรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทยในเดือนเมษายน ปี 2550 แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เพราะชี้ว่ามีฉากที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ โดยมีเงื่อนไขให้ตัด 4 ฉากออกไป ได้แก่ […]
Urban Eyes 28/50 เขตลาดพร้าว Lat Phrao
เราค่อนข้างเซอร์ไพรส์ที่เพิ่งรู้ว่าห้าแยกลาดพร้าวไม่ได้อยู่ในเขตลาดพร้าว จากการหาข้อมูลลงพื้นที่ไปถ่ายภาพสตรีทที่เดินทางมาถึงเขตที่ 28 แล้ว จริงๆ แล้วเขตลาดพร้าวอยู่ตรงโซนถนนประเสริฐมนูกิจ กับถนนประดิษฐ์มนูธรรม (ถนนเลียบด่วน) ฝั่งด้านตะวันตกช่วง Central Eastville ไปทางซ้ายยาวๆ จนถึงคลองลาดพร้าว แต่ปกติเราไม่ค่อยมีโอกาสผ่านโซนด้านในของเขตลาดพร้าวเท่าไหร่ วันนี้เลยขอพาไปถ่ายภาพตามแลนด์มาร์กเด็ดของเขตนี้ซะหน่อย ซอยโชคชัย 4 ━ เราได้ยินชื่อซอยนี้มานาน เป็นแหล่งชุมชนที่คนเยอะพอสมควร แต่เราก็นึกไม่ถึงว่าจะมีร้านอาหารเยอะขนาดนี้ ตอนเย็นๆ ดูเป็นเส้นทางที่มีชีวิตชีวามาก และในอนาคตดูเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่มีโอกาสพัฒนาเติบโตขึ้นได้อีกเยอะ Central Eastville ━ เป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่เอาต์ดอร์ที่น่าสนใจ มีการตกแต่งเอาธรรมชาติเข้าไปผสม แถมยังอนุญาตให้พาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเดินเล่นได้ ส่วนใครที่ชอบถ่ายภาพ ช่วงสายๆ ถึงบ่ายๆ จะมีแสงลงมาในโซนเอาต์ดอร์ ทำให้เกิดแสง-เงา ถ่ายภาพสนุกขึ้น สโมสรเสนานิเวศน์ ━ ที่นี่เป็นแหล่งพบปะของคนในชุมชน เป็นพื้นที่สีเขียว มีสนามบอล สนามเทนนิส และพื้นที่ให้ออกกำลังกายกับเต้นแอโรบิก ช่วงเย็นๆ คนจะมารวมตัวกัน ดูอบอุ่น มีความสุข The Crystal เลียบด่วน ━ คอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ที่เราอาจเรียกว่าเป็นห้างฯ ก็ได้ มีส่วนเอาต์ดอร์ให้แสงส่องผ่านลงมา มีอยู่สมัยหนึ่งที่คนเล่นเซิร์ฟสเก็ตจะมารวมตัวกันที่นี่ […]
เปลี่ยนความร้อนจากคอมฯ ให้เป็นน้ำร้อนด้วยเซิร์ฟเวอร์ขนาดเท่ากล่องรองเท้า ช่วยลดค่าพลังงานกว่า 150 ปอนด์/ปี
หลายคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปจะร้อนจัดเมื่อเปิดใช้งานเป็นเวลานาน และผู้ใช้งานก็ต้องหาตัวช่วยมาระบายความร้อนให้อุปกรณ์เหล่านี้ Heata บริษัทสตาร์ทอัปสัญชาติอังกฤษจึงเปลี่ยนจากการแก้ปัญหามาเป็นการนำเอาความร้อนที่เกิดขึ้นมาใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน ด้วยการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ขนาดเท่ากล่องรองเท้าเข้ากับถังเก็บน้ำร้อนภายในบ้าน โดยเมื่อคอมพิวเตอร์ทำงานหนักจนเซิร์ฟเวอร์ร้อน ตัวถังก็จะดูดซับความร้อนเก็บเอาไว้ และนำไปใช้ทำน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำและซักผ้า ซึ่งเซิร์ฟเวอร์แต่ละยูนิตนั้นสามารถผลิตน้ำร้อนได้มากถึง 4.8 kWh ต่อวัน คิดเป็นประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำร้อนที่ใช้ทั่วไปในสหราชอาณาจักร ปัจจุบันโครงการนี้ได้นำร่องไปแล้ว 20 ครัวเรือน และมีแผนติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ในอีก 80 ครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองใช้งานระยะยาวที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร โดย Heata คาดว่าเซิร์ฟเวอร์นี้อาจช่วยให้ชาวอังกฤษประหยัดเงินไปได้ถึง 150 ปอนด์ หรือราว 6,300 บาทต่อปีเลยทีเดียว Sources :DesignTAXI | bit.ly/3mTZDveHeata | heata.coNY Breaking | bit.ly/3l7PTgm
VIDEOS
ผังเมือง ความสัมพันธ์ และความโรแมนติก | Unlock the City EP.22
รู้ไหมว่า ‘เมือง’ ที่อยู่อาศัยมีส่วนทำให้เรารู้สึกเหงาหงอย ไม่โรแมนติก หรือกระทั่งไร้คู่ตุนาหงันได้ เพื่อหาคำตอบว่าทำไมฉากหลังของกรุงเทพฯ ถึงดูไม่ค่อยตอบโจทย์คู่รักหรืออบอวลไปด้วยกลิ่นอายโรแมนติกเหมือนเมืองใหญ่ในหลายประเทศ ‘พนิต ภู่จินดา’ สถาปนิกผังเมืองและโฮสต์รายการ Unlock the City จะมาให้คำตอบถึงเบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นแง่ที่เกี่ยวโยงกับพื้นที่สาธารณะ ความสัมพันธ์ของชุมชน หรือขนส่งสาธารณะก็ตาม ติดตามฟัง Unlock the City ได้ทาง YouTube : https://youtu.be/d1ktUSJ1Aas Spotify : http://bit.ly/3YWoRGE Apple Podcasts : http://bit.ly/4062S0S Podbean : http://bit.ly/3YPZBBM
สารพัดวัฒนธรรมที่ต่างกันสุดขั้วจากเด็กไทยผู้ไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนี | คนย่านเดียวกัน EP.10
รายการ ‘คนย่านเดียวกัน’ ชวน TikToker สายอาร์ตชื่อดัง ‘กบ-กชกร สำเภาพล’ จากช่อง Koko do art ผู้มีโอกาสไปโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี มาเล่าประสบการณ์ Culture Shock ทั้งเรื่องระเบียบวินัย ทัศนคติ และความเห็นทางศาสนาของผู้คนในสังคม ที่ทำให้ต้องปรับตัวหลายอย่าง นอกจากนี้ เธอยังมีโอกาสไป Work and Travel ที่รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทุกอย่างต่างจากเยอรมนีอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวการผจญภัยทั้งหมดของเธอจะน่าติดตามแค่ไหน ติดตามฟังได้ในเอพิโสดนี้ ติดตามฟัง ‘คนย่านเดียวกัน’ ได้ทาง YouTube : https://youtu.be/JkZi7MlGsL8 Spotify : http://bit.ly/3FbhPXa Apple Podcasts : http://bit.ly/3YDQ2ps Podbean : http://bit.ly/3YCJkQx
ครูเชฟผู้ไม่เกษียณการสอน ‘อาจารย์สุริยันต์ ศรีอำไพ’ | THE PROFESSIONAL
“เราไม่แน่ใจว่าจะมีอายุยืนยาวอีกเท่าไหร่ วันนี้มีจริงแต่พรุ่งนี้จะมีจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ รู้แค่ว่าวันนี้อยากจะทำงานดีๆ สร้างสรรค์วงการเบเกอรีให้คนรุ่นหลังมีโอกาสต่อยอดธุรกิจหรือทำเป็นอาชีพได้” ในยุคที่สังคมผู้สูงอายุกลายเป็นโจทย์และความท้าทายสำคัญของชาวเมือง ส่วนอุตสาหกรรมแรงงานต่างมองหาและต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ทำให้ผู้มีอายุหรือวัยเกษียณส่วนใหญ่มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพและทักษะน้อยลงเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น วงการอาหารที่มีเชฟรุ่นเก๋ามากมายที่พร้อมส่งต่อความรู้และมอบประสบการณ์หลายสิบปีให้กับเชฟรุ่นใหม่ แต่กลับหาโอกาสในการถ่ายทอดไม่ได้ง่ายๆ THE PROFESSIONAL เอพิโสดนี้ ชวนสำรวจประสบการณ์ของ ‘สุริยันต์ ศรีอำไพ’ เชฟจาก KRU-CHEF PROJECT ที่ตั้งใจชวนเหล่าเชฟที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มาใช้วัยเกษียณให้มีคุณภาพมากขึ้นผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเชฟรุ่นใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าวัยเกษียณไม่ใช่แค่เก่า แต่เก๋าด้วย
‘ดูดวง’ ช่วยเยียวยาใจหรือทำให้คนงมงาย กับ แม่หมอพิมฟ้า | Unlock the City EP.21
“หมอดูบอกว่าฉันจะรวยตอนอายุสามสิบแหละ” “ดูดวงคราวที่แล้วไม่ตรงเลย ใครมีหมอดูแม่นๆ แนะนำบ้าง” “จะสมัครงานที่ใหม่แล้ว หมอดูพอบอกได้ไหมว่าออฟฟิศไหนดีสุด” เพราะไม่มีพลังวิเศษวาร์ปไปดูอนาคต ผู้คนถึงต้องหาที่พึ่งทางใจช่วยคาดการณ์เหตุการณ์ในวันข้างหน้าให้ และตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘การดูดวง’ จากข้อมูลวิจัยพฤติกรรมการดูดวงคนเมืองในกรุงเทพฯ ของอัครกิตติ์ สินธุวงศ์ศรี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า คนดูดวงส่วนมาก 2 ใน 3 เป็นวัยทำงานช่วงอายุ 20 – 40 ปี อีกทั้งคนยังเข้าถึงการดูดวงได้ง่ายขึ้นจากการมีโซเชียลมีเดีย และไม่ใช่แค่คนทั่วๆ ไปเท่านั้นที่ต้องการที่พึ่งทางใจ เพราะแม้แต่นายทุน พรรคการเมือง และกลุ่มผู้มีอำนาจก็ยังต้องหวังพึ่งฤกษ์งามยามดีในการทำการใหญ่ไม่ต่างกัน Unlock the City เอพิโสดนี้ โฮสต์ผู้เชี่ยวชาญด้านผังเมือง ‘พนิต ภู่จินดา’ ชวน ‘พิชา กุลวราเอกดำรง’ หรือที่สายมูฯ รู้จักในชื่อ ‘แม่หมอพิมฟ้า’ คนดังที่คลุกคลีกับศาสตร์ดูดวงอย่างยาวนานมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงประเด็นนี้ที่สะท้อนถึงหลักคิดของคนเมือง
Live House ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนเข้าถึงศิลปะมากขึ้น l Urban เจอนี่ เจอ Live House
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับงานศิลปะอาจจะไม่ใช่ของคู่กัน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหล้าเบียร์มีส่วนทำให้ผู้คนเข้าถึงและอินกับผลงานได้ง่ายขึ้น เครื่องดื่มประเภทนี้จึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาของวัฒนธรรมการชมงานศิลปะในประเทศไทยมาช้านาน แต่จะเป็นอย่างไรถ้ามีสถานที่ที่ตั้งใจทำให้ตัวเองเป็นเหมือนกระดาษเปล่า และเปิดโอกาสให้ศิลปินทุกแขนงมาสาดสีผ่านไอเดียและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ โดยไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีแนวร็อก แนวอิเล็กทริก หรือจะจัดแสดงผลงานวิชวลหรือคอนเซปต์อาร์ต โดยมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจุดประสงค์รอง Urban เจอนี่ เอพิโสดนี้ จึงอยากพาทุกคนไปรู้จัก DECOMMUNE สถานที่ที่ไม่จำกัดตัวเองเป็นแค่ไลฟ์เฮาส์ ซึ่งมีแนวคิดการทำธุรกิจด้วยการหาจุดตรงกลางระหว่างความมึนเมาและการแสดงผลงานสร้างสรรค์
ต้องโตแค่ไหนถึงดูหนัง 18+ ได้ | Now You Know
ทำไมถึงเรียก ‘สื่อลามก’ ว่า ‘หนังโป๊’ ทำไมต้องอายุ 18 ปีขึ้นไปถึงจะดูได้ แล้วเกณฑ์การวัดอายุบรรลุนิติภาวะนั้นสำคัญต่อสังคมอย่างไร Now You Know เอพิโสดนี้ ชวนทุกคนสำรวจประวัติศาสตร์เรื่องโป๊ๆ ที่ส่งผลต่อสังคมไทย รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับแนวคิด ‘การบรรลุนิติภาวะ’ ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และมีความสำคัญต่อชีวิตของผู้คนมากกว่าแค่การได้ดูหนังโป๊เสียวๆ_______________________________________ ‘SEXPLORATION’ คือซีรีส์คอนเทนต์ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 จาก Urban Creature ที่ชวนมาวางภาพจำเดิมๆ แล้วเปิดใจโอบรับเรื่องเซ็กซ์ รสนิยมทางเพศ และความสัมพันธ์อันหลากหลายของผู้คนที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
URBAN PODCAST
REPORT
เยอรมนีทำอย่างไรถึงเป็นประเทศที่รีไซเคิลขยะมากที่สุดในโลก
คนส่วนใหญ่คงรู้อยู่แล้วว่า ‘การแยกขยะ’ หรือ ‘การรีไซเคิลขยะ’ นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศทั่วโลกผลักดันนโยบายเรื่องนี้มานานแล้ว และจำนวนไม่น้อยสามารถเปลี่ยนการแยกขยะให้เป็นความรับผิดชอบและวิถีชีวิตของประชาชนทุกคนได้สำเร็จ ‘เยอรมนี’ ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบของการจัดการและการรีไซเคิลขยะ เพราะข้อมูลปี 2021 ระบุว่า เยอรมนีคือประเทศที่รีไซเคิลขยะมากที่สุดในโลก นั่นคือมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนขยะทั้งหมดที่ประเทศผลิตออกมา Urban Creature อยากพาทุกคนไปหาคำตอบว่า เยอรมนีทำอย่างไรถึงกลายเป็นดินแดนที่ยืนหนึ่งเรื่องการนำของเสียและวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ผ่านการสำรวจนโยบายและโครงการที่เข้มแข็งของภาครัฐ ไปจนถึงการให้ความสำคัญเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชน 01 | นโยบายจัดการขยะที่เข้มแข็ง รัฐบาลเยอรมนีมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการจัดการขยะ รวมไปถึงการรีไซเคิลขยะภายในประเทศ เหตุผลหนึ่งมาจากการออกกฎหมายและนโยบายที่เข้มแข็ง ทำให้ภาคส่วนต่างๆ และประชาชนมีส่วนร่วมในการแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามนโยบายหลักที่เยอรมนีใช้ควบคุมและจัดการขยะภายในประเทศ ได้แก่ 1) ‘Packaging Ordinance (1991)’ หรือ ‘กฤษฎีกาว่าด้วยบรรจุภัณฑ์’ คือกฎหมายฉบับแรกของเยอรมนีที่กำหนดให้บรรดาผู้ผลิตสินค้าต้องจัดการขยะของแพ็กเกจจิ้งต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง ‘บรรจุภัณฑ์ขั้นที่หนึ่ง (Primary Packaging)’ ที่ห่อหุ้มตัวสินค้าเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวสินค้าเสียหาย, ‘บรรจุภัณฑ์ขั้นที่สอง (Secondary Packaging)’ ที่ห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ขั้นที่หนึ่งมาอีกทีเพื่อป้องกันความเสียหายและเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้า สุดท้ายคือ ‘บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Shipping Packaging)’ ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เก็บรักษาและขนส่งตัวสินค้านั่นเอง รัฐบาลเยอรมนีมองว่า แพ็กเกจจิ้งหลายรูปแบบนี้ก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม […]
ทำความเข้าใจสงคราม ‘รัสเซียบุกยูเครน’ ผ่าน 5 สถานที่
นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงตอนนี้ ครบ 2 เดือนแล้วที่รัสเซียเริ่มทำสงคราม ‘รุกราน’ ยูเครน ทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพกว่า 11 ล้านคนในทวีปยุโรป ผู้คนบาดเจ็บ สูญเสียชีวิต และเมืองต่างๆ ถูกทำลายอย่างราบคาบหลังเปลี่ยนเป็นสมรภูมิสงคราม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2 วันก่อนรัสเซียปฏิบัติการทางการทหาร มีรายงานอย่างหนาหูว่า ทหารรัสเซียกว่าหนึ่งแสนคนตั้งกองกำลังประชิดเขตแดนของประเทศยูเครน และประธานาธิบดีรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ก็ได้ประกาศรับรองเอกภาพของเขตการปกครองลูฮานส์ (Luhansk) และดอแนตสก์ (Donetsk) ทางตะวันออกของยูเครน แต่ปูตินก็ยังยืนยันหนักแน่นว่ารัสเซียไม่มีแผนบุกยูเครนแน่นอน 2 วันถัดมา เราจึงรู้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นเพียงลมปาก รัสเซียเริ่มเปิดฉากบุกยูเครนจากทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ สื่อตะวันตกหลายแห่งรายงานตรงกันว่า การระดมกองกำลังทหารและสรรพาวุธของรัสเซียครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา มีการวิเคราะห์กันว่า ฝ่ายรัสเซียหวังลึกๆ ว่าการรุกรานยูเครนในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เริ่มไวจบไว เหมือนการบุกยึดดินแดน ‘ไครเมีย’ ภายใต้การปกครองของยูเครนเมื่อปี 2014 แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นดังหวัง เพราะชาติตะวันตกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือยูเครน […]
‘คลองแม่ข่า’ สายน้ำเน่าที่กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นอนาคตของเมืองเชียงใหม่ หรือจะถอยหลังลงคลอง
หากเอ่ยถึง ‘คลองแม่ข่า’ ในปัจจุบัน หลายคนน่าจะนึกถึงทางเดินเลียบคลองสวยๆ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้ และเพิ่งได้รับสมญาใหม่ว่าเป็น ‘คลองโอตารุ’ ของจังหวัดเชียงใหม่ แต่หากย้อนกลับไปถามคนเชียงใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ทุกคนจะนึกถึงคลองแม่ข่าว่าเป็นแหล่งน้ำเน่าเสีย นั่นคือภาพลักษณ์ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาสำหรับคนเชียงใหม่ เพราะตลอดหลายปีนั้น ชาวเชียงใหม่ต่างคุ้นเคยกับการได้เห็นและได้ยินการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ทุกครั้งจะต้องมีนโยบายทำคลองแม่ข่าให้กลับมาใสอยู่ด้วยเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหมดหวังได้เห็นคลองแม่ข่ากลับมาใส จนกระทั่งปีที่แล้วที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองแม่ข่าใหม่ให้สวยงาม ด้วยภาพสะอาดสะอ้านแปลกใหม่ที่ถูกนำเสนอออกมา ทำให้คลองแห่งนี้กลับมาได้รับความสนใจจากคนเชียงใหม่จำนวนมาก ก่อนจะขยายไปถึงคนจังหวัดอื่นๆ ที่เดินทางมาเที่ยวเดินถ่ายรูปเล่นที่คลองแห่งนี้ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่เองก็พยายามจัดให้มีกิจกรรมภายในพื้นที่แห่งนี้อยู่สม่ำเสมอ ชาวเชียงใหม่หลายคนที่ได้มาเดินเล่นที่นี่ ต่างแสดงความยินดีที่คลองแม่ข่ากลับมาเป็นคลองน้ำใส ไม่เน่าเสียอีกแล้ว…แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะพื้นที่ที่มีการปรับภูมิทัศน์ให้เดินเล่นกันนั้นเป็นเพียงแค่ระยะ 756 เมตร จากระยะทั้งหมด 11 กิโลเมตรของคลองแม่ข่าในเขตเมืองเชียงใหม่ที่ยังคงเน่าเสีย มีปัญหา และรอคอยการแก้ไขพัฒนาต่อไป จึงทำให้มีเสียงค่อนขอดขึ้นมา ตั้งแต่ความพยายามเป็นญี่ปุ่นทั้งที่เชียงใหม่ก็มีวัฒนธรรมเอกลักษณ์ของตนเอง จังหวัดพยายามนำเสนอแต่ภาพลักษณ์ดีๆ ของพื้นที่คลองบริเวณนี้เพื่อซุกปัญหาคลองแม่ข่าในส่วนอื่นๆ อีกจำนวนมากไว้ใต้ภาพสวยงาม หรือแม้แต่ตำหนิว่านี่เป็นการถอยหลังลงคลอง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะ 756 เมตรของคลองแม่ข่าครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป และเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าแม่ข่าเกี่ยวโยงกับผู้คน และมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังให้ความสนใจกับลำน้ำสายนี้ คลองแห่งนี้มีความสำคัญต่อเชียงใหม่อย่างไร ทำไมถึงมีหลายองค์กรหลายผู้คนพยายามปรับปรุงให้มันกลับมาดีอีกครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของแม่น้ำสายนี้ คอลัมน์ Report ขอนำเสนอเรื่องราวหลากหลายมิติที่สายน้ำนี้ได้ไปเกี่ยวโยง โดยลองถอยออกจากความเป็นคลองโอตารุ ไม่ต้องถึงกับถอยลงคลอง แค่ถอยมามองและทำความรู้จักกับน้ำแม่ข่า […]
เบื้องหลังความเปล่งประกายของวงการ K-POP ที่เต็มไปด้วยความจริงอันยากจะยอมรับ
‘เกาหลีใต้’ คือหนึ่งในประเทศที่ตลาดเพลงเติบโตเร็วที่สุดในโลก ส่วนสำคัญเกิดจากอุตสาหกรรม ‘เคป็อป (K-POP)’ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 327,000 ล้านบาท) สื่อบันเทิงประเภทนี้กำลังสร้างปรากฏการณ์และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก จึงไม่แปลกใจที่เคป็อปจะกลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ส่งออกวัฒนธรรมเกาหลีใต้ได้อย่างทรงพลัง เคป็อปก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลกจากแนวดนตรีที่มีเมโลดีฟังง่าย สนุกสนาน ฟังครั้งแรกก็ติดหู พร้อมกับการเต้นที่แข็งแรง พร้อมเพรียง และเป๊ะแบบสุดๆ ไม่เพียงเท่านั้น ‘ศิลปินเคป็อป’ หรือ ‘ไอดอลเคป็อป’ ยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น น่าหลงใหล และมีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่เบื้องหลังของวงการที่หลายคนมองว่าสมบูรณ์แบบนั้นอาจไม่ได้น่าชื่นชมเหมือนภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอ คอลัมน์ Report ประจำเดือนนี้ขอพาไปสำรวจหลากหลายด้านมืดของวงการเคป็อป ไม่ว่าจะเป็นสัญญาทาสที่เอาเปรียบศิลปิน การล่วงละเมิดทางเพศ และการทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ ซึ่งล้วนเป็นพิษและอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อทั้งศิลปินและแฟนคลับทั่วโลก Promise Youสัญญาทาสที่เอาเปรียบศิลปิน ช่วงเวลาก่อนไอดอลเคป็อปไม่ว่าเดี่ยวหรือกลุ่มจะเปิดตัวในฐานะศิลปินสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ หรือที่เรียกว่า ‘เดบิวต์’ พวกเขาต้องผ่านการเข้าร่วมโปรแกรมเทรนนิงในฐานะ ‘เด็กฝึก’ หรือ ‘เทรนนี’ ของค่ายเพลง เพื่อพัฒนาและฝึกฝนทักษะต่างๆ อย่างหนักหน่วง ทั้งการเต้น การร้องเพลง การแสดง ฯลฯ ภายใต้ตารางกิจวัตรประจำวันและกฎที่เข้มงวด […]
‘ญี่ปุ่น’ กับการสร้างชาติด้วยวัฒนธรรมการเดินทาง ‘ระบบรถไฟ’
‘ญี่ปุ่น’ ถือเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์และความก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วัฒนธรรมอาหารที่โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงสวัสดิการและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างรอบด้าน จนทำให้แดนปลาดิบติดท็อป 10 ประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลกแทบทุกปี หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกของญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรมากที่สุดคือ ‘เครือข่ายรถไฟ’ ที่มาพร้อมชื่อเสียงเรื่องความทันสมัย ความสะอาด และการตรงต่อเวลา ขนาดที่ว่าถ้ารถไฟขบวนไหนออกเร็วหรือช้าแค่หลักวินาที ทางบริษัทรถไฟจะรีบออกแถลงการณ์ขอโทษผู้โดยสารทันที จากความสะดวกสบายของระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับการเดินทางด้วยรถไฟ เห็นได้จากสัดส่วนผู้โดยสารที่ใช้งานระบบรถไฟในกรุงโตเกียวที่มีมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมหานครนิวยอร์กและกรุงลอนดอน ที่มีสัดส่วนดังกล่าวประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ และ 19 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ คอลัมน์ Report ประจำเดือนนี้ชวนไปสำรวจว่า ปัจจัยใดที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในเครือข่ายรถไฟที่ดีที่สุดในโลก โดยพาผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางได้เกือบทุกที่ทั่วประเทศ แถมยังครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทุกกลุ่ม เปลี่ยนให้เอกชนดูแลเครือข่ายรถไฟ ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า ผู้ดูแลบริหารเครือข่ายรถไฟทั่วเกาะญี่ปุ่นคือ ‘กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น’ หรือ ‘Japan Railways Group (JR Group)’ ที่แต่เดิมรัฐเป็นเจ้าของ แต่เมื่อปี 1987 รัฐบาลได้ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (Privatization) โอนกิจการให้เอกชนเข้ามาดูแล เพื่อแก้ไขสองปัญหาหลักๆ ได้แก่ การเป็นองค์กรขนาดใหญ่อุ้ยอ้ายจนบริหารงานยาก และการดำเนินงานภายใต้อิทธิพลทางการเมืองจนสร้างความเสียหายให้องค์กร อย่างการสร้างเส้นทางรถไฟที่ไม่ทำกำไรเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง […]
ผู้หญิงอิหร่านนำประท้วงใหญ่ในรอบ 40 ปี เรียกร้องสิทธิสตรี เสรีภาพ และขับไล่เผด็จการ
ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุคที่โลกล้ำหน้าแบบสุดขีด ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เทคโนโลยี ไปจนถึงวงการอวกาศที่ไปไกลถึงขั้นค้นพบดาวดวงใหม่นอกระบบสุริยจักรวาล แต่ขณะเดียวกัน โลกของเราก็ยังมีปัญหาเดิมๆ ที่พัฒนาช้ามากๆ หรือไม่ถูกแก้ไขสักที โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้ทั่วโลกมีการประท้วงเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียม รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมออกมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ เหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน หนึ่งในมูฟเมนต์ที่น่าจับตามองและได้รับการพูดถึงมากที่สุดในปีนี้คือ ‘การประท้วงในประเทศอิหร่าน’ ที่ประชาชนทั่วประเทศต่างลงถนนประท้วงเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิง หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของ ‘มาห์ซา อามินี’ หญิงสาววัย 22 ปี ที่ถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมตัวเพียงเพราะเธอสวมฮิญาบคลุมศีรษะไม่มิดชิดมากพอ นอกจากจะเรียกร้องความยุติธรรม การประท้วงครั้งนี้ยังนำไปสู่การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ของสตรีอิหร่าน ทั้งตัดผม เผาฮิญาบ ชูนิ้วกลางใส่รูปผู้นำสูงสุด เป็นการแสดงออกถึงความโกรธแค้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาก่อนในรัฐอิสลามแห่งนี้ มากไปกว่านั้น การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐและกฎหมายที่กดขี่เอาเปรียบผู้หญิงมาอย่างยาวนาน ยังนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลเผด็จการที่อาจเปลี่ยนความเชื่อและค่านิยมในสังคมอิหร่านไปตลอดกาล ชนวนประท้วงครั้งใหญ่ในอิหร่าน เริ่มกันที่สาเหตุของการลุกฮือครั้งนี้ ด้วยการย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันที่ ‘มาห์ซา อามินี’ หญิงสาวชาวเคิร์ดวัย 22 ปี ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เรียกว่า ‘ตำรวจศีลธรรม (Morality Police)’ จับกุมตัวในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน […]
Climate Anxiety เมื่อภาวะโลกร้อนทำให้คน ‘เครียดไม่ไหว’ จนต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องด้วยตัวเอง
สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนหนักและคาดเดายาก อาจทำให้คนเครียดและวิตกกังวลจากปรากฏการณ์นี้มากขึ้น จนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ย้อนไปเมื่อปี 2018 ฝรั่งเศสเคยประกาศเป้าหมายที่จะปิดโรงงานถ่านหินทั้งหมดในประเทศภายในปี 2022 เพื่อต่อสู้กับ ‘การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก’ หรือ ‘Climate Change’ ซึ่งอีกราวสองเดือนก็ถึงเส้นตายแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสจะทำตามแผนการไม่สำเร็จแน่ๆ เพราะอาจจำเป็นต้องกลับมาเปิดใช้โรงงานเหล่านี้ ท่ามกลางวิกฤตพลังงานที่กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ด้านเมืองที่ท็อปฟอร์มเรื่องความยั่งยืนของโลกอย่าง โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก็อาจรักษาสัญญาที่จะเป็นเมืองปราศจากคาร์บอนฯ แห่งแรกของโลกภายในปี 2025 ไม่ได้ เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวตัวอย่างแผนการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่ล้มเหลวของนานาชาติ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยากอย่างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศยังไม่เอาจริงเอาจังเรื่องโลกร้อนเสียที และมองว่าวิกฤตนี้คือเรื่องที่รอได้ เป้าหมายที่ถูกผัดวันประกันพรุ่ง นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ถูกปัดตก และคำมั่นสัญญาของบรรดาผู้นำที่เป็นเพียงลมปาก ทำให้เราเริ่มรู้สึกกังวลและท้อมากขึ้นทุกที นึกภาพไม่ออกว่าทั่วโลกจะควบคุมอุณหภูมิที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้ยังไง และเป้าหมายของนานาประเทศที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 จะเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงหรือเปล่า Urban Creature ชวนทุกคนไปทำความรู้จัก ‘Climate Anxiety’ อาการวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตโลกรวน ที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนพวกเขาไม่ขอนิ่งเฉย ลุกขึ้นมาเรียกร้องถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยตัวเอง หายนะโลกร้อน คงหน้าตาประมาณนี้สินะ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนคงเห็นข่าวภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ๆ เกิดขึ้นทั่วโลก […]
ชาวยุโรปเตรียมตัว ‘หนาว’ จากวิกฤตพลังงานและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ใกล้สิ้นปี 2022 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดีขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะแม้ว่าบรรดาธุรกิจจะเริ่มกลับมาลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว หลังเจอวิกฤตโควิด-19 ซัดไปหลายระลอกในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา แต่แสงแห่งความหวังของหลายประเทศกลับต้องดับลง แถมอาจมืดมิดกว่าเดิมเสียด้วย เพราะดันถูกซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 7 เดือน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะสงครามนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ‘ประเทศในทวีปยุโรป’ มีแนวโน้มที่จะเจอผลกระทบรุนแรงกว่าใคร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม ผ่านนโยบายแบนการนำเข้าและส่งออกสินค้าหลายรายการจากแดนหมีขาวอย่างการห้ามนำเข้าทองคำ น้ำมัน ถ่านหิน เป็นต้น แต่มาตรการเหล่านี้ส่อแววไม่ได้ผลและอาจทำให้ยุโรปลำบากเสียเอง เพราะรัสเซียได้ปิดท่อส่งก๊าซหลักไปยังยุโรปอย่าง นอร์ด สตรีม 1 (Nord Stream 1) อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าพบการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ทางยุโรปเชื่อว่านี่คือข้ออ้างที่รัสเซียใช้โต้ตอบมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ที่น่ากังวลคืออีกไม่กี่เดือนยุโรปจะย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว หลายฝ่ายกลัวว่าชาวยุโรปจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจาก ‘วิกฤตขาดแคลนพลังงาน’ เนื่องจากพลังงานราว 60 เปอร์เซ็นต์ที่ยุโรปใช้คือพลังงานที่นำเข้าจากรัสเซียทั้งสิ้น รวมไปถึงความทุกข์ในการดำเนินชีวิตจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่หลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ เต็มรูปแบบ ค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ แพงหูฉี่ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนคือหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างยุโรปกำลังเจอกับ ‘วิกฤตเงินเฟ้อ’ ส่งผลให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนโอดครวญกันเป็นแถวจากค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ และต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้นจนแทบแบกภาระไม่ไหว ถ้าดูเป็นตัวเลขจะยิ่งน่าตกใจ เพราะเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 […]
‘คลองแม่ข่า’ สายน้ำเน่าที่กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นอนาคตของเมืองเชียงใหม่ หรือจะถอยหลังลงคลอง
หากเอ่ยถึง ‘คลองแม่ข่า’ ในปัจจุบัน หลายคนน่าจะนึกถึงทางเดินเลียบคลองสวยๆ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้ และเพิ่งได้รับสมญาใหม่ว่าเป็น ‘คลองโอตารุ’ ของจังหวัดเชียงใหม่ แต่หากย้อนกลับไปถามคนเชียงใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ทุกคนจะนึกถึงคลองแม่ข่าว่าเป็นแหล่งน้ำเน่าเสีย นั่นคือภาพลักษณ์ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาสำหรับคนเชียงใหม่ เพราะตลอดหลายปีนั้น ชาวเชียงใหม่ต่างคุ้นเคยกับการได้เห็นและได้ยินการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ทุกครั้งจะต้องมีนโยบายทำคลองแม่ข่าให้กลับมาใสอยู่ด้วยเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหมดหวังได้เห็นคลองแม่ข่ากลับมาใส จนกระทั่งปีที่แล้วที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองแม่ข่าใหม่ให้สวยงาม ด้วยภาพสะอาดสะอ้านแปลกใหม่ที่ถูกนำเสนอออกมา ทำให้คลองแห่งนี้กลับมาได้รับความสนใจจากคนเชียงใหม่จำนวนมาก ก่อนจะขยายไปถึงคนจังหวัดอื่นๆ ที่เดินทางมาเที่ยวเดินถ่ายรูปเล่นที่คลองแห่งนี้ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่เองก็พยายามจัดให้มีกิจกรรมภายในพื้นที่แห่งนี้อยู่สม่ำเสมอ ชาวเชียงใหม่หลายคนที่ได้มาเดินเล่นที่นี่ ต่างแสดงความยินดีที่คลองแม่ข่ากลับมาเป็นคลองน้ำใส ไม่เน่าเสียอีกแล้ว…แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะพื้นที่ที่มีการปรับภูมิทัศน์ให้เดินเล่นกันนั้นเป็นเพียงแค่ระยะ 756 เมตร จากระยะทั้งหมด 11 กิโลเมตรของคลองแม่ข่าในเขตเมืองเชียงใหม่ที่ยังคงเน่าเสีย มีปัญหา และรอคอยการแก้ไขพัฒนาต่อไป จึงทำให้มีเสียงค่อนขอดขึ้นมา ตั้งแต่ความพยายามเป็นญี่ปุ่นทั้งที่เชียงใหม่ก็มีวัฒนธรรมเอกลักษณ์ของตนเอง จังหวัดพยายามนำเสนอแต่ภาพลักษณ์ดีๆ ของพื้นที่คลองบริเวณนี้เพื่อซุกปัญหาคลองแม่ข่าในส่วนอื่นๆ อีกจำนวนมากไว้ใต้ภาพสวยงาม หรือแม้แต่ตำหนิว่านี่เป็นการถอยหลังลงคลอง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะ 756 เมตรของคลองแม่ข่าครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป และเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าแม่ข่าเกี่ยวโยงกับผู้คน และมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังให้ความสนใจกับลำน้ำสายนี้ คลองแห่งนี้มีความสำคัญต่อเชียงใหม่อย่างไร ทำไมถึงมีหลายองค์กรหลายผู้คนพยายามปรับปรุงให้มันกลับมาดีอีกครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของแม่น้ำสายนี้ คอลัมน์ Report ขอนำเสนอเรื่องราวหลากหลายมิติที่สายน้ำนี้ได้ไปเกี่ยวโยง โดยลองถอยออกจากความเป็นคลองโอตารุ ไม่ต้องถึงกับถอยลงคลอง แค่ถอยมามองและทำความรู้จักกับน้ำแม่ข่า […]
เบื้องหลังความเปล่งประกายของวงการ K-POP ที่เต็มไปด้วยความจริงอันยากจะยอมรับ
‘เกาหลีใต้’ คือหนึ่งในประเทศที่ตลาดเพลงเติบโตเร็วที่สุดในโลก ส่วนสำคัญเกิดจากอุตสาหกรรม ‘เคป็อป (K-POP)’ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 327,000 ล้านบาท) สื่อบันเทิงประเภทนี้กำลังสร้างปรากฏการณ์และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก จึงไม่แปลกใจที่เคป็อปจะกลายเป็นหนึ่งใน Soft Power ส่งออกวัฒนธรรมเกาหลีใต้ได้อย่างทรงพลัง เคป็อปก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลกจากแนวดนตรีที่มีเมโลดีฟังง่าย สนุกสนาน ฟังครั้งแรกก็ติดหู พร้อมกับการเต้นที่แข็งแรง พร้อมเพรียง และเป๊ะแบบสุดๆ ไม่เพียงเท่านั้น ‘ศิลปินเคป็อป’ หรือ ‘ไอดอลเคป็อป’ ยังมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่น น่าหลงใหล และมีเสน่ห์เฉพาะตัว แต่เบื้องหลังของวงการที่หลายคนมองว่าสมบูรณ์แบบนั้นอาจไม่ได้น่าชื่นชมเหมือนภาพลักษณ์ที่ถูกนำเสนอ คอลัมน์ Report ประจำเดือนนี้ขอพาไปสำรวจหลากหลายด้านมืดของวงการเคป็อป ไม่ว่าจะเป็นสัญญาทาสที่เอาเปรียบศิลปิน การล่วงละเมิดทางเพศ และการทำให้ผู้เยาว์เป็นวัตถุทางเพศ ซึ่งล้วนเป็นพิษและอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อทั้งศิลปินและแฟนคลับทั่วโลก Promise Youสัญญาทาสที่เอาเปรียบศิลปิน ช่วงเวลาก่อนไอดอลเคป็อปไม่ว่าเดี่ยวหรือกลุ่มจะเปิดตัวในฐานะศิลปินสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ หรือที่เรียกว่า ‘เดบิวต์’ พวกเขาต้องผ่านการเข้าร่วมโปรแกรมเทรนนิงในฐานะ ‘เด็กฝึก’ หรือ ‘เทรนนี’ ของค่ายเพลง เพื่อพัฒนาและฝึกฝนทักษะต่างๆ อย่างหนักหน่วง ทั้งการเต้น การร้องเพลง การแสดง ฯลฯ ภายใต้ตารางกิจวัตรประจำวันและกฎที่เข้มงวด […]
‘ญี่ปุ่น’ กับการสร้างชาติด้วยวัฒนธรรมการเดินทาง ‘ระบบรถไฟ’
‘ญี่ปุ่น’ ถือเป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์และความก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน วัฒนธรรมอาหารที่โด่งดังไปทั่วโลก รวมถึงสวัสดิการและโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างรอบด้าน จนทำให้แดนปลาดิบติดท็อป 10 ประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลกแทบทุกปี หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกของญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรมากที่สุดคือ ‘เครือข่ายรถไฟ’ ที่มาพร้อมชื่อเสียงเรื่องความทันสมัย ความสะอาด และการตรงต่อเวลา ขนาดที่ว่าถ้ารถไฟขบวนไหนออกเร็วหรือช้าแค่หลักวินาที ทางบริษัทรถไฟจะรีบออกแถลงการณ์ขอโทษผู้โดยสารทันที จากความสะดวกสบายของระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับการเดินทางด้วยรถไฟ เห็นได้จากสัดส่วนผู้โดยสารที่ใช้งานระบบรถไฟในกรุงโตเกียวที่มีมากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นตัวเลขค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมหานครนิวยอร์กและกรุงลอนดอน ที่มีสัดส่วนดังกล่าวประมาณ 22 เปอร์เซ็นต์ และ 19 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ คอลัมน์ Report ประจำเดือนนี้ชวนไปสำรวจว่า ปัจจัยใดที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในเครือข่ายรถไฟที่ดีที่สุดในโลก โดยพาผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางได้เกือบทุกที่ทั่วประเทศ แถมยังครอบคลุมการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทุกกลุ่ม เปลี่ยนให้เอกชนดูแลเครือข่ายรถไฟ ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า ผู้ดูแลบริหารเครือข่ายรถไฟทั่วเกาะญี่ปุ่นคือ ‘กลุ่มบริษัทรถไฟญี่ปุ่น’ หรือ ‘Japan Railways Group (JR Group)’ ที่แต่เดิมรัฐเป็นเจ้าของ แต่เมื่อปี 1987 รัฐบาลได้ดำเนินการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (Privatization) โอนกิจการให้เอกชนเข้ามาดูแล เพื่อแก้ไขสองปัญหาหลักๆ ได้แก่ การเป็นองค์กรขนาดใหญ่อุ้ยอ้ายจนบริหารงานยาก และการดำเนินงานภายใต้อิทธิพลทางการเมืองจนสร้างความเสียหายให้องค์กร อย่างการสร้างเส้นทางรถไฟที่ไม่ทำกำไรเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง […]
ผู้หญิงอิหร่านนำประท้วงใหญ่ในรอบ 40 ปี เรียกร้องสิทธิสตรี เสรีภาพ และขับไล่เผด็จการ
ศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุคที่โลกล้ำหน้าแบบสุดขีด ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เทคโนโลยี ไปจนถึงวงการอวกาศที่ไปไกลถึงขั้นค้นพบดาวดวงใหม่นอกระบบสุริยจักรวาล แต่ขณะเดียวกัน โลกของเราก็ยังมีปัญหาเดิมๆ ที่พัฒนาช้ามากๆ หรือไม่ถูกแก้ไขสักที โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ทำให้ทั่วโลกมีการประท้วงเรียกร้องสิทธิ ความเท่าเทียม รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมออกมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ เหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน หนึ่งในมูฟเมนต์ที่น่าจับตามองและได้รับการพูดถึงมากที่สุดในปีนี้คือ ‘การประท้วงในประเทศอิหร่าน’ ที่ประชาชนทั่วประเทศต่างลงถนนประท้วงเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิง หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของ ‘มาห์ซา อามินี’ หญิงสาววัย 22 ปี ที่ถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมตัวเพียงเพราะเธอสวมฮิญาบคลุมศีรษะไม่มิดชิดมากพอ นอกจากจะเรียกร้องความยุติธรรม การประท้วงครั้งนี้ยังนำไปสู่การประท้วงเชิงสัญลักษณ์ของสตรีอิหร่าน ทั้งตัดผม เผาฮิญาบ ชูนิ้วกลางใส่รูปผู้นำสูงสุด เป็นการแสดงออกถึงความโกรธแค้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาก่อนในรัฐอิสลามแห่งนี้ มากไปกว่านั้น การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐและกฎหมายที่กดขี่เอาเปรียบผู้หญิงมาอย่างยาวนาน ยังนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลเผด็จการที่อาจเปลี่ยนความเชื่อและค่านิยมในสังคมอิหร่านไปตลอดกาล ชนวนประท้วงครั้งใหญ่ในอิหร่าน เริ่มกันที่สาเหตุของการลุกฮือครั้งนี้ ด้วยการย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2565 ซึ่งเป็นวันที่ ‘มาห์ซา อามินี’ หญิงสาวชาวเคิร์ดวัย 22 ปี ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เรียกว่า ‘ตำรวจศีลธรรม (Morality Police)’ จับกุมตัวในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน […]
Climate Anxiety เมื่อภาวะโลกร้อนทำให้คน ‘เครียดไม่ไหว’ จนต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องด้วยตัวเอง
สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนหนักและคาดเดายาก อาจทำให้คนเครียดและวิตกกังวลจากปรากฏการณ์นี้มากขึ้น จนถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง ย้อนไปเมื่อปี 2018 ฝรั่งเศสเคยประกาศเป้าหมายที่จะปิดโรงงานถ่านหินทั้งหมดในประเทศภายในปี 2022 เพื่อต่อสู้กับ ‘การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก’ หรือ ‘Climate Change’ ซึ่งอีกราวสองเดือนก็ถึงเส้นตายแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสจะทำตามแผนการไม่สำเร็จแน่ๆ เพราะอาจจำเป็นต้องกลับมาเปิดใช้โรงงานเหล่านี้ ท่ามกลางวิกฤตพลังงานที่กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ ด้านเมืองที่ท็อปฟอร์มเรื่องความยั่งยืนของโลกอย่าง โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก็อาจรักษาสัญญาที่จะเป็นเมืองปราศจากคาร์บอนฯ แห่งแรกของโลกภายในปี 2025 ไม่ได้ เนื่องจากปัญหาเรื่องเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาล นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวตัวอย่างแผนการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่ล้มเหลวของนานาชาติ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมได้ยากอย่างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ฯลฯ แต่ขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นว่าหลายประเทศยังไม่เอาจริงเอาจังเรื่องโลกร้อนเสียที และมองว่าวิกฤตนี้คือเรื่องที่รอได้ เป้าหมายที่ถูกผัดวันประกันพรุ่ง นโยบายสิ่งแวดล้อมที่ถูกปัดตก และคำมั่นสัญญาของบรรดาผู้นำที่เป็นเพียงลมปาก ทำให้เราเริ่มรู้สึกกังวลและท้อมากขึ้นทุกที นึกภาพไม่ออกว่าทั่วโลกจะควบคุมอุณหภูมิที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ได้ยังไง และเป้าหมายของนานาประเทศที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 จะเป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงหรือเปล่า Urban Creature ชวนทุกคนไปทำความรู้จัก ‘Climate Anxiety’ อาการวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตโลกรวน ที่พบมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนพวกเขาไม่ขอนิ่งเฉย ลุกขึ้นมาเรียกร้องถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยตัวเอง หายนะโลกร้อน คงหน้าตาประมาณนี้สินะ ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลายคนคงเห็นข่าวภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ๆ เกิดขึ้นทั่วโลก […]
ชาวยุโรปเตรียมตัว ‘หนาว’ จากวิกฤตพลังงานและภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ใกล้สิ้นปี 2022 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดีขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะแม้ว่าบรรดาธุรกิจจะเริ่มกลับมาลืมตาอ้าปากได้บ้างแล้ว หลังเจอวิกฤตโควิด-19 ซัดไปหลายระลอกในช่วงเกือบสามปีที่ผ่านมา แต่แสงแห่งความหวังของหลายประเทศกลับต้องดับลง แถมอาจมืดมิดกว่าเดิมเสียด้วย เพราะดันถูกซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์รัสเซียบุกยูเครนที่ลากยาวมานานกว่า 7 เดือน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะสงครามนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลก ทั้งทางตรงและทางอ้อม ‘ประเทศในทวีปยุโรป’ มีแนวโน้มที่จะเจอผลกระทบรุนแรงกว่าใคร หลังจากก่อนหน้านี้ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกดดันให้รัสเซียยุติสงคราม ผ่านนโยบายแบนการนำเข้าและส่งออกสินค้าหลายรายการจากแดนหมีขาวอย่างการห้ามนำเข้าทองคำ น้ำมัน ถ่านหิน เป็นต้น แต่มาตรการเหล่านี้ส่อแววไม่ได้ผลและอาจทำให้ยุโรปลำบากเสียเอง เพราะรัสเซียได้ปิดท่อส่งก๊าซหลักไปยังยุโรปอย่าง นอร์ด สตรีม 1 (Nord Stream 1) อย่างไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าพบการรั่วไหลของน้ำมัน แต่ทางยุโรปเชื่อว่านี่คือข้ออ้างที่รัสเซียใช้โต้ตอบมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ที่น่ากังวลคืออีกไม่กี่เดือนยุโรปจะย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว หลายฝ่ายกลัวว่าชาวยุโรปจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นจาก ‘วิกฤตขาดแคลนพลังงาน’ เนื่องจากพลังงานราว 60 เปอร์เซ็นต์ที่ยุโรปใช้คือพลังงานที่นำเข้าจากรัสเซียทั้งสิ้น รวมไปถึงความทุกข์ในการดำเนินชีวิตจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่หลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่ ‘ภาวะเศรษฐกิจถดถอย’ เต็มรูปแบบ ค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ แพงหูฉี่ สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนคือหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้มหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างยุโรปกำลังเจอกับ ‘วิกฤตเงินเฟ้อ’ ส่งผลให้ภาคธุรกิจและครัวเรือนโอดครวญกันเป็นแถวจากค่าไฟฟ้า ค่าครองชีพ และต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้นจนแทบแบกภาระไม่ไหว ถ้าดูเป็นตัวเลขจะยิ่งน่าตกใจ เพราะเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 […]
เยอรมนีทำอย่างไรถึงเป็นประเทศที่รีไซเคิลขยะมากที่สุดในโลก
คนส่วนใหญ่คงรู้อยู่แล้วว่า ‘การแยกขยะ’ หรือ ‘การรีไซเคิลขยะ’ นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศทั่วโลกผลักดันนโยบายเรื่องนี้มานานแล้ว และจำนวนไม่น้อยสามารถเปลี่ยนการแยกขยะให้เป็นความรับผิดชอบและวิถีชีวิตของประชาชนทุกคนได้สำเร็จ ‘เยอรมนี’ ถือเป็นหนึ่งในต้นแบบของการจัดการและการรีไซเคิลขยะ เพราะข้อมูลปี 2021 ระบุว่า เยอรมนีคือประเทศที่รีไซเคิลขยะมากที่สุดในโลก นั่นคือมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนขยะทั้งหมดที่ประเทศผลิตออกมา Urban Creature อยากพาทุกคนไปหาคำตอบว่า เยอรมนีทำอย่างไรถึงกลายเป็นดินแดนที่ยืนหนึ่งเรื่องการนำของเสียและวัสดุเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ผ่านการสำรวจนโยบายและโครงการที่เข้มแข็งของภาครัฐ ไปจนถึงการให้ความสำคัญเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมของภาคประชาชน 01 | นโยบายจัดการขยะที่เข้มแข็ง รัฐบาลเยอรมนีมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางการจัดการขยะ รวมไปถึงการรีไซเคิลขยะภายในประเทศ เหตุผลหนึ่งมาจากการออกกฎหมายและนโยบายที่เข้มแข็ง ทำให้ภาคส่วนต่างๆ และประชาชนมีส่วนร่วมในการแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามนโยบายหลักที่เยอรมนีใช้ควบคุมและจัดการขยะภายในประเทศ ได้แก่ 1) ‘Packaging Ordinance (1991)’ หรือ ‘กฤษฎีกาว่าด้วยบรรจุภัณฑ์’ คือกฎหมายฉบับแรกของเยอรมนีที่กำหนดให้บรรดาผู้ผลิตสินค้าต้องจัดการขยะของแพ็กเกจจิ้งต่างๆ ซึ่งรวมทั้ง ‘บรรจุภัณฑ์ขั้นที่หนึ่ง (Primary Packaging)’ ที่ห่อหุ้มตัวสินค้าเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวสินค้าเสียหาย, ‘บรรจุภัณฑ์ขั้นที่สอง (Secondary Packaging)’ ที่ห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ขั้นที่หนึ่งมาอีกทีเพื่อป้องกันความเสียหายและเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้า สุดท้ายคือ ‘บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Shipping Packaging)’ ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เก็บรักษาและขนส่งตัวสินค้านั่นเอง รัฐบาลเยอรมนีมองว่า แพ็กเกจจิ้งหลายรูปแบบนี้ก่อให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม […]
ทำความเข้าใจสงคราม ‘รัสเซียบุกยูเครน’ ผ่าน 5 สถานที่
นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ถึงตอนนี้ ครบ 2 เดือนแล้วที่รัสเซียเริ่มทำสงคราม ‘รุกราน’ ยูเครน ทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพกว่า 11 ล้านคนในทวีปยุโรป ผู้คนบาดเจ็บ สูญเสียชีวิต และเมืองต่างๆ ถูกทำลายอย่างราบคาบหลังเปลี่ยนเป็นสมรภูมิสงคราม คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2 วันก่อนรัสเซียปฏิบัติการทางการทหาร มีรายงานอย่างหนาหูว่า ทหารรัสเซียกว่าหนึ่งแสนคนตั้งกองกำลังประชิดเขตแดนของประเทศยูเครน และประธานาธิบดีรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ก็ได้ประกาศรับรองเอกภาพของเขตการปกครองลูฮานส์ (Luhansk) และดอแนตสก์ (Donetsk) ทางตะวันออกของยูเครน แต่ปูตินก็ยังยืนยันหนักแน่นว่ารัสเซียไม่มีแผนบุกยูเครนแน่นอน 2 วันถัดมา เราจึงรู้ว่าคำกล่าวนั้นเป็นเพียงลมปาก รัสเซียเริ่มเปิดฉากบุกยูเครนจากทางเหนือ ตะวันออก และทางใต้ สื่อตะวันตกหลายแห่งรายงานตรงกันว่า การระดมกองกำลังทหารและสรรพาวุธของรัสเซียครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา มีการวิเคราะห์กันว่า ฝ่ายรัสเซียหวังลึกๆ ว่าการรุกรานยูเครนในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เริ่มไวจบไว เหมือนการบุกยึดดินแดน ‘ไครเมีย’ ภายใต้การปกครองของยูเครนเมื่อปี 2014 แต่สถานการณ์ไม่ได้เป็นดังหวัง เพราะชาติตะวันตกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปต่างตอบโต้ด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือยูเครน […]