
LATEST
จะเป็นอย่างไรหากในโลกใต้น้ำของ ‘The Little Mermaid’ มี ‘แอเรียล’ เป็น ‘แอ็กทิวิสต์’
ใกล้เข้ามาทุกทีกับ ‘The Little Mermaid’ ผลงานสุดคลาสสิกของดิสนีย์ที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์เวอร์ชันคนแสดง แต่ก่อนที่จะตีตั๋วไปดูพร้อมกันในช่วงปลายเดือนนี้ เราแอบมาคิดดูเล่นๆ ว่า ถ้าเงือกสาว ‘แอเรียล’ ที่เรารู้จักเกิดขึ้นและเติบโตภายใต้ท้องทะเลยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมและการตื่นรู้ในเรื่องต่างๆ ความใฝ่ฝันที่อยากเป็นมนุษย์เดินดิน ได้ตกหลุมรักใครสักคนจนยอมแลกเสียงของเธอ เพื่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์ในระยะเวลาเพียงสามวันนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน คอลัมน์ Urban Isekai ขอพาทุกคนดำดิ่งลงมหาสมุทรไปพบกับแอเรียลในเวอร์ชันใหม่ที่ใครๆ อาจคาดไม่ถึง ด้วยการอิเซไกให้แอเรียลเป็น ‘แอ็กทิวิสต์’ ผู้พยายามขับเคลื่อนสังคมใต้น้ำของ The Little Mermaid เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 01 | จัดทำ MOU จัดการขยะและของเสียลงสู่ทะเล สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้โลกใต้น้ำ ปัญหาใหญ่ของโลกใต้น้ำที่เราเห็นมาตั้งแต่ The Little Mermaid เวอร์ชันแอนิเมชันคงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘ขยะ’ เพราะทั้งซากเรืออับปางและเศษขยะที่เหล่ามนุษย์โยนทิ้งลงมาต่างก็ถูกแอเรียลหยิบเอามาสะสมจนกลายเป็นกรุสมบัติส่วนตัวไปหมด แต่ในยุคปัจจุบัน ถ้าจะให้แอเรียลหยิบเอาส้อมมาหวีผม เอาขยะมาสะสมเหมือนก่อน ฐานทัพเรืออับปางคงมีอยู่เต็มท้องทะเล เป็นแบบนี้เห็นทีคงไม่ดีแน่ คงต้องลุกขึ้นมาจัดทำ MOU จัดการขยะและของเสียลงสู่ทะเลระหว่างบนบกกับใต้น้ำกันสักหน่อย ไม่งั้นทั้งเงือกทั้งสัตว์น้ำคงจะตายกันหมด เพราะนอกจากเศษขยะ สารเคมีที่ติดมากับขยะเหล่านี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน 02 | เปลี่ยน ‘ราชา’ ให้เป็น […]
ได้ประดับบ้านแถมสร้างกลิ่นหอม ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศในต้นไม้ปลอมที่มีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว
ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาอยากให้บ้านหอมน่าอยู่ด้วยน้ำหอมปรับอากาศแบบเนียนๆ จนแขกที่มาเยี่ยมจับผิดไม่ได้ ขอนำเสนอ ‘Bloom’ น้ำหอมปรับอากาศสุดสดชื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในกระถางต้นไม้ปลอมขนาดเล็ก ที่วางตรงไหนของบ้านก็แนบเนียนกลมกลืน Bloom เกิดจากการระดมทุนใหญ่ของ ‘P&G’ บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบ และนักประดิษฐ์ ที่ต้องการพลิกโฉมตลาดผลิตภัณฑ์น้ำหอมปรับอากาศให้รูปลักษณ์ภายนอกดูดีพอๆ กับกลิ่นที่อยู่ภายใน จนสุดท้ายก็ได้ออกมาในรูปลักษณ์ของกระถางต้นไม้ปลอมสุดน่ารักที่มีชนิดพืชอวบน้ำให้เลือกถึง 4 สายพันธุ์ และน้ำหอมปรับอากาศภายในอีก 3 กลิ่น ได้แก่ Fresh Dewdrop, Lavender Fields และ Crisp Greenery โดยกลิ่นเหล่านี้จะถูกปล่อยอัตโนมัติออกมาทันทีเมื่อเซนเซอร์ตรวจพบว่ามีการเคลื่อนไหวภายในบริเวณใกล้เคียง และแสดงแสงสว่างบริเวณฐานตามการตรวจจับการเคลื่อนไหวในเวลากลางคืน นอกจากนี้ Bloom ยังใช้งานได้นานถึง 30 วันผ่านการชาร์จไฟด้วยสาย USB หนึ่งครั้ง และหากแคปซูลน้ำหอมภายในหมดลง เราก็แค่ซื้อน้ำหอมแบบรีฟิลมาเติมเองได้ง่ายๆ ในราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 168 บาท) ใครสนใจอยากมี Bloom ติดบ้านไว้สร้างบรรยากาศและกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ในราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,350 […]
ลดเวลาทำงานเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ ช่วยสร้างสมดุลชีวิตคนทำงานและลดการใช้พลังงานได้จริง
เมื่อปีที่แล้วฝั่งยุโรปเผชิญปัญหาอากาศที่ร้อนจัดกว่าปกติ ทางฝั่งปากีสถานเจอฝนตกหนักจนน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ มองไปที่ธารน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกก็ก่อตัวในระดับต่ำกว่าที่เคยมีมา รวมถึงปัญหามลพิษทางอากาศหรือมลพิษต่างๆ ก็เพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้พลังงานและทรัพยากรของเราทุกคน นักวิทยาศาสตร์จาก EU Copernicus องค์กรสังเกตการณ์ความเป็นไปด้านธรรมชาติของโลก บอกว่า ‘โลกร้อนไม่ใช่ปัญหาในอนาคต แต่มันคือปัญหาในปัจจุบัน’ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความท้าทายให้เราทุกคนในฐานะประชากรโลก เพื่อหาวิธีรับมือ ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ที่นำไปสู่ความยั่งยืนให้ได้มากยิ่งขึ้น ในหลายอุตสาหกรรมต่างตั้งเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากที่สุดตามวาระที่กำหนด อีกหลายภาคส่วนก็พยายามรณรงค์ลดการเผาผลาญพลังงานที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม และยังมีการหาแนวทางการแก้ปัญหาโลกร้อนนี้กันอีกมากมายหลายวิธี คอลัมน์ Green Insight อยากพาไปดูอีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่น่าสนใจ นั่นคือ การลดเวลาการทำงานให้เหลือ 4 วันต่อสัปดาห์ สิ่งนี้จะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง ไปดูกัน ลดเวลางาน เพิ่มเวลาชีวิตให้คนทำงาน ช่วงโควิดที่ผ่านมา รูปแบบการใช้ชีวิตได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และในช่วงเวลาวิกฤตของโรคระบาดก็ทำให้เห็นแล้วว่า ‘การทำงาน’ ได้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางอื่นๆ เช่นกัน 4 Day Week Global กลุ่มองค์กรอิสระไม่แสวงผลกำไร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์แห่งสหราชอาณาจักร และมหาวิทยาลัยบอสตันแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ค้นคว้าและวิจัยการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 6 เดือน จนกลายเป็นต้นแบบของการทำงานรูปแบบใหม่กับหลายประเทศทั่วโลก หลังจากการทดลองครั้งแรกในสหราชอาณาจักรประสบความสำเร็จ และพบว่าการทำงาน 4 […]
รู้จักบุคลิกภาพของตัวเองให้มากขึ้นผ่านแบบทดสอบ Find Your Muse เว็บไซต์หาภูตประจำตัวสุดน่ารัก
หากอยากรู้จักบุคลิกภาพของตัวเองให้มากขึ้น นอกจากการทำ MBTI ที่หลายคนคุ้นเคยแล้ว ก็ยังมีอีกวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้เราค้นพบตัวตนที่อาจไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านการทำแบบทดสอบตอบคำถามร่วมกับ ‘Find Your Muse’ เว็บไซต์สุดน่ารักของ Senior Project คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ที่จะพาเราไปสำรวจตัวเองเพื่อเรียนรู้บุคลิกภาพแบบละเอียดอ่อนสูง (Highly Sensitive) และค้นหาภูตประจำตัว ‘คำถามต่อไปนี้ไม่ใช่แบบทดสอบทางจิตวิทยา เป็นเพียงข้อคำถามที่ใช้ในการสังเกตตนเองเท่านั้น’ เมื่อกดเข้าเว็บไซต์ไป เราจะเจอกับข้อความนี้ที่เน้นย้ำถึงความตั้งใจของ ‘Find Your Muse’ และถ้าพร้อมทำแบบทดสอบแล้ว เราก็แค่ใส่อายุ เพศ เชื้อชาติ และทำตามขั้นตอนต่อไป ภายในเว็บไซต์ เราจะได้พบกับคำถามช่วงแรกที่จะมาวัดความรู้สึก และชวนให้คะแนนว่าเรารู้สึกอย่างไรกับประโยคคำถามเหล่านั้น เช่น ‘ในวันที่ยุ่ง คุณรู้สึกอยากจะปลีกตัวไปนอนบนเตียงหรือไปยังสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว เพื่อบรรเทาจิตใจจากความวุ่นวาย’, ‘คุณชอบที่จะคิดอย่างละเอียดลออ รวมถึงมองเรื่องราวต่างๆ ในหลายๆ มุม’, ‘คุณจะรู้สึกรำคาญใจเวลามีคนพยายามให้คุณทำหลายๆ เรื่องในเวลาเดียวกัน’ หรือ ‘คุณจะรู้สึกกระวนกระวายใจเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นในชีวิต’ เมื่อให้คะแนนความรู้สึกต่อคำถามทั้งหมดแล้ว เว็บไซต์จะพาไปตามหาภูตประจำตัวที่เหมาะกับตัวตนของเราผ่านคำถามต่างๆ ที่คราวนี้เราจะตอบได้หลายคำตอบมากขึ้นตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่น ‘ในวันที่ยุ่งมากคุณมักจะรู้สึกอย่างไร’, ‘ข้อดีของคุณที่คนอื่นมักพูดถึง’, ‘สิ่งที่มักจะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเสมอ’ หรือ […]
‘แต่ละคนมีช่วงเวลาผลิบานของตัวเอง’ อย่าไปกลัวโลกที่เราช้าลงเมื่อไหร่ คนอื่นพร้อมวิ่งแซงเมื่อนั้น
‘รู้สึกผิดมากเลย ที่ต้องมาเครียดเรื่องความรัก แทนที่จะไปเครียดเรื่องงาน’ สาวผู้บริหารคนหนึ่งเคยบ่นกับเรา เพราะเธอเพิ่งอกหักจากความรักที่คาดหวังไว้มาก ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ผู้คนวัยทำงานเริ่มหันมามองการดูแลทะนุถนอมหัวใจว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา มันคืออะไรกันแน่ที่ทำให้ ‘บทสนทนาเรื่องความรู้สึก’ ได้รับการยอมรับน้อยกว่าบทสนทนาเรื่องการลงทุน ผลกำไร หรือการแข่งขันทางเศรษฐกิจ เราขอตอบเลยว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเรานั้นล้วนอาศัยอยู่ในโลกแห่งทุนนิยม ทุกคนพอจะเข้าใจดีว่า หน้าตาของระบบทุนนิยมคือระบบเศรษฐกิจที่เน้นการแข่งขัน เร่งผลผลิต และคืนกำไรขึ้นไปสู่นายทุน อ่านมาถึงตรงนี้คงเริ่มคิ้วขมวดกันว่า เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับสุขภาพจิตเราด้วย เพราะในความเป็นจริงแล้ว สุขภาพจิตที่ดีแทบสร้างได้ยากมากๆ หากมาจากเราเพียงฝ่ายเดียว เราทุกคนล้วนได้รับผลกระทบทางจิตใจไม่ว่าในทางดีหรือไม่ดี จากสังคมที่เราอยู่หรือผู้คนที่รายล้อมเราเสมอ สิ่งที่ระบบทุนนิยมมีอิทธิพลต่อการกระทบใจเราก็คือ 1) ชีวิตเสพติดการแข่งขัน2) ชีวิตที่ไม่อยากคิดจะหยุดพัก3) ชีวิตที่ไม่อยากจะสนใจเรื่องหัวใจและความรู้สึก สภาพแวดล้อมที่ดำเนินด้วยความเร็วและการแข่งขัน การทำงานในแต่ละวันที่ต้องเร่งรีบ ยิ่งทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ยิ่งดี ไปจนถึงความเครียดจากงาน บางครั้งกลายเป็นถ้วยรางวัลแห่งความมุ่งมั่นของบางคน หากวันไหนที่เราร่วงโรยจากการจดจ่อกับงาน เมื่อนั้นจะรู้สึกว่านี่คือบาดแผลของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะเดียวกัน ความเครียดเรื่องงานในจังหวะชีวิตที่เร่งรีบนี้เป็นบ่อเกิดของ Anxiety หรือก้อนความวิตกกังวลให้ใครหลายๆ คน อีกหนึ่งโรคใหม่ที่หนุ่มสาวออฟฟิศคุ้นเคยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ ‘โรคกลัวไลน์’ เพราะรู้สึกมีคนต้องการตามตัวเราไม่จบไม่สิ้น ต้องตื่นตัว พร้อมรับมือปัญหาจากงานตลอดเวลา หลายคนไม่ใช่แค่รู้สึกถึงความจำเป็นในการเอาชนะบริษัทคู่แข่ง แต่เพื่อนร่วมงานเองก็รู้สึกอยากเอาชนะด้วยเหมือนกัน เพียงเพราะอยากหลีกหนีให้ไกลๆ กับ ‘ความรู้สึกดีไม่พอ’ เราขอยกตัวอย่างความเร็ว ความแรง ความต้องแอ็กทีฟตลอดเวลาผ่านวงการเหล่านี้ […]
มิวเซียมสยามเปิดตัว ‘Siam Origins’ ร้านอาหารไทยพื้นบ้านสี่ภาคที่มาพร้อมเทรนด์รักสุขภาพทุกเมนู
กระแสอาหารเพื่อสุขภาพยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาคนไทยต้องเจอกับสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อสุขภาพกันมานาน ทั้งโรคระบาดและฝุ่นพิษที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การดูแลตัวเองด้วยการกินยาหรือสมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาก็อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง แต่วิถีการกินแบบนี้อาจยากไปนิด ลองมาสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยแบบสุขภาพดีกับอาหารไทย ที่ ‘Siam Origins’ ร้านอาหารไทยพื้นบ้านสี่ภาคที่มิวเซียมสยาม โดยมี ‘เชฟไก่-ธนัญญา ไข่แก้ว’ มาสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น พรักพร้อมทั้งเมนูจานหลัก อาหารคาว และอาหารหวาน ตอกย้ำกระแส ‘Thai Taste Therapy’ ที่ถือว่าอาหารไทยเป็นยาที่อร่อยที่สุดในโลก โดยวัตถุดิบที่เลือกใช้ล้วนมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น เช่น น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลอ้อย เกลือทะเลจากธรรมชาติ ซีอิ๊วหรือเครื่องปรุงแบบไม่มีกลูเตนผสม กะปิที่หมักจากเคยอย่างดี แกงกะทิใช้กะทิที่เคี่ยวจนได้น้ำมันขี้โล้ และของหมักดองก็เป็นแบบโฮมเมดทั้งสิ้น รวมไปถึงสมุนไพรและเครื่องเทศหลายชนิดที่นำมาใช้ก็มีสรรพคุณช่วยดูแลสุขภาพด้วยเหมือนกัน ใครที่อยากไปลองลิ้มชิมรส Siam Origins เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 – 19.00 น. ที่ มิวเซียมสยาม (MRT สนามไชย ทางออก1) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : SiamOriginsbkk
Targ Blonie Market ตลาดสดสไตล์มินิมอลในโปแลนด์ โปร่งสบาย ถูกสุขอนามัย เชื่อมคนในชุมชนเข้าหากัน
เมื่อพูดถึง ‘ตลาดสด’ ภาพในหัวของใครหลายคนคงจะเป็นสถานที่ร้อนๆ อากาศอบอ้าว บรรยากาศมืดครึ้ม มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ต่อจากนี้ เราขอให้คุณลบภาพเหล่านั้นทิ้งไปให้หมด เพราะวันนี้เราจะพาไปดูตลาดสดในประเทศโปแลนด์ที่จะเปลี่ยนความคิดของคุณไปอย่างสิ้นเชิง ‘Targ Blonie Market’ เป็นตลาดสดที่ตั้งอยู่ในชุมชน Blonie เมืองเล็กๆ ใกล้เมือง Warsaw ประเทศโปแลนด์ ที่เกิดขึ้นจากการพยายามปรับปรุงตลาดสดดั้งเดิมให้มีความน่าสนใจและเข้าถึงผู้คนในชุมชนได้ง่ายขึ้น ผ่านการออกแบบภาพลักษณ์ใหม่ให้มีความปลอดโล่งโปร่งสบายและสนับสนุนวัตถุดิบในท้องถิ่น Targ Blonie Market ถูกพัฒนาขึ้นโดย ‘Aleksandra Wasilkowska Architectural Studio’ สตูดิโอออกแบบที่รับผิดชอบ ภายใต้แนวคิด ‘Shadow Architecture’ ซึ่งเป็นวิธีการจัดวางตำแหน่งโครงสร้างและหลังคาที่เหมาะสมเพื่อให้ได้แสงที่ช่วยส่งเสริมบริเวณโดยรอบ และจัดการกับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและโครงสร้างพื้นฐานของตลาด จนเกิดเป็น ‘ตลาดลูกผสม’ ระหว่าง ‘สวนสาธารณะ’ และ ‘ตลาดสด’ ด้วยภาพลักษณ์สะอาดตาจากหลังคาสีขาวที่สร้างขึ้นเพื่อบังแสงแดดและฝน รวมไปถึงแผงขายของแบบขั้นบันได ทำให้การวางสินค้าเป็นไปอย่างสวยงามมากยิ่งขึ้น แนวคิดนี้มีจุดมุ่งหมายหลักคือ การทำให้ประชาชนในพื้นที่เข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพในราคาไม่แพงได้ โดยเน้นไปที่การจำหน่ายวัตถุดิบจากเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีอำนาจในการต่อรอง และสร้างสายใยความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนให้แน่นแฟ้นมากขึ้น อีกหนึ่งความพิเศษของ Targ Blonie Market ที่ทำให้ตลาดสดแห่งนี้เป็นมากกว่าตลาดทั่วๆ ไปคือ เมื่อตลาดปิดให้บริการ […]
เปิดย่านพระนครตะลอนออนดราม่า ในงาน Cultural District 2023 เกาะรัตนโกสินทร์ 19 – 28 พ.ค. 66
กลับมาอีกครั้งกับงาน ‘Cultural District’ โดยมิวเซียมสยาม กับคอนเซปต์ ‘พระนคร ออน ดราม่า’ ที่จะพาทุกคนไปเปิดเกาะรัตนโกสินทร์ เสพดราม่ากับอดีต 5 อัครสถานบันเทิงแห่งย่านพระนคร และไม่ใช่แค่เดินดูสถานที่แห่งความทรงจำเท่านั้น แต่ยังเป็นการเข้าไปรับชมการแสดงที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับได้ย้อนเวลาไป ณ ตอนนั้นจริงๆ ภายในงานมีการจัดการแสดงทั้งหมด 5 สถานที่ ดังนี้ 1) ‘สังคีตศาลา National Museum Bangkok : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร’ ที่จะพาทุกคนไปรับชมละครใน ละครนอก รำฉุยฉาย ทริปตามรอยประวัติศาสตร์มหรสพวังหน้าและมหรสพต้นกรุง 2) ‘สวนสาธารณะป้อมมหากาฬ’ กับการแสดงลิเก ล้อมวงพูดคุย และงานแสดงภาพถ่ายจากสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย 3) ‘ลานคนเมือง ท่าพระจันทร์’ กับนิทรรศการย้อนความหลังของดนตรียุค 90 และมินิคอนเสิร์ต Inspiration from 90s โดย น้อง ท่าพระจันทร์ 4) ‘โรงภาพยนตร์ควีนส์’ โรงภาพยนตร์เก่าแห่งวังบูรพา ที่ทุกคนจะได้เข้าชมห้องฉายภาพยนตร์ ร่วมทริปตามรอยโก๋หลังวัง และนิทรรศการ […]
‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อการวิจัย ฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
มหาสมุทรอาจดูเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่กว้างใหญ่ จนเราไม่สามารถดูแลและปกป้องได้อย่างเต็มที่ แต่หากยังปล่อยให้การดำเนินชีวิตและการท่องเที่ยวทำร้ายแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่เรื่อยๆ ก็ถือเป็นการเร่งความเสียหายให้กับธรรมชาติ และอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตต่อไปในอนาคตก็ได้ ทาง ‘URB’ ผู้พัฒนา Net Zero Sustainable Cities ได้ออกแบบ ‘Dubai Reefs’ โครงการฟื้นฟูมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเมือง Emirati ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยสร้างเป็นชุมชนลอยน้ำที่ยั่งยืนสำหรับการวิจัยทางทะเล การฟื้นฟู และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่วางเป้าหมายว่าจะสร้างงานได้มากกว่า 30,000 ตำแหน่งในระบบเศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงที่อยู่อาศัย การท่องเที่ยว การค้าปลีก การศึกษาและการวิจัย หลักสำคัญของโครงการ Dubai Reefs คือสถาบันทางทะเลที่ตั้งขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ทางทะเลและความสามารถในการอนุรักษ์ของดูไบ ในขณะเดียวกันก็มีการสร้างแนวปะการังเทียมที่มีความยาวครอบคลุมพื้นที่ 200 ตารางกิโลเมตร และยังมีแผนสร้างบ้านของปะการังมากกว่า 1 พันล้านต้นและต้นโกงกางมากกว่า 100 ล้านต้นด้วย นอกจากงานวิจัยและการอนุรักษ์แล้ว โครงการ Dubai Reefs ยังจะเปิดเป็นพื้นที่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเลเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้มาเยือน โดยจะมีที่พักลอยน้ำเชิงนิเวศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจากพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้าพลังงานน้ำ เป้าหมายหลักของ Dubai Reefs คือการเปลี่ยนเมืองให้เป็นจุดหมายปลายทางเชิงนิเวศ ที่มหาสมุทรและภูมิทัศน์ต่างๆ สามารถเติบโตอย่างสมดุลไปพร้อมๆ […]
The Arc อาคารไม้ไผ่ของโรงเรียนในบาหลี แนวคิดการออกแบบด้วยวัสดุทางเลือกที่ยั่งยืน
IBUKU คือทีมนักออกแบบและผู้สร้างสถาปัตยกรรมที่ปรารถนาจะใช้ประโยชน์จาก ‘ไม้ไผ่’ และใช้ช่างฝีมือรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อพัฒนาแนวคิดโบราณและแนวคิดใหม่ให้สมดุลกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าศักยภาพของต้นไผ่นั้นถูกประเมินค่าต่ำเกินไป และน่าจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อยู่ในภูมิภาคเขตร้อน เช่น เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก แปซิฟิกใต้ อเมริกากลางและใต้ เป็นต้น เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้ต่างคุ้นเคยกับพรรณไม้ชนิดนี้มาเป็นร้อยๆ ปี เราขอยกตัวอย่างผลงานสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งในประเทศบาหลีที่นำวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่มาใช้สร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย สถาปัตยกรรมนี้ชื่อว่า ‘The Arc’ ได้รับการออกแบบโดยความร่วมมือจาก Jörg Stamm ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ไผ่ชาวเยอรมัน และ Atelier One บริษัทวิศวกรรมโครงสร้างในสหราชอาณาจักร โครงการนี้เรียบง่าย โดยใช้ไม้ไผ่มาสร้างเป็นหลังคาที่มีลักษณะคล้ายเปลือก ทำหน้าที่บังแดดลมฝน ครอบสนามกีฬาอเนกประสงค์ของโรงเรียน Green School ซึ่งเป็นสถาบันชื่อดังในอินโดนีเซียที่ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความยั่งยืนร่วมกับผู้คนในชุมชน เมื่อมอง The Arc จากภายนอกจะพบรูปร่างเปลือกที่มีความโค้งเว้าลื่นไหลไปกับรูปทรงของธรรมชาติโดยรอบ เป็นภาพหลังคาที่มีความซับซ้อนไม่ธรรมดา สถาปนิกกล่าวว่า โครงการต้องใช้เวลาหลายเดือนในการวิจัยเพื่อกำหนดวิธีการสร้าง ตั้งแต่การเริ่มต้นสร้างแบบจำลอง ทดสอบอายุการใช้งานของไม้ไผ่ หรือวิธีการป้องกันแมลงต่างๆ ฯลฯ จนเกิดเป็นซุ้มไม้ไผ่ที่มีความสูง 14 เมตร ความยาว 19 เมตร แปลนของอาคารมีความกว้าง 23.5 เมตร […]
‘จักรพรรดิพงษ์’ ถนนทางผ่านย่านโรงพิมพ์หนังสือ ที่กำลังถูกปลุกให้ตื่นจากหลับใหล
ในวันที่ย่านเก่าอย่างนางเลิ้งและหลานหลวง เป็นปลายทางของผู้คนที่หลั่งไหลมาฮอปปิงคาเฟ่ที่ผุดขึ้นมากมายในพื้นที่ คืนความคึกคักกลับเข้ามาในพื้นที่โอลด์ทาวน์แถบนี้อีกครั้ง ไม่ต่างกับยุครุ่งเรืองของตลาดนางเลิ้งเมื่อครั้งอดีตที่เป็นจุดหมายของเหล่าหนุ่มสาวชาวพระนครมายาวนาน ใกล้ๆ กันยังมีอีกชุมชนหนึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ริมสองฝั่งของ ‘ถนนจักรพรรดิพงษ์’ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมร้อยทั้งสองย่านที่ว่านี้เข้าด้วยกัน แม้วันนี้จะอยู่ในสถานะของทางผ่านจนหลายคนอาจมองข้ามไป หรือถูกเหมารวมไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งของย่านข้างเคียง ทว่าจริงๆ แล้วตรงนี้ก็มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นไม่น้อย เพราะแต่ก่อน บนถนนสายนี้เคยเต็มไปด้วยโรงพิมพ์และร้านหนังสือการ์ตูนในวันที่สิ่งพิมพ์เฟื่องฟู มีร้านทำผมบาร์เบอร์และซาลอนยุคเก่าตั้งเรียงรายกว่าสิบร้าน ไปจนถึงภาพชินตาอย่างร้านกล้วยแขกหลากหลายสีเอี๊ยมที่เป็นสัญลักษณ์ประจำย่านนี้ ชวนย้อนความหลังฟังเรื่องเล่าจากหลายปากเสียงของชาวชุมชนจักรพรรดิพงษ์ ถึงบรรยากาศในอดีตของย่าน พัฒนาการของร้านค้าและชุมชน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่กำลังปลุกให้ย่านทางผ่านที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ถนนที่นำพระนามอันไพเราะของพระอนุชาของรัชกาลที่ 5 มาตั้งเป็นชื่อนั้น คือผลพวงส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว โดยตัดแยกมาจากถนนบำรุงเมือง ถนนสายแรกๆ ในสยาม เชื่อมกับถนนราชดำเนิน เส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างโซนเมืองเก่าตรงพระบรมมหาราชวังกับเมืองใหม่ (ในสมัยนั้น) แถบดุสิต แต่แรกเลยแถบนี้ยังเป็นพื้นที่สวนตามประสาบรรยากาศชานเมือง กว่าจะมีอาคารพาณิชย์ตลอดสองฝั่งถนนจักรพรรดิพงษ์แบบที่เห็นกัน ก็ต้องรอจนถึงประมาณช่วงทศวรรษ 2490 หลังจากนั้นจึงเริ่มเป็นย่านการค้าที่มีร้านรวงต่างๆ เข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อประกอบกิจการกันอย่างหลากหลาย นอกจากร้านทำผมแล้ว ก็มีร้านตัดเสื้อสูท ร้านทำฟันแบบโบราณ ทำแป้งประหน้า ร้านเอกซเรย์ ร้านขายเคมีภัณฑ์ ฯลฯ ซึ่งสลับสับเปลี่ยนเจ้าของอยู่ตลอด บ้างก็ย้ายไปที่อื่นแล้วในตอนนี้ บางห้องก็ยังมีลูกหลานอยู่กระทั่งปัจจุบัน ‘สุขศาลานางเลิ้ง’ อดีตสถานอนามัยของชาวกรุง “ชุมชนป้าไม่ใหญ่ แต่มีสตอรีเยอะ” ป้าจิ๋ว […]
‘พอกันทีศักดินา ฉันจะโหวต’ การเลือกตั้งครั้งแรกของโลกเมื่อ 2,500 ปีก่อน | Now You Know
ชาวไทยหลายคนคงกำลังตั้งตารอให้ถึงวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เพราะเป็นวันเลือกตั้งใหญ่ที่เราจะได้เลือกผู้แทนเข้าไปกำหนดอนาคตของประเทศไทย ย้อนไปเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ที่กรุงเอเธนส์ ชีวิตของคนทั้งเมืองเคยถูกปกครองโดยคนไม่กี่คน จนเกิดแนวคิดที่จะปฏิรูปด้วยการลดอำนาจการปกครองของชนชั้นสูงลง แล้วเริ่มขยายอำนาจให้คนทั่วไปมากขึ้น Now You Know ครั้งนี้จะพาทุกคนไปรู้จัก ‘การเลือกตั้งครั้งแรกของโลก’ ที่กลายเป็นสารตั้งต้นของแนวคิดประชาธิปไตย ทำให้ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ตัดสินใจและกำหนดทิศทางที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของตัวเอง