‘เมืองสุขภาพดี’ คือเมืองที่เอื้อให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีจากสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย ตอบสนองความต้องการพื้นฐาน และเปิดโอกาสให้คนมีปฏิสัมพันธ์จากการทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ปัจจุบันเมืองใหญ่จำนวนไม่น้อยมีสุขภาพย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เนื่องจากคนจากต่างจังหวัดหรือพื้นที่อื่นๆ ย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น ด้วยความหวังว่าจะมีชีวิตดีและก้าวหน้ามากกว่าเดิม
เมื่อคนส่วนใหญ่มารวมตัวกันอยู่ในเมือง ปัญหาที่ตามมาก็คือประชากรมีมากเกินไป ทำให้โครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่แล้วไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทุกคนได้ ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ที่อยู่อาศัยคับแคบ ความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข ระบบขนส่งมวลชนไม่ครอบคลุม พื้นที่สาธารณะมีจำกัด มลพิษทางอากาศ หรือแม้แต่อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำลง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนสร้างผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของชาวเมืองได้ทั้งสิ้น
ดังนั้น คอลัมน์ Urban Sketch จึงขออาสาจำลองเมืองสุขภาพดีตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อพัฒนาเมืองและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว ปัจจัยอะไรบ้างที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพของทั้งเมืองและผู้คนอย่างถ้วนหน้า ไปติดตามพร้อมกันได้เลย
1. ดูแลสุขภาพจิตของผู้คน
ปัญหาที่คนเมืองต้องพบเจอในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นความกดดันในการใช้ชีวิตและการทำงาน ความยากจน มลภาวะ โครงสร้างพื้นฐานที่ย่ำแย่ ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่อาการป่วยทางจิตได้ ดังนั้น ผู้คนควรมีสิทธิ์เข้าถึงบริการทางด้านสุขภาพจิตมากขึ้น เช่น การเข้าถึงการปรึกษาหรือการรักษาผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยให้คนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่พวกเขาเจอในแต่ละวันและระบายความเครียดได้
2. เพิ่มพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียว
การสร้างตึกและอาคารคือการเจริญเติบโตของเมืองที่ทำให้เมืองแออัด และทำให้มีพื้นที่ในการใช้ชีวิตน้อยลงเรื่อยๆ ไม่เพียงเท่านั้น เมืองที่หนาแน่นจนรู้สึกอึดอัดยังอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย เพราะฉะนั้นการเพิ่มพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวจึงเป็นแนวทางสำคัญที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมและกิจกรรมทางกายของผู้คน รวมถึงเปิดโอกาสให้คนที่ใช้ชีวิตคนเดียวได้พบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าได้
3. ส่งเสริมการออกกำลังกาย
วิถีชีวิตของคนเมืองวนเวียนอยู่กับการทำงานเป็นส่วนใหญ่จนแทบไม่มีเวลาออกกำลังกายกันเท่าไร การจัดวางผังเมืองเพื่อเอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกายทางอ้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การมีพื้นที่สำหรับปั่นจักรยานเดินทางไปทำงาน หรือทางเดินที่สามารถเดินรอบๆ เมืองได้ เท่านี้ก็จะช่วยให้คนเมืองมีสุขภาพที่ดีจากการออกกำลังกายได้ทุกวันแล้ว
4. ป้องกันอุบัติเหตุทางถนน
อุบัติเหตุบนท้องถนนคือหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของหลายเมืองทั่วโลก โดยเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งความไม่ปลอดภัยของถนนเอง เช่น ไม่มีไฟส่องสว่างจนทำให้มองไม่เห็นทาง การออกแบบเส้นทางที่มีความเสี่ยงอย่างทางโค้งอันตราย หรือสาเหตุจากการขับรถเร็ว เมาแล้วขับ และไม่สวมหมวกนิรภัย เป็นต้น
ดังนั้น เมืองจึงต้องใส่ใจเรื่องความปลอดภัยบนถนนของทั้งคนใช้รถยนต์และคนเดินถนน ผ่านการรณรงค์สร้างจิตสำนึกสาธารณะ นอกจากนี้ การมีกฎหมาย ข้อกำหนด หรือบทลงโทษที่จริงจัง ก็จะช่วยให้คนตระหนักถึงการใช้ถนนร่วมกันซึ่งจะลดจำนวนอุบัติเหตุลงได้
5. ควบคุมคุณภาพอากาศ
มลพิษทางอากาศที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ รวมถึงการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ล้วนส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงอากาศบริสุทธิ์ในเมือง แม้จะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ปัญหาเหล่านี้อาจแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการจัดตั้งโรงงานให้อยู่ห่างไกลจากเขตชุมชน ส่งเสริมให้ผู้คนใช้รถโดยสารสาธารณะเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวจำนวนมาก รวมถึงจัดตั้งและบังคับใช้สถานที่ปลอดบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ เพื่อป้องกันไม่ให้มลพิษจากควันบุหรี่มือสองกระจายไปในวงกว้าง
6. ควบคุมโภชนาการ
อาหารจานด่วนถือเป็นเมนูยอดนิยมของคนเมืองที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบในทุกๆ วัน เพราะสะดวก เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารด้วยตัวเอง แต่อาหารประเภทนี้มักขาดคุณค่าทางโภชนาการและส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น เมืองจึงควรมีการควบคุมโภชนาการอาหาร เช่น การกำหนดให้ร้านอาหารใช้วัตถุดิบสดใหม่แทนการใช้วัตถุดิบแปรรูป หรือการติดฉลากอาหารที่เข้าใจง่าย โดยวิธีการเหล่านี้จะช่วยให้คนเข้าถึงอาหารที่ดีและมีราคาจับต้องได้
7. ปรับโครงสร้างเมืองให้เป็นมิตรกับผู้สูงวัย
เมืองที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัยจะช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีขึ้น เพราะปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มตัว ดังนั้น การปรับโครงสร้างเมืองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจึงถือเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากร เช่น การพัฒนาขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุมและเข้าถึงง่าย และการสนับสนุนด้านสุขภาพและสังคม เพื่อเอื้อให้ผู้สูงอายุในเมืองสามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้อย่างอิสระ รวมถึงออกไปทำกิจกรรมคลายเหงาและหาความสุขจากเวลาว่างได้อย่างเต็มที่
8. หาแนวทางลดความรุนแรง
อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในหลายเมือง ไม่ได้เกิดจากความรุนแรงจากการทำร้ายร่างกายหรือการเข้าถึงสิ่งผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับจิตใจซึ่งอาจเกิดจากความยากจนและการเลี้ยงดูที่ไม่ดีจากครอบครัว จนทำให้เกิดความวิตกกังวล ตำหนิตัวเอง หรือเกิดความหวาดกลัว เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้เช่นกัน เมืองจึงควรหาแนวทางในการลดความรุนแรงทุกรูปแบบ อาจจะมาในรูปแบบของศูนย์ให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหา หรือการให้การศึกษาอย่างทั่วถึงเพื่อส่งเสริมให้เกิดการประกอบอาชีพ รวมถึงต้องควบคุมดูแลปัญหายาเสพติดและการใช้อาวุธอย่างใกล้ชิดด้วย
Source :
WHO | bit.ly/3Hw3CWH