นักวิทยาศาสตร์เตือนให้โลกหยุดปล่อยก๊าซ CO2 - Urban Creature

ใครเป็นคอหนังคงรู้จักหรือเคยดู Don’t Look Up ภาพยนตร์เกี่ยวกับนักดาราศาสตร์สองคนที่ออกมาเตือนมนุษยชาติเกี่ยวกับดาวหางที่ใกล้จะทำลายโลก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ นักการเมือง นักข่าว และผู้คนจำนวนมากกลับไม่สนใจ อีกทั้งยังทำให้คำเตือนถึงหายนะครั้งใหญ่นี้กลายเป็นเรื่องตลกอีกด้วย ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังไม่ได้ไกลตัวแต่อย่างใด เพราะตอนนี้เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันกำลังเกิดขึ้นจริงในโลกของเรา

6 เมษายน 2565 ปีเตอร์ คาลมุส (Peter Kalmus) นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากนาซา (NASA) ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวประท้วงอยู่ที่หน้าสำนักงานของบริษัทเจพีมอร์แกนเชส (JPMorgan Chase) ในนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา พวกเขามัดข้อมือของตัวเองไว้กับประตูของบริษัท และยังมีผู้ประท้วงรายอื่นๆ ยืนปักหลักอยู่บริเวณหน้าสำนักงานด้วย

นักวิทยาศาสตร์และผู้ประท้วงเลือกมารวมตัวที่หน้าสถาบันทางการเงินและการลงทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เนื่องจากระหว่างปี 2559 – 2564 ในบรรดาธนาคารเพื่อการลงทุนทั้งหมดของโลก เจพีมอร์แกนเชสคือบริษัทที่ระดมทุนสนับสนุนโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลมากที่สุด หรือกว่า 382 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,900 ล้านบาท) 

นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้เจพีมอร์แกนเชส รวมถึงบริษัทอื่นๆ หยุดสนับสนุนเงินทุนให้แก่โครงการเชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะผลผลิตสุดท้ายของการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลคือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกให้ค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศโลก โครงการเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โลกเผชิญกับหายนะจากภาวะโลกร้อน 

คาลมุสกล่าวพร้อมน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมมาประท้วงที่หน้าบริษัทแห่งนี้ เพราะไม่มีใครฟังเสียงของนักวิทยาศาสตร์เลย ผมพร้อมเสี่ยงชีวิตและอาชีพเพื่อโลกที่สวยงามใบนี้ นักวิทยาศาสตร์พยายามเตือนพวกคุณมาหลายสิบปีแล้วว่าโลกกำลังมุ่งหน้าสู่หายนะที่เลวร้ายและใหญ่หลวง”

แม้ว่าการประท้วงเป็นไปอย่างสงบ แต่ทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ในชุดปราบจลาจลกว่า 100 นายเข้ามาควบคุมสถานการณ์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้จับกุมเหล่านักวิทยาศาสตร์ รวมถึงคาลมุส และผู้ประท้วงบางราย ก่อนพวกเขาจะถูกปล่อยตัวภายหลัง

ความเคลื่อนไหวของนักวิทยาศาสตร์ในลอสแอนเจลิสคือส่วนหนึ่งของการรณรงค์ของ ‘Scientist Rebellion’ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการเปิดเผยความจริงและความรุนแรงของภาวะโลกร้อน โดยช่วงต้นเดือนเมษายน 2565 นักวิทยาศาสตร์กว่า 1,000 คนใน 26 ประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร สเปน เดนมาร์ก เอกวาดอร์ และมาลาวี ได้ออกมาประท้วงอารยะขัดขืนเพื่อเตือนชาวโลกถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้น โดยในหลายประเทศ นักวิทยาศาสตร์และผู้ประท้วงบางส่วนก็ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมและอุ้มออกจากพื้นที่ประท้วงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม วันที่ 12 เมษายน 2565 กลุ่ม Scientist Rebellion และคาลมุส ได้เผยแพร่วิดีโอที่นักวิทยาศาสตร์และผู้ประท้วงถูกจับกุมบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้คนจำนวนมากร่วมแสดงความคิดเห็นและสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้ 

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางรายประณามการทำงานของรัฐบาลและบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงเกิดการเรียกร้องและเชิญชวนให้ผู้คนร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในชีวิตประจำวันด้วยวิธีง่ายๆ เช่น การประหยัดน้ำ การประหยัดไฟ และการปลูกต้นไม้ จนเกิดเป็นกระแสแฮชแท็ก #LetTheEarthBreathe และ #LetTheScientistBeheard เพื่อขับเคลื่อนและสร้างความตระหนักเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนต่อไป

การประท้วงของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกเกิดขึ้นไม่นานหลังจากคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ที่ระบุว่า โลกต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างช้าที่สุดภายในปี 2025 หรืออีกไม่ถึง 3 ปี และต้องลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 43 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้ภายในปี 2030 พร้อมระบุว่า หากมนุษย์ต้องการจำกัดอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่คาดว่ามนุษย์น่าจะยังใช้ชีวิตอยู่ได้ โลกต้องเริ่มลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจังและทันที 

หากมนุษย์ไม่สามารถจำกัดอุณหภูมิของโลกได้ และปล่อยให้ตัวเลขดังกล่าวสูงเกิน 3 องศาเซลเซียส จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวง เช่น ไฟไหม้ พายุ น้ำท่วม และภัยแล้ง เป็นต้น ซึ่ง IPCC คาดการณ์ว่า ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปัจจุบัน อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 3.2 องศาเซลเซียสภายในสิ้นศตวรรษนี้ หรืออีกไม่ถึง 80 ปี

การประท้วงของ Scientist Rebellion จึงเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นว่า โลกต้องฟังเสียงและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญอย่างจริงจัง และการลงมือแก้ไขปัญหาโลกร้อนคือสิ่งที่รอช้าไม่ได้

ขณะนี้การประท้วงของเหล่านักวิทยาศาสตร์ยังคงดำเนินการอยู่ ใครอยากร่วมปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลก สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาคเงินสนับสนุนและการมีส่วนร่วมได้ที่ scientistrebellion.com/donate หรือ climateadproject.org/donate

Sources : 
BBC | t.ly/4067m
Capital & Main | t.ly/NxT6
Ecosystem Marketplace | t.ly/tWIl
Independent | t.ly/cH0J
PPTV | t.ly/3ayB
Scientist Rebellion | t.ly/cnBf
Spring News | t.ly/d3h7
The Guardian | t.ly/eYqR, t.ly/bbtJ
TNN | t.ly/0cvz
Twitter : Peter Kalmus | t.ly/zuuv
World of Buzz | t.ly/aPgbh

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.