Bronx Children’s Museum เปลี่ยนโรงไฟฟ้าเก่าเป็นพิพิธภัณฑ์เด็ก หลังจากดำเนินการโดยไม่มีอาคารมากว่า 10 ปี

หลังจากที่ ‘Bronx Children’s Museum’ พิพิธภัณฑ์สำหรับเด็กบนรถบัสสีม่วงสดใส ได้เคลื่อนตัวไปทั่วนิวยอร์กโดยไม่มีอาคารจัดแสดงเป็นหลักเป็นแหล่งมานานกว่า 10 ปี ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมปีที่แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอาคารที่ตั้งอย่างเป็นทางการที่ริมแม่น้ำฮาร์เล็มในเขต South Bronx Bronx Children’s Museum แห่งนี้กินพื้นที่ขนาด 13,650 ตารางฟุตในชั้นสองของโรงไฟฟ้าเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1925 อยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวจาก Bronx Terminal Market, Yankee Stadium และสถานีรถไฟใต้ดินใกล้เคียง จุดมุ่งหมายของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ ต้องการให้เด็กๆ ในเมืองมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมของเมืองและธรรมชาติ ผ่านการออกแบบโดยสตูดิโอ ‘O’Neill McVoy Architects’ ที่เชื่อมต่อรูปทรงเรขาคณิตเข้ากับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำ แผ่นกั้นห้องและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายใน Bronx Children’s Museum สร้างขึ้นจากผนังพาร์ติชันไม้ลามิเนต (CLT) แบบโค้งดัดได้และแผ่นอะคริลิกรีไซเคิลโปร่งแสง ให้ความรู้สึกเหมือนภายในมีความเชื่อมต่อกันระหว่างที่เราเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีการใช้โคมไฟ LED ระบบเซนเซอร์ที่เพิ่มหรือลดแสงภายในพิพิธภัณฑ์ให้สอดคล้องไปกับแสงแดดจากภายนอกอย่างเหมาะสม หน้าต่างที่ช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น รวมไปถึงติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของระบบเครื่องปรับอากาศภายในตัวอาคาร ปัจจุบัน Bronx Children’s Museum เปิดให้เข้าชมสัปดาห์ละ […]

‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศ ให้เลือกแมตช์ 20 เสียง กับ 40 ภาพพื้นหลัง มีฟังก์ชันจับเวลา สมุดโน้ต และ PDF Reader

เว็บไซต์สร้างบรรยากาศระหว่างทำงาน ที่ฟังเพลงไปพร้อมๆ กับเสียงบรรยากาศอาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แล้วในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีทั้งเว็บไซต์ LifeAt, Imissmycafe หรือ Noisli ให้เลือกใช้ แต่ครั้งนี้ Urban Creature ขอป้ายยาอีกครั้งกับ ‘Lofi.co’ เว็บไซต์ฟังเพลงพร้อมเสียงบรรยากาศเบาสบาย ที่อาจกลายเป็นเพื่อนคนใหม่ในวันเหงาๆ ที่คุณต้องทำงานอยู่บ้านคนเดียว ด้วยความพิเศษที่ผู้ใช้สามารถเลือกมิกซ์เสียงบรรยากาศได้ตั้งแต่เสียงฝน คีย์บอร์ด รถไฟ หรืออื่นๆ อีกมากมายกว่า 20 เสียง ให้กลายเป็นเสียงบรรยากาศประจำตัวได้ง่ายๆ แถมเอาไปจับคู่กับภาพวาดพื้นหลังที่มีให้เลือกกว่า 40 ภาพ (อัปเดตทุกเดือน) หรือเพลงสไตล์ Lofi จากเว็บไซต์เองก็สนุกไปอีกแบบ นอกจากนี้ ภาพวาดพื้นหลังสถานที่ต่างๆ ยังมีกิมมิกที่ให้ผู้ใช้งานเลือกเปลี่ยนเวลาจากกลางวันเป็นกลางคืนได้ เพิ่มความแปลกใหม่และเข้ากับช่วงเวลาที่ใช้งานอยู่ นี่ยังไม่รวมฟังก์ชันอื่นๆ อย่างนาฬิกาจับเวลาแบบ Pomodoro ที่เป็นเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งที่ช่วยให้เรามีสมาธิกับงานที่ทำมากขึ้น สมุดโน้ตที่จดบันทึกความคิดได้ตลอดเวลา PDF Reader ที่นำเข้าไฟล์ได้ไม่สะดุด หรือแม้กระทั่งคลิป YouTube ที่เล่นภายในหน้าเว็บไซต์ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนหน้าเว็บให้วุ่นวาย Lofi.co เปิดให้ใช้บริการฟรีในบางฟีเจอร์ และเปิดให้สมัครสมาชิกสำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของเว็บไซต์ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นใน 3 ราคา ดังนี้ ใครสนใจอยากลองเล่นเว็บไซต์แบบฟรีๆ […]

Urban Eyes 35/50 เขตบางเขน

บางเขนเป็นอีกหนึ่งเขตที่เราแทบไม่เคยไปทำความรู้จักเลย พอได้มีโอกาสลงพื้นที่สำรวจ ก็ทำให้รู้ว่าเขตนี้มีรถไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว แต่ถนนหนทางยังไม่ค่อยเรียบร้อยเป็นระบบนัก นอกจากมีวัดและห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์กประจำเขตเหมือนทุกๆ เขตแล้ว เขตนี้ก็มีอีกสถานที่ที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ สวนสาธารณะ ซึ่งเป็นสวนที่จัดวางต้นไม้อย่างแน่นขนัด ทั้งยังมีสนามกีฬาหลากหลายประเภท แถมบรรยากาศดี ถ้าอยู่แถวนี้เราคงไปแทบทุกวัน และนี่คือเหล่าสถานที่ในเขตบางเขนที่เราไปตะลุยเดินถ่ายภาพแนวสตรีทโฟโต้มาให้ทุกคนชมกัน วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร ━ วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2484 โดยได้รับอนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ในปีเดียวกัน และเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารใน พ.ศ. 2485 ถ้าใครขับรถไปตามถนนพหลโยธินโดยไม่ลอดอุโมงค์ใต้ถนนรามอินทรา จะมองเห็นเจดีย์ขาวๆ ของที่นี่อย่างเด่นชัด บริเวณรอบๆ ตัวเจดีย์มีรูปปั้นองค์พระให้กราบไหว้ขอพร ส่วนตรงกลางภายในเจดีย์นั้นมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่รายล้อมด้วยช่องบรรจุอัฐิของผู้ทำประโยชน์แก่ประเทศ ผู้คนที่เข้ามากราบไหว้สักการะบางส่วนก็เข้ามานั่งสมาธิ ทำวิปัสสนากรรมฐาน เราชอบซีนรอบนอกของวัด เนื่องจากมีผู้คนเข้ามากราบไหว้เรื่อยๆ บวกกับรูปปั้นที่อยู่รอบบริเวณช่วยสร้างความน่าสนใจให้พื้นที่ ทั้งนี้ รอบบริเวณเจดีย์ที่นี่ก็มีสวนหย่อมเล็กๆ ให้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย ตลาดลาดปลาเค้า ━ ที่นี่เป็นตลาดเล็กๆ มีหลังคาคลุม ช่วงเย็นมีตลาดนัด แต่หาที่จอดยากหน่อย ดูเป็นแหล่งของกินของใช้ของชาวบางเขน วิหารเสด็จพ่อพระศิวะ ━ แค่ชื่อเราก็รู้แล้วว่าต้องมีองค์พระศิวะแน่นอน เมื่อไปถึงวิหารฯ เราจะเห็นองค์พระศิวะขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรเลย นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นองค์พระหลากหลายแบบให้เลือกกราบไหว้ได้ตามอัธยาศัย ทั้งพระไทยและพระจีน […]

‘Cultural Pavilion’ ฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่ในออสเตรีย ที่รื้อถอน ประกอบใหม่ และขยายได้ตามต้องการ

คอนเสิร์ตและงานเทศกาลต่างๆ มักถูกเพ่งเล็งว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ที่ประเทศออสเตรีย มีฮอลล์คอนเสิร์ตที่เน้นเรื่องความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่ด้วย ‘Cultural Pavilion’ คือฮอลล์คอนเสิร์ตเคลื่อนที่แห่งใหม่ในเมือง Semmering ที่สร้างโดยบริษัทสถาปนิก ‘Vienna-based Mostlikely Architecture’ โดยออกแบบมาเพื่อให้มีความผสมผสานและกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบที่เป็นทิวทัศน์ของภูเขา Semmering เพื่อความกลมกลืนกับป่าด้านข้าง การก่อสร้าง Pavilion เลือกใช้ไม้สนที่ผ่านการรับรองในท้องถิ่นเท่านั้น โดยมีการแปรรูปต้นสนทั้งหมดประมาณ 75 ตันในการสร้าง ส่วนระบบปรับอากาศก็ใช้การระบายอากาศโดยธรรมชาติอย่างเหมาะสม และซัปพอร์ตด้วยหลักการ ‘ชิมนีย์เอฟเฟกต์’ (Chimney Effect) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานสูงของระบบทางเทคนิคที่อาจส่งผลต่อกระทบสิ่งแวดล้อมรอบด้าน นอกจากนี้ Cultural Pavilion ยังใช้วิธีการออกแบบกึ่งสำเร็จรูป ที่ถอดและประกอบตัวสิ่งก่อสร้างใหม่ได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น และหากในอนาคตจะมีเทศกาลขนาดใหญ่มาใช้พื้นที่แห่งนี้ ตัว Pavilion ก็สามารถดัดแปลงและขยายพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละงานได้เช่นกัน Cultural Pavilion ถูกออกแบบมาอย่างเรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยเส้นและความลาดเอียงในการตกแต่งภายใน ทั้งม่าน องค์ประกอบทางเทคนิค และแสงที่ส่องเข้ามา รวมถึงตัวอาคารที่มีหน้าต่างแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ มองเห็นทิวทัศน์ของป่าได้ไกลเกือบถึงเวียนนา ทำให้ผู้เข้าร่วมงานในเทศกาลต่างๆ ได้ชมวิวโดยรอบในระหว่างที่ดื่มด่ำกับงานแสดงภายในไปพร้อมๆ กัน Sources :Designboom | bit.ly/3Vy5RxZMostlikely | bit.ly/44w0gwj

‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ เกมทางเลือกที่อยากให้สังคมเข้าใจความกลัวของผู้หญิงทุกคน

ทุกครั้งที่ต้องแยกทางกับเพื่อนโดยเฉพาะช่วงกลางคืน เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงไม่ลืมที่จะกำชับและเตือนกันว่า ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วย’ จนประโยคนี้แทบจะกลายเป็นอีกหนึ่งคำบอกลาที่ติดปากไปแล้ว บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมประโยคเหล่านี้ถึงกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงหลายๆ คน ทำไมต้องอยากรู้ว่าเพื่อนถึงบ้านแล้วหรือยัง หรือทำไมถึงบ้านแล้วต้องบอกให้คนอื่นรับรู้ด้วย ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ อาจจะดูเป็นประโยคธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วแฝงไปด้วยความห่วงใย และสะท้อนถึงความอันตรายจากการเดินทางในเมืองนี้ เพราะการบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าตัวเอง ‘ถึงบ้านแล้ว’ เป็นการแสดงให้เห็นว่าเราปลอดภัยและกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ จากความเป็นห่วงเป็นใยในชีวิตประจำวันที่กลายเป็นความคุ้นชิน ‘ต้า-พิมพิศา เกือบรัมย์’ นักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์ สาขานิเทศศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงเลือกทำธีสิสที่ชื่อว่า ‘ถึงบ้านแล้วบอกด้วยนะ’ ซึ่งมาในรูปแบบของ ‘เกมทางเลือก’ ที่จำลองสถานการณ์การกลับบ้านคนเดียวในช่วงเวลากลางคืน โดยผู้เล่นต้องตัดสินใจแทนตัวละครเมื่อเผชิญเหตุการณ์ต่างๆ ท้ายที่สุดเกมนี้จะทำให้ผู้เล่นตระหนักและเข้าใจถึงความกังวลใจของผู้หญิงหลายๆ คนที่ต้องเดินทางกลับบ้านคนเดียว ไม่ว่าจะในช่วงเวลาไหนก็ตาม วันนี้ คอลัมน์ Debut ขอชวนทุกคนไปพูดคุยกับต้าถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ รวมไปถึงความตั้งใจที่จะทำให้ผู้คนในสังคมเข้าใจและตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามที่ผู้หญิงทุกคนต้องเจอ ปัญหาการคุกคามไม่ได้เกิดจากเหยื่อ “อยากลองทำอะไรสักอย่างให้สังคมได้พูดถึงปัญหาการคุกคามทางเพศหรืออันตรายของการเดินทางคนเดียวมากขึ้น อยากให้สังคมเลิกโทษเหยื่อและเข้าใจว่าการถูกคุกคามไม่ได้เกิดขึ้นจากเหยื่อ” ต้าเล่าถึงจุดเริ่มต้นของเกมนี้ซึ่งเกิดจากประเด็นเรื่อง ‘ความปลอดภัยของผู้หญิง’ ที่กลายเป็นปัญหาในสังคมของเรามานาน เนื่องจากประเทศไทยมีอาชญากรรมและความรุนแรงเกิดขึ้นอยู่รอบตัวทุกวัน และส่วนใหญ่เหยื่อจะเป็นเพศหญิง ทำให้เด็กและผู้หญิงส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังให้ระมัดระวังตัวกันมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าจะระวังตัวแค่ไหน เหตุการณ์อันตรายก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม สังคมของเราอาจยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจความกลัวและความกังวลเหล่านี้ ไม่ว่าจะในสื่อหลักหรือสื่อออนไลน์ เราเชื่อว่าข่าวที่ถูกหยิบมานำเสนอบ่อยครั้งคือเหตุการณ์ที่หญิงสาวถูกคุกคามทางเพศ ในสถานการณ์และสถานที่ที่ต่างกันไป แต่แทนที่จะตั้งข้อสงสัยกับการลงมือของคนร้าย สังคมกลับมักตั้งคำถามถึงการแต่งกายของผู้เสียหายก่อนเป็นอย่างแรก ทำให้ต้าเล็งเห็นถึงปัญหาและความไม่เข้าใจของคนในสังคมว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร […]

อะไรเอ่ย ทุกบ้านต้องมี แก้ร้อนแก้ชื้นไม่เปิดไม่ได้ | Now You Know

เดือนพฤษภาคมช่วงคาบเกี่ยวหน้าร้อนหน้าฝนแบบนี้ คนเมืองน่าจะกำลังหงุดหงิดกับอากาศร้อนๆ ชื้นๆ กันอยู่ ย้อนไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 สภาพอากาศที่ว่านี้ก็สร้างปัญหาแก่โรงพิมพ์แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ทำให้เครื่องจักรมีความชื้นจนเกิดความผิดพลาดในการพิมพ์ โรงพิมพ์จึงมอบภารกิจให้วิศวกรหนุ่มแก้ปัญหาอากาศร้อนชื้นนี้ Now You Know พาทุกคนย้อนเวลาไปสู่จุดเริ่มต้นของสิ่งประดิษฐ์ที่จะปฏิวัติสภาพอากาศ ทำให้มนุษย์ควบคุมความเย็นความร้อน ความชื้นความแห้งได้ดั่งใจ อย่าง ‘เครื่องปรับอากาศ’ หรือ ‘Air Conditioner’ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้

‘กลาสโกว์’ สู่การเป็น ‘เมืองเฟมินิสต์’ แห่งแรกของสหราชอาณาจักร ที่ออกแบบเพื่อคนทุกกลุ่ม

เมือง ‘กลาสโกว์’ ประเทศสกอตแลนด์ คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีแหล่งช้อปปิงและร้านค้ากระจายอยู่ทั่ว ที่สำคัญยังเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 3 ของสหราชอาณาจักร ที่มาพร้อมความเจริญเกือบทุกด้าน ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ จนทำให้กลาสโกว์มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเปิดกว้างสำหรับทุกคน ทว่าความก้าวหน้าของกลาสโกว์ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น เพราะล่าสุดเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ตั้งใจจะทำให้ ‘ผู้หญิง’ เป็นศูนย์กลางของการวางผังเมืองในทุกมิติ เพราะรัฐบาลของเมืองเชื่อว่า ‘การออกแบบเมืองที่ดีสำหรับผู้หญิง คือการออกแบบเมืองที่ดีสำหรับทุกคน’ คอลัมน์ City in Focus ชวนไปทำความเข้าใจว่า ‘เมืองสำหรับผู้หญิง’ หรือ ‘Feminist City’ หน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมเจาะลึกถึงแผนการสู่การเป็นเมืองเฟมินิสต์แห่งแรกของสหราชอาณาจักร และท้ายที่สุดมูฟเมนต์นี้จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กลาสโกว์ในมิติไหนบ้าง จุดเริ่มต้นของการออกแบบเมืองเพื่อผู้หญิง เส้นทางสู่การเป็นเมืองเฟมินิสต์ของกลาสโกว์เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 หลังจากสภาเทศบาลเมืองกลาสโกว์มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ที่จะทำให้ ‘ผู้หญิง’ เป็นหัวใจสำคัญของการวางผังเมืองทุกมิติ โดยผู้ยื่นข้อเสนอนี้คือ ฮอลลี บรูซ (Holly Bruce) สมาชิกสภาจากพรรคกรีน (Green) ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์กลายเป็นเมืองแรกในสหราชอาณาจักรที่จะโอบรับ ‘แนวคิดการออกแบบเมืองแบบสตรีนิยม’ หรือ ‘Feminist Urbanism’ Feminist Urbanism หมายถึงการออกแบบเมืองที่ส่งเสริมการไม่แบ่งแยก และการรวมความหลากหลายของคนทุกกลุ่มเข้าไว้ด้วยกัน […]

‘Saurk’ ส่วนผสมของส้อมและซอส ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การจิ้ม และไม่ต้องกลัวเทซอสเหลืออีกต่อไป

หากคุณเป็นคนที่ติดซอส ขาดซอสไม่ได้ แต่มีปัญหาทุกครั้งกับการกะปริมาณให้พอดี เพราะเมื่อเทใส่ถ้วยทีไรก็มักจะเหลือจนต้องทิ้งทุกครั้ง ต้องอย่าพลาดกับอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การกินอาหารแบบจิ้มซอสสะดวกขึ้น และทำให้ Enjoy Eating ยิ่งกว่าเดิม นอกจากจะคิดค้นรสชาติซอสใหม่ๆ มานานกว่า 100 ปี ‘Thomy’ แบรนด์ซอสในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยังหาวิธีเพิ่มความสุขในการกินผ่านการออกแบบให้เครื่องปรุงและอุปกรณ์การกินกลายเป็นสิ่งเดียวกัน นั่นคือเจ้า ‘Saurk’ ลูกผสมระหว่างซอสและส้อมที่จะมีรูเล็กๆ สำหรับบีบซอสมะเขือเทศ มายองเนส หรือมัสตาร์ด ออกมาให้เข้าปากได้อย่างพอดี เรียกได้ว่าจะกินซอสมากหรือน้อยก็กำหนดปริมาณเองได้ด้วยแรงมือ ถึงแม้จะดูเป็นวิธีการกินที่แปลกประหลาดไปหน่อย แต่รับรองว่าจะช่วยให้ประหยัดซอสได้โดยไม่ต้องกลัวว่าเทออกมาแล้วจะเหลือทิ้งเพราะไม่พอดีกับปริมาณอาหารแน่นอน วิธีการใช้งานก็ง่ายๆ แค่หมุนส่วนที่เป็นส้อมให้เข้ากับเกลียวของหลอดซอส Thomy จิ้มอาหาร และบีบให้ซอสไหลออกมา เพียงเท่านี้ก็จะได้กินอาหารพร้อมกับซอสอย่างพอดีคำ และเมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็สามารถถอดส้อมออกไปทำความสะอาด เพื่อเก็บไว้ใช้งานครั้งต่อๆ ไปได้อย่างไม่จำกัด Source :DesignTAXI | bit.ly/44oJ0c1

‘คนไทยขับรถไม่ดี เพราะนิสัยหรือความเหลื่อมล้ำบนท้องถนน’ คุยกับอ. ดร.เปี่ยมสุข สนิท

ย้อนกลับไปปี 2018 องค์การอนามัยโลกได้จัดทำรายงานสถานการณ์โลกด้านความปลอดภัยพบว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงที่สุดเป็นลำดับที่ 9 ของโลก โดยประมาณการผู้เสียชีวิต 32.7 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน แม้ว่าปีต่อมาสถานการณ์อุบัติเหตุไทยดีขึ้นเล็กน้อย แต่ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงที่สุดอันดับ 1 ในเอเชียและภูมิภาคอาเซียน ต่อมาในปี 2019 เป็นที่ฮือฮามากที่ The New York Times รายงานข่าวเป็นเวอร์ชันภาษาไทยครั้งแรก ในหัวข้อ ‘ถนนในเมืองไทยเป็นถนนที่อันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นคนจน’ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำบนท้องถนนที่คนจนตกเป็นเหยื่ออุบัติเหตุมากกว่าคนมีฐานะ จากระบบบัญชีข้อมูลด้านคมนาคม รายงานอุบัติเหตุปี 2564 เผยว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์มีทั้งหมด 5,246 ครั้ง ส่วนอุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ 2,069 ครั้ง แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เทมาที่ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ร้อยละ 41 ส่วนผู้ใช้รถยนต์เสียชีวิตแค่ร้อยละ 17 เท่านั้น นอกจากนี้ ข้อมูลจากกลุ่มสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบกที่อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ระบุว่า ประเภทรถที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศคือ รถจักรยานยนต์ 22.2 ล้านคัน ส่วนรถยนต์ส่วนบุคคล 11.9 […]

PowerPod นวัตกรรมกังหันลมในเมือง ใช้พื้นที่น้อย ปลอดภัยต่อคนและสัตว์ ทางเลือกใหม่ของพลังงานหมุนเวียน

การรักษาทรัพยากรเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนกำลังตระหนักถึงความสำคัญ และการใช้พลังงานทดแทนคือสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ โดยหนึ่งในพลังงานหมุนเวียนที่น่าจะเป็นแหล่งทุนที่หาง่ายที่สุดคือ ‘พลังงานลม’ แต่ด้วยข้อจำกัดของกังหันลมแบบเดิมที่มีขนาดใหญ่ ส่งเสียงดัง และอาจสร้างอันตรายต่อสัตว์ต่างๆ รวมถึงต้องอาศัยพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีลมโกรกอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ของเมืองได้ ด้วยเหตุนี้ ‘Halcium’ บริษัทสตาร์ทอัปในเมืองซอลต์เลกซิตี้ รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงออกแบบกังหันลมแบบใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านั้น ก่อให้เกิดพลังงานลมมาสู่เมืองต่างๆ ชื่อของกังหันลมที่ว่านี้คือ ‘PowerPod’ ซึ่งเป็นกังหันลมต้นแบบขนาดเล็กที่ดีไซน์มาให้รวบรวมอากาศได้ 360 องศา มีใบพัดอยู่ภายในที่ถูกปกป้องด้วยเปลือกนอก ส่งผลให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก สัตว์เลี้ยง และสัตว์ป่า อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพและกำลังมากกว่ากังหันลมทั่วไป ที่จะช่วยผลิตพลังงานได้มากกว่ากังหันลมแบบเดิมถึง 300 เท่า อีกความสามารถหนึ่งของ PowerPod คือ การรับพลังงานลมจากการเปลี่ยนทิศทางหรือหลายทิศทางพร้อมกันได้ ซึ่งลมแบบนี้มักพบได้บ่อยในสภาพแวดล้อมในเมือง พูดง่ายๆ คือ เจ้านวัตกรรมกังหันลมนี้สามารถผลิตพลังงานได้โดยไม่ต้องคำนึงทิศทางลม และเชื่อมต่อเข้ากับระบบไฟฟ้าของอาคารต่างๆ หรือรวมเข้ากับพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกักเก็บพลังงาน ใช้เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาพลังงานหมุนเวียนได้ มากไปกว่านั้น PowerPod ยังเป็นพลังงานสำรองสำหรับบ้านและการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในกรณีของเหตุฉุกเฉินหรือไฟฟ้าดับ และด้วยลักษณะที่มีรูปร่างเล็กกะทัดรัด ทำให้เอื้อต่อการติดตั้งบนหลังคา ระเบียง หรือขอบหน้าต่าง เพื่อรับลมและผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ทั้งนี้ PowerPod ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยบริษัทผู้ออกแบบกำลังดำเนินการ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของตัวต้นแบบให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ […]

‘ใน 1 วันมีหญิงไทยถูกทำร้ายหรือละเมิดทางเพศมากกว่า 7 คน’ สถิติความความรุนแรงต่อผู้หญิง

ย่ำค่ำกลางเดือนเมษายน ร้านอาหารแน่นขนัดไปด้วยหนุ่มสาวออฟฟิศที่เพิ่งเลิกงาน พนักงานเสิร์ฟเดินกันขวักไขว่ให้บริการ แว่วเสียงหญิงสาวโต๊ะข้างๆ เธอคุยกันถึงเหตุการณ์ความรุนแรงจากข่าวทีวีเหนือศีรษะ ข่าวแรก มีหนุ่มโรคจิตหลอกผู้หญิงมากักขังทรมานจนตาย ยังมีเหยื่อสาวรายใหม่ที่ถูกทุบตีจนจมูกพังและซี่โครงหักเก้าซี่ โชคดีที่ตำรวจเข้าช่วยได้ทัน ข่าวเล่าต่อไปว่า โดยปกติผู้ต้องหาเป็นคนร่าเริง เขามีรสนิยมแบบรักร่วมเพศ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะชอบทำร้ายผู้หญิง ข่าวต่อไปบอกเล่าเรื่องเด็กอายุสิบแปดปีโดนแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้วตามราวีไม่หยุด ถูกบุกถึงบ้าน แถมใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ และทำร้ายร่างกายจนฟันหัก หน้าบวมปูด อีกหนึ่งข่าวเป็นหญิงสาววัยเบญจเพสซึ่งตั้งท้องได้หกเดือน ถูกแฟนเก่าไม่พอใจตามมาทำร้ายร่างกาย ถัดมาอีกวัน หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งพาดหัวข่าว สาวนักฆ่าต่อเนื่องชวนเหยื่อไปกินข้าว จากนั้นวางยาฆ่าและปล้นชิงทรัพย์ หลังจากคนร้ายถูกจับกุมพบว่ามีเหยื่อที่เป็นผู้หญิงอีกกว่าสิบราย และช่วงที่ผ่านมาในหน้ากระดานออนไลน์ สื่อหลายสำนักลงข่าวใหญ่ พบร่างไร้ลมหายใจของหญิงสาวเน็ตไอดอลชื่อดัง ที่บริเวณศีรษะมีรอยกระสุน และข้างกันเป็นร่างของแฟนหนุ่มนักเรียนเตรียมทหารที่ยิงตัวตายตามหลังจากสังหารแฟนสาว ข่าวบอกว่า ที่ผ่านมาหญิงสาวเธอถูกกระทำความรุนแรงทั้งทางกายและใจจากแฟนหนุ่มเป็นประจำ สถานการณ์ความรุนแรงในสังคมไทยยังเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่องในชีวิตประจำวัน เรามักได้เห็น ได้ฟัง หรือได้อ่านข่าวเกี่ยวกับความรุนแรงมากมาย โดยเฉพาะความรุนแรงซึ่งมักมีเหยื่อเป็น ‘ผู้หญิง’ คอลัมน์ City by Numbers ขอพาไปสำรวจดูสถิติที่ผ่านมาว่า ในสังคมไทยมีผู้หญิงมากน้อยแค่ไหนที่ต้องตกเป็นเหยื่อจากความรุนแรง ความรุนแรงจากคนใกล้ตัว ความรุนแรงจากคนใกล้ตัวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นสถิติในปี 2564 ที่มีรายงานการฆาตกรรมผู้หญิงจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) และองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women) บอกว่า ทั่วโลกมีเด็กและผู้หญิงจำนวน […]

1 92 93 94 95 96 371

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.