Google และ Facebook สร้างสายเคเบิลใต้ทะเล จากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไปอเมริกาเหนือ เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

2 วันก่อน Google และ Facebook ประกาศแผนการเดินสายเคเบิลใต้ทะเลเพิ่มอีก 2 สาย เพื่อเชื่อมต่อสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และอเมริกาเหนือ เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างภูมิภาค สายเคเบิลทั้งสองถูกเรียกว่า ‘Echo’ และ ‘Bifrost’ เพิ่มความจุของสัญญาณอินเทอร์เน็ตขึ้นประมาณ 70% โดย Echo จะถูกสร้างขึ้นโดย XL Axiata บริษัทโทรคมนาคมของ Google ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2023 ส่วน Bifrost ดำเนินการโดย Telin บริษัทย่อยของ Telkom ในอินโดนีเซียและกลุ่มบริษัท Keppel ของสิงคโปร์ ที่มีกำหนดสร้างเสร็จในปี 2024 สายหนึ่งจะเชื่อมจากอเมริกาเหนือไปสิงคโปร์ ส่วนอีกสายจะเชื่อมจากอเมริกาเหนือไปยังบางพื้นที่ของอินโดนีเซีย  การเกิดขึ้นของสายเคเบิลใต้ทะเลทั้งสองนี้ หลายฝ่ายมองว่าจะส่งผลดีต่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจในอินโดนีเซียและสิงคโปร์ แถมยังมีแนวโน้มว่าจะให้การแข่งขันทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูงขึ้น เมื่อเราเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากฝั่งอเมริกาได้ดีกว่าเดิม Source : Reuters | reut.rs/2PIMyUB 

Xspace แกลเลอรีศิลปะในโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ ที่เชื่อว่าความสร้างสรรค์พัฒนาคนและเมืองได้

หากมีคนโยนโจทย์มาให้หาจุดตัด ฉันจะนึกถึงแกน X แกน Y ในวิชาคณิตศาสตร์สมัยเรียนมัธยมฯ แต่โจทย์ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะสองตัวแปรที่ว่าไม่ใช่ตัวเลข แต่เป็น ‘ศิลปะ’ กับ ‘ดีไซน์’ ที่มาบรรจบกันเป็นจุดตัดบนพื้นที่สร้างสรรค์อย่าง Xspace

โลกร้อนกว่าเดิม! งานวิจัยจีนเผย ในปี 2100 โลกอาจมีฤดูร้อนนานถึง 6 เดือน

นอกจากอุณหภูมิของโลกจะสูงขึ้นทุกปี ล่าสุดผลการวิจัยใหม่จากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนเผยว่า ในปี 2100 ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ฤดูร้อนยาวนานถึง 6 เดือน ในขณะที่ฤดูหนาวจะมีระยะเวลาสั้นลง จากการเก็บข้อมูลอุณหภูมิบริเวณซีกโลกเหนือเส้นศูนย์สูตรขึ้นไป ระหว่างปี 1952 – 2011 เพื่อศึกษาว่าแต่ละฤดูกาลเริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อไร พบว่าในช่วงฤดูร้อนกินเวลาเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 95 วัน จากปกติ 78 วัน ในขณะที่ฤดูอื่นๆ ลดลงเฉลี่ย 3 – 9 วัน  จากข้อมูลชุดนี้เองทำให้นักวิจัยคาดการณ์ว่า ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป อาจสร้างผลกระทบแก่ภาคเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมถึงสุขภาพของพวกเราทุกคนด้วย  ผู้คนอาจต้องเผชิญภาวะเจ็บป่วยจากอากาศร้อนที่กินเวลายาวนานขึ้น พืชพันธุ์และสัตว์ท้องถิ่นต้องปรับตัวจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง เพราะหากโลกยังคงดูดซับความร้อนมากกว่าที่จะสะท้อนกลับสู่อวกาศ อาจส่งผลให้หน้าร้อนยาวนานนี้เกิดเร็วกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ Source : The Hill | bit.ly/2P8BGzM

สิงคโปร์สร้างเมืองยั่งยืน ภายใน 2030 ด้วยการเพิ่มต้นไม้ ขยายพื้นที่ปั่นจักรยาน ลดการฝังกลบขยะและแบนรถยนต์ดีเซล

การให้เมืองและพื้นที่สีเขียวอยู่รวมกันอาจฟังดูเป็นเรื่องยากที่จะให้ทั้ง 2 อย่างเดินหน้าไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน แต่คงไม่เกินความสามารถของประเทศเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพอย่างสิงคโปร์แน่นอน ‘Singapore Green Plan 2030’ คือแผนพัฒนาเมืองสิงคโปร์ให้อยู่ร่วมกับพื้นที่สีเขียวได้อย่างยั่งยืน โดยการปลูกต้นไม้เพิ่มกว่า 1 ล้านต้น ขยายพื้นที่ปั่นจักรยานให้มากขึ้น แบนรถที่ใช้น้ำมันดีเซลให้ได้ภายในปี 2025 ลดปริมาณขยะฝังกลบต่อครัวเรือนลง 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วหันมาพัฒนาโครงสร้างการรีไซเคิลขยะแทน ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ มีความรับผิดชอบต่อขยะที่พวกเขาสร้าง รวมไปถึงเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ขึ้น 5 เท่า นอกจากนี้ ตึกที่สร้างภายในปี 2030 จะต้องใช้พลังงานต่ำสุดตามมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนด  ด้วยแผนนี้เอง สิงคโปร์จะกลายเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก พื้นที่ 1 ใน 3 ของเมืองจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ นอกจากจะเป็นการช่วยลดมลพิษแล้ว ยังนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย

‘คลองสุเอซ’ คลองขุดเชื่อมทะเลกับทะเลฝีมือมนุษย์ที่ไม่ใช่สายแรกของโลก

ท่ามกลางเส้นทางการเดินเรือที่ปรากฏทั่วโลก ณ ปัจจุบัน รู้กันหรือไม่ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งหมด แต่ยังมีเส้นทางการเดินเรือที่เกิดจากผลงานการรังสรรค์ของมนุษย์ เพื่อเอาชนะข้อจำกัดทางธรรมชาติ มนุษย์ได้ทำการขุดคลองเพื่อเชื่อมโยงโลกของเราให้ใกล้ขึ้นกว่าเดิม ซึ่งหนึ่งในความยิ่งใหญ่นั้นคือเหตุการณ์ขุด ‘คลองสุเอซ’ ต้นคลอง หากนับความยิ่งใหญ่ของการสร้างเส้นทางเดินเรือแล้ว การขุดคลองสุเอซคือหนึ่งในเหตุการณ์ที่แสดงให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ ในฐานะคลองขุดขนาดใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นที่อียิปต์ เพื่อเชื่อมระหว่างท่าเรือซาอิด ฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเมืองสุเอซ ฝั่งทะเลแดง เข้าด้วยกัน เพื่อเปิดช่องทางในการเดินทางข้ามทวีประหว่างยุโรปและเอเชีย แต่คลองสุเอซไม่ใช่คลองสายแรกที่เชื่อมทะเลเข้าด้วยกัน มีบันทึกว่าในปี 1804 นโปเลียนที่ 1 ของฝรั่งเศสมีความคิดที่จะขุดคลองเพื่อเชื่อมเส้นทางดังกล่าว เพราะค้นพบร่องรอยการสัญจรทางน้ำในยุคอียิปต์โบราณ เส้นทางดังกล่าวทอดจากอ่าวสุเอซบริเวณทะเลแดงสู่ทะเลสาบน้ำเค็มทางตอนเหนือ และเบี่ยงไปยังบริเวณปากแม่น้ำไนล์ เส้นทางดังกล่าวเกิดขึ้นในยุคของฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 ราว 1850 ปีก่อนคริสตกาล และมีชื่อว่า Canal of the Pharaohs หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Ancient Suez Canel ทว่าโครงการขุดคลองของนโปเลียนก็ต้องยกเลิกไปเมื่อมีการคำนวณว่าน้ำทะเลทั้งสองฝั่งต่างระดับกัน จนทีมผู้สร้างต้องพับโครงการลง เพราะคิดว่าจะไม่คุ้มทุนการลงทุน จนกระทั่ง แฟร์ดีน็อง เดอ เลสเซปส์ (Ferdinand de Lesseps) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการขุดคลองสุเอซ หยิบโครงการดังกล่าวมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยใช้คนงานชาวอียิปต์กว่า […]

ความสัมพันธ์และอำนาจภายใต้เถ้าถ่านความรักใน ‘WALTZ เต้นรำในวอดวาย’

ทำไมเขาไม่รักฉัน ทำไมความสัมพันธ์ของเราจึงเปลี่ยนแปลงไป เหตุใดถึงคบใครไม่ได้นาน ทำไมโสด พอมีคนเข้ามาก็ไม่ถูกใจ ทำไมเธอคบเผื่อเลือก นอกใจเป็นเรื่องควบคุมได้หรือเปล่า ชู้รักคือหอกแหลมคมหรือหยาดน้ำวาบหวาม แล้วอะไรบันดาลให้สองคนอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า ทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์ระยะยาวไม่น่าเบื่อเกินทน  เพราะอะไรจึงต่างสร้างบาดแผลให้กันทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ทำไมผู้เป็นพ่อมีอำนาจเหนือทุกคนในบ้าน ทำไมจึงใช้ความรุนแรง ความรักเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ และหรือสถาบันย่อยอย่างครอบครัวบ่มเพาะปูดปมลึกร้าวเพียงใดในการสร้างคนออกสู่สังคม แล้วสังคมล่ะ-โครงสร้างของมันกดทับอะไรบ้างในความสัมพันธ์ คำถามทั้งหมดข้างต้นเป็นเพียงคำถามที่คิดออกอย่างฉับพลัน ซึ่งเชื่อว่าหากได้ลองนั่งคุยกับใครสักคนเกี่ยวกับปัญหาในแง่มุมต่างๆ ของความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เราคงได้คำถามชนิดที่ไม่หวาดไม่ไหวจะนับ นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่พาผมเดินทางมาพบ เติร์ก-บริษฎ์ พงศ์วัชร์ ผู้เขียนหนังสือรวมเรื่องสั้น WALTZ เต้นรำในวอดวาย ผลงานจากสำนักพิมพ์ที่ประกาศกร้าวยืนหนึ่งเรื่องความสัมพันธ์ P.S. Publishing เริ่มบรรเลง หนึ่งในสิ่งซึ่งชวนแปลกใจ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ คือต่อให้ผ่านความเจ็บร้าวปวดแปลบมากเพียงใด ก่อกำแพงในใจสูงลิ่วแค่ไหน เมื่อแผลสดสมานกลายเป็นแผลเป็น ไม่มากก็น้อย แนวโน้มที่คนเราจะสร้างความสัมพันธ์แบบหนึ่งแบบใดขึ้นใหม่ก็ยังไม่เท่ากับศูนย์ WALTZ เต้นรำในวอดวาย จะพาผู้อ่านไปสำรวจฟลอร์ของเรื่องราวความสัมพันธ์ ที่แก่นแกนอาจกล่าวได้ว่ามักเคลือบหวานที่ท่อนแรกเริ่ม แต่ซ่อนขมตรมที่ปลายเพลง นิยามของบ้านภายในจิตใจ และการเผาไหม้ใครสักคนจนวายวอดในขณะที่บทเพลงเต้นรำบรรเลงถึงโน้ตตัวสุดท้าย  จริงอยู่-ถึงที่สุดแล้วไม่มีความสัมพันธ์ใดเทียบเคียงกันได้ ด้วยความซับซ้อนของมนุษย์ กระนั้น หลังจากอ่านหน้าสุดท้าย เรื่องราวแต่ละเรื่องในหนังสือก็ชวนให้ขยับถอยออกมามองหาทุกโครงสร้างที่มีผลต่อความสัมพันธ์ เมื่อเราต่างไม่อาจเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับใครสักคน-สักรูปแบบ จะเป็นไปได้ไหม-ที่การเต้นรำจะมอบเปลวไฟอบอุ่นแก่เรา โดยไม่ผลาญทำลาย หรือหากต้องผลาญทำลาย-จะมีบ้างไหม บางสิ่งซึ่งยังเหลือในกองเถ้าถ่าน ผมนึกถึงหลายคำถาม […]

‘แท่นบูชาแดง’ ความเชื่อสุดขลังของชาวไทย-จีนฮกเกี้ยน พังงา

บ้านทุกหลังมีความเชื่อที่ต่างกันออกไป แต่สำหรับคนหลาดเก่า จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนนั้น คือการไหว้ ‘เทพเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้’ (玉皇) ผ่าน ‘เที่ยนกวนซือฮก’ (天官賜福) แท่นบูชาสีแดงที่มักติดบริเวณหน้าบ้าน เพื่อระลึกถึงเทพฟ้าดิน ระหว่างเดินเล่นที่หลาดเก่า ตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เราเห็นว่าทุกบ้านจะมีเที่ยนกวนซือฮกติดอยู่ ต่างกันที่ลักษณะและจุดสำหรับติดตั้งแท่น จึงอดไม่ได้ที่จะยกกล้องเก็บภาพความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนไว้  ชาวไทยจีนฮกเกี้ยนนับถือเทพเจ้า ‘หยกหองซ่งเต้’ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ‘เง็กเซียนฮ่องเต้’ ประมุขแห่งทวยเทพตามความเชื่อ ซึ่งจะพบเห็นวัฒนธรรมนี้ได้ที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา ซึ่งทุกคนต่างเชื่อว่าท่านคือ ‘เทพแห่งฟ้าประทานพร’ ส่วนใหญ่การตั้งเที่ยนกวนซือฮก จะถูกติดตั้งที่เสาซ้ายมือหน้าบ้าน หรือที่เรียกว่า ‘หงอคาขี่’ หากบ้านที่ไม่มีหงอคาขี่ ก็จะถูกติดไว้ที่ด้านซ้ายของหน้าบ้านแทน ตามความเชื่อคนจีนที่ถือฝั่งซ้ายเป็นใหญ่ ธรรมเนียมการไหว้เที่ยนกวนซือฮกจะนิยมทำทุกวันตอนเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ตามด้วยไหว้เทพประจำบ้านและบรรพบุรุษ บางบ้านจะไหว้ในวันพระของไทย​หรือในวันพระของจีน โดยของที่ใช้ไหว้มีผลไม้ น้ำชา และขนม ตามขนาดความกว้างของเที่ยนกวนซือฮก แต่หลักๆ จะนิยมไหว้แค่น้ำชา 3 จอก จากนั้นจุดเทียน และธูปไหว้ 3 ดอก แม้รูปแบบของเที่ยนกวนซือฮกจะแตกต่างกัน แต่ความศรัทธาของชาวหลาดเก่านั้นมีหนึ่งเดียวคือ เทพเจ้าเง็กเซียนฮ่องเต้ และยังคงเป็นความเชื่อที่ต้องอยู่เสาด้านซ้ายของบ้านเสมอ

แปลงโฉม ‘ป่าช้า’ ให้คนอยู่ได้ใช้พื้นที่

‘ป่าช้า’ กับ ‘คนไทย’ อยู่คู่กันมาหลายร้อยปี โดยมีฟังก์ชันเป็นพื้นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับศพ ไม่ว่าจะเป็นการทิ้งศพ เผาศพ และฝังศพก็ตาม อีกทั้งบางพื้นที่ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้าง บางแห่งเป็นถนนตัดผ่าน หรือสร้างเป็นอาคารสำหรับพักอาศัย

ครูประทีป รอดภัย ศิษย์ครูโจหลุยส์รุ่นแรก และช่างทำหัวโขนสุดท้ายแห่งบางซื่อ

ตามหาช่างทำหัวโขนคนสุดท้ายแห่งย่านบางซื่อ ชวนคุยถึงความหลงใหลในศิลปะเก่าแก่ของไทย

อย่าโดนเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพวัคซีน COVID-19 หลอก!

หากดูเผินๆ ‘เปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพ’ น่าจะเป็นสิ่งที่บอกว่าวัคซีนตัวไหนมีดีกว่ากัน และตัวเลข 95 เปอร์เซ็นต์ก็ดูน่าเชื่อมั่นกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ เป็นไหนๆ แต่ที่จริงแล้ว ตัวเลขที่ห่างกันเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถระบุว่าวัคซีนตัวไหนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 มากกว่ากัน เพื่อตอบคำถามว่าทำไมตัวเลขที่สูงจึงไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ก็ต้องย้อนกลับไปดูก่อนว่าเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพของวัคซีน มีที่มาจากอะไร  ในการทดสอบว่าวัคซีนจะใช้งานได้จริง นักวิทยาศาสตร์จะแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มที่ได้รับยาหลอก และกลุ่มที่ได้รับวัคซีนจริงๆ โดยจะปล่อยให้กลุ่มตัวอย่างออกไปใช้ชีวิตตามปกติ เพื่อติดตามผลว่าทั้งสองกลุ่มนี้มีกี่รายที่จะติดเชื้อ  หากเราสมมติจำนวนกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 10,000 คน สุดท้ายแล้วมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 100 รายจากกลุ่มที่ได้วัคซีนจริงและยาหลอกเป็นจำนวนเท่ากันที่ 50 คน เท่ากับว่าเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพของวัคซีนชนิดนี้คือ 0 เพราะไม่ว่าคุณจะได้รับวัคซีนหรือไม่ ก็มีโอกาสติดเท่ากัน แปลว่าวัคซีนนี้ไม่มีความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อแม้แต่น้อย  แต่ถ้าผลออกมาว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 95 คน แต่ผู้ที่ได้วัคซีนมีคนติดเชื้อแค่ 5 คนเท่านั้น นั่นแปลว่าวัคซีนตัวนี้มีเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์  ซึ่งการหาเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพของวัคซีนทุกชนิดใช้วิธีเดียวกันนี้ทั้งหมด ทำให้ดูเหมือนว่าวัคซีนที่มีเปอร์เซ็นต์ประสิทธิภาพมากกว่าต้องได้ผลมากกว่าตามไปด้วย แต่ที่จริงแล้วมีรายละเอียดในการทดสอบมากกว่านั้น   เปอร์เซ็นต์จะมีผล ถ้าวัดในสถานการณ์เดียวกัน ในบรรดาวัคซีนหลายตัวจะเห็นว่า Pfizer-BioNTech […]

ZEUS Custom สำนักแต่งมอเตอร์ไซค์ไทยที่ไปไกลระดับโลก | Somebody Ordinary EP.2

สำหรับ หมูหยอง-วรวิทย์ เรืองจันทานุกูล เจ้าของ ZEUS Custom สำนักแต่งรถแล้ว มอเตอร์ไซค์คือชีวิต เขาจึงแลกทั้งเวลา ความสุข งานทั้งหมดให้กับมอเตอร์ไซค์ จนทำให้อดีต Art Director คนนี้พา ZEUS Custom จากสำนักแต่งรถใต้อพาร์ตเมนต์ทะยานขึ้นไปเสริมสร้างความเท่ให้กับแบรนด์มอเตอร์ไซค์ระดับโลกมาแล้ว จนครั้งหนึ่งชาวรัสเซียถึงขั้นบินมาเพื่อขอซื้อมอเตอร์ไซค์ของเขา
อะไรทำให้เขาโบยบินได้ขนาดนี้ พบคำตอบในคลิปวิดีโอเบื้องหลังแนวคิดลมหายใจที่มีไว้ให้รถมอเตอร์ไซค์ ZEUS Custom

รับมืออย่างไร เมื่อเจอโพสต์อยากฆ่าตัวตายบนโลกโซเชียล

“เรามีความสุขเป็นพิเศษ คงเป็นเพราะวันนี้คือวันสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่”“เราคงไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้ว”“สำหรับเราความตายไม่ใช่ความเจ็บปวดที่สุด แต่คือการมีชีวิตอยู่ต่างหาก” ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดจากคนแปลกหน้าบนโลกอินเทอร์เน็ต เป็นสัญญาณเตือนภัย เพื่อบอกว่าเบื้องลึกจิตใจของ ‘เขา’ ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าสิ่งอื่นใด จำนวนโพสต์บนหน้าไทม์ไลน์โซเชียลมีเดียของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินไปข้างหน้า หนึ่งโพสต์ “เราควรช่วยเหลือเขาไหม”  สองโพสต์ “หรือเราต้องเคารพการตัดสินใจของเขา” สามโพสต์ “ถ้าช่วยต้องทำยังไง” หนึ่งชีวิตที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่ความเป็นความตายของเขากลับปรากฏขึ้นตรงหน้า ส่งผลให้เกิดความลังเลไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เพราะคอมเมนต์บางส่วนอวยพรให้เขาไป แต่บางส่วนพยายามดึงให้เขากลับมา แล้วเราต้องทำอย่างไร ถ้าหากเจอ ‘คำเตือนแห่งความตาย’ โลดแล่นบนอินเทอร์เน็ต ฉันจึงชวน ‘ดร.สมบุญ จารุเกษมทวี’ อาจารย์ประจำคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาร่วมพูดคุยถึงวิธีการรับมือในประเด็นนี้ ซ่อนเหตุผลบางอย่างในทุกการโพสต์ คุณคิดอะไรอยู่: เบื่อว่ะ วันนี้ไม่มีความสุขเลย คุณคิดอะไรอยู่: ผิดหวังกับคะแนนสอบอีกแล้ว อยากหายตัวไปเลย คุณคิดอะไรอยู่: ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว เราไม่อยู่เป็นภาระใครแล้วนะ คิดจะโพสต์ก็โพสต์ไม่ใช่เรื่องสิ้นคิด เพราะหลายคนเลือกระบายความอัดอั้นตันใจ ลงกล่องข้อความบนโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ความเศร้า ความผิดหวัง ความเหนื่อย ความท้อแท้ หรือบังเอิญเจอเรื่องตลก ทุกข้อความที่พิมพ์ ย่อมมีสาเหตุที่ทำให้เขาอยากโพสต์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสะท้อนตัวตน ตั้งแต่อารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด ไปจนถึงประสบการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ ณ […]

1 254 255 256 257 258 370

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.