แพลนท่องเที่ยวอยุธยาในหนึ่งวันของคุณมีอะไรบ้าง

กินกุ้งแม่น้ำตัวโตและโรตีสายไหมหวานฉ่ำ แต่งชุดไทยเป็นออเจ้ากับพี่หมื่น แวะชมวัดและโบราณสถาน

แล้วจากนั้นล่ะ จะทำอะไรต่อดี

เพราะระยะทางที่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่มาก ทำให้หลายๆ คนมักจัดอยุธยาให้เป็นจังหวัดสำหรับไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจในเวลาสั้นๆ อาจมาเพียงไปเช้าเย็นกลับ แวะกินกุ้ง เดินชมวัด มีแพลนไว้เพียงหลวมๆ ท่องเที่ยวเพียงไม่กี่ที่ จากนั้นก็เดินทางกลับเข้าเมืองแต่เพื่อให้การท่องเที่ยวอยุธยาของทุกคนครบขึ้น สนุกขึ้น ศูนย์การค้า เซ็นทรัล อยุธยา จึงจับเอาแนวคิด ‘อัศจรรย์อยุธยา’ มาเป็นธีมหลัก ผสมผสานเอาของดีอยุธยามาจับคู่กันกับความโมเดิร์นของศูนย์การค้า ให้ที่แห่งนี้เป็นเสมือนจุดเช็กอินแห่งใหม่ของแขกเมืองผู้มาเยือน ซึ่งนี่เป็นแนวคิดแบบเดียวกันกับ Kyoto Model ที่ไม่เพียงแต่มีเมืองเก่าให้เดินชม แต่ยังมีแหล่งช้อปปิ้งที่ทันสมัยไว้รับรอง

โครงการเซ็นทรัล อยุธยา จึงถือเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่ครบครันทั้งศูนย์การค้า Tourist Attraction โรงแรม ที่พักอาศัย และคอนเวนชันฮอลล์ ที่ไม่เพียงแต่ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน แต่คนในจังหวัดเองก็ยังใช้พื้นที่นี้รองรับการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วย

มาดูกันว่าหากเราปักหมุดที่เซ็นทรัล อยุธยา เป็นที่แรก ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ที่นี่จะมีอะไรให้ทำบ้าง

Capital of Histagram

เพียงแรกเห็นตัวอาคารสีขาวทอง ที่ภายนอกดูเรียบหรูผิดตาไปจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลในจังหวัดอื่นๆ ที่เราเคยเห็น ก็พนันได้เลยว่าศูนย์การค้าแห่งนี้จะตรึงใจผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาให้สนใจอยากเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ความเป็นอยุธยาในรูปแบบใหม่เช่นเดียวกันกับเราได้ไม่ยาก

ยิ่งเมื่อรู้ว่าผู้หนึ่งในทีมผู้ออกแบบศูนย์การค้าแห่งนี้คือผู้ออกแบบศาลาอยุธยา โรงแรมที่นำเสนอความสวยงามของอยุธยาให้คนตะลึงมาแล้วก่อนหน้าก็ยิ่งไม่แปลกใจ

เพราะตั้งใจจะนำความเรืองรองของเมืองที่เป็น Unesco World Heritage อย่างอยุธยากลับมา ด้านหน้าอาคารจึงมีการนำเอา ‘ย่อมุมไม้สิบสอง’ เทคนิคการสร้างสถาปัตยกรรมในสมัยอยุธยามาเป็นกิมมิค 

ส่วนในศูนย์การค้าก็ไม่น้อยหน้า มีการจับเอาความเป็นอยุธยามาร้อยเรียงเปลี่ยนเป็นการตกแต่งภายใน และการออกแบบโซนต่างๆ ที่แฝงประวัติศาสตร์อยุธยา

เริ่มตั้งแต่ประติมากรรมพานพุ่มบริเวณโถงทางเข้า ที่มีการนำเอกลักษณ์ รูปทรง และลวดลายพานพุ่ม ศิลปะประณีตศิลป์ที่นิยมใช้ในงานสักการะหรือพระราชพิธีสมัยโบราณมาผสมผสานกับรูปทรงเรขาคณิต เพื่อสื่อถึงความรุ่งเรืองที่โอบล้อมพระนครศรีอยุธยา

อู่ข้าว จุด Feature ชั้น G ฝั่งลานเพลินนคร ที่จำลองภาพใต้ถุนสูงของเรือนไม้สมัยโบราณซึ่งใช้เป็นที่เก็บของ เก็บกองฟาง และเลี้ยงสัตว์ ด้วยเฟอร์นิเจอร์จักสาน นอกจากจะเป็นที่นั่งพักคอย พักเหนื่อย ก็น่าจะเป็นหนึ่งจุดถ่ายรูปที่ถูกใจใครหลายๆ คน

เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะเจอกับห้องโคม ห้องที่เป็นเสมือนนิทรรศการขนาดย่อมบอกเล่าถึงความเป็นมหานครแห่งการเรียนรู้ของอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษาและวัฒนธรรม 

และหากเดินห่างไปไม่ไกลก็จะเจอกับห้องจาน ห้องนิทรรศการที่บอกเล่าถึงการเป็นศูนย์กลางการค้าของอยุธยาที่ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมของเครื่องปั้นดินเผาจากตะวันออกสู่ตะวันตก เช่นเดียวกันกับที่อยุธยาเองก็สั่งซื้อเครื่องกระเบื้องจีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ภายในห้องจึงตกแต่งด้วย ‘กระเบื้องให้อย่าง’ ชื่อเรียกของเครื่องกระเบื้องแบบไทยที่สั่งผลิตจากเมืองจีนในสมัยกรุงเก่า ให้เห็นถึงความสวยงาม มีพลังและมีชีวิตชีวา อันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องลายครามแบบอยุธยา ซึ่งหากยังไม่จุใจที่ Co-working Space ชั้น 2 ใกล้กับ B2S Think Space ก็มีการประดับตกแต่งด้วยชามเบญจรงค์ไว้อย่างอลังการด้วยเช่นกัน

สำหรับใครที่มาเที่ยวในช่วงนี้ เขาก็มีต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ที่ตกแต่งด้วยดอกยี่สุ่นเรืองแสง ต้นไม้ที่มีความผูกพันกับอยุธยามาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร อีกทั้งในช่วงการค้ารุ่งเรือง ยี่สุ่นก็ยังเป็นต้นไม้นำเข้าจากจีน วางเรียงรายเป็นสวนดอกไม้ให้เข้าไปถ่ายรูปรับบรรยากาศเทศกาลด้วย

Tourism Ecosystem

ความเป็นอยุธยายังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะเขานำเอาวิถีชีวิตและของดีอยุธยามาไว้ในศูนย์การค้า ช่วยเศรษฐกิจชุมชนไปอีกทาง

ไม่ว่าจะเป็นโซนรวมของดีของเด็ด OTOP ยอดฮิตจาก 16 อำเภอมาไว้ในที่เดียว หรือกระทั่งที่โซนเพลินนคร (Indoor Market) ก็ทำให้เราไม่ต้องไปเช่าชุดไทยที่ไหนไกล เพราะเขามีบริการให้เช่าชุด พร้อมเดินชมบรรยากาศวิถีชีวิตชุมชนพื้นถิ่นสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีทั้งบ้านทรงไทยและตลาดโบราณ อัดแน่นไปด้วยร้านค้า ร้านขนมและของกินไทยๆ จากพ่อค้าแม่ขายในอยุธยา ตั้งแต่หมูสร่ง ขนมมงคลอย่างทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ขนมไทยใบตอง เช่น ขนมใส่ไส้ ขนมกล้วย ขนมฟักทอง ข้าวต้มมัด ไปจนถึงข้าวแต๋นน้ำแตงโม ขนมเบื้อง ขนมหม้อแกง กล้วยปิ้ง ทองม้วนสด และกิจกรรมย้อนวัยอย่างซุ้มช้อนปลา 

เดินทะลุไปเพียงนิด ก็จะเชื่อมต่อไปยังโซนด้านนอกที่เป็นตลาดเช้าลานพระนครและตลาดย่ำค่ำ ลานกิจกรรมที่มีร้านค้าคอยสับเปลี่ยนเวียนมาขายอยู่เรื่อยๆ เป็นเหมือนการขยายเวลาแห่งความสุขที่ทำให้คนอยู่เที่ยวอยุธยาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน (ช่วงที่เราไปเป็นร้านวินเทจ ช้อปไป สัมผัสลมหนาวไป ได้ฟีล Winter Market)

สำหรับคนที่รักการถ่ายรูป บริเวณนี้ก็มีจุดเช็กอินไว้ให้พร้อม

เริ่มตั้งแต่ลานบัว ที่มีทั้งสะพานไม้ให้เดินข้ามถ่ายกับกำแพงอิฐของศูนย์การค้า และท่าเรือพายเสมือนอยู่ริมน้ำ

หรือหากใครเป็นสายถ่ายรูปกับป้าย จุดเช็กอินที่ต้องห้ามพลาดอยู่ที่ตัวอักษร ‘อยุธยา’ ที่ทางเข้าลานพระนคร ฝั่งถนนอโยธยา (ติดกันกับลานพระนคร) ซึ่งหากมองให้ดี จะเห็นว่าตัวอักษรสามมิติที่ว่าเกิดจากการเรียงร้อยกันด้วยรูปทรงของดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกรัก ดอกพุด และดอกมะลิ เหมือนการร้อยมาลัยดอกไม้ของจริง

ไม่เพียงแค่จุดที่เราว่าไป สำหรับคนที่รักการถ่ายรูป หลายๆ มุมในศูนย์การค้าแห่งนี้ก็สามารถเช็กอินทำคอนเทนต์ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกำแพงอิฐที่ดูคล้ายกำแพงเมืองเก่า กำแพงขาวดูเรียบหรู หรือถ้าหากใครมีเวลาจะตามหาฝาท่อที่ออกแบบเป็นลายเกี่ยวกับจังหวัดอยุธยาที่อยู่รอบๆ ศูนย์การค้านี้ด้วยเลยก็ได้ 

Transportation Hub

สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่าการมีศูนย์การค้าที่เป็นเหมือนแหล่งท่องเที่ยวเช็กอินแห่งใหม่ ก็คือการมี Transportation Hub ที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้ครบวงจร ด้วยบริการรถตู้ รถ 2 แถว ที่วิ่งทั้งในจังหวัด ระหว่างอำเภอทุกอำเภอ และรถเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด อาทิ ลพบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง โคราช และเซ็นทรัลระหว่างสาขา เช่น เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ

ทำให้ต่อไปนี้หากอยากไปเที่ยวตามหัวเมืองต่างจังหวัดก็ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น สามารถนั่งรถจากเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มาโผล่เซ็นทรัล อยุธยา แล้วจะเข้าเมืองไปเที่ยวชมโบราณสถานในจังหวัด หรือจะนั่งรถต่อไปเซ็นทรัล โคราชก็ทำได้ตามใจ เพียงเท่านี้ การมาเที่ยวอยุธยาก็สนุกขึ้น ครบขึ้น และเที่ยวได้สะดวกขึ้นกว่าก่อน 

หากใครมีเวลาหรือกำลังมีแพลนจะแวะมาเที่ยวที่อยุธยา อย่าลืมเพิ่ม เซ็นทรัล อยุธยา เป็นหนึ่งในหมุดหมายสำหรับแพลนครั้งนี้นะ

การออกแบบ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห้างสรรพสินค้า