‘โซล เกาหลีใต้’ เมืองที่เชื่อว่าฝุ่นจะหมด ฟ้าจะใสในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยนโยบาย Clearer Seoul 2030

ท้องฟ้ามัวๆ สีเทาอมเหลืองกลายเป็นภาพที่ชินตาของประชาชนชาวเกาหลีใต้ ถึงขนาดกลายเป็นมุกตลกว่า เหตุผลที่คนเกาหลีใต้ชอบสวมเสื้อผ้าสีดำก็เพราะว่าถ้าใส่เสื้อผ้าสีอ่อนหรือสีขาวออกจากบ้านไป กลับบ้านมาจะได้เสื้อสีเทาเพราะฝุ่นแทน แต่วันนี้มุกตลกเหล่านั้นอาจใช้ไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา (2025) อินสตาแกรมทางการของรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ลงประกาศเฉลิมฉลองวันที่เกาหลีใต้มีอากาศสะอาด ฝุ่นลดลงสูงสุดในรอบหลายปี ด้วยหลากหลายนโยบายและความพยายามของชาวเกาหลีใต้ โดยนโยบายที่โดดเด่นที่สุดก็คือ Clearer Seoul 2030 ที่สืบเนื่องมาจากนโยบาย Clear Seoul ในปี 2007 ซึ่งเป็นความพยายามสร้างอากาศสะอาดให้ชาวแทฮันมินกุกได้หายใจกันอย่างเต็มปอดยาวนานกว่า 20 ปี เปลี่ยนรถบนท้องถนนเพื่อลดฝุ่น หลังพบว่า 28 เปอร์เซ็นต์ของสาเหตุการเกิดฝุ่น PM 2.5 เกิดจากรถยนต์ดีเซล รัฐบาลเกาหลีใต้จึงออกแผนเปลี่ยนรถยนต์ดีเซลทั่วเมืองให้กลายเป็นรถที่ปล่อยมลพิษต่ำ โดยเฉพาะรถที่ต้องวิ่งระยะใกล้เข้าตัวเมือง ซอยบ้านเรือนและเขตที่พักอาศัยบ่อยๆ อย่างรถขนส่งพัสดุ รถบัสเข้าเมือง (Town Bus) หรือแม้กระทั่งรถทำความสะอาด รวมถึงมอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร เนื่องจากวัฒนธรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรีที่เติบโตมากในเกาหลีใต้ ด้วยรูปแบบอาหารคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างต็อกโบกี ไก่ทอด หรือเบอร์เกอร์ง่ายๆ สำหรับมื้อดึก อีกทั้งวัฒนธรรม ‘ฮนจก’ หรือวัฒนธรรมการชอบอยู่คนเดียวของคนเกาหลีใต้ ขัดกับร้านอาหารที่มักเสิร์ฟเป็นมื้อใหญ่และบางร้านไม่รับลูกค้าเพียงคนเดียวสำหรับการเปิดโต๊ะ ความนิยมสั่งข้าวมากินที่บ้านจึงเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารต้องวิ่งวนอยู่ในเขตเมืองตลอดทั้งวันทั้งคืน มอเตอร์ไซค์เหล่านี้ถูกสั่งให้เปลี่ยนเป็นยานพาหนะไฟฟ้าทั้งหมด เพราะจักรยานยนต์เป็นหนึ่งในต้นตอปัญหาที่ปล่อยมลพิษสูง นอกจากนั้น […]

‘Sakamoto Days’ ช่วยซาคาโมโตะออกแบบร้านชำแห่งใหม่ในไทย ให้กลมกลืนกับพื้นที่และเฟรนด์ลีกับลูกค้าทุกคน

ถึงจะวางมือจากการรับจ้างฆ่าและผันตัวเป็นเจ้าของร้านขายของชำไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าในแต่ละวันของ ‘ซาคาโมโตะ ทาโร่’ ในการ์ตูนเรื่อง Sakamoto Days จะไม่ได้ขายของอย่างสงบสุขเลยสักครั้ง เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาเยี่ยมเยียนและสร้างความปวดหัวให้กับร้านทุกวัน และถ้าจะต้องเปิดร้านขายของไป เตรียมต่อสู้กับเหล่านักฆ่าที่หมายจะเอาค่าหัวไป ร้านชำแห่งนี้คงเจ๊งกะบ๊งแน่ๆ เพื่อความสงบสุข ครอบครัวซาคาโมโตะและเหล่าพนักงานอาจต้องโยกย้ายไปอยู่ทำเลใหม่ หลบหนีพวกนักฆ่า คอลัมน์ Urban Isekai ขอชวนซาคาโมโตะซังมาตั้งรกรากที่ไทย และช่วยออกแบบร้านชำแห่งใหม่ให้กลมกลืนกับพื้นที่ แถมได้ช่วยเหลือผู้คนตามที่ให้สัญญากับภรรยาด้วย เลือกทำเลในชุมชนให้อยู่ใกล้ผู้คนมากที่สุด ก่อนจะตั้งร้านก็ต้องเลือกทำเลที่บริการได้อย่างทั่วถึงก่อน เราจึงแนะนำซาคาโมโตะให้เลือกเปิดสาขาใหม่ในชุมชนที่อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล วัด เพื่อเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้คนจะนึกถึงเวลาซื้อของ และเพื่อความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการสาธารณะ (เกิดมีการต่อสู้ขึ้นมาอีกจะได้มีสถานที่รองรับ) รวมไปถึงเป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ ให้คนในชุมชน หรือเหล่านักฆ่าที่ผันตัวมาเป็นครอบครัวพนักงานร้านชำซาคาโมโตะได้มาพบปะกัน ต้องการสินค้าอะไร ซาคาโมโตะหาได้ทุกอย่าง  เป็นแหล่งขายสินค้าในชุมชนทั้งทีก็ต้องพร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ไม่ว่าใครต้องการอะไร ซาคาโมโตะจะหามาให้ทุกอย่าง ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ หากเป็นสินค้าที่ไม่มีอยู่ในสต๊อก ก็แค่แจ้งความต้องการทิ้งไว้ ถ้าได้สินค้าชิ้นนั้นมาแล้วทางร้านจะรีบแจ้งให้ลูกค้ากลับมารับสินค้าที่สั่งไว้ทันที แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนว่า อย่าคิดจะสั่งสินค้าที่หามาไม่ได้จริงๆ เพราะเหล่าลูกน้องนักฆ่าของซาคาโมโตะพร้อมจะสั่งสอนอยู่ตลอดเวลานะ! อาหารรองท้อง พร้อมดื่ม พร้อมทาน ไม่ใช่แค่ของใช้หรือของสดเท่านั้นที่มีให้ แต่ร้านแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝากท้องให้คนในชุมชนด้วย กับเมนูง่ายๆ กินได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำเต้าหู้ […]

Unsolved Mysteries ปริศนาไร้คำตอบ

ทุกแห่งหน ทุกมุมถนน และทุกซอกซอยของเมือง ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความน่าสงสัยที่ซ่อนอยู่โดยไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร แปลก สวยงาม ประหลาด หรือความบังเอิญ สิ่งที่คุณเห็นเกิดจากมุมมองและการตีความ ไม่มีสิ่งใดถูก และแน่นอนไม่มีสิ่งใดผิด ลองมองโลกให้ใกล้ขึ้นอีกนิด บางที ‘ปริศนาไร้คำตอบนี้’ อาจจะปรากฏอยู่ตรงหน้าของคุณก็เป็นได้ ติดตามผลงานของ พีระ วรปรีชาพาณิชย์ ต่อได้ที่ peera-vora.com หากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected]

หนึ่งวันกับ ‘นาเกลือ’  ย่านเก่าแก่กว่า 100 ปี ใจกลางพัทยา พื้นที่ประมงเชิงอนุรักษ์ และชุมชนวิถีชีวิตคนจีน

ทะเล เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันความบันเทิง และภาพชาวต่างชาติที่นั่งอยู่เต็มหาด พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ มากมาย คือภาพจำของ ‘พัทยา’ ที่ถามร้อยคนก็คงตอบทำนองนี้เกือบร้อยคน แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ท่ามกลางความเจริญในพัทยาแห่งนี้ จะมี ‘ชุมชนนาเกลือ’ ชุมชนเก่าแก่ที่ยังมีชีวิตซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วย คอลัมน์ One Day With… ขอพักปอด หนีฝุ่นในเมืองไปสูดกลิ่นทะเลที่ชุมชนนาเกลือ ชุมชนชาวจีนเก่าแก่ใจกลางพัทยากับกิจกรรม ‘เดินศึกษาย่านเก่านาเกลือ’ ที่จะพาทุกคนมาร่วมสัมผัสวิถีชีวิตชาวนาเกลือตั้งแต่การกิน การอยู่ ไปจนถึงการมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในชุมชน ผ่านการนำชมของ ‘ไกด์คุณป้า’ ที่เกิดและเติบโตในชุมชน การันตีว่าเราจะได้รู้ทุกซอกทุกมุมที่น่าสนใจของชุมชน แถมการมาเที่ยวที่นี่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนให้ชุมชนนาเกลือแห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วย ‘เดินศึกษาย่านเก่านาเกลือ’ เป็นกิจกรรมจากกลุ่มปั้นเมืองที่ร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมืองพัทยา และชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนนาเกลือ ในการขับเคลื่อนแผนงานให้เกิดขึ้นและเป็นไปตามวิสัยทัศน์ ‘นาเกลือย่านเก่าสร้างสรรค์ (Na Kluea-Creative Old Town)’ เพื่อฟื้นฟูย่านนาเกลือ รักษาวิถีชีวิต วัฒนธรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้ย่านนาเกลือแห่งนี้กลับมาคึกคักอีกครั้ง เหล่าไกด์คุณป้าที่เกิดและเติบโตมาเป็นอย่างดีในชุมชนนาเกลือ เป็นผู้ที่จะพาเราเดินทางในกิจกรรมวันนี้ การเดินสำรวจชุมชนนาเกลือเริ่มต้นด้วยการสักการะ ‘องค์เซียนซือ’ องค์ประธานของ ‘มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน’ และเป็นเทพเจ้าที่ชาวบ้านในย่านนี้นับถือ เนื่องจากเป็นเทพเจ้าแห่งการกุศลและช่วยเหลือคน “ทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของทุกเดือนจะมีพิธีทรงเจ้า คนส่วนใหญ่มักมาทำพิธีสะเดาะเคราะห์และเอารถมาให้คนทรงช่วยเจิมให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต” […]

รวมธุรกิจแบบจีนๆ ในย่านตลาดน้อยที่รวมอายุได้กว่า 500 ปี ส่วนผสมไทย-จีน ที่จะทำให้เข้าใจธุรกิจของครอบครัวจีนมากขึ้น

แม้จะมาช้าไปสักหน่อย แต่ช่วงตรุษจีนแบบนี้ นอกจากจะร้อง ‘ต้าชั่วเท่อชั่ว ปู๋ย่าวหลาย อู๋หลู่หว่อเตอเหม่ย’ กันแล้ว เชื่อว่าหลายๆ คน โดยเฉพาะลูกหลานเชื้อสายจีนก็คงนึกถึงโปรดักต์ อาหาร หรือสิ่งละอันพันละน้อยที่บ่งบอกถึงความเป็นจีนขึ้นมา ในฐานะที่เราก็เป็นลูกหลานคนจีนคนหนึ่ง จึงอยากพาทุกคนไปสำรวจ 4 ธุรกิจของชาวจีนในย่านตลาดน้อยที่อยู่กันมากว่าศตวรรษ รวมถึง 1 พิพิธภัณฑ์ และ 1 ธุรกิจบ้านใกล้เรือนเคียงที่กำลังจัดนิทรรศการอยู่ใกล้ๆ เพื่อฉายภาพให้เห็นว่าในวันที่ย่านนี้กลายเป็นย่านสุดฮิตที่นักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยว มาถ่ายรูป ภายในย่านเองยังมีธุรกิจที่พยายามปรับตัวและดำเนินมาอย่างยาวนานรวมอยู่เป็นส่วนหนึ่งด้วย ร้านขายยาเอี๊ยะแซ | อนามัยประจำย่าน ต้นตำรับยาดมกระปุกพกมือ ถ้าตั้งต้นจาก MRT สถานีหัวลำโพง ‘ร้านขายยาเอี๊ยะแซ’ คือร้านแรกในย่านตลาดน้อยที่เราจะพาไปเยี่ยมเยียนวันนี้ บอกเลยว่าแค่เดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้กลิ่นสมุนไพรจีนชวนให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว “สมัยก่อนตรงนี้เป็นชุมชนจีน ร้านสมุนไพรจีนเลยเป็นเหมือนอนามัยของชุมชน เป็นที่พึ่งของชุมชน มีอะไรเขาจะวิ่งหา” ‘แตงโม-นพรัตน์ เฉลิมชัยกิจ’ ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลเฉลิมชัยกิจ และรุ่นที่ 3 ของร้านขายยาเอี๊ยะแซบอกกับเรา ที่ตัวเลขไม่ตรงกันแบบนี้ นพรัตน์บอกกับเราว่า เพราะในความเป็นจริงก่อนจะมาเป็นร้านขายยาเอี๊ยะแซในย่านตลาดน้อยแบบปัจจุบัน ร้านยาแรกของเหล่ากงตั้งอยู่ที่ชลบุรี ชื่อว่า ‘เอี๊ยะซิ่ว’ ส่วนเอี๊ยะแซตั้งต้นจากอากงเห็นทำเลตรงนี้ […]

โฆษณาข้างรถเมล์ มีความชอบธรรมขนาดไหนในการบังทิวทัศน์

ในโลกทุนนิยมนั้นคงเป็นปกติที่เราจะเห็นโฆษณาสินค้ารายล้อมอยู่ตามที่ต่างๆ ตามความสร้างสรรค์ ตั้งแต่บนป้ายบิลบอร์ด ในโซเชียลมีเดีย จนไปถึงข้าง ‘รถเมล์’ รถเมล์ไม่ได้เป็นแค่รถสาธารณะที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารไปยังปลายทาง แต่ยังเป็นพื้นที่โฆษณารูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยนับว่าเป็น ‘สื่อเคลื่อนที่’ ที่ไม่ได้ตั้งอยู่กับที่เหมือนป้ายโฆษณาอื่นทั่วไป แต่จะวิ่งไปตามที่ต่างๆ รอบเมืองตลอดทั้งวัน โอกาสที่ผู้คนจะได้เห็นโฆษณาบนรถเมล์จึงมีมากกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะช่วยให้ผู้คนรับรู้ถึงการมีอยู่ของโฆษณานี้มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาโฆษณาบนรถเมล์จะไม่ใช่สิ่งน่าอภิรมย์สำหรับผู้โดยสารเท่าไร เพราะหลายครั้งก็ติดทับกระจกจนคนข้างนอกรถมองไม่เห็นข้างใน ส่วนคนข้างในรถก็มองเห็นแต่ร่องจุดเล็กๆ ชวนเวียนหัว ยิ่งถ้าฝนตกเมื่อไร ร่องเล็กๆ ที่เจาะไว้ก็มักมีน้ำซึมเข้ามาจนผู้โดยสารในรถแทบจะถูกตัดขาดการมองเห็นโลกภายนอกไปเลย ไม่ใช่แค่บดบังทัศนียภาพ แต่ยังชวนสงสัยไปถึงความปลอดภัยอื่นๆ เพราะรถเมล์บางคันติดโฆษณาทับประตูฉุกเฉินไปทั้งบาน ในขณะที่รถบางคันก็เว้นไว้ จนไม่รู้ว่าสรุปแล้วสามารถติดทับได้ไหม จากคำถามมากมายเหล่านี้ทำให้เกิดความสงสัยว่า แล้วโฆษณาบนรถเมล์ที่ผ่านหน้าเราทุกวันนี้อยู่อย่างถูกต้องแค่ไหน แล้วจะมีทางติดโฆษณาแต่ไม่บังวิวบ้างหรือเปล่า คอลัมน์ Curiocity ครั้งนี้จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน โฆษณาข้างรถเมล์มีรูปแบบไหนบ้าง ปัจจุบันรถเมล์ในกรุงเทพฯ มีรูปแบบการติดโฆษณาข้างรถอยู่ 2 แบบด้วยกัน แบบแรกคือ ‘Full Wrap’ ซึ่งเป็นการติดโฆษณาทับตัวถังรถทั้งคัน และ ‘Half Wrap’ ซึ่งเป็นการติดทับเพียงแค่ช่วงครึ่งคันหน้าหรือตรงกลางของรถเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างการติดโฆษณาแบบ Full Wrap และ Half Wrap อยู่ตรงที่ Full […]

ให้ ‘หลับ’ เยียวยาใจ ไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักหนาอะไรมา การนอนช่วยรักษาและฟื้นฟูอารมณ์ให้ดีขึ้นได้

แต่ละคนมีวิธีการจัดการความเครียดแตกต่างกันออกไป บางคนอาจกินเพื่อคลายเครียด บางคนอาจเลือกเล่นเกมให้ลืมความกดดันที่ต้องเจอ และบางคนอาจเลือกให้การนอนช่วยหยุดความวิตกกังวลนี้ แม้ปกติแล้วเวลาเครียดมากจะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น และอาจส่งผลให้ฝันร้ายจนนอนไม่เต็มอิ่ม แต่หากเราปล่อยให้ตัวเองเครียดแถมยังไม่ยอมนอน ก็จะทำให้ร่างกายเครียดทับถมมากขึ้นไปอีก แล้วตกลงว่าถ้ากำลังเครียดควรนอนหรือไม่ ‘Matthew Walker’ ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนอนเอาไว้ว่า การนอนหลับลึกจะช่วยลดความวิตกกังวลผ่านการจัดระเบียบในสมองใหม่ เรียกได้ว่าเป็นยาลดความวิตกกังวลตามธรรมชาติที่เราจะได้รับตลอดตราบใดที่นอนหลับทุกๆ คืน เพราะร่างกายของเราใช้เวลาตอนที่นอนหลับปรับสมดุลทางเคมีและชีวภาพ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการลดฮอร์โมนความเครียดและลดระดับฮอร์โมนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอลหรืออะดรีนาลิน ตามที่ ‘Laura DeCesaris’ แพทย์ด้านเวชศาสตร์สมรรถภาพและผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีได้พูดถึงการนอนหลับเอาไว้ เช่นเดียวกับที่ ‘Bill Fish’ ผู้ให้คำปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์การนอนหลับที่มองว่า ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริงคือการนอนหลับ เพราะในขณะที่เรานอนหลับนั้น ร่างกายและสมองจะได้รับการฟื้นฟูจากการใช้งานมาตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกายซ่อมแซมร่างกายจากอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ผ่านการปล่อยฮอร์โมนให้เนื้อเยื่อใหม่เติบโต สร้างเม็ดเลือดขาวในเซลล์ ช่วยลดอาการเจ็บป่วยของเรา จัดการของเสียในสมอง และเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สมองแทบจะไม่มีเรื่องเครียดที่กระทบจิตใจให้นึกถึงอีกด้วย การนอนจึงถือเป็นหนทางฟื้นฟูร่างกายที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะด้วยเรื่องของสุขภาพกายหรือสุขภาพใจ แต่อย่างไรก็ตาม การนอนหลับที่ว่านั้นไม่ควรเป็นการบังคับให้ตัวเองหลับ เพราะจะยิ่งเป็นการกระตุ้นความเครียด แต่ควรจะหากิจกรรมเบาๆ ทำ เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลงบรรเลง และที่สำคัญคือการงดอยู่กับหน้าจอก่อนนอน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการนอนที่มีคุณภาพ สภาพจิตใจที่บอบช้ำจะได้กลับมาสดใสเหมือนเดิม Sources : Baylor […]

Sunlight Dancing in the Sea ยามแสงอาทิตย์กระทบน้ำทะเล

Sunlight Dancing in the Sea เป็นชุดภาพถ่ายที่เล่าเรื่องของทะเลและแสงรวมเข้าด้วยกัน จากผลงานภาพถ่ายส่วนตัวที่บอกเล่าเรื่องราวของแสงในมุมมองต่างๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวันและสถานการณ์ที่พบเจอด้วยความบังเอิญ ทำให้การบันทึกภาพถ่ายแต่ละครั้งมีมิติที่หลากหลายและน่าหลงใหลซ่อนตัวอยู่ในธรรมชาติ หากมองอีกมุมหนึ่งของความเป็นทะเล ผู้คนส่วนใหญ่จะนึกถึงน้ำที่กว้างใหญ่และมีคำบัญญัติไว้ว่า ‘ห้วงน้ำเค็มที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ แต่เล็กกว่ามหาสมุทร’ แต่ถึงอย่างนั้น หากไร้แสงสะท้อนส่องลงไป ทะเลก็คงไร้ความหมายและคงไว้เพียงเสียงที่สัมผัสได้ แสงที่ส่องกระทบเข้ากับน้ำ แรงลมในอากาศ และคลื่นที่ซัดผสานรวมเข้าด้วยกันก็คงเหมือนการเต้นระบำของแสงแดดที่มีเวทีเป็นท้องทะเลและฉากหลังที่งดงามตามพื้นที่ ทั้งหมดนั้นเป็นความงามที่เป็นไปเองโดยไม่มีการปรุงแต่ง ธรรมชาติและมนุษย์มักถูกเชื่อมโยงเข้าหาด้วยกันอย่างน่าประหลาด ใช้ร่างกายของเราสัมผัสเข้าไปในทุกอณูที่ธรรมชาติส่งผ่าน จากหนึ่งสิ่งผสานรวมเข้ากับอีกหนึ่งสิ่งก็จะเกิดเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาไหลเวียนไม่รู้จบ ผลงาน Sunlight Dancing in the Sea ไม่ได้เป็นผลงานที่ชวนให้ตั้งคำถาม แต่หากเป็นผลงานที่อยากชวนทุกคนไปหลงใหล ตกหลุมรัก เหมือนนวนิยายโรแมนติกเล่มหนึ่งที่เล่าเรื่องความรักระหว่างแสงแดดและท้องทะเล ในช่วงเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2568 (Bangkok Design Week 2025) ผลงานชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งใน Photo Installation ‘1 วัน 1,000 ภาพ ครั้งที่ 3 : Beyond the Sea’ ที่จัดแสดงขึ้นที่ MMAD at […]

พาเหล่านักอ่านเช็กอิน 12 ห้องสมุดในกรุงเทพฯ บรรยากาศดี เดินทางง่าย ฟังก์ชันครบ ตั้งอยู่ในย่านที่ไปเดินเล่นต่อได้

ใครที่กำลังหากิจกรรมสักอย่างทำเพื่อพักผ่อนกายคลายความเครียดในวันที่ยังมีบรรยากาศดีๆ แบบนี้อยู่ การได้อ่านหนังสือในสักมุมหนึ่งของเมืองก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะทุกวันนี้ห้องสมุดหลายแห่งในกรุงเทพฯ เป็น ‘ห้องสมุดที่มากกว่าห้องสมุด’ เพราะห้องสมุดในยุคนี้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การใช้งานห้องสมุดง่ายขึ้น มีคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้ใช้ ตอบโจทย์คนทำงาน Work from Anywhere ในยุคนี้อย่างมาก และในหลายๆ ห้องสมุดก็มีพื้นที่น่าสนใจที่ไม่ใช่แค่มุมหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เล่นบอร์ดเกม พื้นที่ฉายภาพยนตร์ หรือพื้นที่สำหรับเด็ก เพื่อหลีกหนีความวุ่นวาย และพาตัวเองเดินเข้าไปในพื้นที่สงบๆ และอบอุ่นสักแห่งเพื่อเติมพลัง วันนี้คอลัมน์ Urban Guide เลยขอมาปักหมุดพิกัด 12 ห้องสมุด พาทุกคนไปเปิดประตูเช็กอินห้องสมุดในกรุงเทพฯ ฉบับอัปเดตล่าสุด ให้ทุกคนได้เจอมุมอ่านที่ชอบ หนังสือเล่มที่ใช่กัน 01 | ห้องสมุดมารวย ‘ห้องสมุดมารวย’ ถือเป็นห้องสมุดเฉพาะทางด้านการตลาดและการลงทุนแบบครบวงจร และได้ชื่อว่าเป็นห้องสมุดตลาดทุนที่ครบวงจรที่แรกในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีการเพิ่มหนังสือประเภทต่างๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับนักอ่านทุกเพศทุกวัย ภายใต้คอนเซปต์ ‘ห้องสมุดมีชีวิต’ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่หนังสือเล่มให้อ่านเท่านั้น แต่ยังมีสื่อดิจิทัลต่างๆ สำหรับข้อมูลด้านการลงทุน เพื่อบริการให้ผู้ใช้งานเข้าถึงฐานข้อมูลได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย พื้นที่ห้องสมุดแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับนั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถใช้เสียงได้ ส่วนชั้นบนเป็นพื้นที่อ่านหนังสือสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีบริการอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ […]

จากเสื่อสู่ Living Fashion Stuffs ส่องการเติบโตของ PDM ในฐานะแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ไม่สนใจเทรนด์แต่ขายได้และขายดีมาเป็นสิบปี

ที่ Kenkoon Showroom วันนี้กำลังมีการรีโนเวต ‘ดิว-ดุลยพล ศรีจันทร์’ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง PDM บอกว่าพวกเขากำลังแปลงโฉมชั้น 2 ของโชว์รูมให้เป็นชั้นจัดแสดงสินค้าของ PDM โดยเฉพาะ ต้อนรับขวบปีที่แบรนด์กำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 พอดิบพอดี สำหรับคนรักงานดีไซน์และของแต่งบ้านสุดเก๋ เราคงไม่ต้องแนะนำว่า PDM เป็นใคร แต่สำหรับใครที่เคยได้ยินชื่อพวกเขาผ่านหู อาจจำได้ว่าพวกเขาเป็นแบรนด์เสื่อของคนไทยที่อัปเกรดเสื่อแบบบ้านๆ ให้เก๋ไก๋ แต่งบ้านสวยจนขายดิบขายดีแม้จะมีราคาหลักพัน วันนี้ PDM เติบโตไปมากกว่านั้น โดยสองผู้ก่อตั้งอย่างดุลยพลและ ‘แมน-แมนรัตน์ สวนศิลป์พงศ์’ ตั้งใจให้เป็นแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ (Living Fashion Stuffs) ขายตั้งแต่เสื่อ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงสินค้าที่พกติดตัวออกไปนอกบ้านได้ โดยมีดีเอ็นเอที่ไม่เหมือนใคร คือต้องสดใหม่ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเห็นแล้วต้องอุทานว่า ‘คิดได้ยังไง’ โต๊ะรูปทรงดอกไม้ พระพุทธรูปที่ขยายตัวได้ด้วยเทคนิคแรงดันน้ำ ตี่จูเอี๊ยสีแดงสดใส เปิด-ปิดไฟได้ ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์จากเนเธอร์แลนด์ เหล่านี้คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ของสินค้าของพวกเขา เราพบกับดุลยพลในวันที่อากาศปลายปีหนาวกำลังดี ชวนเขามาคุยว่า PDM มีเคล็ดลับออกแบบอย่างไรให้ครองใจชาวเก๋มาได้เป็นสิบๆ […]

ช่วงกึ่งกลางระหว่างความเป็นและความตาย กับหลากหลายความสัมพันธ์ที่บรรจบกัน ณ ร้านโคมไฟใน Light Shop

*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของซีรีส์* ค่ำคืนนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ในซอยเปลี่ยวที่มืดมิด ฝนตกพรำ พื้นเต็มไปด้วยน้ำขังและความสกปรก กลางซอยมีร้านขายโคมไฟขนาดคูหากว่าๆ ที่เปิดไฟสว่างไสวทั้งคืน ทันทีที่ประตูเปิดออก เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นเบาๆ พร้อมด้วยชายหนุ่มสวมแว่นสีชาที่ยืนขึ้นต้อนรับกับคำถามว่า “มีอะไรให้ช่วยครับ” นี่คือเรื่องราวของอีกหนึ่งซีรีส์ในจักรวาลซีรีส์ชื่อดังอย่าง Moving ซึ่งดัดแปลงจากเว็บตูนของนักเขียน ‘คังฟูล’ มาสู่ซีรีส์ความยาว 8 ตอน เรื่อง ‘Light Shop’ ที่เส้นแบ่งระหว่างคนเป็นกับคนตายมาบรรจบกันที่ร้านโคมไฟ ด้วยฉากเปิดเรื่องที่ชายหนุ่มเดินลงมาจากรถเมล์ในเส้นทางกลับบ้าน ที่ป้ายรถเมล์นั้นเขาได้เจอกับหญิงสาวใส่ชุดสีขาว ผมยาวสีดำปิดหน้าปิดตา นั่งรออยู่พร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทุกวัน ควบคู่กับช่วงต้นของเรื่องที่เหล่าตัวละครเหมือนจะมีความสามารถในการมองเห็นผีได้ คล้ายจะพาเราเข้าไปอยู่ในโลกหลังความตายเหมือนซีรีส์ขนหัวลุกทั่วๆ ไป ก่อนเรื่องราวจะตัดสลับระหว่างโลกกึ่งความเป็นความตายและห้องพักผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยโคม่า ที่มีเหล่าพยาบาลสาวคอยดูแล จนผู้ชมหลายคนถึงกับเอ่ยปากว่า ช่วง 4 ตอนแรกกับ 4 ตอนหลังของซีรีส์เหมือนกำลังเล่าคนละเรื่องกันอยู่ แล้วจึงนำมาสู่ครึ่งหลังของ Light Shop ที่เฉลยถึงจุดร่วมของเหล่าตัวละครซึ่งประสบอุบัติเหตุบนรถเมล์คันเดียวกันจนอยู่ในภาวะกึ่งเป็นกึ่งตาย คล้ายกำลังใช้วันเวลาวนลูปในซอยเปลี่ยวที่หนีออกไปไม่ได้ พร้อมประเด็นสำคัญว่ามนุษย์ทุกคนมีหลอดไฟเป็นของตัวเองคนละหนึ่งหลอด เมื่อเราอยู่ในช่วงระหว่างความเป็นและความตาย เรามีหน้าที่พาตัวเองไปยังร้านโคมไฟและหาหลอดไฟของตนเองให้เจอจึงจะกลับไปยังโลกมนุษย์ได้ แต่ถ้าหากเราหาร้านโคมไฟไม่เจอ หรือตัดสินใจทิ้งหลอดไฟอันริบหรี่ของตนเองไปนั้น เราก็จะจากโลกนี้ไปเหมือนคนตายคนอื่นๆ ความยากลำบากขณะมีชีวิตของคนชายขอบ ความพิการ “ทำไมจำฉันไม่ได้สักที” กลายเป็นคำถามที่ทำให้ ‘จียอง’ หรือผีสาวชุดขาวคอยตามติด ‘ฮยอนมิน’ […]

การศึกษาไทยกับ 490 โรงเรียนที่หายไปในรอบ 5 ปี

วันครูปีนี้ คอลัมน์ City by Numbers อยากชวนมาดูสถิติที่ทำงานของคุณครูหรือก็คือ ‘โรงเรียน’ ในไทยที่มีจำนวนลดลงเรื่อยๆ จนน่ากังวลใจ อย่างที่รู้กันว่า ปัจจุบันจำนวนเด็กเกิดในประเทศไทยลดลงเป็นจำนวนมาก มากเสียจนในปี 2567 มีจำนวนเด็กเกิดเพียง 461,421 คน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีที่ประเทศไทยมีจำนวนเด็กเกิดไม่ถึง 5 แสนคนต่อปี จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อหลายคนเห็นข่าวการปิดตัวของโรงเรียนในหลายปีที่ผ่านมาจะอุปมาไปว่าเป็นเพราะจำนวนเด็กที่ลดลง ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นการลดลงของนักเรียนไม่ได้น้อยลงขนาดจะทำให้การยุบหรือปิดตัวของโรงเรียนเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร เพราะจากรายงานพิเศษ กสศ. ในปี 2567 ชี้ให้เห็นว่า มีเด็กและเยาวชนอายุ 3 – 18 ปี กว่า 1.02 ล้านคน หรือร้อยละ 8.41 หลุดออกนอกระบบการศึกษา เท่ากับว่าในความเป็นจริงแล้ว โรงเรียนที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อเด็กในประเทศด้วยซ้ำไป สถิติโรงเรียนไทยที่หายไป ขณะเดียวกัน ถ้าย้อนดูตัวเลขย้อนหลังจากสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานไป 5 ปี จะพบว่าตัวเลขโรงเรียนในประเทศไทยมีจำนวนลดลงเรื่อยๆ ทุกปี ดังนี้ – ปี 2563 มีจำนวนโรงเรียนทั้งหมด 29,642 […]

1 2 3 4 5 95

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.