
Featured
‘Bangkok World Expo 2032’ ธีสิสว่าด้วยการจัดงานมหกรรมระดับโลกที่จะพลิกโฉมมักกะสันในฐานะหัวใจเชื่อมเมือง
‘Osaka World Expo 2025’ กลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในปีนี้ที่คนพูดถึงกันทั่วโลก และน่าไปเยือนสักครั้งหากมีโอกาส เพราะนอกจากเป็นหนึ่งในงานมหกรรมระดับโลกที่แต่ละประเทศได้ร่วมเวทีประกาศความสำเร็จในแบบของตัวเองแล้ว ยังเป็นสปอตไลต์ที่ฉายความพร้อมในหลากหลายมิติของประเทศเจ้าภาพอีกด้วย แต่ที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้คือ จริงๆ แล้วไทยเองก็เคยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพงานนี้ถึงสองครั้งสองคราในปี 2020 และ 2028 แต่สุดท้ายกลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน เนื่องจากความไม่พร้อมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านทุนสนับสนุนหรือด้านโครงสร้างพื้นฐานในเมือง ทว่าความหวังนี้ยังคงไม่หายไป แม้จะมีคำถามว่า แล้วตอนนี้ไทยเราพร้อมหรือยังที่จะขึ้นสู่การเป็นเจ้าภาพงานระดับโลก แต่อีกคำถามที่น่าสนใจและชวนจินตนาการต่อไม่แพ้กันคือ แล้ว ‘Bangkok World Expo’ จะหน้าตาเป็นยังไงกันนะ คอลัมน์ Debut พาไปพูดคุยกับ ‘ธีร์-ธนกฤต กาญจนารมย์’ นิสิตจากภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะทำให้เราเห็นภาพอนาคตและศักยภาพของไทยมากขึ้น ผ่าน ‘Bangkok World Expo 2032’ ธีสิสจบการศึกษาของเขา วาระพิเศษพลิกโฉมประเทศไทย การทำธีสิสเกี่ยวกับงานมหกรรมระดับโลกของธนกฤตเริ่มต้นจากความชอบในการดูบอล และเห็นว่าการจัดงานมหกรรมขนาดใหญ่อย่างบอลโลกหรือบอลพรีเมียร์ลีกมักตามมาด้วยอีเวนต์ที่ช่วยดึงดูดให้คนมาใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันได้ ในขณะเดียวกัน ธนกฤตเองก็อยากทำงาน Redevelopment หรืองานพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ที่หยิบเอาพื้นที่ว่างมาฟื้นฟูพัฒนากลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ เขาจึงเล็งเป้าไปที่ ‘World Expo’ ซึ่งเป็นงานมหกรรมขนาดใหญ่ระดับโลก สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจว่า World […]
The Door’s Whisper เสียงกระซิบวิถีชีวิตคนเมืองผ่านสายตา ‘ประตูเหล็ก’
The Door’s Whisper คือชุดภาพถ่ายจากหนังสือที่เล่าเรื่องราวของคนเมืองผ่านสายตาของ ‘ประตูเหล็ก’ วัตถุธรรมดาที่เราเห็นจนชินตา แต่กลับซ่อนเรื่องราวมากมายไว้เบื้องหลัง โปรเจกต์นี้เริ่มต้นจากความตั้งใจที่จะชวนให้ผู้คนหันมาสังเกตสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะรายละเอียดเล็กๆ ที่มักถูกมองข้าม เราจึงหยิบประตูเหล็กมาเป็นตัวแทนของสิ่งของในชีวิตประจำวันที่เราเดินผ่านทุกวันโดยไม่ทันได้สังเกตหรือตั้งคำถามกับมัน เมื่อได้ลงพื้นที่สำรวจและพูดคุยกับคนท้องถิ่นก็พบว่า ประตูเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงฉากหลังของเมือง แต่แทรกตัวอยู่ในทุกบริบทของชีวิตคนไทย ตั้งแต่หน้าบ้าน ร้านค้า ไปจนถึงตึกแถวเก่าแก่ ทั้งยังบอกเล่าถึงวิถีชีวิตของผู้คน และสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของเมืองในภาพรวมอีกด้วย ในเมืองที่สิ่งของในชีวิตประจำวันมักถูกมองข้าม อาจเพราะรูปลักษณ์ที่ไม่สะดุดตาหรือเพราะความเคยชิน โปรเจกต์นี้จึงอยากบันทึกว่าสภาพบ้านเมืองของเราปัจจุบันมีหน้าตาเป็นอย่างไร พร้อมชวนให้ทุกคนหันกลับมามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง โดยหวังว่าภาพเหล่านี้จะทำให้คุณเห็นบางอย่าง…ที่อาจไม่เคยสังเกตมาก่อน หากคุณมีชุดภาพถ่ายที่อยากจะร่วมแชร์ในคอลัมน์ Urban Eyes สามารถส่งมาได้ที่ [email protected]
เติมหมาเติมแมววันละนิดจิตแจ่มใส ไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองก็สุขภาพจิตดีได้ ถ้าเมืองมีพื้นที่ Pet Friendly ให้เจอกับน้องๆ บ้าง
รู้สึกเหมือนกันไหมว่า การเล่นกับน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์อื่นๆ ช่วยชุบชูใจให้วันเทาๆ ของเราสดใสขึ้นมาได้ทันที เพราะว่าบางครั้งวิธีการคลายเครียดอย่างการนอน เล่นเกม หรือฟังเพลงก็อาจไม่ได้ช่วยให้เลิกโฟกัสกับความเครียดได้ขนาดนั้น แต่ในขณะเดียวกัน การเติมหมาเติมแมวกลับทำให้เราลืมความขมุกขมัวในใจไปได้ เหมือนกับว่าในความน่ารักของสัตว์เหล่านี้ซ่อนพลังพิเศษที่ช่วยไล่ความเครียดที่ติดอยู่กับเราให้หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ สุขภาพจิตดีเพราะมีสัตว์เลี้ยง การที่รู้สึกสบายใจสดใสแฮปปี้จากการเล่นกับสัตว์เลี้ยงนั้นไม่ใช่การรู้สึกไปเอง เพราะข้อมูลจาก National Library of Medicine พบว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุย ได้ยินเสียง หรือแม้แต่การมองเห็นความน่ารักของน้องๆ ก็ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ยิ่งถ้าได้สัมผัสตัวสัตว์ ลูบคลำ หรือเล่นด้วย จะช่วยส่งผลต่อการลดความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เกิดความผ่อนคลาย และระดับความวิตกกังวลก็จะลดลงตามไปด้วย สอดคล้องกับการศึกษาของ University of Washington ที่พบว่าเพียงแค่ระยะเวลา 10 นาทีที่ปล่อยให้นักศึกษาได้ใช้เวลากับน้องหมาน้องแมว สามารถช่วยลดระดับคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดลง และเพิ่มเซโรโทนินกับโดพามีน สารที่ทำให้มีความสุขและสร้างความผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นได้ เพราะฉะนั้น หากใครกำลังรู้สึกเครียดกับเรื่องราวต่างๆ แค่วางทุกอย่างลงและเดินไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวน้อยใหญ่ คอยเกาพุงหรือลูบหัวให้น้องๆ สักพัก เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สุขภาพจิตของเราดีขึ้นได้แล้ว Pet Friendly พื้นที่บูสต์เอเนอร์จีทั้งคนและสัตว์ แล้วถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองล่ะ จะเยียวยาจิตใจอย่างไรได้บ้าง คาเฟ่สัตว์อาจเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดในการไปเล่นกับน้องหมาน้องแมว แต่การเข้าคาเฟ่แต่ละครั้งย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าถ้าครั้งสองครั้งก็คงพอจ่ายไหว […]
ยกระดับชีวิตมังกรจากแอนิเมชัน How to Train Your Dragon จะคนหรือสัตว์ (วิเศษ) ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
“มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับมังกรได้” ประโยคนี้คงเป็นสมมติฐานที่ชาวไวกิงและเหล่ามังกรจากเรื่อง อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร (How to Train Your Dragon) ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ระหว่างคนและมังกร พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ หากใครเคยรับชมแอนิเมชันเรื่องนี้ นอกจากเรื่องราวการต่อสู้ของมังกรและคน เราจะเห็นความสัมพันธ์และรูปแบบวิถีชีวิตร่วมกันระหว่างมนุษย์และสัตว์วิเศษ โดยอยู่ภายใต้การอยู่อาศัยบนเกาะเบิร์ก เกาะต้นกำเนิดของชนเผ่าไวกิง อีกทั้งยังเป็นเหมือนบ้านเฉพาะกิจของเหล่ามังกร แม้ในท้ายที่สุดชาวไวกิงจำเป็นต้องบอกลากับเพื่อนซี้เหล่ามังกร เพื่อให้พวกมันได้กลับไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยและเป็นที่ของพวกมันจริงๆ แต่ในช่วงที่เหล่ามังกรยังอาศัยอยู่บนเกาะเบิร์ก เรื่องราวในแต่ละวันก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและสวยงามสักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเมืองแออัด หรือผลกระทบข้างเคียงในพลังงานมหาศาลของเจ้ามังกรที่ต่างส่งผลกระทบต่อทั้งคนและมังกร จนถึงกับทำให้พวกเขามีแผนการตามหาที่อยู่อาศัยใหม่ดังที่ปรากฏในภาค 3 เนื่องในโอกาสการกลับมาของ How to Train Your Dragon ฉบับ Live Action คอลัมน์ Urban Isekai อยากชวนทุกคนนั่งไทม์แมชชีนย้อนคิดไปกับพวกเรา ถ้าหากเหล่ามังกรยังคงอยู่อาศัยร่วมกับชาวไวกิงบนเกาะเบิร์ก เราจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์มีปีกเหล่านี้ได้อย่างไรบ้าง 1) จัดสรรพื้นที่ใหม่ แบ่งสัดส่วนระหว่างคนและมังกร ปัญหาเมืองแออัดดูจะเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นในเกาะเบิร์ก หลังจากการอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างชาวเมืองและมังกร จนทำให้ชาวไวกิงบางส่วนตั้งคำถามต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนมังกร หากเมืองมีการจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสม กำหนดเขตที่พักอาศัยระหว่างมังกรและมนุษย์ จะเป็นทางแก้ที่ช่วยให้มังกรได้ใช้พื้นที่ตามธรรมชาติของร่างกาย และไม่สร้างความเสียหายแก่ชาวเมือง 2) บริการตรวจสุขภาพมังกรประจำปี สุขภาพของคนและสัตว์เป็นสิ่งสำคัญ สัตว์วิเศษก็เช่นกัน เราจึงควรมีโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีเต็มรูปแบบ […]
‘T77 Community’ ออกไปพักผ่อนหย่อนใจ ใช้ Quality Time ในเมืองเล็กๆ ย่านสุขุมวิท เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ท่ามกลางความสงบ
ถ้าพูดถึงชีวิตในเมืองย่านสุขุมวิท โซนอ่อนนุช ภาพแรกที่นึกถึงอาจเป็นความวุ่นวายตามสไตล์ชีวิตเมือง ทั้งผู้คนพลุกพล่าน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และพื้นที่ที่สะดวกสบายต้องอยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือถนนหลักเท่านั้นถึงจะตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบของคนเมือง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ในย่านนี้มีพื้นที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แห่งหนึ่งอย่าง ‘T77 Community’ หรือ ‘Sansiri Town Sukhumvit 77’ ตั้งอยู่ด้วย ที่นี่เป็นพื้นที่อันเงียบสงบท่ามกลางความวุ่นวายของเมือง ที่คนจำนวนมากเข้าใจว่าเป็นเพียงโครงการที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ความจริงแล้วพื้นที่แห่งนี้คือ Quality Community ที่มีความสะดวกสบายมากมายรองรับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลทันตกรรม ทั้งสำหรับลูกบ้านและพร้อมต้อนรับคนอื่นๆ ให้แวะเวียนเข้ามาใช้ Quality Time อย่างสงบ คอลัมน์ Urban Guide ขออาสาพาทุกคนไปสำรวจพื้นที่ใน T77 Community กันว่า ถ้าไม่ได้มีแค่โครงการที่อยู่อาศัย ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีพื้นที่ไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง คอมมูนิตี้สเปซที่เดินทางง่าย เลือกได้หลายเส้นทาง เมื่อการใช้ชีวิตในเมืองวุ่นวายจนต้องหาที่พักผ่อน T77 Community จึงเป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ที่สุดสำหรับความเงียบสงบในโซนอ่อนนุช แม้ไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้าหรือถนนใหญ่เหมือนกับภาพจำของคอมมูนิตี้สเปซในย่านอื่น แต่การเดินทางเข้ามายัง T77 Community นั้นกลับไม่ยากอย่างที่คิด เพราะล้อมรอบไปด้วยความสะดวกที่เลือกได้ตามสบาย ถ้าขับรถส่วนตัวมาก็สามารถเข้าออกได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นสุขุมวิท […]
ออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับผึ้งและผองเพื่อน เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้ดีต่อผึ้งและดีต่อใจเรา
เวลาที่ไปสวนแล้วเห็นต้นไม้หรือดอกไม้สวยๆ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง แล้วเคยสังเกตกันไหมว่า ในชีวิตประจำวันเราพบเห็นแมลงชนิดไหนบ้าง พบเห็นผึ้งหรือผีเสื้อบ้างไหม และเพื่อนตัวน้อยเหล่านั้นทำอะไรอยู่ ผึ้งเป็นเพื่อนตัวเล็กๆ ที่มีอิทธิพลมากต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและต้นไม้ ซึ่งให้อากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด และอาหารที่เรากิน จากภาวะโลกเดือด ภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จำนวนประชากรผึ้งและแมลงผสมเกสรลดลง และการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวส่งผลให้ถิ่นที่อยู่ของแมลงและสัตว์ต่างๆ ลดน้อยลง ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ จำนวนและชนิดของแมลงก็ลดลงตามไปอีก อีกทั้งยังทำให้ความหลากหลายทางอาหารลดลงอีกเช่นกัน เป็นวงจรที่กำลังดำเนินไป และเรากำลังเผชิญกับผลกระทบเหล่านั้น จากคำกล่าวที่ว่า ‘ถ้าไม่มีผึ้งจะไม่มีเราอีกต่อไป’ ดูจะไม่ไกลเกินจริงซะแล้ว ในโอกาสวันผึ้งโลกที่เพิ่งผ่านพ้นไป และวันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก คอลัมน์ Urban Sketch อยากชวนเพื่อนๆ มาดูกันว่า เราจะสามารถออกแบบเมืองและสิ่งแวดล้อมใกล้ๆ ตัวเราอย่างไร ให้เอื้อต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนตัวน้อยนักผสมเกสรของเรา และยังสร้างความเพลิดเพลินใจให้เราด้วย มาเปิดใจให้เหล่าผองผึ้งและแมลงตัวนั้นตัวนี้ ให้เราได้รักรักมันทุกตัวกัน ปลูกดอกไม้และต้นไม้ที่หลากหลายให้ผองผึ้ง ดอกไม้และต้นไม้บางชนิดเป็นแหล่งอาหารที่โปรดปรานของผึ้ง การออกแบบสวนที่มีดอกไม้ ผัก และต้นไม้ที่ให้เรณูเกสรและน้ำหวานแก่ผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่าง สวนสาธารณะ สวนในบ้าน สวนริมทางเท้า หรือ Pocket Park ลองเพิ่มต้นไม้ผลไม้เข้ามา สลับกับไม้พุ่มให้ดอก ผักที่กินผล และดอกไม้หอมที่ล่อแมลงและผึ้งอย่างต้นไม้วงศ์ส้ม […]
เรียนรู้สิ่งแวดล้อมในเมืองผ่านการปฏิบัติในงาน ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ ฉลองครบรอบ 20 ปี ค่ายเพาเวอร์กรีน ถอดบทเรียนจากเสวนาเรื่องพลังงาน ส่งต่อความรู้และความรักษ์โลก ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมความยั่งยืน
เวลาได้ยินเรื่องสิ่งแวดล้อม เรามักมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เพราะคาร์บอนไดออกไซด์เอย ไหนจะก๊าซเรือนกระจกเอย มนุษย์ตัวเล็กๆ ในเมืองจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนโลกที่กว้างใหญ่ได้กันนะ แต่บ้านปูไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปูร่วมกับคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เพาเวอร์กรีน หรือ Power Green Camp ภายใต้แนวคิด ‘วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม-เรียนรู้สู่การปฏิบัติ’ เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมให้เด็กๆ ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อค่ายนี้กันมาบ้าง เพราะเป็นโครงการที่จัดมาตั้งแต่ปี 2549 และในสองทศวรรษที่ผ่านมานี้ ค่ายเพาเวอร์กรีนได้พัฒนาผู้นำเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 1,200 คนแล้ว เพื่อเฉลิมฉลอง 20 ปีของโครงการเพาเวอร์กรีน บ้านปูได้จัดงาน ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ (Decarb Festival) โดยเปิดพื้นที่ให้เยาวชนเพาเวอร์กรีนตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นปัจจุบันมาร่วมแสดงพลังผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เวิร์กช็อปรักษ์โลกจากเยาวชนเพาเวอร์กรีน รวมทั้งมีเวทีทอล์กจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน และอินฟลูเอนเซอร์สายกรีน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนวัตกรรมช่วยโลก ทั้งแบตเตอรี่ที่สามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ใช้งานในบ้าน เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) และห้องทดลองโมเดลจำลองพลังงานทดแทนในสวน ถ้าอยากรู้ว่าทำไมโครงการนี้ถึงดำเนินการมายาวนานถึง 20 […]
ชาว Neighbourmart และย่านเจริญกรุง รวมสถานที่โปรดใกล้ร้านซัพสินค้ากรุงเทพฯ ที่อยากให้ทุกคนแวะไปซัพพอร์ต
หลังจากแนะนำสถานที่โปรดของชาว Urban Creature ในถิ่นที่อยู่ไปแล้ว คอลัมน์ Add to My List คราวนี้ก็ถึงทีแวะเวียนขอให้เพื่อนบ้านน่ารักๆ อย่างชาว ILI.U ที่ตั้งแต่ช่วงต้นปีไปประจำการอยู่ห้างซัพสินค้า Neighbourmart ในตึก TCDC กรุงเทพฯ มาแนะนำสถานที่โปรดของแต่ละคนในย่านเจริญกรุง บางรัก ตลาดน้อยกันบ้าง ขอบอกว่าร้านรวงและสถานที่แต่ละแห่งที่ชาวเนเบอร์มาร์ทเลือกมา นอกจากจะเด็ดดวงสมกับเป็นคนลงพื้นที่ไปเสาะหาของดีในกรุงเทพฯ มาให้ทุกคนเลือกอุดหนุนแล้ว ยังมีสตอรีที่น่ารัก อบอุ่น ชวนให้อมยิ้ม แล้วอยากไปตามรอยความผูกพันของพวกเธอที่แอบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบอดีตของเหล่าสถานที่ที่เลือกกันมา ใครที่อยากรู้ว่าพื้นที่ชุบชูใจของชาวห้างซัพสินค้าสีเหลืองสดใสแห่งนี้เป็นที่ไหนกันบ้าง หรือถ้าถึงขนาดอยากแวะไปตามรอยตอนหลังจากซื้อของที่เนเบอร์มาร์ทเรียบร้อยแล้ว ก็ไปตามอ่านกันได้เลย ชื่อ : จิราภรณ์ วิหวาตำแหน่ง : Co-Founder & Content Designerสถานที่โปรด : หว่าโถ่ว น้ำขมหยั่นหว่อหยุ่น บางรัก 2474ตำแหน่งที่ตั้ง : maps.app.goo.gl/GKEy8xQTBGJnxqfs8 สมัยยังเป็นวัยรุ่นหัดเดินเล่นย่านกรุงเทพฯ ใหม่ๆ ป้ายรถเมล์บางรักตรงข้ามโรบินสันคือจุดสตาร์ทที่ดี มีซอกซอยเต็มไปด้วยของอร่อย แถมมีรถสองแถววิ่งวนตรอกจันทน์ให้เลือกสุ่มขึ้นหลายสาย ซึ่งก่อนขึ้นรถต้องแกล้งทำเป็นคุณน้าเก๋าๆ สั่งน้ำขมที่เคาน์เตอร์หินลายภาษาจีนตัวเป้งๆ กิน และพบว่ามันขมมาก […]
ทำไม Walkable City ถึงเป็นแนวทางสำหรับเมืองสมัยใหม่ และเป็นความเหลื่อมล้ำของเมืองเล็กที่ถูกลืม
เป็นเวลากว่าล้านปีที่มนุษย์ค่อยๆ วิวัฒนาการสรีระเพื่อรองรับการเดินตัวตรง เหล่าบรรพบุรุษใช้พรสวรรค์ในการเดินทนเดินไกล ขยับขยายอาณาเขตและเอาตัวรอดในสมัยบรรพกาล หรือเรียกได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์นักเดินตัวยง กระทั่งเมื่อลูกหลานของป้าลูซี (Lucy) คิดค้น ‘ล้อ’ ตัวช่วยการเคลื่อนที่แสนสะดวก บทบาทของการเดินเท้าจึงเริ่มถูกคัดทิ้งและลืมเลือน เมื่อรถยนต์แพร่หลายกลายเป็นพาหนะประจำครัวเรือน การตัดถนนครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นทั่วโลก กรุงรัตนโกสินทร์เองก็เขยื้อนตัวเช่นกัน เริ่มจากการขยายเมือง ถมคลองสร้างถนนรองรับ ‘รถเก๋ง’ แต่ดันลืมนึกถึง ‘คนเดิน’ เวลาผ่านมาเพียงหนึ่งชั่วอายุคน ความนิยมของรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลได้แปรสภาพเมืองหลวงไทยให้กลายเป็น ‘ตัวอย่างของความล้มเหลวทางการจราจร’ ลืมเรื่องการเดินอย่างสบายเท้าบนฟุตพาทไปได้เลย เพราะบางครั้งชาวสยามยังจำเป็นต้องเดินบนถนนขณะรถวิ่ง การเดินเท้าบนฟุตพาทในกรุงเทพฯ กลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างน่าละเหี่ยใจ นอกจากขนาดและสภาพของทางเท้าแบบ ‘Old School’ เก่าพังราวของวินเทจ ระยะทางของแต่ละย่านสำคัญก็ห่างไกลระดับน้องๆ มาราธอน แม้แต่ทางเลือกอย่างจักรยานก็อาจต้องเสี่ยงดวงเบียดบี้กับจักรยานยนต์บนถนน และขาดไม่ได้คืออากาศร้อนราวอบเซานาตลอดกลางวัน จึงไม่แปลกที่รถยนต์ส่วนตัวปรับอากาศเย็นสบายจะติดชาร์ตสิ่งของอันดับหนึ่งที่ใครๆ ล้วนปรารถนา อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเศร้ากว่าปัญหาข้างต้นคือ การหารือบนโต๊ะประชุมมักมีเพียงการแก้ปัญหาในบริบทของกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับกันใน ‘จังหวัดอื่นๆ’ กลายเป็นผู้ถูกลืม บางพื้นที่ไม่มีแม้แต่ระบบขนส่งสาธารณะ บีบบังคับให้ทุกบ้านต้องมีรถยนต์หรือจักรยานยนต์เป็นอย่างน้อย ทั้งที่แนวคิด Walkable City ไม่ควรถกเถียงอยู่แค่บริเวณเมืองหลวง เพราะประชากรทุกจังหวัดควรได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ทั้งนั้น การสร้างเมืองเดินได้ในทุกบริบทย่อมตั้งต้นด้วยการเปลี่ยนวิถีการคมนาคม เริ่มจากรถยนต์ผู้ครองตำแหน่งแชมป์ที่เป็นก้างชิ้นโต ทำให้ผู้สันทัดกรณีเสนอการแก้ปัญหาอย่างกำปั้นทุบดินคือ ‘กำจัดรถยนต์บนท้องถนน’ […]
5 สถานที่จากพื้นที่เก่าไม่ได้ใช้งาน สู่พื้นที่สาธารณะ สร้างประโยชน์ ให้ผู้คนในเมืองใช้ทำกิจกรรมนอกบ้าน
ห้องสมุดจากโรงอาบน้ำ มิวเซียมและแกลเลอรีจากโรงงาน เหล่านี้คือตัวอย่างการแปรเปลี่ยนสถานที่และฟังก์ชันการใช้งานให้กลับมาสร้างสีสันให้เมืองมากขึ้น เพราะนอกจากเรื่องความปลอดภัย การปล่อยสถานที่ทิ้งร้างเอาไว้ยังเป็นการเสียพื้นที่ใช้งานไปโดยเปล่าประโยชน์ หลายๆ ประเทศจึงรีโนเวตพื้นที่เดิมให้กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ให้ย่าน คอลัมน์ Urban’s Pick ขอพาไปดูการฟื้นฟู 5 สถานที่เก่าจาก 5 ประเทศให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อเติมแรงบันดาลใจ สร้างการพบปะ และเป็นแนวทางการขับเคลื่อนเมืองด้วยศิลปวัฒนธรรม GMBBCreative Mall จากห้างฯ แฟชั่นค้าส่งKuala Lumpur, Malaysia ความสร้างสรรค์และงานศิลปะ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศมาเลเซียจึงสร้างพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อให้ศิลปินทำกิจกรรมและแบ่งปันไอเดียงานศิลปะกันในย่าน Bukit Bintang ด้วยการเปลี่ยนอาคารเก่าที่เดิมทีคือแหล่งขายส่งสินค้าแฟชั่นให้เป็น Creative Mall ‘GMBB’ ถือได้ว่าเป็นชุมชนสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ที่อยากเป็นพื้นที่ทางกายภาพให้เหล่าศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ โดยได้แรงบันดาลใจจากพื้นที่ศิลปะที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศอย่าง 798 Art Zone ในปักกิ่ง หรือ PMQ ในฮ่องกง เพื่อให้ GMBB แห่งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังความสามารถของศิลปินท้องถิ่น พัฒนาวัฒนธรรมของมาเลเซีย และพร้อมผลักดันทุกความคิดสร้างสรรค์ให้ไปไกลถึงระดับโลก ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดง แกลเลอรี ร้านหนังสือ สตูดิโอศิลปะ […]
‘Thainal Destination’ ใช้ชีวิตประจำวันแบบระวังตัวแทบตาย จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้ประสบภัย ชะตาขาดไม่รู้ตัว
เพราะอันตรายมีอยู่ทุกที่ คำคำนี้ดูไม่เกินจริง เมื่อเราได้ดูภาพยนตร์แฟรนไชส์ Final Destination ที่แต่ละภาคล้วนดำเนินเรื่องผ่านการใช้ชีวิตทั่วๆ ไปของเหล่าตัวละคร ทว่าในความทั่วไปนั้นกลับมีเหตุการณ์บางอย่างที่พาให้ชะตาชีวิตของพวกเขาถึงจุดจบอย่างน่าสยดสยอง หลังจากทิ้งห่างไปกว่า 14 ปี ตอนนี้ Final Destination กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์ที่ยังคงทำเอาคนดูอย่างเราๆ หวาดเสียวไปกับสิ่งรอบตัว จนต้องมองซ้ายมองขวาคอยใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง คอลัมน์ Urban Isekai อยากชวนมาลองคิดเล่นๆ ว่า หากเซตติ้งใน Final Destination เป็นกรุงเทพฯ จะมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ก็ชะตาขาดไม่รู้ตัว ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีชิ้นส่วนก่อสร้างร่วงหล่นจากท้องฟ้า สถานการณ์ที่ทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ใน Final Destination ตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นการขับรถผ่านเส้นทางที่กำลังมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมสะพาน โดยเฉพาะเส้นพระรามที่สองที่ไม่จบไม่สิ้นสักที ยิ่งนานวันไปแทนที่โครงสร้างสะพานจะแข็งแรงพร้อมใช้งาน กลับมีข่าวอุบัติเหตุเศษนั่นเศษนี่ร่วงลงบนถนนตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนั้นต้องเสี่ยงดวงทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะหวยออกที่รถของเราไหม ทำได้เพียงแค่รีบเหยียบคันเร่งพร้อมสวดมนต์ให้สบายใจว่าจะปลอดภัยไปตลอดทาง ตามหลังรถกระบะอยู่ดีๆ ก็มีเหล็กเส้นพุ่งเข้ามาในรถ ไม่ใช่แค่ต้องคอยระวังแผ่นปูนจากฟากฟ้า แต่ยังมีรถกระบะร่วมทางที่ทำเอาต้องเว้นระยะห่างเกินกว่า 5 เมตร เพราะหลายคันมักท้าทายความสามารถในการขนของ ด้วยการวางเรียงสินค้าสูงเกินหลังคารถจนโอนไปเอียงมา เสี่ยงว่าจะร่วงลงมาขวางถนนหรือไม่ก็ทับรถที่ขับตามหลัง และบ่อยครั้งที่เราเจอก็มักเป็นเหล็กเส้นยาวที่มีผ้าสีแดงผูกเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ให้คันหลังคอยระวังอันตราย แต่แหม…ทั้งหัวและท้ายของเหล็กกลับยื่นเกินออกมาจากตัวรถ แถมอุปกรณ์ยึดเหล็กก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ทำให้รถยนต์ทั้งข้างหน้าและตามหลังต้องหวาดระแวงว่าเหล็กเส้นเหล่านั้นจะหลุดออกมาพุ่งทะลุกระจกรถตัวเองหรือไม่ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว […]
ใครอยู่เขตไหน มาเช็กกัน กับที่สุดของ 10 อันดับเขตในกรุงเทพฯ
หลังจากนี้แทนที่เราจะอวดฐานะ กางไลฟ์สไตล์ให้ดูว่าใครกินหรูอยู่แพงกว่ากัน ชาวกรุงเทพฯ ลองเปลี่ยนมาบลัฟกันด้วยความน่าอยู่ของเขตที่อยู่อาศัยดีกว่าไหม เผื่อเขตไหนเขาอิจฉาจะได้ทำแบบเขตเราบ้าง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขตไหนน่าอยู่ ปัจจัยหลักๆ ที่ส่งเสริมเขตนั้นให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี วัดกันตั้งแต่ความเพียงพอของสวนสาธารณะ อากาศสะอาดแค่ไหน รถเมล์กี่สายวิ่งผ่าน โรงเรียนมีจำนวนสอดคล้องกับนักเรียนหรือเปล่า ไปจนถึงเรื่องขยะ น้ำท่วม ฯลฯ ซึ่งครอบคลุมด้านบริการสาธารณะ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสวัสดิภาพ และด้านสิ่งแวดล้อม แม้กรุงเทพฯ จะมีถึง 50 เขต แต่เขตที่ได้คะแนนภาพรวมเขตน่าอยู่ในอันดับสูงๆ หรือเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปจากคะแนนทั้งหมด 50 คะแนน นับแล้วมีเพียง 27 เขตเท่านั้น ยิ่งถ้าไปดูเขตที่ได้คะแนนเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ขอบอกว่าไม่มีสักเขตเลย เขตไหนน่าอยู่ต้องสะดวก สะอาด ปลอดภัยไร้กังวล ก่อนอื่นเรามาดูกันว่า เกณฑ์การให้คะแนนความน่าอยู่ของแต่ละเขตมีที่มาจากอะไรบ้าง Bangkok Index คือข้อมูลเพื่อดูว่าแต่ละเขตน่าอยู่มากน้อยแค่ไหน มีปัญหาด้านใดบ้าง โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้าน แต่ละด้านประกอบด้วย 4 หัวข้อ ได้แก่ 1) ด้านบริการสาธารณะ ประกอบด้วย […]