ในภาวะที่โลกเรากำลังเสี่ยงพบกับหายนะทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งภาวะหิมะตกหนัก ฮีตเวฟ น้ำท่วม และภัยแล้ง ล้วนมาจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่งที่ต้องตระหนักรู้ แต่เป็นทั้งโลกที่ต้องลุกขึ้นมาช่วยเหลือกัน
เกิดเป็นการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ขึ้น โดยภายในการประชุมมี 132 ประเทศได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ก่อนปี 2050
ส่วนประเทศไทยก็ได้มีการวางเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ก่อนปี 2065 เช่นเดียวกัน
ทำให้ทางบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC จัดเวที ‘GC Circular Living Symposium 2022: Together To Net Zero’ เวทีการประชุมระดับนานาชาติที่รวมพลังขับเคลื่อนสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อ Update Trend แนวทางการลดโลกร้อนผ่าน Speakers ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ที่ไม่ใช่แค่บรรลุเป้าหมายขององค์กรในการลดก๊าซเรือนกระจก หากแต่ยังช่วยสนับสนุนภาพใหญ่ของไทยและโลกใบนี้ผ่านการสร้างการตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนได้ตื่นตัว
โดยภายในงาน ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืน GC กล่าวว่า เราสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกได้ง่ายๆ ภายใต้หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือ Circular Economy ด้วยการลดการใช้พลังงานในทุกๆ วัน เช่น การเปิด-ปิดไฟที่บ้าน และนั่งรถไฟฟ้าแทนขับรถมาทำงาน เพื่อลดการใช้น้ำมัน รวมไปถึงเรื่องคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากการใช้สินค้าต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ซึ่ง GC เองก็ได้ให้ความสำคัญกับส่วนนี้เช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่โรงงานที่เน้นใช้วัตถุดิบให้น้อยที่สุด ลดของเสีย ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังมีการทำโครงการ ‘YOUเทิร์น’ แพลตฟอร์มที่ดึงทุกส่วนมาร่วมกันบริหารจัดการขยะพลาสติกแบบครบวงจร End-to-End Waste Management ตั้งแต่วิธีการคัดแยก การจัดเก็บ การขนส่ง ไปจนถึงการนำพลาสติกใช้แล้วไปรีไซเคิลอย่างครบวงจร เพื่อนำพลาสติกใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธี ผ่านจุดรับพลาสติกใช้แล้ว (Drop Point) ทั้งออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า ชุมชนใน กทม.และต่างจังหวัดที่มีขยะพลาสติกมาก
ในขณะเดียวกัน นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ผู้ก่อตั้งร้านควินินคาเฟ่ กล่าวในเวทีเดียวกันในหัวข้อ ‘Green Career’ ว่าร้านควินินคาเฟ่ (QUININE Cafe’) ได้กำลังเสริมที่สำคัญจาก GC ในการส่งเชฟมาช่วยสอน อีกทั้งมีการเปิดคอร์สระยะสั้นให้กับชุมชนได้มาเรียนรู้ ในส่วนของกาแฟชาเขียว ชาไทย ซึ่งนำเรื่อง Plant-based เข้ามาด้วย
นอกจากนี้ยังมีแพลนที่กำลังใกล้เป็นจริงคือ การสร้างศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร โดยจะนำรถโมไบล์ที่ไร้คนขับ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารับส่งจากศูนย์รถยนต์มาที่ร้านควินิน เมื่อบริการรถยนต์เสร็จก็สามารถขับกลับออกไปได้
ซึ่งทั้งหมดนี้จะเห็นถึงการพยายามมีส่วนร่วมของทาง GC เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ แต่ในขณะเดียวกันคนไทยเองก็ต้องตระหนักถึงความสำคัญของ ‘การลดโลกร้อน’ แบบยั่งยืน ด้วยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้เป็นนิสัย เพื่อสร้างการตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วน เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยพลังจากทุกคนร่วมกันขับเคลื่อน