กลางดึกคืนนี้ก็เป็นเหมือนทุกคืน ‘วัชรพล ฝึกใจดี’ หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่า ‘พี่แจ็ค’ นั่งอยู่หลังไมค์ อุณหภูมิเย็นต่ำ ห้องทั้งห้องเงียบสงัด เกือบจะใช้คำว่าวังเวงได้ หากไม่มีเสียงสนทนาปลายสายที่โทรติดต่อเข้ามาคุยกับเขา
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับพี่แจ็ค…”
ริมฝีปากเม้ม คิ้วขมวดมุ่น จินตนาการเตลิดเปิดเปิง ความวังเวงอันตรธานไปกลายเป็นความรู้สึกเสียวสันหลัง บ้างเผลออุทานตอนถึงจุดพีกของเรื่องเล่าสยองขวัญ คืนแล้วคืนเล่าของ ‘พี่แจ็ค’ เป็นแบบนั้น ถึงจะลุ้นและตื่นเต้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง แต่เขาก็บอกว่ามีความสุขทุกครั้งที่ได้จัดรายการ
The Ghost Radio ของพี่แจ็คถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ถึงจะไม่ใช่รายการวิทยุที่ชวนคนโทรมาเล่าเรื่องผีรายการแรกในไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า The Ghost คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้รายการเรื่องเล่าผีบูมขึ้นมาในบ้านเรา
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ในยุคที่สังคมและเทคโนโลยีเปลี่ยนไป ทำไมรายการเรื่องเล่าผีจึงได้รับความนิยม และมีทีท่าว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ วัดจากช่วงหลายปีมานี้ มีรายการเล่าเรื่องผีเกิดขึ้นมากมาย
กลางดึกสงัดที่ว่างเว้นจากการจัดรายการ เราชวนพี่แจ็คมาคุยกันเรื่องความหลงใหลในเรื่องสยอง ผีที่พี่แจ็คกลัวที่สุด และวิวัฒนาการของผีในเรื่องเล่าที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและสังคมเมือง
พี่แจ็คเคยเจอผีไหม
ชีวิตนี้ไม่เคยเจอผี เป็นคนไม่มีเซนส์เรื่องผีเลย
แล้วเชื่อไหมว่าผีมีจริง
ผมเชื่อ 50 – 50 ว่าผีมีหรือไม่มีจริง เพราะเราไม่เคยเจอผีเลยไม่รู้ว่าตกลงแล้วผีมีจริงหรือเปล่า และเราก็ฟังเรื่องผีมาเยอะจากคนหลายคน เราเลยอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝั่ง
และเพราะเราเป็นผู้ดำเนินรายการด้วยแหละ เราจึงเอนเอียงไปทางฝั่งเชื่อหรือไม่เชื่อไม่ได้ เพราะเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เราเอนเอียงไปทางฝั่งไหน เราจะจัดรายการไม่สนุก ถ้าเราเชื่อมากเราจะชี้นำคนฟัง แต่ถ้าเราไม่เชื่อเลยเราก็จะแข็งกระด้างในการจัดรายการ เพราะฉะนั้นตรงกลางจึงเป็นส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุด
เรื่องเล่าที่น่ากลัวที่สุดที่เคยฟังมาคือเรื่องไหน
หูว์ (ทำท่านึก) ผมไม่สามารถบอกได้เลยว่าเรื่องไหนอันดับหนึ่ง เพราะคำว่าน่ากลัวของคนเราไม่เท่ากัน และผมมีเพดานความน่ากลัวของตัวเองอยู่ เมื่อใดก็ตามที่เรื่องเล่ามาชนเพดานนี้มันก็ถือว่าน่ากลัวแล้ว
ถ้าถามผม มีเป็นพันๆ เรื่องที่ฟังแล้วรู้สึกน่ากลัว แต่ถ้าถามว่ามีเรื่องที่อินหรือกลัวเป็นพิเศษไหม ส่วนมากเราจะอินหรือกลัวผีนางรำ
ทำไมถึงกลัวผีนางรำ
เขาแต่งองค์ทรงเครื่องเยอะ ก่อนเขามาเขาต้องมีดนตรีไทยประโคมมาก่อน กว่าจะออกมาได้ต้องรำ ด้วยรูปลักษณ์ ท่าทาง และวิธีการของเขาในเรื่องเล่าหลายๆ เรื่อง ผมคิดว่าผีนางรำเป็นผีซิกเนเจอร์ที่หลายคนฟังแล้วกลัว และมันเป็นผีสัญลักษณ์ของไทยที่ต่างชาติรู้จักในนามผี Dancing ของไทย
ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไป ผีนางรำสมัยก่อนออกมาแล้วจะรำ แต่เดี๋ยวนี้เริ่มไม่ค่อยทำแล้ว เขาจะยืนชี้หน้าหรือปรากฏตัวแบบแปลกๆ ซึ่งมันก็น่ากลัวเหมือนกัน
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ความชอบเกี่ยวกับเรื่องผีของคุณเริ่มจากไหน
ผมเหมือนเด็กวัยรุ่นยุค 90 ทั่วไปที่ต้องหาความบันเทิงฟังในช่วงกลางคืน สมัยก่อนทำงานอยู่ตามโรงงาน ความบันเทิงอย่างเดียวของเราไม่ใช่โทรศัพท์แต่คือวิทยุ แล้วรายการที่เด็กวัยรุ่นยุคนั้นฟังมากที่สุดคือ 90Shock ของพี่ป๋อง
ตอนแรกผมไม่รู้จัก แต่เพื่อนแนะนำให้ฟังว่า กลางคืนดึกๆ เสาร์อาทิตย์ ถ้าชอบฟังเรื่องผีมาฟังช่องนี้สิ หลังจากนั้นผมก็ฟังมาเรื่อยๆ และติดตามมาตลอด เพราะ 90Shock มันไม่ใช่แค่รายการเล่าเรื่องผี แต่มีการส่งทีมงานออกไปนอกสถานที่ ไปสำรวจบ้านร้าง เราก็อิน สนุก ลุ้นระทึกไปกับ 3 ชั่วโมงที่ 90Shock ออกอากาศ ณ ตอนนั้น
แล้วจุดไหนที่อยากทำรายการของตัวเองบ้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว เหมือนผีผลักมากกว่า
จากเด็กคนหนึ่งที่ฟัง 90Shock ใช้ชีวิตของตัวเองเรื่อยเปื่อย ทำงานนู่นนี่ จนวันหนึ่งผมได้ทำงานกับพี่ป๋อง เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในร้าน The Shock Club แถวพหลโยธิน 12 และจากเด็กเสิร์ฟก็กลายเป็นผู้ช่วยหลังไมค์ จากนั้นมีโอกาสพูดแจมไมค์ สู่การจัดรายการคู่ และกลายมาเป็นคนจัดรายการแทน
ตอนที่คนฟังโทรเข้ามาเล่าเรื่องในรายการ คุณทรีตมันเป็นเรื่องจริงหรือความบันเทิง
ผมฟังเรื่องผีเพราะผมชอบ เสาร์อาทิตย์จะมีความสุขมากที่จัดรายการ มาฟังเรื่องผีคืนละ 9 เรื่อง ผมจึงรู้สึกว่าสิ่งที่เราชอบฟังคือความบันเทิงมากกว่า เพราะนี่คือเรื่องผีเรื่องลี้ลับ ไม่มีอะไรมาการันตีได้เลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง นอกจากคนที่โทรมาเล่า
ผมคือคนกลางระหว่างคนที่โทรมาเล่ากับคนฟัง เพราะฉะนั้นผมมีหน้าที่ในการคุยกับเขาให้คนฟัง และควบคุมดำเนินรายการให้ผ่านคืนนั้นไปให้ดีที่สุด อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อไหร่ที่เราตั้งกำแพงขึ้นมาว่าเรื่องผีจะต้องเป็นเรื่องจริงเท่านั้น ผมจะฟังเรื่องผีไม่สนุกแล้ว เพราะบางเรื่องมันเหนือจินตนาการ จะสงสัยว่ามันเป็นไปได้เหรอ แต่ถ้าคิดตอนฟังว่าเหมือนเราตีตั๋วเข้าไปดูหนังผีในโรงหนัง อยากรู้ว่าหนังผีเรื่องไหนเขาจะทำผีออกมาหลอกเรายังไง นั่นคือความ Complete ของการฟังเรื่องผีสำหรับผม และถ้าหากจะได้แง่คิดอะไรนอกเหนือจากนั้นผมก็ถือเป็นโบนัส
สำหรับคุณ การฟังเรื่องผีให้ความบันเทิงต่างจากสิ่งบันเทิงอื่นๆ อย่างไร
ต่างกันแน่นอน สิ่งบันเทิงอื่นๆ เช่น เพลง เราจะได้อารมณ์เศร้า เหงา สนุก เป็นแค่อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง แต่เรื่องผี ถ้าไปเจอคนเล่าเก่งๆ แล้วเรื่องดี ในเรื่องนั้นคุณเจอทุกอารมณ์ได้เลย ตั้งแต่ตลก เศร้า เหงา ดาร์ก น่ากลัว ขนหัวลุก มันมีอยู่ในเรื่องนั้นทั้งหมด เพราะฉะนั้นศิลปะการเล่าเรื่องผีหรือการฟังเรื่องผีคือความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด เหนือจินตนาการ คุณไม่รู้เลยว่าวันนี้เรื่องที่เขาจะโทรมาเล่าจะเป็นความบันเทิงแบบไหน มันไม่เหมือนกับสิ่งบันเทิงแขนงอื่นๆ แน่นอน
คุณมีหลักในการทำงานที่ยึดถือไว้ระหว่างดำเนินรายการไหม
สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ดำเนินรายการและคนเล่าต้องไปด้วยกันได้ หลักในการทำงานของผมชัดเจนคือเราต้องตั้งใจฟังเจ้าของเรื่อง ห้ามหลุดโฟกัสเรื่องของเขา มันคือการให้เกียรติเขา เพราะเขาสละเวลาในการโทรมาเล่าให้เราฟัง
ผมจะตั้งใจฟังและจำเรื่องของเขาให้ได้ ที่สำคัญคือถ้าเขาเล่าเรื่องน่ากลัว การแสดงออกของเราสำคัญนะ ถ้าเราอินไปกับเรื่องของเขา เขาจะมีกำลังใจเล่าต่อ และคนฟังอาจจะอินไปกับเราด้วย บางคนอาจไม่ชอบจริตเราก็ได้ บอกพี่แจ็คเวอร์ไป ไม่เห็นน่ากลัวขนาดนั้น แต่มุมมองของผมคือเราให้เกียรติคนที่โทรมาเล่า
ยิ่งสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน สมัยก่อนรายการผีทางวิทยุมีแค่ไมค์กับเสียง คนดำเนินรายการอาจจะหยิบมือถือ แคะขี้มูกระหว่างที่ฟังเรื่องได้ แต่สมัยนี้มีถ่ายทอดสดภาพ มีกล้องจับอยู่ตลอด การแสดงออกของเราสำคัญมาก แววตา สีหน้า การโฟกัสเรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างเลย
เทคโนโลยีก็ส่งผลต่อรายการผีเหมือนกัน
ส่งผลมาก ส่งผลต่อทั้งรายการผี เรื่องเล่าผี และคนฟังเรื่องผีด้วย สมัยก่อน การที่เราจะดูรายการผีสักรายการผ่านทางทีวี เช่น ชั่วโมงพิศวง มิติลี้ลับ เขย่าขวัญวันพุธ เราต้องรอสัปดาห์ละครั้งถึงจะได้ดู แต่สมัยนี้ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทันสมัยมากขึ้น เราสามารถเลือกดูรายการผีเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเวลาที่เราต้องการ
เรื่องผีและผีในเรื่องผีมีการปรับตัวไปตามวันเวลาอย่างไร
ในเรื่องเล่าสมัยก่อน คุณจะเจอผีได้คือต้องไปอยู่ในบรรยากาศแบบเรื่องผีต่างจังหวัด คือพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่มืด ป่าช้า วัด โค้งน้ำ แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่อย่างนั้น การจะเจอผีไม่เลือกเวลาและสถานการณ์อีกต่อไป บางครั้งเจอผีตอนกลางวัน บางครั้งกลางวันแสกๆ ก็เจอ และผีมีอยู่ทุกที่
นอกจากนี้ ผียังมีการปรับเปลี่ยนบุคลิกตัวเองด้วย ตามสถิติแล้ว สมัยก่อนผีที่หลายคนมักเจอ 90 เปอร์เซ็นต์ คือผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดขาว แพตเทิร์นมีแค่นั้น แต่ทุกวันนี้ผีมาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวที่เปลี่ยนไป เข้ากับยุคสมัย ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดขาว ผมยาว และเป็นผู้หญิงแล้ว มาได้ทุกเพศสภาพ
และวิธีการออกมาเจอหรือวิธีการสื่อสารของผี สมัยก่อนคือแหกอกควักไส้ มาให้เห็นเป็นตัวๆ หรือถือหัว แต่สมัยนี้ไม่ใช่ มาทางโซเชียล โทรศัพท์มือถือ หรืออะไรก็ตามที่อยู่ในสมัยนี้ อย่างผีแชต ผีไลน์ ลามไปแอปพลิเคชันสั่งอาหาร เรื่องผีตอนนี้มีอยู่ทุกที่ และในอนาคตถ้ามีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยกว่านี้ ผมคิดว่าผีก็จะปรับตัวของเขาได้ เราอาจไปเจอผีบนยานอวกาศก็ได้ ใครจะรู้
ผีในเมืองกับผีต่างจังหวัดล่ะ มีความแตกต่างกันไหม
ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคิดว่าต่าง ผีต่างจังหวัดยังไงก็น่ากลัวกว่า ด้วยบรรยากาศและองค์ประกอบของต่างจังหวัดที่ห่างไกลความเจริญ แต่ยุคนี้สมัยนี้ผมว่าน่ากลัวพอๆ กัน เพราะผีในเมืองส่วนมากคนจะเจอที่โรงพยาบาล โรงแรม ห้องเช่าที่มีบรรยากาศน่ากลัว ทุกที่สามารถเจอผีได้หมด หรือต่อให้ที่นั่นเป็นโรงแรมระดับห้าดาวคุณก็มีโอกาสเจอได้ถ้าดวงจะเจอ
คุณคิดว่าอะไรทำให้ผีอยู่คู่กับสังคมไทยเรามาเนิ่นนาน
ย้อนกลับไปในอดีต คนไทยเรานับถือผีกันมาก่อนจะนับถือพุทธ เรียกได้ว่าผีอยู่ในทุกห้วงเวลาของคน เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่คนขาดที่พึ่ง เช่น ไม่มีเงิน เศรษฐกิจไม่ดี ตัวเองกำลังจะล้มละลาย ต้องการหาที่พึ่งอะไรสักอย่าง น้อยคนจะไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นพระ ส่วนมากจะไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับผี เพราะตามความเชื่อ ผีมักจะดลบันดาลให้ได้เร็วกว่าและมากกว่า คนก็มีการบอกต่อๆ กันมาว่าที่ไหนไปขอแล้วได้ เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นผีอยู่คู่กับสังคมไทยมาเนิ่นนาน และสภาพเศรษฐกิจหรือสังคมก็มีส่วนทำให้ผีผูกติดกับคนไทย
แล้วอะไรทำให้ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน คนก็ยังชอบอ่าน ชอบฟังเรื่องผีอยู่
ผมมองว่าคนส่วนมากชอบเรื่องลี้ลับ ซึ่งไม่ใช่แค่คนไทยนะ สังเกตได้เลยว่า ถ้าเราไถเฟซบุ๊กแล้วไปเจอรูปหน้าปกคอนเทนต์ที่แตะคำว่าลี้ลับนิดเดียว ผมเชื่อว่าคน 99 เปอร์เซ็นต์จะต้องหยุดและเปิดเข้าไปดู มันสามารถทำให้คนสนใจได้
อาจเพราะหลายคนชอบความตื่นเต้น คนยังมีความอินกับเรื่องผีไม่น้อย ดูได้จากเวลาหนังผีเข้าทีไร คนแห่ไปดูกันตรึมเพราะเขาชอบกัน ผมคิดว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับความลี้ลับ ไม่คาดหวังอะไรมาก แค่ปล่อยให้สมองได้จินตนาการ เอาความตื่นเต้น สนุก และขนลุกพอ คนต้องการแค่นั้น สิ่งที่มีส่วนอีกอย่างคือความเชื่อ บางคนยังเชื่อและนับถือผีกันอยู่ เพราะสำหรับบางคนมันคือที่พึ่งทางใจที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นต่อให้เวลาผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย เรื่องผีก็จะไม่หายไป
ผมเคยคิดเล่นๆ สมัยทำงานอยู่ The Shock ก่อนหน้านี้เกือบ 20 ปีว่า ถ้าวันหนึ่งเรื่องผีมันหมดแล้ว ไม่มีคนโทรมาเล่าเรื่องผีแล้ว รายการจะเป็นยังไงวะ แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เชื่อไหมว่าเรื่องผีไม่เคยหมดไปจากรายการเล่าเรื่องผีสักรายการ แถมยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
The Ghost Radio จัดรายการมา 8 ปี มีเรื่องเล่าอยู่ในฐานของ YouTube หมื่นกว่าเรื่อง มันเยอะมากนะ แล้วมันก็จะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคนโทรมาฝากเรื่องอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้นผมก็จะอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปอีกนานแสนนาน
คุณคิดว่าการมีอยู่ของเรื่องผีส่งผลต่อชีวิตคนเมืองอย่างไร
อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่บอกเล่าเกี่ยวกับคนเมือง หรือตัวเบรกอะไรสักอย่าง เช่น เรื่องผีบางเรื่องเป็นการเตือนภัยว่าบางสถานที่คุณไม่ควรเข้าไป มันเป็นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ที่ที่เขาว่ากันว่าผีดุส่วนมากจะเป็นที่รกร้าง คนไม่ดีมักเข้าไปอยู่ และมีโอกาสเกิดอาชญากรรมได้ง่าย
อีกอย่างคนเมืองทุกวันนี้เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษหรือกฎแห่งกรรมสักเท่าไหร่ บางคนสนใจแต่เรื่องของตัวเอง เรื่องผีก็จะเป็นตัวเบรกเขาเรื่องนี้ได้ ผมเคยคุยกับพ่อแม่หลายคนยุคนี้ พวกเขาให้ลูกฟังเรื่องผีเพื่อให้เรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งดีหรือไม่ดี เด็กจะรู้จักเรื่องบาปบุญคุณโทษและเวรกรรม เขาจะได้ไม่ไปทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร ถ้าใครฟังเรื่องผีถึงแก่นแท้ของมันจริงๆ จะรู้ว่ากฎแห่งกรรมและเรื่องบาปบุญคุณโทษเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ มันมีจริง
ผมเชื่อเรื่องผี 50 – 50 แต่ผมเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ กฎแห่งกรรม 100 เปอร์เซ็นต์
นอกจากความน่ากลัว คุณได้เรียนรู้อะไรจากเรื่องผี
เรื่องผีส่วนมากจะมาพร้อมกับเรื่องความตาย และหลายครั้งก็ไปโยงกับเรื่องความประมาท รวมไปถึงการมีสติ
เรื่องผีหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือคนที่ขาดสติในการแก้ปัญหาจนฆ่าตัวตาย เรื่องเหล่านี้สอนเราให้ไม่ประมาท มีสติในการทำอะไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะ แต่คนฟังหลายคนที่ชอบฟังเรื่องแนวนี้จะได้ข้อคิดตรงนี้ไปเยอะ
ถ้าดูจากสังคมที่เปลี่ยนไปตอนนี้ คุณว่าในอนาคตจะมีผีใหม่ๆ แบบไหนมาเพิ่มอีก
(หัวเราะ) ผมมองในมุมของอาชีพก็แล้วกัน ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อน อาชีพที่มีโอกาสเจอผีมากที่สุดคืออาชีพที่สุ่มเสี่ยงและทำงานในยามวิกาล เช่น พี่แท็กซี่กะกลางคืน รปภ. หรือเซลล์ที่ต้องไปนอนตามโรงแรมต่างๆ 3 อาชีพนี้มีโอกาสเจอผีมาก
แต่พอยุคสมัยเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าอาชีพเหล่านี้เจอผีน้อยลง แต่มีอาชีพใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นและสุ่มเสี่ยงต่อการเจอผีมากกว่า นั่นคืออาชีพไรเดอร์ เพราะบางครั้งเขาถูกเรียกให้ไปส่งที่แปลกๆ บางทีโดนแกล้งให้ไปส่งในป่าช้า หรือมีคำสั่งแปลกๆ ว่าไปสั่งข้าวร้านนี้แล้วไปส่งอีกจุดหนึ่ง พอไปถึงก็เป็นสุสาน มันเกิดเคสแบบนี้เยอะมากๆ จนต้องบอกว่ายุคนี้เป็นยุคของไรเดอร์จริงๆ
หากวันเวลาผ่านไป มันอาจมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ เข้ามา ผมว่าผีก็จะเข้าไปอยู่ในสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้น มันมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน