นี่คือปลาอะไร? การ์ดเกมทายสายพันธุ์ปลาจากญี่ปุ่น ที่อยากให้คนรู้จักปลาทั่วโลก

คุณรู้จักพันธุ์ปลาที่กินอยู่ทุกวันนี้ดีแค่ไหน?  รู้ไหมว่าแซลมอนมีเนื้อสีส้ม แต่หนังด้านนอกเป็นสีขาวและเกล็ดสีดำ ส่วนปลาซาบะข้างในเนื้อขาว แต่หนังปลามีรอยริ้วๆ บนหลัง เวลาไปเดินดูแผงปลาที่ตลาด ถ้าไม่ถามแม่ค้าเราแทบไม่รู้เลยว่าปลาพันธุ์ไหนหน้าตาเป็นอย่างไร  โรงพิมพ์ Chiba Printing และสตูดิโอ SANAGI สองบริษัทในญี่ปุ่นจึงจับมือกันทำการ์ดเกมที่มีชื่อว่า ‘Sakana Karuta (ซาคานะ คารุตะ)’ ที่ด้านหนึ่งออกแบบให้เป็นหนังปลาหลากหลายสายพันธุ์ ที่นอกจากจะพิมพ์อย่างคมชัดจนเหมือนหนังปลาจริงๆ แล้ว ยังใช้เทคนิคการพิมพ์ขั้นสูงที่สมจริง การ์ดหนังปลาสะท้อนแสงได้และยังลอยน้ำได้จริงด้วย  วิธีการเล่น ก่อนเริ่มทายจะต้องมีผู้เล่น 1 คนเป็น ‘ผู้อ่านการ์ด’ ผู้อ่านการ์ดจะเป็นคนดึงการ์ดออกจากสำรับ อ่านคำใบ้ที่ให้มา และวางกลับลงไปโดยที่ผู้เล่นไม่รู้ เพื่อให้ผู้เล่นได้ทายว่าคำใบ้นี้คือการ์ดของปลาตัวไหน จากนั้นผู้เล่นจะหยิบสิ่งที่พวกเขาคิดว่าตรงกับคำใบ้ให้เร็วที่สุด โดยการสัมผัสผิวของการ์ด ผู้เล่นสามารถขอคำใบ้เพิ่มเติมจากผู้อ่านการ์ดได้ คนที่ตอบถูกมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ และบนการ์ดจะมีข้อมูลโดยย่อของปลาแต่ละชนิดบอกไว้เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักเพิ่มเติมด้วย  โปรเจกต์นี้ โรงพิมพ์ Chiba Printing และสตูดิโอ SANAGI ตั้งใจที่จะค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการพิมพ์จำนวนน้อย (On-demand Printing) ซึ่งหลังจากออกแบบและพัฒนากันมาถึง 1 ปี การ์ดก็ถูกนำมาวางขายจริง โปรเจกต์นี้จะมีการอัปเดตการ์ดชุดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้รู้จักกับพันธุ์ปลาอีกหลายชนิดปลาทั่วโลก Sources :Designboom […]

Inujima เกาะศิลปะที่เลิกถลุงแร่มาดูแลสิ่งแวดล้อม

พูดถึงเกาะศิลปะของญี่ปุ่น ชื่อของ Naoshima คงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ใครมีเวลามากหน่อย อาจจะเคยแวะไป Teshima หรือ Shodoshima ที่อยู่ใกล้ๆ กัน จริงๆ แล้วในน่านน้ำทะเล Seto Inland ยังมี Inujima เกาะศิลปะอีกแห่งที่กรุบกริบไม่แพ้กัน แถมยังมีสตอรี่เข้มข้นและสภาพแวดล้อมแตกต่างจากเกาะศิลปะอื่นๆ ที่นี่เคยเป็นอดีตที่ตั้งโรงถลุงแร่ทองแดงซึ่งตัวโรงงานยังอยู่ในสภาพดีและถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดเท่ แถมยังมี Art House กระจายตัวอยู่ทั่วเกาะอย่างเก๋ ดูเผินๆ ก็กรุบกริบตามมาตรฐานจริตงานอาร์ตร่วมสมัยญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่สถาปัตยกรรมและงานศิลปะบนเกาะนี้กำลังพยายามทำคือการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับโรงงานที่อดีตเคยสร้างความเสียหายให้สิ่งแวดล้อมและนำความเดือดร้อนมาให้คนในชุมชน ถ้ายังไม่เคยไป วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความใส่ใจที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนของอินุจิมะ เกาะศิลปะไซซ์เอสที่มีความยาวรอบเกาะ 36 กม. พื้นที่ 0.54 ตร.กม. และคนอยู่อาศัยประมาณ 50 คน Inujima Seirensho Art Museum อินุจิมะอยู่ในเขตจังหวัดโอคะยะมะ เป็นเกาะหลักในบรรดาหมู่เกาะอินุจิมะและเป็นเกาะเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ เป็นเกาะชิลๆ ที่เดินประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว สมัยก่อนนิยมตั้งบนเกาะเพราะอยากลดมลภาวะทางอากาศในตัวเมืองและเพื่อความสะดวกในการขนส่งวัสดุต่างๆ คนในเกาะลงทุนตั้งโรงงานถลุงแร่ทองแดงในปี 1909 แต่อยู่ได้แค่ […]

เกาะชิมาอุระในญี่ปุ่น มีร้านอาหารมาเปิดครั้งแรกในรอบ 15 ปี ก่อนหน้านี้ต้องทำกินเอง หรือไปกินนอกเกาะ

เกาะชิมาอุระในประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดประมาณเซ็นทรัลปาร์ก และขึ้นชื่อด้านอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ แต่หากประชากร 850 คนบนเกาะอยากฉลองมื้อเย็นด้วยซาซิมิสักชุดหนึ่ง พวกเขามีเพียงสองทางเลือกคือลงมือทำด้วยตัวเอง หรือเดินทางออกไปกินที่นอกเกาะเลย เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีร้านอาหารมาเปิดนานถึง 15 ปีแล้ว จากปัญหาเดียวกันของทั้งแดนปลาดิบคือจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลง จนไม่สามารถดึงดูดธุรกิจให้เข้ามาทำตลาดได้ ตอนนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่พวกเขาได้กลับมาทานอาหารนอกบ้านอีกครั้งที่ร้าน Mangetsu Shokudo ที่ให้เปิดขายแกงกะหรี่ อาหารทอด และเครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีสำหรับครอบครัวที่ต้องทำอาหารกินเองที่บ้านมาตลอดหลายปี Taishi Iwata ผู้จัดการร้านอาหารบอกว่า โดยปกติแล้วผู้คนบนเกาะจะมีปลาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร แต่เป็นเรื่องยากที่จะซื้อไก่มาปรุงแล้วนำไปทอดในพื้นที่ที่ห่างไกลแบบนี้ ซึ่งการเปิดร้านอาหารครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะเล็กๆ สำหรับเกาะชิมาอุระ หนึ่งในหมู่เกาะของญี่ปุ่นที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนประชากรอย่างรุนแรง จากข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่น ประชากรที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะที่ห่างไกลลดลงมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี 2010 – 2015 เทียบกับอัตราส่วนทั่วประเทศลดลงเพียง 0.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนั้น อัตราประชากรชาวเกาะที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ยังมากถึง 39 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับระดับประเทศซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 26.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น Keitaro Kai เจ้าของร้านอาหาร Mangetsu Shokudo บอกว่า […]

Old Enough รายการญี่ปุ่นใน Netflix ที่มอบภารกิจให้เด็กอนุบาล ออกไปเรียนรู้และเอาตัวรอดนอกบ้าน

จำได้ไหมว่าคุณออกนอกบ้านคนเดียวครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่? ตอนเด็กๆ หลายคนต้องเคยได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปซื้อน้ำปลา เอาของไปให้ญาติบ้านใกล้เรือนเคียง หรือฝากไปทำธุระเล็กๆ ละแวกบ้าน คุณจำครั้งแรกได้ไหมว่าตอนนั้นรู้สึกอย่างไร และอายุเท่าไหร่กันบ้าง? ‘Old Enough ผจญภัยวัยอนุบาล’ คือรายการเรียลลิตีครอบครัวจาก NTV ประเทศญี่ปุ่น ที่มอบภารกิจให้เด็กวัย 2 – 3 ขวบไปทำธุระใกล้ๆ บ้านให้พ่อแม่ เพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดนอกบ้าน เรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ช่วยเหลือตัวเองและช่วยงานพ่อแม่ได้มากขึ้น ถ้าคุณเคยเป็นแฟนรายการขำกลิ้งลิงกับหมา เราเชื่อว่าจะหลงรักรายการนี้ได้ไม่ยาก เพราะตลอดทั้งรายการจะได้เอาใจช่วยเด็กๆ ให้ทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปได้ บางตอนทั้งขำทั้งซึ้งจนน้ำตาลไหลในความน่ารักใสซื่อของเด็กๆ ภารกิจที่เด็กๆ ได้รับมอบหมายไม่ใช่แค่ซื้อน้ำปลาแล้วกลับบ้านแน่นอน เพราะธุระที่พ่อแม่มอบหมายให้มีหลายจุด ทั้งไปซื้อของ เอาปลาไปแล่ที่ร้าน ไปรับเสื้อที่ร้านซักรีด แวะซื้อของให้แม่ จ่ายตลาด ส่งของให้ญาติ ฯลฯ มีธุระให้ทำทั้งขาไปขากลับ บางธุระมีน้ำหนักหลายกิโล แถมระหว่างทางยังมีอุปสรรคมากมาย บางคนต้องเดินระยะทางที่ไกล เดินขึ้นเขาบนทางชัน หรือเดินขึ้นบันไดศาลเจ้าหลายร้อยขั้นเพื่อไปทำภารกิจให้สำเร็จ ลองนึกดูสิว่าถ้าคุณเป็นเด็กวัย 2 – 3 ขวบจะทำภารกิจเหล่านี้ให้ลุล่วงได้โดยที่ไม่ร้องไห้ ไม่ว่อกแว่ก และไม่หลงทางได้อย่างไร แถมพ่อแม่ยังต้องใจแข็งมากๆ ด้วยที่ยอมปล่อยลูกวัยนี้ออกไปผจญภัยนอกบ้านด้วยตัวเอง รายการนี้จะทำให้เราได้ลุ้นและเอาใจช่วยเด็กๆ เรายังได้เห็นความสัมพันธ์ของครอบครัว […]

โปรโมตการท่องเที่ยวแนวใหม่ในญี่ปุ่น ที่ชวนคนมาเที่ยวมัตซึซากิ ล่าหมูป่า ในค่ายซอมบี้ที่รับบทโดยผู้สูงอายุ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องไอเดียบรรเจิดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็มีสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า ‘ช่างคิดได้’ จริงๆ ล่าสุดที่เมืองมัตซึซากิ จังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งเล็กๆ ในญี่ปุ่น มีไอเดียโปรโมตการท่องเที่ยวที่ดูแปลกแต่น่าสนุกสุดๆ เพราะเขาไม่ได้เปิดเมืองให้แค่ไปท่องเที่ยวแบบธรรมดา แต่เขาให้เราไปเที่ยวค่ายซอมบี้! และซอมบี้ทั้งหมดรับบทโดยผู้สูงอายุในเมืองนี้ด้วย ในคลิปโปรโมตการท่องเที่ยวของเมืองมัตซึซากิ จะมีชายคนหนึ่งชื่อ ‘คาเนะมัตซึ’ กำลังบันทึกภาพตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ตัดสลับกับภาพกิจกรรมกลางแจ้งที่เขาทำตอนมาถึงเมืองมัตซึซากิ มีทั้งการล่าหมูป่า เดินเขา เก็บส้ม ปั่นจักรยาน จนกระทั่งมาเผชิญหน้ากับซอมบี้และหนีมาหลบอยู่ในภูเขา เพื่ออัปโหลดวิดีโอให้ทุกคนดูว่าตอนนี้เขากำลังเจอซอมบี้ไล่ล่าอยู่ เขายังอธิบายวิธีเอาตัวรอดเอาไว้ว่า “ให้กลั้นหายใจเวลาเจอซอมบี้” นอกจากนี้ยังมีฉากที่คาเนะมัตซึเจอซอมบี้อยู่ในทุกๆ ที่ ทั้งตู้โทรศัพท์สาธารณะในเมือง ที่พัก บนเขา จนกระทั่งเขาถูกกัดและกลายเป็นซอมบี้ในที่สุด ทุกอย่างในคลิปดูสมจริงเอาใจคนรักหนังซอมบี้แบบสุดๆ  แต่จริงๆ แล้วเมืองมัตซึซากิยังไม่มีใครติดเชื้อซอมบี้จริงๆ คลิปนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว ‘ค่ายซอมบี้’ ประจำปีของเมืองมัตซึซากิ เมืองเล็กๆ ในชนบทบนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอิซุ และมีประชากรประมาณ 6,000 คนเท่านั้น (ซึ่งไม่มีตัวเลขยืนยันว่าเป็นคนจริงๆ กี่คน และรับบทซอมบี้กี่คน) โชคไม่ดีที่การแพร่ระบาดทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังมัตซึซากิลดลง และทำการล่าสัตว์ลดน้อยลงไปด้วย ปริมาณกวางและหมูป่าในเมืองจึงเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และสร้างความเสียหายให้กับการส่งออกใบซากุระโมจิซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของที่นี่ หน่วยงานควบคุมศัตรูพืชและสัตว์ของเมืองมัตซึซากิหวังว่าการโปรโมตการท่องเที่ยวค่ายซอมบี้ในครั้งนี้ จะช่วยเรียกนักท่องเที่ยวกลับมาที่เมืองนี้ได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่แค่เพื่อมาดูซอมบี้เท่านั้น พวกเขายังต้องการนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการล่าสัตว์เพราะต้องการควบคุมประชากรกวางและหมูป่าในเมืองด้วย นอกจากการล่าสัตว์แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมเดินเขา […]

ญี่ปุ่นเปิดอะพาร์ตเมนต์สำหรับเกมเมอร์ มาพร้อมเกมมิงเกียร์ครบชุด ค่าเช่าเริ่มต้น 11,000 บาท

ในยุคที่อุตสาหกรรม E-Sport เติบโตขึ้นและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในทวีปเอเชียที่กระแสของการแข่งขัน E-Sport ทำให้เกิดอาชีพและสายงานใหม่ๆ อย่างสตรีมเมอร์สตรีมที่เล่นเกมถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือนักแคสเกมที่จะเล่นเกมแล้วนำไปตัดต่อเป็นคลิปวิดีโอออกมาให้แฟนคลับอย่างเราได้ติดตามกัน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการเล่นเกมจำนวนมากที่ผุดขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเกมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นของง่ายๆ เช่น ตะเกียบที่ช่วยให้คุณกินของอร่อยๆ ได้ง่ายในขณะเล่นเกม ไปจนถึงโต๊ะสำหรับเล่นเกมที่พร้อมเป็นเตียงนอนไปด้วยในขณะเดียวกัน สำหรับเกมเมอร์ที่เล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจหรือเป็นอาชีพ อุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญอย่างมาก แต่ก็มาพร้อมค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในจำนวนมากเช่นกัน Basara บริษัท E-sports ของญี่ปุ่นจึงได้ตัดสินใจที่จะแก้ไขปัญหานี้โดยการให้เช่าอะพาร์ตเมนต์ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์เล่นเกมเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตของเกมเมอร์โดยเฉพาะ อะพาร์ตเมนต์ที่ชื่อว่า ‘e-rooms’ นี้มี PC พร้อมจอภาพสำหรับเล่นเกม เมาส์ คีย์บอร์ด โต๊ะและเก้าอี้สำหรับเล่นเกมครบชุด ซึ่งสเปกของ PC ก็จะแตกต่างกันไปตามค่าเช่ารายเดือน โดยแผนเริ่มต้นที่ถูกที่สุดมีค่าเช่า 39,000 เยน/เดือน (ราว 11,000 บาท) ประกอบไปด้วยชุด PC GeForce GTX1650, Intel Core i7 และ SSD 480GB ส่วนแผนที่แพงขึ้นมาอีกระดับสำหรับผู้ที่เล่นเกมอย่างจริงจังอยู่แล้ว ราคา 69,000 เยน/เดือน (ราว […]

Seibuen Yuenchi สวนสนุกยุคโชวะอายุ 71 ปีที่เอาความคึกคักยุค 60 มาชวนเล่นฉลองวัยเก๋าและวันวาน

โลกแห่งจินตนาการที่พาทุกคนย้อนความทรงจำ คนที่เคยมาเที่ยวโตเกียวน่าจะคุ้นกับชื่อ Seibu กันบ้าง เพราะเป็นหนึ่งในบริษัทรถไฟยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น คุณเซบุเขาทำสวนสนุกด้วยคือ Seibuen Yuenchi (เซบุเอ็น ยูเอ็นจิ) เริ่มสร้างความสนุกมาตั้งแต่ปี 1950 และเพิ่งอายุครบ 70 ปีเมื่อปีที่แล้วเลยรีโนเวตสวนใหม่เพื่อเฉลิมฉลองวัยเก๋า ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ธีมของสวนเจนฯ ใหม่คือโลกที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและชวนให้อบอุ่นหัวใจ คนที่มาจะได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเก่าๆ สไตล์วินเทจที่ชวนให้คิดถึงยุคโชวะของญี่ปุ่นโดยอิงยุค 60 เป็นหลัก  เราชอบสภาพภูมิประเทศของที่นี่มาก มีการเล่นระดับเนินน้อยใหญ่มากมาย แถมมีต้นไม้เขียวขจีชวนสดชื่น เจ้าหน้าที่ของสวนแอบกระซิบบอกเรามาว่า เมื่อก่อนที่นี่เคยเป็นป่าเขา ตอนสร้างสวนสนุกเลยพยายามคงสภาพทางธรรมชาตินั้นไว้ให้ได้มากที่สุดรวมไปถึงต้นไม้ด้วย ถ้าเราขึ้นยูเอฟโอที่ชมวิวได้ 360 องศาหรือชิงช้าสวรรค์จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวที่เต็มไปด้วยความร่าเริงของสวนสนุกซึ่งหาดูยากในเมืองใหญ่ ส่วนบรรยากาศวินเทจ ถ้าคิดไม่ออกว่าเป็นยังไง ลองคิดว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกของหนังเรื่อง Always Sunset on the Third Street ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1958 ตอนโตเกียวทาวเวอร์กำลังจะสร้างเสร็จ เราสามารถเดินสำรวจวิถีชีวิตชาวบ้านในย่านที่อยู่อาศัยบนถนนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้คน อันเป็นที่มาของความอบอุ่นที่จับใจ  ความวินเทจก็ลงดีเทลมาก เช่น เมนูอาหาร ราคาสินค้าอาหารต่างๆ ปรับให้เข้ากับยุคนั้นทั้งหมด (เราเลยต้องแลกธนบัตรที่น่ารักสุดใจ) มีขนมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนอย่าง shiberia […]

Hannari Cafe de Kyoto คาเฟ่ชาเขียวจากเกียวโต ที่ช่วยเยียวยาใจคนอยากไปญี่ปุ่น

‘คิดถึงญี่ปุ่น’ เราเชื่อว่าคนไทยหัวใจญี่ปุ่นต้องมีความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่คนที่มีแพลนจะไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2020 จนตอนนี้แล้วก็ยังทำได้เพียงเที่ยวญี่ปุ่นออนไลน์แบบเหงาๆ กันต่อไป ถ้ามีอะไรที่พอจะทำให้เยียวยาใจและคลายความคิดถึงญี่ปุ่นได้บ้าง ก็คงจะเป็นอาหารและบรรยากาศในไทยที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปญี่ปุ่นสักพัก เราจึงอยากชวนไปรู้จักกับ Hannari Cafe de Kyoto คาเฟ่น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมา คาเฟ่ที่นำเอาชาเขียวจากเมืองอุจิ เกียวโต มาสร้างสรรค์เป็นเมนูขนมและของหวานอย่างหลากหลาย และยังมีเมนูคิสสะเต็นที่เป็นเมนูคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นเรโทรยุค 80 อีกด้วย ทำให้เราได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ใจกลางทองหล่อ ร้านตั้งอยู่ใกล้ๆ กับดองกิ มอลล์ ทองหล่อ นี่เอง อิมพอร์ตความญี่ปุ่นจากเกียวโตสู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้นที่เดินทางไปญี่ปุ่นไม่ได้ในช่วงนี้ แต่บริษัท เอช.ไอ.เอส. ทัวร์ส์ (HIS Tours) หนึ่งในบริษัทท่องเที่ยวชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการด้านการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกันที่อดพาทุกคนไปญี่ปุ่นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด จึงได้เปิด Hannari Cafe de Kyoto ขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักใจของคนที่คิดถึงบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น หรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังติดใจที่นี่เช่นกัน เพราะเมื่อเข้ามาในร้านเราจะได้พบกับแม่บ้านญี่ปุ่นแวะเวียนมานั่งทานขนมหวานช่วงบ่ายกันเรื่อยๆ คำว่า ฮันนาริ (はんなり) เป็นภาษาท้องถิ่นของเกียวโต มีความหมายว่า “งดงาม” “สวยงาม” […]

BOOK AND BED TOKYO โฮสเทลฮิตที่ตอบโจทย์ทั้งการนอน การอ่าน และการทำงานนอกบ้าน

BOOK AND BED TOKYO เป็นโฮสเทลที่มีแนวคิดว่า ทุกคนสามารถดื่มด่ำกับหนังสือจำนวนกว่า 4,000 เล่มที่จัดเก็บในห้องหนังสือขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย ได้นอนหลับพักผ่อนบนเตียงสบายๆ เป็นแหล่งพบปะกันของเหล่าหนอนหนังสือ และยังได้จิบเครื่องดื่มจากคาเฟ่ในที่พักระหว่างการอ่านหนังสือหรือทำงานได้อย่างรื่นรมย์ ทำให้โฮสเทลที่เต็มไปด้วยสิ่งพิมพ์มากมายแห่งนี้ เหมาะสำหรับการอ่านหนังสือในช่วงพักจากการทำงาน อย่างในสาขาชินจูกุ ก็มีชั้นหนังสือเรียงกันเป็นแถวๆ และมีเตียงซ้อนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ที่พักสำหรับยอดนักอ่านดังกล่าว ยังเหมาะสมกับคนทำงานแบบ Telework ซึ่งทำงานอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้เสียด้วย ที่พักเจ้าไอเดียนี้ มีจำนวนเตียงทั้งหมด 55 เตียง แบ่งพื้นที่อ่านหนังสือด้วยผ้าม่าน ซึ่งมีให้เลือกทั้งในรูปแบบห้องเดี่ยวและห้องคู่ พร้อมวิวแสงสีช่วงตอนกลางคืนของย่าน Kabukicho ในชินจูกุ ทั้งนี้ยังมีห้องอาบน้ำ และห้องสุขาส่วนกลางที่แยกตามเพศไว้ให้บริการด้วย  จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ BOOK AND BED TOKYO ถูกมองว่าเป็นร้านหนังสือที่ผู้คนมาพักค้างคืนได้ อย่างที่สาขาชินจูกุ ผู้ใช้บริการจะได้รับประสบการณ์การนอนข้างชั้นวางหนังสือประมาณ 2,500 เล่ม ซึ่งมีประเภทและสไตล์ที่หลากหลาย ตั้งแต่นวนิยาย มังงะ สมุดภาพ และตำราปรัชญา แม้ว่าจะไม่มีการจัดจำหน่ายหนังสือ แต่บรรดาแขกก็สามารถหยิบมันมาอ่านได้เท่าที่ใจต้องการ ซึ่งโฮสเทลนี้ไม่ได้มีแค่เตียงนอนรองรับคนมาทำงานรูปแบบระยะไกลเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่มีผู้คนจำนวนมากมาใช้สอยด้วย ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นจำนวนถึง 70 […]

รณรงค์หยุด Bully ผ่านสติกเกอร์ Line ฝีมือนักเรียนญี่ปุ่นในโยโกฮาม่า

สมาคมผู้ปกครองและครู (PTA) ประจำโรงเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่นผุดไอเดียเด็ด สร้างสรรค์สติกเกอร์ในธีมหยุดการบุลลี่ลงบนแอปพลิเคชันแชตยอดฮิตอย่าง Line  สติกเกอร์นี้มาจากภาพประกอบฝีมือนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษายามาอุจิ (Yamauchi) ในเขตอาโอบะ เมืองโยโกฮาม่า โดยแนบถ้อยคำให้กำลังใจเด็กๆ ไว้ในภาพ ซึ่ง Seijun Sato อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนหวังว่าคนที่ได้ใช้สติกเกอร์เหล่านี้จะได้รับความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ สติกเกอร์ที่ว่ามีทั้งหมด 178 รูปแบบ ประกอบไปด้วยวลีภาษาญี่ปุ่นต่างๆ อาทิ ขอบคุณ, คุณทำได้ดีมาก และ ฉันอยู่ข้างคุณเสมอนะ โดยวางเคียงกับเจ้าการ์ตูนมาสคอตของโรงเรียนที่มีชื่อว่า ‘คีย์ลีฟ (Keyaleaf)’ สติกเกอร์ชุดดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือกับนักวาดภาพประกอบชื่อ ‘โดคุคิโนโกะ (Dokukinoko)’ ซึ่งลูกสาวของนักวาดภาพคนนี้ ก็เข้าเรียนในโรงเรียนประถมฯ เช่นกัน เธอทำสติกเกอร์คีย์ลีฟกับ PTA ในปี 2019 และเปิดตัวโปรเจกต์อื่นๆ เพื่อทำสติกเกอร์จากภาพที่เด็กนักเรียนวาดในปี 2020 ซึ่งทำให้ได้รับภาพวาดทั้งหมดมาจากเด็กๆ จำนวนประมาณ 100 คน เมื่อเดือนมกราคม 2021 โดคุคิโนโกะยังได้รับรางวัลสูงสุด ประเภทภาพวาดประกอบจากเวที ‘yuru-chara’ โดยศิลปินเข้าร่วมประกวดในธีมป้องกันการฆ่าตัวตายเพราะการถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งรางวัลนี้จัดขึ้นโดยองค์กรไม่แสวงผลกำไรในโตเกียว  ต่อมาในเดือนมิถุนายน ระหว่างการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน โดคุคิโนโกะได้แนะนำให้มีการทำสติกเกอร์ไลน์เพื่อป้องกันการบุลลี่ขึ้นมา […]

มื้อนี้ไม่ง้อแมสก์ ประสบการณ์มื้ออาหารใต้โคมโบราณป้องกันโควิด-19

เรียวกังชื่อ Hoshinoya ในเมืองโตเกียวหัวใส จัดมื้ออาหารในโรงแรมที่เรียกว่า Tokyo Lantern Dinner ซึ่งมีการจัดเตรียมโคมใสที่สร้างสรรค์จากไวนิลให้บรรดาแขกที่มากินข้าว ได้ร่วมมื้ออาหารโดยไม่ต้องสวมแมสก์ให้รำคาญใจกันอีกต่อไป ซึ่งนี่คือหนึ่งในผลผลิตของงานดีไซน์ ที่ทำให้เราเห็นว่าอุตสาหกรรมการออกแบบทั่วโลกต่างก็รับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่แผงกั้นระหว่างโต๊ะกินข้าว หรือรถส่งอาหารแบบไร้การสัมผัส แสดงให้เห็นว่าดีไซเนอร์พยายามจะทำให้การกินข้าวนอกบ้านเป็นเรื่องเป็นไปได้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา แม้แต่ในปี 2021 นี้ ผลกระทบของโควิดที่มีต่อการกินข้าวนอกบ้านก็ยังคงมีอยู่เสมอ ส่งผลให้ยังเกิด New Normal เวอร์ชันใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่โรงแรม Hoshinoya ในย่าน Otemachi ของกรุงโตเกียว ที่ได้ออกแบบประสบการณ์การกินอาหารในยุคนี้ให้สะดวกสบายมากขึ้น โดยสร้างโคมแทนแผงกั้นใสให้แขกของโรงแรมได้ใช้งาน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิดระหว่างมื้ออาหาร สิ่งนี้ออกแบบมาเพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกถึงความเป็นอิสระ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยระหว่างมื้ออาหาร แผงกั้นจากโคมนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยโรงแรมเอง ซึ่งบันดาลใจมาจากความคุ้นเคยในวัฒนธรรมการใช้โคมของญี่ปุ่น  โดยที่ส่วนยอดของโคมแต่ละอัน จะให้แสงอุ่นนุ่มนวลส่องลงมาจากบริเวณเหนือหัว ทำให้ใบหน้าของผู้ใช้บริการดูสว่างสดใส มองแล้วดูสบายตา เช่นเดียวกับแสงที่ตกกระทบจานอาหาร เจ้าโคมตัวนี้ผลิตโดยร้านโคมเจ้าเก่าแก่ชื่อ Kojima Shoten ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเกียวโต โดยที่โคมแต่ละชิ้นจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 75 เซนติเมตร และสูงถึง 102 เซนติเมตร ทำให้มีพื้นที่เหลือเฟือในการเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร โดยไม่ต้องกังวลหรือกลัวว่าการทานอาหารจะหกเลอะเทอะตัวโคมที่มีความหนา 0.15 เซนติเมตร  ดีไซเนอร์ผู้อยู่เบื้องหลังมื้ออาหารที่มีโคมรูปแบบนี้ […]

พ่อก็คือพ่อ Waseda สร้างห้องสมุด Haruki Murakami 

เดือนพฤศจิกายน 2563 สถาปนิก Kengo Kuma ได้ออกแบบห้องสมุดสาธารณะที่มหาวิทยาลัย Waseda โตเกียว ซึ่งในอดีตนักเขียนชื่อดัง Haruki Murakami เคยเป็นนักศึกษาเอกการละครสมัยเรียนปริญญาตรี ห้องสมุดที่ว่านี้ชื่อ Murakami หรือชื่อทางการ Waseda International House of Literature  ห้องสมุดนี้จัดเก็บเอกสารส่วนตัว แผ่นเสียงนับหมื่นของมุราคามิ รวมถึงหนังสือและต้นฉบับงานเขียน นอกจากนี้ยังมีสำเนาการศึกษา พร้อมด้วยโต๊ะ หนังสือ และเครื่องเล่นแผ่นเสียง แถมยังมีคาเฟ่ดำเนินกิจการโดยนักศึกษาซึ่งให้บริการกาแฟคั่วเข้มที่มุราคามิชื่นชอบ และ Audio Room ที่แผ่นเสียงบางส่วนถูกประทับตรา Petercat ชื่อแจ๊สบาร์ที่มุราคามิเป็นเจ้าของหลังเรียนจบ (คาเฟ่นี้มีอีกชื่อว่า ‘แมวส้ม’ ด้วย) คุมะได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากเรื่องราวของมุราคามิ ผู้เข้าชมจะได้เข้าไปในอุโมงค์ ซึ่งบริเวณชั้น B1 มีชั้นวางหนังสือไม้โค้งขนาดใหญ่ คุมะตีความว่าคือการปลุกอารมณ์ตัวละครของนักเขียนรุ่นใหญ่ที่เล่าเรื่องระหว่างความจริงและความเหนือจริง มุราคามิเล่าในงานแถลงข่าวห้องสมุดนี้ว่า เขาหวังจะเห็นสถานที่ทำนองนี้ถูกสร้างขึ้นหลังตัวเองตายมากกว่า เขาจะได้พักผ่อนอย่างสงบ และมีคนมาดูแลสิ่งของเหล่านี้ต่อไป ซึ่งมุราคามิรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อได้เห็นห้องสมุดของตัวเองในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ Source : LITHUBPhoto : Kisa Toyoshima

1 2 3 4

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.