‘คิดถึงญี่ปุ่น’ เราเชื่อว่าคนไทยหัวใจญี่ปุ่นต้องมีความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หรือแม้แต่คนที่มีแพลนจะไปญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2020 จนตอนนี้แล้วก็ยังทำได้เพียงเที่ยวญี่ปุ่นออนไลน์แบบเหงาๆ กันต่อไป
ถ้ามีอะไรที่พอจะทำให้เยียวยาใจและคลายความคิดถึงญี่ปุ่นได้บ้าง ก็คงจะเป็นอาหารและบรรยากาศในไทยที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้วาร์ปไปญี่ปุ่นสักพัก เราจึงอยากชวนไปรู้จักกับ Hannari Cafe de Kyoto คาเฟ่น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมา คาเฟ่ที่นำเอาชาเขียวจากเมืองอุจิ เกียวโต มาสร้างสรรค์เป็นเมนูขนมและของหวานอย่างหลากหลาย และยังมีเมนูคิสสะเต็นที่เป็นเมนูคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นเรโทรยุค 80 อีกด้วย ทำให้เราได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ใจกลางทองหล่อ ร้านตั้งอยู่ใกล้ๆ กับดองกิ มอลล์ ทองหล่อ นี่เอง
อิมพอร์ตความญี่ปุ่นจากเกียวโตสู่กรุงเทพฯ
ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้นที่เดินทางไปญี่ปุ่นไม่ได้ในช่วงนี้ แต่บริษัท เอช.ไอ.เอส. ทัวร์ส์ (HIS Tours) หนึ่งในบริษัทท่องเที่ยวชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการด้านการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็เช่นกันที่อดพาทุกคนไปญี่ปุ่นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด จึงได้เปิด Hannari Cafe de Kyoto ขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักใจของคนที่คิดถึงบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น หรือแม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังติดใจที่นี่เช่นกัน เพราะเมื่อเข้ามาในร้านเราจะได้พบกับแม่บ้านญี่ปุ่นแวะเวียนมานั่งทานขนมหวานช่วงบ่ายกันเรื่อยๆ
คำว่า ฮันนาริ (はんなり) เป็นภาษาท้องถิ่นของเกียวโต มีความหมายว่า “งดงาม” “สวยงาม” มักถูกใช้อธิบายความงามของเหล่าเกอิชาและไมโกะ ซึ่งตรงกับภาพ ‘ไมโกะ’ ผู้หญิงญี่ปุ่นบนโลโก้ที่ต้อนรับเราตั้งแต่ทางเข้าร้าน
ความเป็นญี่ปุ่นที่เราสัมผัสได้ภายในร้านแทบทุกอย่างจึงรับรองได้ว่าเป็นสไตล์ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เพราะทาง เอช.ไอ.เอส. ทัวร์ส์ร่วมกับจังหวัดเกียวโต อิมพอร์ตความเป็นญี่ปุ่นมาทุกดีเทล ตั้งแต่ทางเข้าร้านเราจะเห็นผ้าม่านสีเขียวสกรีนชื่อร้านและภาพไมโกะ ผ้าแบบนี้เรียกว่า โนเรน (暖簾) เป็นผ้าม่านที่ใช้แขวนไว้หน้าร้านค้า ร้านอาหาร ตามบ้านเรือนที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น นอกจากจะใช้ตกแต่งเพื่อความสวย บอกชื่อร้านและบริการแล้ว โนเรนยังมีไว้เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวโดยการบดบังสายตาจากผู้ที่เดินผ่านไปมา ป้องกันแสงแดด หรือฝุ่นละอองได้อีกด้วย
ซ้ายมือริมทางเดินประดับด้วยตะเกียงอันดง (行灯) ตะเกียงไฟโบราณของญี่ปุ่น และตกแต่งร้านด้วยภาพวาดเทศกาลกิออน มัตสึริ (Gion Matsuri) เทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อขับไล่โรคระบาดในอดีต
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นที่เรารักจากการมาที่ฮันนาริคือ เสื่อทาทามิ (畳) เสื่อปูพื้นที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติและใช้กันทุกบ้านในญี่ปุ่น เป็นเสื่อที่เราเห็นจนชินตาจากการ์ตูนเรื่องโปรดในวัยเด็ก และฝันอยากลองอยู่ในห้องแบบนี้เหมือนโนบิตะดูสักครั้ง
ตั้งแต่บริเวณที่นั่งด้านนอก ไปจนถึงชั้น 2 ของร้าน จะเป็นที่นั่งบนเสื่อทาทามิ วันไหนอากาศดีจะเลือกนั่งข้างนอกก็ได้ แต่ถ้าอากาศร้อนหน่อยก็นั่งในห้องด้านบนก็เย็นใจและบรรยากาศดีเช่นกัน โดยเฉพาะที่นั่งริมหน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติสวยๆ พร้อมเบาะรองนั่งนุ่มๆ ให้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่ในบ้านคนญี่ปุ่น บนชั้น 2 ยังมีภาพเมืองเกียวโตทั้ง 4 ฤดูกาล ทำให้เราอินกับความเป็นญี่ปุ่นยิ่งกว่าเดิม
‘คิสสะเต็น’ วัฒนธรรมคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่น
หากใครเคยไปคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในย่านพร้อมพงษ์ คงเคยเห็นเมนูสปาเกตตีสไตล์ญี่ปุ่นอยู่หลายร้าน คุณรินะ จากร้านฮันนาริเล่าให้ฟังว่า สิ่งนี้เรียกว่า เมนูแบบ ‘คิสสะเต็น’ (喫茶店, Kissaten) เป็นเมนูสไตล์เรโทรคาเฟ่แบบญี่ปุ่น ที่เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุค 80
คำว่า ‘คิสสะเต็น’ แปลว่าร้านสำหรับดื่มชา เป็นคำที่ใช้มาตั้งแต่อดีตเพราะญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลในการดื่มชาจากจีน แต่ถ้าไปถามหาร้านคิสสะเต็นในปัจจุบันคนญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้คิดถึงร้านชาอีกต่อไปแล้ว เพราะปัจจุบันมีทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย เน้นกินเมนูเบาๆ เช่น สปาเกตตี ขนมปัง ข้าวแกงกะหรี่ และมีเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลาย ซึ่งยังเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน เราจึงมักจะเห็นตัวละครในมังงะหรือแอนิเมชันนัดกันไปเดตที่ร้านแบบนี้
เมนูคิสสะเต็นของที่นี่มีทั้งคาวหวาน เมนูอาหารคาวจะมีทั้งสปาเกตตีและเมนูข้าว ในเมื่อร้านนี้มีทั้งสองอย่าง คำแนะนำจากเราคือควรเผื่อพื้นที่ในกระเพาะมาให้ได้มากที่สุด เราสั่งสปาเกตตีไข่ปลาเมนไทโกะครีมมีซอส ที่ไข่ปลาเมนไทโกะและซอสผสมกันลงตัวแบบครีมมีสุดๆ ส่วนอีกจานเป็นสปาเกตตีซีฟู้ดซอสมะเขือเทศ (Seafood Kyoto Habanero Tomato Spaghetti) จานนี้ได้ กุ้ง หอย ปลาหมึก แบบเต็มคำ ซอสมะเขือเทศเข้มข้นเอาใจคนรักมะเขือเทศ
เมนูที่เราตกหลุมรักพอๆ กับสปาเกตตีคือ เมนูครีมโซดาทะเลลึก (Gion no Yozora – Cream Soda) ที่เป็นน้ำสีฟ้าสดใสท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาและเชอร์รีเชื่อม เป็นเมนูครีมโซดาที่หากินได้ยาก ทานกับไอศกรีมวานิลลาของร้านที่หอมหวานกำลังดี (หน้าตาอาจจะดูหวานมาก แต่ความจริงหวานน้อย และอร่อยนะ)
ส่วนเมนูของหวานสไตล์คิสสะเต็นคือพุดดิ้ง ช่วงนี้มีเมนูใหม่ที่เหมาะกับอากาศร้อนๆ เป็น Seasonal Fruit Pudding a la Mode พุดดิ้งพาร์เฟต์สัญชาติญี่ปุ่นพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล ที่มาพร้อมกับคุกกี้รูปทรงโลโก้ฮันนาริและซอสคาราเมลหอมละมุน เป็นอีกเมนูที่สดชื่นและหน้าตาขึ้นกล้องแบบสุดๆ
สวรรค์ของคนรักมัตฉะ
เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น ‘ชาเขียว’ เหมือนเป็นเมนูประจำทริปที่ต้องกินสักมื้อ หรือถ้าคุณเป็นแฟนชาเขียวตัวยง ก็คงกินอยู่แล้ววันละหลายมื้อ และต้องออกตามหาร้านเด็ดหรือชิมชาเขียวในทุกเมืองที่ไป
เพราะมีคอนเซปต์เป็นคาเฟ่จากเมืองเกียวโต ที่ร้านจึงใช้ชาเขียวคุณภาพดีจากเมืองอุจิ เกียวโต ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาเขียวที่มีชื่อเสียงมากของประเทศญี่ปุ่น คุณรินะบอกว่า ชาเขียวแต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองแตกต่างกันไป ใครเป็นแฟนตัวยงชาเขียวก็อยากให้มาลองที่ฮันนาริดูสักครั้ง เผื่อจะตกหลุมรักชาเขียวเมืองอุจิจากที่นี่
เมนูชาเขียวของฮันนาริต้องใช้คำว่า ‘อลังการและละลานตา’ เลยทีเดียว เพราะแค่เปิดหน้าเมนูขึ้นมา เราก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องเลือกเมนูไหนดี ถ้าให้กินทุกเมนูในร้านคงเกินปริมาณที่กระเพาะเราจะรับไหว และต่อให้มีกระเพาะของหวานแยกอีกอันก็น่าจะยังใส่ไม่พออยู่ดี
เมนูอุจิมัตฉะมีให้เลือกทั้งแบบผสมน้ำ นมสด และแบบเข้มข้นผสมนมสดสำหรับคนรักชาเขียวเข้มๆ เราเลือก อุจิมัตฉะลาเต้ใส่น้ำเชื่อมโคคุโตซึ่งทำจากน้ำตาลทรายแดงญี่ปุ่น (Uji Matcha Kokuto Latte) เป็นเมนูที่มีความหวานหอมอ่อนๆ จากน้ำตาล คนไม่ทานหวานมากก็ดื่มได้เพลินๆ แต่สำหรับคนชอบอะไรเบาๆ ก็ยังมีชาเขียวที่ผสมกับน้ำส้มยูสุและน้ำแอปเปิลให้ลองด้วย และสำหรับคนที่ชอบโฮจิฉะที่นี่ก็มีหลากหลายเมนูเช่นกัน ทั้งแบบผสมนม ผสมน้ำ และเอาโฮจิฉะมาทำ Ice Cube Latte ให้เราราดนมสดกินแบบเกล็ดน้ำแข็ง
เมนูของหวานจากชาเขียวที่น่าชวนแก๊งเพื่อนมากิน คือ Uji Matcha Bread Cream Toast โทสต์ชิ้นใหญ่ที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะท็อปด้วยผงมัตฉะหรือโฮจิฉะ แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็สั่งแบบทูโทนได้เลย ส่วนท็อปปิงก็มีให้เลือกทั้งถั่วแดง วิปครีม เนย และมีไอศกรีมให้เลือกถึง 6 รส ได้แก่ อุจิมัตฉะ, ถั่วเหลืองบดกับอุจิมัตฉะ, ถั่วแดงบดกับอุจิมัตฉะ, ชาเขียวข้าวคั่ว (Genmaicha), งาดำ และวานิลลา (แค่เมนูเดียวก็ตัวเลือกเยอะขนาดนี้)
อีกเมนูน่าลองสำหรับคนชอบขนมปังคือ Matcha Maritozzo ขนมปังสอดไส้ซอฟต์ครีมนุ่มฟูที่โรยผงมัตฉะ ทานคู่กับมัตฉะร้อนๆ ที่ทางร้านจัดเซตไว้ก็เหมาะกันสุดๆ สำหรับคนชอบกินเค้ก ที่นี่ก็มีให้เลือกถึง 3 แบบคือ Uji Matcha Gateaux Chocolate, Uji Matcha Roll Cake และ Uji Matcha Tiramisu
ที่ร้านยังมีเมนูซิกเนเจอร์อีกอย่างคือ Homemade Shiratama Dango ขนมดังโงะที่ทำสดใหม่ทุกวัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที มีให้เลือก 3 รสชาติคือ มัตฉะ, ถั่วเหลือง (Kinako) และโฮจิฉะ ที่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมตรงกลาง แต่วันนี้กระเพาะเรารับไม่ไหวแล้ว จึงเก็บไว้ครั้งหน้า เผื่อวันไหนเราคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาต้องกลับมาเยียวยาใจที่ฮันนาริอีกรอบแน่นอน
แวะช้อปของฝากจากเกียวโต
ก่อนกลับบ้าน บริเวณชั้น 1 ยังมีของที่ระลึกจากเกียวโตอิมพอร์ตมาวางขายที่นี่ เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่เราสามารถซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือใช้เองที่บ้านได้ เป็นของที่ถ้าคนรักของจุ๊กจิ๊กอย่างเราเห็นที่ไหนต้องซื้อติดมือกลับบ้านสักชิ้น เช่น เซตตะเกียบ กระเป๋า ธูปหอมอะโรมา ฯลฯ
สำหรับคนรักชาที่นี่ก็มีผงชาและอุปกรณ์จากเกียวโตจำหน่ายให้กลับไปใช้เยียวยาความคิดถึงญี่ปุ่นต่อที่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นของแฮนด์เมดที่ใส่ลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นลงไป หมดตังค์กับของกินแล้วอาจจะหมดตัวกับของฝากโดยไม่รู้ตัวนะ
Hannari Cafe de Kyoto
สาขาทองหล่อ
ที่อยู่ : 111/5 ซอยทองหล่อ 10 เขตวัฒนา (จอดรถได้ที่ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ *มีค่าบริการ)
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.30 – 21.00 น. (Last Order 21.00 น.)*
โทรศัพท์ : 02-101-1591
สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.
โทรศัพท์ : 06-3247-6719
Facebook : Hannari Cafe de Kyoto
Instagram : @hannari.thailand
Writer
ธนาวดี แทนเพชร
Photographer
ณัฐวุฒิ เตจา
Graphic Designer
