‘Monsoon Blues’ ความเศร้าที่มากับฝน - Urban Creature

‘วันนี้ฝนตกไม่อยากทำงานเลย ถ้าได้นอนบนเตียงทั้งวันก็คงดี’

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยรู้สึกหมดพลัง ไร้เรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไร ในเวลาที่มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วเจอฝนตก โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องเผชิญปัญหาการจราจรระหว่างเดินทาง กว่าจะถึงที่หมายต้องเจอทั้งการยืนเบียดกันบนขนส่งสาธารณะ ความหนาแน่นของรถบนท้องถนน และฝนที่โปรยลงมาพาให้ป่วยกายง่ายๆ

อุปสรรคที่มากับฝนทำให้แต่ละวันของมนุษย์เงินเดือนที่เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้วต้องลำบากกว่าเดิมหลายเท่า ความรู้สึกเหนื่อยล้าสะสมเหล่านี้อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือทำให้บางคนมีประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง

เขาว่าฝนนั้นทำให้คน ‘เฉื่อย’

เมื่อตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมเมฆฝนและฟ้าครึ้ม ทำให้เช้าที่สดใสของเรากลายเป็นวันที่หม่นหมอง การขุดตัวเองขึ้นจากเตียงกลายเป็นเรื่องยาก เกิดเป็นอารมณ์ความรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากทำอะไรตลอดวัน

Monsoon Blues

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนนี้เรียกว่า ‘Monsoon Blues’ คล้ายกับ ‘Winter Blues’ ในเมืองหนาวที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ท้องฟ้ามืดเร็ว ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้มากนัก ส่งผลให้คนรู้สึกหมดเรี่ยวแรงในการใช้ชีวิต ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล’ หรือ ‘Seasonal Affective Disorder (SAD)’

Monsoon Blues

เช่นเดียวกับความรู้สึกเศร้าซึมในฤดูฝน ที่เกิดขึ้นจากความอึมครึมของก้อนเมฆช่วงที่ฝนตกไปบดบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์ ส่งผลกระทบต่อระบบควบคุมการหลั่งฮอร์โมนของร่างกาย หรือ ‘นาฬิกาชีวภาพ’ (Biological Clock) ซึ่งสัมพันธ์กับเวลากลางวันและกลางคืนตามธรรมชาติ ทำให้การหลั่ง ‘เซโรโทนิน’ (Serotonin) สารสื่อประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับอารมณ์ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุให้รู้สึกขุ่นมัว และฮอร์โมน ‘เมลาโทนิน’ (Melatonin) ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนอนหลับเพิ่มขึ้น จึงทำให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอน

วิธีหลีกหนีจากความอึมครึมของบรรยากาศในฤดูฝนเบื้องต้นคือ การเปิดไฟหรือหน้าต่างเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับสถานที่ทำงาน กระตุ้นตัวเองให้ขยับร่างกายอยู่เสมอ อย่างการเดินไปรับประทานอาหารที่ร้านใกล้ออฟฟิศแทนการนั่งรอไรเดอร์ส่งอาหารให้ หรือการฝึกนอนและตื่นเป็นเวลาให้ร่างกายสร้างระบบนาฬิกาชีวิตใหม่ เพื่อเพิ่มความสดชื่นระหว่างวันมากขึ้น

ไม่มีใครอยากทำงานในสภาพที่ ‘แฉะ’

นอกจากฝนตกจะทำให้คนหมองหม่นในระดับบุคคลแล้ว อีกปัญหาใหญ่ที่ใครก็หนีไม่พ้นคือปัญหาการจราจร โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ออฟฟิศหลายแห่งกำหนดเวลาเริ่มและเลิกงานไล่เลี่ยกัน ทำให้มวลมหาประชาชนรอใช้ขนส่งสาธารณะที่มีจำกัดในช่วงเวลาเดียวกัน

Monsoon Blues

มากไปกว่านั้น สถานการณ์เหล่านั้นยังนำพาให้เราต้องเจออุปสรรคระหว่างการเดินทางที่เลี่ยงไม่ได้ ทั้งการยืนเบียดบนรถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์และชานชาลารถไฟฟ้าที่ไม่สามารถป้องกันฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางคนต้องต่อรถมอเตอร์ไซค์หรือเดินเท้าบนทางเท้าที่มีน้ำท่วมขัง

Monsoon Blues

และหากใครขับรถก็ต้องเผชิญปัญหารถติดที่การันตีได้ว่าการเดินทางมาทำงานหนึ่งครั้งคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เพราะฝนตกและปัญหาเหล่านี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกในทางลบอย่างเลี่ยงไม่ได้

‘ผศ. ดร.รชพร ชูช่วย’ นักวิชาการและสถาปนิกได้อธิบายและเสนอทางออกของปัญหานี้กับ Thairath Plus ไว้ว่า ผังเมืองกรุงเทพฯ และระบบขนส่งสาธารณะปัจจุบันไม่เอื้อให้คนในเมืองเดินทางได้สะดวกในวันที่ฝนตก เมื่อการเดินทางในวันที่ฝนตกเป็นเรื่องยากลำบากก็ย่อมบั่นทอนสุขภาพจิตของคนทำงาน

Monsoon Blues

ดังนั้นรัฐจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกและมีคุณภาพที่พนักงานออฟฟิศหลายคนเข้าถึงได้ และเพิ่มจำนวนขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุมการเดินทางของประชาชนมากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน และร่นระยะเวลาการเดินทางให้ลดลง

นอกจากนี้ เพื่อลดปัญหาที่หลายคนต้องมาทำงานในสภาพที่ ‘เฉื่อย’ จากสภาพอากาศ และ ‘แฉะ’ จากการโดนฝนระหว่างทาง หลายออฟฟิศสามารถปรับรูปแบบการทำงานเป็นแบบ ‘ไฮบริด’ คือการเข้าออฟฟิศสลับกับทำงานจากบ้าน เพื่อลดความหนาแน่นระหว่างการเดินทาง และรักษาใจพนักงานให้ไม่ต้องฝืนตัวเองออกมาในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจได้อีกด้วย

Sources :
101PUB | t.ly/0kgFY
Alljit | t.ly/vGwPY
Healthline | t.ly/azBMo
MedicineNet | t.ly/T6Y6Z
Thairath Plus | t.ly/ANVjq

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.