LATEST
เรียนรู้และเข้าใจความตายในย่านเก่า ผ่านกิจกรรมการเดินทาง Death Trail ที่ชุมชนย่านสามเสน 19 มี.ค. 66
หากใครกำลังค้นหาคำตอบและความหมายของ ‘ความตาย’ เราขอชวนทุกคนเข้าร่วม ‘Death Trail’ กิจกรรมที่จะพาไปสำรวจและทำความเข้าใจความตาย โดยมีเรื่องของศาสนาและความเชื่อเป็นแกนหลักของการเดินทาง การเรียนรู้ครั้งนี้จะเกิดขึ้นผ่านวิถีชีวิตของ ‘ชุมชนย่านสามเสน’ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หนึ่งในชุมชนเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้มองภาพการอยู่ร่วมกันในพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของกลุ่มศาสนาวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งไทย จีน คริสต์ ญวน รวมไปถึงชุมชนชาวประมงเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา กิจกรรมนี้นำการเดินทางโดยทีม Feel Trip และวิทยากรจากชุมชน ผู้เข้าร่วมจะได้สำรวจสถานที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ วัดจีน วัดไทย รวมไปถึงสุสาน Death Trail จะจัดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม 2566 เวลา 08.00 – 12.00 น. โดยมีค่าเข้าร่วมกิจกรรมคนละ 652 บาท (รวมค่าวิทยากรชุมชน 4 ท่าน อุปกรณ์กิจกรรม และอาหารเที่ยง) ใครสนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ forms.gle/oiKYhitLfCbVMzNPA ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Death Talk ความตายและชีวิต
‘ไม่มีใครที่อยากมีความสัมพันธ์แย่ๆ หรอก’ ค่านิยมสุขภาพจิตที่อยากให้ทำความเข้าใจใหม่
เรารักสังคมที่เปิดกว้างและเข้าถึงเรื่องสุขภาพจิตอย่างง่ายดายขึ้นในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มากๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่รักเลยกับการที่บางคนนำชุดความรู้จิตวิทยาบางอย่างมาวิเคราะห์กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จนลืมไปว่า ทุกเหตุการณ์และตัวบุคคลล้วนมีความละเอียดอ่อนต่างกันโดยสิ้นเชิง แค่เพียงชุดความคิดเดียวที่แม้จะได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้างขนาดไหน ก็ไม่ได้เป็นบทการันตีว่าจะสามารถนำมาใช้กับทุกคนบนโลกได้ ไม่มีใครคนไหนเหมือนกัน และไม่ว่าอะไรแย่ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิต ไม่จริงเลยที่สิ่งนั้นจะทำให้เรากลายเป็นคนต้องคำสาป และมันไม่มีหรอก ปัญหาสุขภาพจิตไหนที่โหดร้ายเกินเยียวยา หากคนคนนั้นเลือกที่จะมีความกล้า ให้เวลา และเชื่อมั่นในตัวเอง เพื่อเดินทางไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพจิตดี เพราะอยากให้คนในสังคมเปิดใจ มีมายด์เซตที่ไม่ตัดสินคนอื่นผ่านความสัมพันธ์ของพวกเขาไปก่อน เราขอแชร์บางชุดความคิดที่อยากกระตุ้นให้ทุกคนลองมองในมุมใหม่ดู “เกิดมาในครอบครัวที่ไม่อบอุ่น โตมาก็จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่อบอุ่น” เราขอเริ่มด้วยทฤษฎีทางจิตวิทยาที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกัน นั่นคือ ทฤษฎีความสัมพันธ์ในช่วงปี 1950s ที่ชื่อ Attachment Theory โดย John Bowlby เขาเชื่อว่า ทารกทุกคนเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดเพื่อเป็นทักษะในการอยู่รอด ซึ่งคนใกล้ชิดของทารกคือ ‘ผู้ดูแล’ นั่นเอง (เราขอใช้คำว่า ผู้ดูแล เพราะคนคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อหรือแม่เท่านั้น ใครก็ตามที่ใกล้ชิดและผูกพันกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นคุณยาย พี่เลี้ยง คนเลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์ ฯลฯ ก็ถือเป็นผู้ดูแลทั้งสิ้น) John Bowlby ได้ทำการทดลองกับหลายครอบครัว และได้บทสรุปที่กึ่งๆ เป็นคำทำนายอนาคตของเด็กแต่ละครอบครัวมาว่า ‘สิ่งที่คนใกล้ชิดเลือกปฏิบัติต่อเด็กและสิ่งที่เด็กเลือกตอบสนองนั้น จะช่วยสร้างแพตเทิร์นความสัมพันธ์ของเด็กคนนั้น เมื่อเขาโตมามีคนรักเป็นของตัวเอง’ […]
ร้านชาเล็กๆ ริมน้ำ ‘The Willow Teashop’ โปรเจกต์คั่นเวลาของร้านหนังสือเดินทาง ที่บ้านศิลปิน
หลังจากประกาศโยกย้ายทำเลร้านไปที่แห่งใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว ในช่วงเวลาระหว่างที่กำลังรอร้านใหม่สร้างเสร็จ ร้านหนังสือเดินทางก็ได้มีโปรเจกต์คั่นเวลาเล็กๆ เกิดขึ้น นั่นคือ ‘The Willow Teashop’ ร้านชาเล็กๆ ริมน้ำ ที่แม้ไม่ได้เป็นร้านหนังสือแต่ก็มีบรรยากาศน่ารักๆ คล้ายร้านหนังสือเดินทาง เอาไว้คลายความคิดถึงให้ชาวนักอ่านที่มีต่อร้านหนังสือแห่งนี้ นอกจากจำหน่ายชาเป็นหลัก The Willow Teashop ยังจำหน่ายขนม Homemade Scones และหนังสือภาษาอังกฤษด้วย โดยอาจมีสินค้าอื่นๆ ประกอบบ้าง พูดง่ายๆ ว่าที่นี่คือร้านชาที่มีหนังสือขาย เมื่อเลือกซื้อหนังสือที่ถูกใจแล้ว ก็นั่งดื่มชา ชิม Scone และเฝ้ามองวิวริมน้ำไปด้วยได้ The Willow Teashop ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของบ้านศิลปิน (The Artist’s House) คลองบางหลวง บางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งชั้นล่างมีมุมกาแฟ งานศิลปะ มุมให้อาหารปลา และสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ใครที่อยากเดินทางไปเยี่ยมเยียน ทางเพจร้านหนังสือเดินทางแจ้งว่า The Willow Teashop อาจเปิดให้บริการไม่ได้ทุกวัน เพราะเจ้าของร้านยังต้องโฟกัสกับการสร้างร้านหนังสืออยู่ ดังนั้นตัวร้านชาอาจเปิดให้บริการได้เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดอื่นๆ […]
Urban Eyes 27/50 เขตคันนายาว Khan Na Yao
เลยครึ่งทางมาแล้วกับเขตที่ 27 ของโปรเจกต์ Bangkok Eyes นั่นคือ เขตคันนายาว มีการสันนิษฐานว่าชื่อของเขตนี้มีที่มาจากในอดีตที่พื้นที่บางส่วนในย่านนี้เป็นที่ทำนาผืนใหญ่ โดยในการทำนาจะมีการสร้างแนวดินให้พูนสูงขึ้นจากท้องนาเพื่อกั้นที่นาเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่า คันนา นั่นเอง โดยมีที่นาผืนหนึ่งใกล้กับคลองแสนแสบ กินอาณาเขตกว้างขวางมาก เรียกว่าเป็นนาที่มีคันนายาวมากที่สุด ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้ผ่านเขตนี้เท่าไหร่ แต่พอทราบมาว่ามีถนนกาญจนาภิเษกตัดผ่านตรงกลางของเขต แบ่งเป็นฝั่งซ้ายและขวา ยิ่งลองค้นว่ามีสถานที่น่าสนใจที่ไหนบ้าง ก็พบสวนสยามที่เป็นเหมือนคนคุ้นหน้าคุ้นตาของเรา แต่อุตส่าห์มาลุยเขตนี้ทั้งที ต้องมีพิกัดอื่นๆ แถมด้วยแน่นอนอยู่แล้ว ที่สำคัญสัปดาห์นี้เรายังอยู่กับกล้อง Lumix S1R ตัวเดิม หลังจากใช้งานมาได้พักใหญ่ๆ ก็ได้การตั้งค่าและเทคนิคการใช้งานที่เข้ามือแล้ว โดยเรามักจะเปิดรูรับแสงที่ f/8 ขึ้นไป และใช้ระบบการโฟกัสแบบ Hyperfocal Length เป็นการกะระยะ บวกกับตัวเลนส์ Lumix 24-105mm f/4.0 ที่มีระยะซูมให้เลือกใช้เยอะ หลักๆ เราตั้งระยะไว้ที่ 35mm เพื่อให้คุ้นชินกับระยะที่จะได้รูป และรู้ตำแหน่งว่าควรยืนอยู่ตรงไหนถึงจะได้เฟรมที่ต้องการ ส่วนจุดที่เราชอบมากๆ คือมี 3 Dials สำหรับการปรับ F-Stop, Shutter Speed และ […]
แอปพลิเคชัน Talk to PEACH ปรึกษาสุขภาพเพศออนไลน์ พร้อมเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกคน
เราเชื่อว่าทุกคนต้องเคยมีคำถาม ข้อสงสัย และความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเพศ แต่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร หรือถ้าหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ ‘Talk to PEACH’ คือแอปพลิเคชันที่พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องเพศ โดยผู้ขอรับคำปรึกษาสามารถเลือกผู้เชี่ยวชาญเองได้ ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือนักเพศวิทยา รวมถึงยังเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่ไม่ว่าใครก็เลือกสนทนาแบบไม่ระบุตัวตนได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวหรือรู้สึกเขินอายในการเข้ารับคำปรึกษาเลย การปรึกษาที่ว่านั้นครอบคลุมปัญหาของทุกเพศทุกวัย ทั้งเรื่องของสุขภาวะทางเพศ ฮอร์โมน ปัญหาจากการมีเพศสัมพันธ์ โรคทางอวัยวะเพศและระบบสืบพันธุ์ และหัวข้ออื่นๆ อีกกว่า 20 หัวข้อ โดยมีค่าบริการในการปรึกษาเริ่มต้นที่ 490 บาท ส่วนขั้นตอนในการเข้ารับคำปรึกษาก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์ทางแอปพลิเคชัน Talk to PEACH เลือกวันเวลาที่สะดวกในการนัดหมายพร้อมหัวข้อที่จะปรึกษา ชำระเงินเพื่อยืนยันการนัด และรอเข้ารับการปรึกษาได้เลย เมื่อถึงวันเวลาตามนัดหมาย ระบบจะมีข้อความแจ้งเตือนวิดีโอคอล โดยคุณเลือกเปิดหรือปิดกล้องก็ได้ตามความสะดวกใจ แอปพลิเคชัน Talk to PEACH ดาวน์โหลดได้ทั้ง iOS ที่ apple.co/3kY7kzE และ Android ที่ bit.ly/3yrH9ES Source :Talk to PEACH | talktopeach.com
London Cycling Campaign ประท้วงของนักปั่นจักรยานในกรุงลอนดอน เพื่อทวงคืนถนนที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิง
เป็นเวลากว่า 90 นาทีที่กลุ่มนักปั่นจักรยานกว่า 100 คนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ รวมตัวกันปั่นจักรยานประท้วงเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 เพื่อรณรงค์และทวงคืนเส้นทางจักรยานที่ปลอดภัยสำหรับนักปั่นเพศหญิงในเมืองเนื่องในวันสตรีสากล ภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ‘London Cycling Campaign (LCC)’ London Cycling Campaign เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กร ‘Women’s Network’, ‘The Joyriders Women’s Cycling Organisation’ และ ‘Londra Bisiklet Kulübü’ หลังจากพบว่าการขี่จักรยานในเพศหญิงหลายครั้งมักเกิดอันตรายจากความไม่ปลอดภัยในเส้นทาง รวมไปถึงการก่อกวนและคุกคามจากปัจจัยภายนอก การออกมาประท้วงเดินขบวนในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการส่งสารจากผู้ใช้ถนนจริง ไปถึงนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเหล่านักปั่นเริ่มเดินขบวนผ่านสถานที่สำคัญในเมืองตั้งแต่ Marble Arch, Buckingham Palace, Palace of Whitehall ไปจนถึง Trafalgar Square ก่อนจะวนกลับมาที่จุดเริ่มต้น เป็นภาพที่สร้างความสนใจให้แก่ผู้พบเห็นเพราะนักปั่นหลายคนต่างแต่งตัวด้วยชุดแปลกตา พร้อมพาสัตว์เลี้ยงสุดน่ารักไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือแมวนั่งในตะกร้าหน้ารถจักรยานมาด้วย หลังการประท้วงจบลง Sadiq Khan นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองต้องการให้ผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในลอนดอนเช่นกัน […]
ฟังเสียงเด็กวัดจากอัลบั้ม ‘ธาตุทองซาวด์’ บันทึกช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้วของ ‘YOUNGOHM’
การฟังเพลงแบบเป็นอัลบั้มใช้เวลาเยอะ และใช้สมาธิเยอะไม่ต่างกัน แต่ก็เพราะการฟังเพลงแบบเป็นอัลบั้มนี่แหละ ที่มอบความพิเศษของเรื่องราวผ่านบทเพลงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งได้ฟังอัลบั้มที่มีคอนเซปต์เรียงร้อยต่อกันไป แถมเป็นเรื่องราวที่บันทึกประสบการณ์ชีวิตในโลกที่เหมือนละครด้วยแล้ว เราย่อมได้รับพลังงานจากเรื่องเล่าเหล่านั้นเสมอ อัลบั้ม ‘ธาตุทองซาวด์’ คือความรู้สึกพิเศษแบบนั้น เพราะเป็นดั่งบันทึกเรื่องราวชีวิตของผู้คนในมุมหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร คอนเซปต์อัลบั้มที่ฟังต่อกันแล้วได้อรรถรสแบบหนังม้วนยาว พาทุกคนเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่ทำให้เห็นว่า กว่า ‘YOUNGOHM’ (โอม-รัธพงศ์ ภูรีสิทธิ์) ที่ถูกรู้จักในฐานะแรปเปอร์แห่งยุคเช่นทุกวันนี้ ในวันวัยแห่งการเริ่มต้นจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ยังโอมเลือกเป็นนักแรปมาตั้งแต่ช่วงวัยเรียน และเดินทางไปแข่งขันในหลากหลายสนามแรป บวกกับทำเพลงมาเรื่อยๆ จนหลายเพลงทำให้เขามีชื่อเสียง และเกิดอัลบั้มแรกของชีวิตเมื่อปี 2020 ชื่อว่า ‘Bangkok Legacy’ ในอัลบั้มแรกเราจะได้ยินความสบถ ความเกรี้ยวกราด และความคับแค้นต่างๆ ที่ผสมปนเปเล่าออกมาผ่านเพลง ทว่าอัลบั้มที่สองนี้เสมือนการตกผลึกของความนึกคิด ที่มันย้ำให้เห็นว่า ความสำเร็จหรือความสมหวังตั้งใจของคนคนหนึ่งนั้นย่อมมีความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ ยังโอมได้เล่าประสบการณ์ต่างๆ ของชีวิตผ่าน 19 บทเพลงที่ตั้งใจสร้างขึ้นมา เป็นการเปิดเปลือยตัวตนบางอย่างในอดีตเพื่อทบทวนให้เห็นว่าเขาในปัจจุบันนั้นเป็นใคร รายละเอียดชีวิตที่นำมาบอกเล่าด้วยความสุนทรีย์ผ่านบทเพลงก็ช่วยทำให้ได้รู้จักเขามากยิ่งขึ้นด้วย โดยแกนหลักอัลบั้มสองเป็นเรื่องราวของเด็กวัดธาตุทอง ช่วงเวลาชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน ซึ่งฉายภาพการอาศัยอยู่ในโซนเอกมัยใจกลางเมือง ย่านที่มีตึกสูงเสียดฟ้าและมีผู้คนมากมายที่ต่างพยายามเคลื่อนต่อไปเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คอลัมน์ แกะเพลง ชวนมาสำรวจอัลบั้มธาตุทองซาวด์ของยังโอม ที่บรรจุอัดแน่นด้วยบทเพลงทั้ง 19 เพลง ซึ่งล้วนเป็นบันทึกช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วของเด็กวัดธาตุทองแห่งย่านเอกมัยที่กลายเป็นแรปสตาร์ได้ตามที่ตั้งใจ วันนี้เราจึงขอเลือกหยิบบางเพลงมาพูดคุยกัน […]
Portland Loos ห้องน้ำกึ่งสำเร็จรูปในเมืองนิวยอร์ก ลดเวลาการก่อสร้างและค่าใช้จ่าย เพิ่มพื้นที่ห้องน้ำในเมือง
หากพูดถึงเมืองนิวยอร์ก คงจะลืมเซ็นทรัลพาร์กไปไม่ได้ เพราะเป็นแลนด์มาร์กสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดต้อนรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะมาใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ปิกนิก หรือพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้ารอบตัว แต่สิ่งหนึ่งที่สวนแห่งนี้ยังขาดไปคือห้องน้ำสาธารณะ ล่าสุดกรมอุทยานและนันทนาการได้ทำการทดสอบห้องน้ำแบบกึ่งสำเร็จรูป หรือห้องน้ำแบบโมดูลาร์ที่เรียกว่า Portland Loos โดยติดตั้งในโลเคชันห้าแห่งทั่วเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเปิดตัวใช้งานไปแล้วในเมืองซีแอตเทิล บอสตัน และพอร์ตแลนด์ ห้องน้ำ Portland Loos มีลักษณะคล้ายกับซุ้มขายหนังสือพิมพ์แบบโค้ง รอบข้างเป็นระแนงสเตนเลส และติดตั้งแผ่นโลหะในห้องน้ำแต่ละห้องเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวในการทำธุระ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนเพื่อป้องกันพฤติกรรมผิดกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นภายใน ถึงแม้หน้าตาจะดูธรรมดา แต่ภายในห้องน้ำนี้ประกอบด้วยโถส้วม โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก และจุดล้างมือ สนนราคาที่ประมาณ 185,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.5 ล้านบาท) โดยโครงการนำร่องจะจัดวางห้องน้ำเหล่านี้ไว้ในสวนสาธารณะและพื้นที่สาธารณะต่างๆ เช่น Irving Square ในย่าน Bushwick, Thomas Jefferson Park ในย่าน East Harlem เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โฆษกประจำกรมอุทยานฯ ได้บอกกับสาธารณชนว่า โปรเจกต์การติดตั้ง Portland Loos นี้เป็นการนำร่องเพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการใช้ห้องน้ำแบบโมดูลาร์มากขึ้นในอนาคต เพราะเป็นทางเลือกที่มีราคาย่อมเยาและสะดวกกว่าการสร้างห้องน้ำถาวรในสวนสาธารณะ Sources :DesignTAXI […]
สารพัดวัฒนธรรมที่ต่างกันสุดขั้วจากเด็กไทยผู้ไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนี | คนย่านเดียวกัน EP.10
รายการ ‘คนย่านเดียวกัน’ ชวน TikToker สายอาร์ตชื่อดัง ‘กบ-กชกร สำเภาพล’ จากช่อง Koko do art ผู้มีโอกาสไปโครงการแลกเปลี่ยนที่ประเทศเยอรมนี มาเล่าประสบการณ์ Culture Shock ทั้งเรื่องระเบียบวินัย ทัศนคติ และความเห็นทางศาสนาของผู้คนในสังคม ที่ทำให้ต้องปรับตัวหลายอย่าง นอกจากนี้ เธอยังมีโอกาสไป Work and Travel ที่รัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทุกอย่างต่างจากเยอรมนีอย่างสิ้นเชิง เรื่องราวการผจญภัยทั้งหมดของเธอจะน่าติดตามแค่ไหน ติดตามฟังได้ในเอพิโสดนี้ ติดตามฟัง ‘คนย่านเดียวกัน’ ได้ทาง YouTube : https://youtu.be/JkZi7MlGsL8 Spotify : http://bit.ly/3FbhPXa Apple Podcasts : http://bit.ly/3YDQ2ps Podbean : http://bit.ly/3YCJkQx
ครูเชฟผู้ไม่เกษียณการสอน ‘อาจารย์สุริยันต์ ศรีอำไพ’ | THE PROFESSIONAL
“เราไม่แน่ใจว่าจะมีอายุยืนยาวอีกเท่าไหร่ วันนี้มีจริงแต่พรุ่งนี้จะมีจริงหรือเปล่ายังไม่รู้ รู้แค่ว่าวันนี้อยากจะทำงานดีๆ สร้างสรรค์วงการเบเกอรีให้คนรุ่นหลังมีโอกาสต่อยอดธุรกิจหรือทำเป็นอาชีพได้” ในยุคที่สังคมผู้สูงอายุกลายเป็นโจทย์และความท้าทายสำคัญของชาวเมือง ส่วนอุตสาหกรรมแรงงานต่างมองหาและต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ทำให้ผู้มีอายุหรือวัยเกษียณส่วนใหญ่มีพื้นที่ในการแสดงศักยภาพและทักษะน้อยลงเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น วงการอาหารที่มีเชฟรุ่นเก๋ามากมายที่พร้อมส่งต่อความรู้และมอบประสบการณ์หลายสิบปีให้กับเชฟรุ่นใหม่ แต่กลับหาโอกาสในการถ่ายทอดไม่ได้ง่ายๆ THE PROFESSIONAL เอพิโสดนี้ ชวนสำรวจประสบการณ์ของ ‘สุริยันต์ ศรีอำไพ’ เชฟจาก KRU-CHEF PROJECT ที่ตั้งใจชวนเหล่าเชฟที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มาใช้วัยเกษียณให้มีคุณภาพมากขึ้นผ่านการถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับเชฟรุ่นใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าวัยเกษียณไม่ใช่แค่เก่า แต่เก๋าด้วย
Beat the Heat in Bangkok ทำกรุงเทพฯ ให้กลับมาเย็นอีกครั้ง
ในปัจจุบันที่กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยไอความร้อนจากการเผชิญหน้ากับ ‘ปรากฏการณ์เกาะความร้อน’ หรือ ‘Urban Heat Island (UHI)’ เหตุการณ์ที่พื้นที่ในเมืองมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณรอบนอก ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และสิ่งปลูกสร้างภายในเมืองที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ต้นไม้ในเมืองลดลง เคยลองคิดกันเล่นๆ ไหมว่า ถ้าเราสามารถทำให้หน้าร้อนของเมืองไทยที่มีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีมีอุณหภูมิลดลงได้ หน้าตาของเมืองกรุงเทพฯ จะแตกต่างไปจากปัจจุบันและทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้มากน้อยขนาดไหน วันนี้คอลัมน์ Urban Sketch จึงขอหยิบเอาแผนพัฒนาเมืองบางส่วนของประเทศสิงคโปร์อย่าง ‘Cooling Singapore’ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อลดภาวะ UHI ภายในเมือง มาออกแบบกรุงเทพฯ กันใหม่ว่า ถ้าต้องการให้อุณหภูมิเมืองลดลงจะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง 01 | VEGETATION : เพิ่มสีเขียวให้พื้นที่เมือง หากต้องการลดอุณหภูมิเมืองลง สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ ‘พื้นที่สีเขียว’ เนื่องจากพืชโดยทั่วไปมีคุณสมบัติในการแผ่รังสีความร้อนที่ต่ำและสร้างร่มเงา ช่วยลดการสะสมของพลังงานแสงอาทิตย์ภายในเขตเมืองได้ แต่การจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอุณหภูมิภายในเมืองลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจำเป็นต้องปลูกต้นไม้จำนวนมากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในแนวระนาบหรือแนวดิ่งตามอาคารต่างๆ ก็ตาม การมีสวนสาธารณะขนาดไม่ใหญ่มากแต่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ รอบเมืองอย่างทั่วถึง จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ความเย็นจากพื้นที่ในบริเวณนั้นๆ ส่งผลดีต่อพื้นที่อาคารโดยรอบได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับการมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งทั่วเมืองอย่างปัจจุบัน แต่สำหรับอากาศของประเทศไทย แค่สวนสาธารณะในแนวราบคงไม่เพียงพอ การปลูกพืชเพิ่มในแนวดิ่งไม่ว่าจะเป็นพืชไม้เลื้อยบริเวณผนังอาคาร ฟาร์มผักบนหลังคา พื้นที่สีเขียวบริเวณอาคารร้าง รวมถึงพื้นที่ว่าง ล้วนเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ชาวเมืองเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้ง่ายขึ้น […]
ลดการใช้พลาสติกด้วยขวดน้ำ BYO พกพาสะดวก ใช้งานหลากหลาย มีทั้งหลอด ช้อน และช่องเก็บของ
480,000 กว่าล้านคือจำนวนขวดพลาสติกใช้แล้วทิ้งจากทั่วโลกในแต่ละปี แม้จะมีพลาสติกบางส่วนที่นำไปรีไซเคิลได้ แต่ขวดพลาสติกที่เหลือจำนวนมหาศาลล้วนกลายเป็นขยะที่เกลื่อนกลาดอยู่ทุกสถานที่ เรียกได้ว่าพบเห็นได้ตั้งแต่ทะเลไปจนถึงภูเขาสูง การลดใช้พลาสติกจึงเป็นใจความสำคัญที่ผู้คนและหลากหลายแบรนด์ยังคงส่งต่อความตั้งใจถึงกัน วันนี้เราอยากพาไปรู้จักอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม นั่นก็คือขวดน้ำอเนกประสงค์ชื่อว่า ‘BYO’ โดยขวดน้ำนี้มีความเฉพาะตัวคือ บรรจุน้ำได้ถึง 24 ออนซ์ซึ่งพอดีกับการใช้ชีวิตประจำวัน แถมขนาดที่ใหญ่นี้ยังพอดีกับช่องวางแก้วได้ด้วย บรรจุภัณฑ์นี้ใช้วัสดุสเตนเลสเกรดเอที่กันความรั่วไหลได้เป็นอย่างดี ช่วยให้เราดื่มด่ำได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนเย็น และยังออกแบบให้ปากกระบอกมีความกว้างที่มากพอจะใส่น้ำแข็งก้อนเข้าไปเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ขวดน้ำนี้ยังได้ฉายาว่าเป็น ‘Swiss Army Knife’ หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อมีดพับสวิส ด้านข้างของขวดจึงถูกออกแบบให้มีช่องเสียบหลอดที่สามารถถอดออกมาใช้ดูดน้ำหรือใช้ชงเครื่องดื่มให้ส่วนผสมเข้ากันก็ได้ โดยตัวหลอดนั้นยังยืดได้ถึง 9.5 นิ้วเลยทีเดียว อีกข้างของขวดยังมีช่องเสียบช้อนสเตนเลสที่ดึงออกมาใช้รับประทานอาหารได้เช่นกัน ส่วนบริเวณใต้ขวดน้ำนี้ยังซ่อนช่องเก็บของลับเอาไว้ ให้เราใช้เก็บกุญแจ เงิน ยารักษาโรค หรือแม้แต่หูฟังไร้สายอย่าง AirPods ก็ยังได้ ขวดของ BYO มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก ใช้งานได้หลากหลาย จะพกไปมื้อกลางวันหรือตอนออกกำลังกายก็หมดห่วง ทั้งยังออกแบบให้มีอายุการใช้งานยาวนานหลายปี ช่วยลดการพึ่งพาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวลงได้อย่างมาก Source :Yanko Design | bit.ly/3JqUEe3