
LATEST
‘รถรางบางกอก’ อดีตเคยมี…ตอนนี้หายไปไหน
เรื่องราวของรถรางไฟฟ้าในอดีต ที่ครั้งนึงประเทศไทยเคยมีรางรถางไฟฟ้าขบวนแรกของเอเชีย
เผ็ดเผ็ด รสชาติชีวิตแบบจัดจ้านของลูกอีสาน ที่ก่อเกิดร้านอาหารสไตล์นครพนมในเมืองกรุง
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ขับเคลื่อนพลังชีวิตด้วยรสชาติความแซ่บนัวของปลาร้า และเป็นแฟนตัวยงของร้านส้มตำทั่วกรุง เราเชื่อว่าคุณต้องเคยได้ยินชื่อร้าน ‘เผ็ดเผ็ด’ อย่างแน่นอน เผ็ดเผ็ดคือร้านอาหารอีสานที่ดึงดูดเราด้วยภาพแซ่บๆ ของส้มตำ ทำให้เราติดใจเพราะรสชาติ และตื่นเต้นที่ได้เห็นการนำเสนอความเป็นอีสานผ่านอาหารอย่างสร้างสรรค์ ร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่เผ็ดตามชื่อ แต่ยังทำให้เมนูในร้านอาหารอีสานสนุกและมีตัวตนชัดเจนในแบบของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการอาหาร แต่ปัจจุบันเผ็ดเผ็ดขยับขยายไปถึง 5 สาขา และทั้ง 5 สาขาขายอาหารที่มีเมนูและรสชาติที่ต่างกันไปตามคาแรกเตอร์ที่เจ้าของต้องการทดลองอะไรใหม่ๆ เราจะพาไปฟังเรื่องราวการเสาะหาวัตถุดิบและความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหาร ผ่านคำบอกเล่าของ ต้อม-ณัฐพงศ์ แซ่หู เจ้าของร้านชาวนครพนมที่เติบโตมากับวัฒนธรรมลูกอีสานขนานแท้ ผู้นำอาหารอีสานรสมือแม่มานำเสนอให้คนกรุงติดใจและคนอีสานกินทีไรก็นึกถึงบ้าน อาหารที่เกิดจากความคิดถึงบ้าน ต้อมบอกว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากทำร้านอาหารอีสานขึ้นมาคือความคิดถึงบ้านและอาหารรสมือแม่ หากให้อธิบายว่าอาหารอีสานแบบเผ็ดเผ็ดมีรสชาติเป็นแบบไหน ก็คงเป็นอาหารรสมือแม่ที่เขากินมาตั้งแต่เด็กๆ ในความทรงจำของเขาตั้งแต่เด็กจนโต แม่เป็นคนที่ทำอาหารเก่งและมีสูตรอาหารอร่อยๆ เป็นของตัวเอง ตอนเป็นเด็กเขาจึงกินได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะใส่ผักหรือใส่พริกก็กินได้โดยไม่ต้องแบ่งแยกจานเด็กหรือจานผู้ใหญ่ แถมยังได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารและสูตรต่างๆ จากแม่ครัวชั้นครูที่อยู่ในบ้าน “ผมเป็นคนนครพนมที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เวลาคิดถึงบ้าน อยากกินอาหารอีสาน ผมก็อยากกินอาหารรสมือแม่ อยากกินอะไรที่เหมือนเคยกินที่บ้าน “ความจริงแล้วในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารอีสานเยอะมาก ถ้าอยากกินอาหารอีสานก็หาได้ไม่ยากเลย แต่ที่ขายกันทั่วไปรสชาติมันไม่เหมือนกับที่บ้านเรากินกัน มันไม่ได้รสชาติเพี้ยนนะ แต่เขาใช้วัตถุดิบไม่เหมือนที่บ้านเรา และเราชอบแบบที่เราเคยกินมาตั้งแต่เด็กมากกว่า “พอคิดจะทำร้านเราเลยอยากเอาสูตรอาหารอีสานของแม่ทำขาย เป็นสูตรที่เขาคิดเอง ปรุงเอง และเราเอามาประยุกต์ต่อ ถึงแม้จะเอาวัตถุดิบจากนครพนมมาใช้ แต่ไปถึงแล้วคงไม่เจออาหารอีสานรสชาติแบบที่เผ็ดเผ็ดทำแน่นอน” ก่อนจะเป็นเผ็ดเผ็ดสาขาแรกในซอยพหลฯ 8 […]
พื้นที่คุ้มครองทางทะเลของสเปน ถูกประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกของวาฬแห่งแรกในทวีปยุโรป
เตเนริเฟ (Tenerife) คือ 1 ใน 7 หมู่เกาะคะแนรีของประเทศสเปน ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดูวาฬและโลมาในธรรมชาติที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
Edo-Tokyo มิวเซียม 70,000 ตร.ม. ที่ยกบ้านหลังประวัติศาสตร์มาทำหมู่บ้านแห่งสถาปัตย์ญี่ปุ่น
ในวันที่รู้สึกเบื่อๆ เคยลองเสิร์ชเล่นๆ ว่าโตเกียวมีพิพิธภัณฑ์อะไรน่าสนใจบ้าง ผลลัพธ์ที่ออกมาชวนกรี๊ดมาก เมืองนี้ช่างอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพิพิธภัณฑ์นานาประเภท สิ่งพื้นฐานอย่างอาร์ตมิวเซียมและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์มีแทบทุกแขนง พิพิธภัณฑ์การ์ตูนก็เนืองแน่น ของแปลกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีก็มากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์เกลือ พิพิธภัณฑ์อุปกรณ์และประวัติศาสตร์การดับเพลิง พิพิธภัณฑ์ค่าเงิน พิพิธภัณฑ์ปรสิต ฯลฯ ใครจะไปคิดว่าโตเกียวซึ่งเป็นเมืองหลวงมาตั้งแต่ปี 1869 เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า… เฮ้ย! เรายังไม่มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์! หลังจากทางการโตเกียวไหวตัวทันว่ายังไม่มีพิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกรุงโตเกียวเลย Edo-Tokyo Museum จึงถูกก่อตั้งในปี 1993 ที่เขต Sumida โดยมีสาขาย่อยที่เล่าเรื่องราวผ่านสถาปัตยกรรมและชีวิตของผู้คนคือ Edo-Tokyo Open-Air Architectural Museum ที่เขต Musashino ซึ่งตั้งอยู่คนละฟากของเมืองเลยทีเดียว เพราะต้องใช้พื้นที่ในการจัดแสดง นอกจากจะเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Edo-Tokyo Open-Air Architectural Museum ยังต่างกับพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ตรงที่ไม่ได้เล่าแค่ประวัติศาสตร์และคุณค่าของสิ่งก่อสร้าง แต่เน้นเรื่องวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนไม่แพ้กัน เดินดูเองก็ว่าสนุกแล้ว แต่เมื่อได้ Hidehisa Takahashi ภัณฑารักษ์ผู้คร่ำหวอดในวงการจาก Edo-Tokyo Open-Air Architectural Museum มาเล่าให้ฟังถึงความพิเศษของอาคาร 30 หลังบนพื้นที่ […]
นโยบายเซินเจิ้น เส้นทางแห่งการเป็นเมืองสีเขียว
เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ‘เซินเจิ้น’ พลิกบทบาทตัวเองครั้งใหญ่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการสร้างมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม และเพิ่มการใช้พลังงานทดแทน เพื่อสร้างเมืองให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของโลกในอนาคต
สวย ≠ ขาว SeaSun Society แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทยที่ขอท้าทาย Beauty Standard ในตลาดเอเชีย
คุณรู้สึกว่าตัวเองสวยไหม ถ้าไม่…แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะรู้สึกว่าตัวเองสวย Beauty Standard หรือมาตรฐานความงามที่สังคมคาดหวังไว้นั้นกลายเป็นเรื่องร้อนที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในระยะเวลา 2 – 3 ปีที่ผ่านมา เพราะเราต่างตระหนักชัดว่า ‘รูปร่างหน้าตา’ ส่งผลอย่างมากต่อโอกาสในการใช้ชีวิต เราอาจได้เห็น Movement ที่น่าสนใจจากทางฝั่งตะวันตกที่ผลักดันให้ความงามมีความหลากหลายมากขึ้นมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังที่เลือกนางแบบ Plus-size ขึ้นไปเดินบนเวทีใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การเติบโตขึ้นของจำนวนโมเดลผิวสีบนหน้าปกนิตยสาร หรือแม้แต่วงการบันเทิงเอง เราก็ได้เห็นความพยายามทลายกรอบทั้งความงามและเชื้อชาติผ่านการคัดเลือกนักแสดงที่มีรูปลักษณ์หลากหลายมากขึ้น กลับมามองใกล้ตัวอีกนิด ในเอเชียหรือในประเทศไทยเอง สังคมของเรามีการรับรู้ที่เปลี่ยนไปอย่างไรในประเด็น Beauty Standard นี้บ้าง ลองมาฟังจาก มาดี้ รอซ (Madi Ross) และ ลักษณ์-สิริลักษณ์ กุลธรรมโยธิน สองสาวผู้ทำงานในวงการความงามมานาน จนหันมาขับเคลื่อนเรื่องมาตรฐานความงามผ่านธุรกิจ Skincare ของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ SeaSun Society ที่ขอท้าทายความเชื่อของชาวเอเชียที่ว่า สวยเท่ากับผิวขาว สวย ≠ ขาว ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน มาดี้กับลักษณ์ได้พบกันผ่านงานของทั้งคู่ มาดี้เป็นนางแบบที่เดินทางไปทำงานทั่วโลก ส่วนลักษณ์คืออดีตนางแบบที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการให้เธอ ชีวิตของทั้งคู่จึงวนเวียนอยู่ในวงการความสวยความงามอย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่ทั้งคู่มองเห็นตรงกันจากประสบการณ์ทำงานในประเทศไทยหรือเอเชียก็คือการตั้งมาตรฐานความงามที่ไม่โอบรับความแตกต่างของผู้คน […]
ภาพนู้ด ให้ร่างเปลือยเปล่งเสียงที่อยากสะท้อน : แมท โศภิรัตน์
เธอคือ ราวสองหรือไม่ก็สามปีก่อน ขณะเลื่อนฟีดเฟซบุ๊ก ซึ่งพลันสะดุดหยุดตรงภาพถ่ายนู้ดที่ใครสักคนแชร์ไว้ ผมไม่รีรอที่จะคลิกเข้าไปยังต้นทาง ภาพถ่ายแปลกตาปรากฏอยู่บนไทม์ไลน์ ความแปลกตาน่าสนใจที่ว่านี่มิได้เป็นเพราะบุคคลในภาพเปลือยเปล่าเพียงอย่างเดียว หากยังรวมถึงท่าทีเชิงสัญลักษณ์ชวนนิ่งนึก แฟนเพจนั้นชื่อ ผู้หญิง ถือกล้อง ชื่อเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่เมื่ออ่านย้ำกลับรู้สึกถึงนัยของคำประกาศที่แสดงตนท้าทายมาตรฐานความคิดความเชื่อเก่าอยู่ในที ใช่-เธอคือผู้หญิง ใช่-เธอถือกล้อง และก็ใช่อีก-เธอถ่ายภาพนู้ด แมท-โศภิรัตน์ ม่วงคำ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ‘ผู้หญิง ถือกล้อง’ คือศิลปินถ่ายภาพนู้ดที่กำลังถูกพูดถึงและน่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมทางศิลปะ หรือแง่มุมทางขนบธรรมเนียมแบบอนุรักษนิยม อีกทั้งข้อครหาแคลงใจจากผู้ฝักใฝ่ศีลธรรมดั้งเดิม จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อแรกเริ่มนำผลงานออกแสดง สิ่งเหล่านี้คือหนึ่งในแรงปะทะที่เธอต้องรับมือ หากก็เหมือนผู้มาก่อนกาล เหมือนพืชผลที่รอการเก็บเกี่ยว ในช่วงขวบปีหลังที่เรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียมกลายเป็นกระแสหลักของสังคม ซึ่งช่วยขับเน้นวาววับที่มีอยู่ก่อนแล้วในผลงานให้ยิ่งเปล่งประกาย คำถามทั้งหลายที่เคยโถมถาถึงเธอจึงถูกผลงานของเธอโยนกลับไปตั้งคำถามกับผู้เคลือบแคลงสงสัย อาจแตกต่างกันตรงที่คำถามที่เกิดจากผลงานของเธอไม่ได้มีความมาดมั่นที่จะต้องได้รับคำตอบสุดท้าย หากกลับมุ่งหวังถึงการชักชวนให้ครวญคิด เป็นเสียงสะท้อน เป็นการทำความเข้าใจ และเป็นการต่อยอดสู่คำถามอื่น ศิลปินพำนัก หลังจากติดตามผลงานของพี่แมท ทั้งทางออนไลน์ ทั้งออกไปชมนิทรรศการในกรุงเทพฯ แต่ผมก็ยังไม่เคยพบเธอเลยสักครั้ง แถมนิทรรศการที่ไปชมล้วนเป็นการแสดงผลงานร่วมของศิลปินภาพถ่ายหลายท่าน จนกระทั่งเมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา ผมได้ทราบว่าพี่แมทกำลังมีนิทรรศการภาพถ่ายเดี่ยวที่จังหวัดขอนแก่น และทุกสิ่งก็พลันรวดเร็วราวกับสปีดชัตเตอร์ที่จับการโบยบินของนกให้นิ่งค้างบนภาพถ่าย ผมตัดสินใจทันที จับจองที่นั่งบนรถไฟด่วนพิเศษ ผ่านวันปีใหม่มาเพียงสัปดาห์เดียว ผมก็ยืนอยู่เบื้องหน้าภาพถ่ายของเธอ วันนั้นตัวเมืองขอนแก่นอากาศหนาว ผมออกจากที่พักก่อนเวลา เต็มใจเดินตากแดดให้ร่างกายอบอุ่น จนถึงเดอะวอลล์ […]
นั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลาผ่านคราบน้ำตาจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น’
‘เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น’ อาจเป็นระยะเวลาที่ไม่นานเท่าไหร่ แต่กลับมีความหมายสำหรับใครหลายคน ขณะนี้เรากำลังพาคุณเข้าสู่เรื่องราวของภาพยนตร์จาก Netflix เรื่อง ‘เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น’ ร้านกาแฟที่สามารถพาคุณย้อนเวลาได้ผ่านการกินกาแฟหนึ่งแก้ว
Earthtone แบรนด์รองเท้าจากวัสดุธรรมชาติ ที่อยากหยุดวงจรขยะในอุตสาหกรรมแฟชั่น
แบรนด์ Earthtone ที่หยิบเอา ‘วัสดุทดแทน’ จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว แกลบ ขุยมะพร้าว หรือแม้แต่การหยิบผักตบชวามาดีไซน์ใหม่ให้ดูใช้ได้จริง ก่อนออกมาเป็นสินค้าแฟชั่นที่ดูทันสมัย เราจึงต่อสายตรงไปหา ‘ซา-ซายูริ โอกาวะ’ และ ‘ปอม-อรรถพล พงษ์สวัสดิ์’ เจ้าของแบรนด์ Earthtone ผู้ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนธุรกิจและหุ้นส่วนชีวิตของกันและกัน พร้อมพูดคุยถึงแนวคิดว่าเพราะอะไรถึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่หยุดวงจรขยะจากอุตสาหกรรมแฟชั่น
Ira แบรนด์ผ้าอนามัยย่อยสลายได้ ไร้สารเคมี และอ่อนโยนกับจุดซ่อนเร้น
เพราะผ้าอนามัย 1 แผ่น เทียบเท่ากับถุงพลาสติก 4 ถุง แถมยังใช้เวลาย่อยสลาย 500 – 800 ปี! และต่อรอบประจำเดือนต้องใช้มากถึง 21 แผ่น นั่นจึงเป็นสาเหตุที่รุ้งไม่อยากผลิตผ้าอนามัยที่ใช้วัสดุหลักเป็นพลาสติก แต่หยิบเอา ‘ใยไม้ไผ่’ มาทดแทน แถมยังดีไซน์แพกเกจจิ้งให้ ‘คนทุกเพศ’ ถือได้อย่างไม่เคอะเขิน
เสียงจาก ‘ตลาดนัดจตุจักร’ กับเย็นวันศุกร์ที่ไม่เหมือนเก่า
ย้อนเวลากลับไปสัก 1 ปี ตลาดนัดจตุจักรคือหนึ่งในสถานที่ที่คับคั่งไปด้วยผู้คน ตั้งแต่ตกเย็นไปจนถึงกลางดึก กลับกันในวันนี้ ด้วยมาตรการเพื่อสู้กับโรคภัย ตลาดนัดต้องปรับเปลี่ยนเวลาเข้า-ออก ส่งผลให้ทุกเย็นวันศุกร์ของที่นี่แปลกตาไปจากเมื่อก่อน ไม่เพียงเท่านั้น โรคภัยไม่ได้ส่งผลแค่เพียงสุขภาพ แต่ยังส่งผลไปถึงปากท้องของพี่น้องชาวตลาดจตุจักร และนี่คือเสียงในเย็นวันศุกร์จากตลาดนัดจตุจักร หมายเหตุ : คลิปวิดีโอนี้ ถ่ายทำเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564
The End of the Storm ภาพยนตร์ของเด็กหงส์ ที่ทุกคนต้องหลงรัก
ย้อนกลับไปในปี 2015 ที่เจอร์เกน คล็อปป์ก้าวขึ้นมาคุมบังเหียนลิเวอร์พูล สถานการณ์ของทีมเป็นไปอย่างไม่สู้ดีนัก ดาวดังพากันเก็บกระเป๋าไปทีมอื่น และผู้เล่นชุดปัจจุบันก็ยังพิสูจน์ตัวเองได้ไม่ดีพอ ข้อความแรกที่เขาส่งไปหาแฟนบอลคือพวกเขาต้องเปลี่ยนความสงสัยให้กลายเป็นศรัทธา หลังจากนั้นเกือบ 5 ปี กุนซือชาวเยอรมันทำตามคำมั่นได้สำเร็จ เพราะนอกจากหัวใจของแฟนบอลจะเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น พวกเขายังได้รางวัลใหญ่ติดไม้ติดมือไปอีกต่างหาก สารคดีเรื่องนี้พาเราย้อนเหตุการณ์ 5 ปีที่ผ่านมาอย่างรวบรัด และโฟกัสไปที่ฤดูกาล 2019/20 เป็นหลัก โดยนอกจากเจอร์เกน คล็อปป์ ผู้เล่าเรื่องหลักคือ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช อดีตผู้จัดการทีม และสองนักเตะตัวหลักอย่างจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และเฟอร์จิล ฟาน ไดก์ พร้อมนักเตะในทีมอีกหลายคน แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มากันครบทั้งหมด แต่หนังก็ได้เติมความพิเศษด้วยการติดตามวิถีชีวิตของแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลก เบื้องหลังที่เต็มไปด้วยพลัง ยอดกุนซือในตำนานอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยบอกไว้ว่า เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์ คล็อปป์เห็นด้วย และบอกว่ามันคงสุดยอดถ้าเราทำได้ดีทั้งสองฝ่าย The End of the Storm ไม่ได้ลงลึกไปถึงแทคติกและแนวคิดการเล่นเพื่อเอาใจแฟนบอลพันธุ์แท้ แต่หนังเน้นไปที่อารมณ์ร่วมของกุนซือและนักเตะมากกว่า เราเห็นคล็อปป์หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับการเล่นแบบอันตรายของทีมตรงข้าม เห็นความเป็นผู้นำร่วมกันในห้องแต่งตัวของนักเตะ ที่ทุกคนตั้งมั่นต่อสู้ร่วมกันเพื่อเอาชนะอาถรรพ์ในการไม่ได้แชมป์มานานถึง 30 ปี […]