‘A Week at the Knees’ ประติมากรรมซุ้มอิฐในสวนที่ลอนดอน ดูเหมือนผนังบ้านกำลังนั่งชันเข่าพักผ่อน

‘Alex Chinneck’ ศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างผลงานศิลปะที่มักสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็น ‘From the Knees of my Nose to the Belly of my Toes’ (2013) ผลงานที่ดูราวกับว่าผนังหน้าบ้านเลื่อนลงมาอยู่ด้านล่าง หรือ ‘Take my Lightning but Don’t Steal my Thunder’ (2014) อาคารที่ยังคงตั้งอยู่ได้แม้ว่าเสาที่ยึดอยู่นั้นจะลอยฟ้าก็ตาม และผลงานล่าสุดที่เป็นส่วนหนึ่งของงาน Clerkenwell Design Week 2025 ที่จัตุรัส Charterhouse ก็ยังคงสร้างความสนใจให้ผู้พบเห็นกับ ‘A Week at the Knees’ ซุ้มอิฐความสูง 5.5 เมตร ยาว 13.5 เมตร ที่มีลักษณะคล้ายผนังบ้านที่ประกอบไปด้วยประตูและหน้าต่าง มีท่าทางเหมือนกำลังนั่งชันเข่า เมื่อนำไปตั้งไว้ในสวนสาธารณะจึงอาจเปรียบได้ว่าเป็นตัวแทนของคนที่เข้ามานั่งพักผ่อนอยู่ในสวนแห่งนี้ก็ได้ ถึงแม้ว่าผลงานนี้จะดูเหมือนใช้วัสดุน้ำหนักเบา สามารถโค้งงอได้ตามต้องการ แต่ความจริงแล้วซุ้มนี้ใช้อิฐถึง 7,000 […]

ชาว Neighbourmart และย่านเจริญกรุง รวมสถานที่โปรดใกล้ร้านซัพสินค้ากรุงเทพฯ ที่อยากให้ทุกคนแวะไปซัพพอร์ต

หลังจากแนะนำสถานที่โปรดของชาว Urban Creature ในถิ่นที่อยู่ไปแล้ว คอลัมน์ Add to My List คราวนี้ก็ถึงทีแวะเวียนขอให้เพื่อนบ้านน่ารักๆ อย่างชาว ILI.U ที่ตั้งแต่ช่วงต้นปีไปประจำการอยู่ห้างซัพสินค้า Neighbourmart ในตึก TCDC กรุงเทพฯ มาแนะนำสถานที่โปรดของแต่ละคนในย่านเจริญกรุง บางรัก ตลาดน้อยกันบ้าง ขอบอกว่าร้านรวงและสถานที่แต่ละแห่งที่ชาวเนเบอร์มาร์ทเลือกมา นอกจากจะเด็ดดวงสมกับเป็นคนลงพื้นที่ไปเสาะหาของดีในกรุงเทพฯ มาให้ทุกคนเลือกอุดหนุนแล้ว ยังมีสตอรีที่น่ารัก อบอุ่น ชวนให้อมยิ้ม แล้วอยากไปตามรอยความผูกพันของพวกเธอที่แอบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบอดีตของเหล่าสถานที่ที่เลือกกันมา ใครที่อยากรู้ว่าพื้นที่ชุบชูใจของชาวห้างซัพสินค้าสีเหลืองสดใสแห่งนี้เป็นที่ไหนกันบ้าง หรือถ้าถึงขนาดอยากแวะไปตามรอยตอนหลังจากซื้อของที่เนเบอร์มาร์ทเรียบร้อยแล้ว ก็ไปตามอ่านกันได้เลย ชื่อ : จิราภรณ์ วิหวาตำแหน่ง : Co-Founder & Content Designerสถานที่โปรด : หว่าโถ่ว น้ำขมหยั่นหว่อหยุ่น บางรัก 2474ตำแหน่งที่ตั้ง : maps.app.goo.gl/GKEy8xQTBGJnxqfs8 สมัยยังเป็นวัยรุ่นหัดเดินเล่นย่านกรุงเทพฯ ใหม่ๆ ป้ายรถเมล์บางรักตรงข้ามโรบินสันคือจุดสตาร์ทที่ดี มีซอกซอยเต็มไปด้วยของอร่อย แถมมีรถสองแถววิ่งวนตรอกจันทน์ให้เลือกสุ่มขึ้นหลายสาย ซึ่งก่อนขึ้นรถต้องแกล้งทำเป็นคุณน้าเก๋าๆ สั่งน้ำขมที่เคาน์เตอร์หินลายภาษาจีนตัวเป้งๆ กิน และพบว่ามันขมมาก […]

Tokyo Tatemono Mitsutera Building ตึกที่รวมวัดกับโรงแรมไว้ในที่เดียว ผสมผสานความเก่าและใหม่เข้าด้วยกันแบบ Win-Win

จะเป็นอย่างไรถ้าวัดและโรงแรมตั้งอยู่ในที่เดียวกัน แบบชนิดที่ว่าแม้แต่ทางเข้าก็ยังเป็นทางเดียวกัน ‘Tokyo Tatemono Mitsutera Building’ คืออาคารใจกลางเมืองโอซากา ตัวอย่างการอนุรักษ์ศาสนสถานโบราณเดิมด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างโดยรอบจนเป็นวัดสไตล์เมือง เพื่อโอบรับผู้มาเยือนที่มีหลากหลายกลุ่ม แม้มองจากภายนอก Tokyo Tatemono Mitsutera Building จะเป็นตึกหน้าตาโมเดิร์นทั่วๆ ไป แต่เมื่อมองเข้าไปจะพบว่ามีวิหารหลักเก่าแก่ของ ‘วัดมิสึเทระ’ (Mitsutera Temple) ซึ่งเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มากกว่า 1,300 ปี ซึ่งได้รับการเคารพนับถือและเป็นส่วนหนึ่งของเมืองซ่อนตัวอยู่ จากเหตุการณ์ระเบิดเมืองโอซากาในปี 1945 ทำให้ทั้งผู้คนและสิ่งก่อสร้างในเมืองได้รับผลกระทบและความเสียหายเป็นวงกว้าง โชคดีที่ตัววิหารหลักของวัดไม่ได้รับความเสียหายอะไรมาก จึงมีการตัดสินใจสร้างตึกที่ภายในประกอบด้วยร้านค้าต่างๆ และโรงแรม Candeo Hotels ครอบวิหารไว้ ขณะเดียวกัน ด้วยความที่คอนเซปต์ของโรงแรมคือ ‘Gleaming Brightly’ โถงทางเข้าหลักจึงตกแต่งด้วยงานแล็กเกอร์เคลือบเงาและแผ่นทอง สะท้อนถึงความสง่างาม สว่างไสว ทำให้ตัวตึกสมัยใหม่กลมกลืนไปกับสถาปัตยกรรมเดิมของตัววัด ภายในตึกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ วัด โรงแรม และร้านค้า ผ่านการออกแบบชั้น 1 – 3 ด้วยโครงสร้าง Atrium เป็นห้องโถงใหญ่ที่รองรับผู้คน […]

จากถนนของรถยนต์สู่เส้นทางจักรยาน เมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ เปิดทางสัญจรใหม่ อุโมงค์ใต้ทางรถไฟเพื่อชาวสองล้อโดยเฉพาะ

ในขณะที่การเดินทางด้วยจักรยานในกรุงเทพฯ ยังอยู่ในจุดลุ่มๆ ดอนๆ แต่ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ออกแรงปั่นไปถึงระดับโครงสร้าง เปิดเส้นทางสัญจรอุโมงค์ใหม่ใต้สถานีรถไฟหลักให้จักรยานและพาหนะสองล้อพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแล้ว อุโมงค์ที่ว่านี้เชื่อมระหว่างถนนสองสายที่อยู่กันคนละเขต ซึ่งจริงๆ เดิมทีเส้นทางนี้ได้รับการวางแผนไว้เป็นเส้นทางจราจรของรถยนต์ แต่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นเส้นทางสัญจรแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอุโมงค์นี้มีความยาว 440 เมตร และกว้างสูงสุดถึง 6 เมตร ระดับที่สามารถปั่นจักรยานเคียงข้างกันได้แบบสบายๆ  ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัย เพราะเส้นทางนี้ไม่อนุญาตให้คนเดินเท้าเข้าใช้ (ด้านบนอุโมงค์มีถนนและทางเท้าเตรียมพร้อมให้อยู่แล้ว) อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ขับขี่พาหนะสองล้อพลังงานไฟฟ้าใช้ความเร็วเกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  จุดเด่นอีกอย่างคือ พื้นที่จอดจักรยานที่ปลอดภัยขนาด 1,240 คันบริเวณทางเข้าอุโมงค์ พร้อมด้วยไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด และป้ายบอกทางอย่างชัดเจน มากไปกว่านั้น ภายในอุโมงค์ยังติดตั้งไฟ LED ตลอดเส้นทาง แถมยังใช้ศิลปะมาสร้างสีสันให้ระหว่างทางมีความเฟรนด์ลี น่าใช้งาน และสบายตาสบายใจแก่ผู้ใช้งานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตัวอุโมงค์จักรยานนี้เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการปั่นจักรยานและส่งเสริมการเดินทางอย่างยั่งยืน หลังจากที่ทางรัฐพัฒนาโครงการมานานกว่าทศวรรษ โดยอุโมงค์จักรยานนี้จะเชื่อมต่อกับเครือข่ายการขนส่งของเมืองอย่างไร้รอยต่อ เพื่อทำให้การเดินทางด้วยจักรยานมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการสร้างเมืองที่เอื้อต่อการใช้จักรยานและเดินทางอย่างยั่งยืนของซูริกต่อไป Sources :A Piece of Switzerland | tinyurl.com/22at22oaCanadian Cycling Magazine | tinyurl.com/2b8gj8wh

ทำไม Walkable City ถึงเป็นแนวทางสำหรับเมืองสมัยใหม่ และเป็นความเหลื่อมล้ำของเมืองเล็กที่ถูกลืม

เป็นเวลากว่าล้านปีที่มนุษย์ค่อยๆ วิวัฒนาการสรีระเพื่อรองรับการเดินตัวตรง เหล่าบรรพบุรุษใช้พรสวรรค์ในการเดินทนเดินไกล ขยับขยายอาณาเขตและเอาตัวรอดในสมัยบรรพกาล หรือเรียกได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์นักเดินตัวยง กระทั่งเมื่อลูกหลานของป้าลูซี (Lucy) คิดค้น ‘ล้อ’ ตัวช่วยการเคลื่อนที่แสนสะดวก บทบาทของการเดินเท้าจึงเริ่มถูกคัดทิ้งและลืมเลือน เมื่อรถยนต์แพร่หลายกลายเป็นพาหนะประจำครัวเรือน การตัดถนนครั้งใหญ่จึงเกิดขึ้นทั่วโลก กรุงรัตนโกสินทร์เองก็เขยื้อนตัวเช่นกัน เริ่มจากการขยายเมือง ถมคลองสร้างถนนรองรับ ‘รถเก๋ง’ แต่ดันลืมนึกถึง ‘คนเดิน’ เวลาผ่านมาเพียงหนึ่งชั่วอายุคน ความนิยมของรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลได้แปรสภาพเมืองหลวงไทยให้กลายเป็น ‘ตัวอย่างของความล้มเหลวทางการจราจร’ ลืมเรื่องการเดินอย่างสบายเท้าบนฟุตพาทไปได้เลย เพราะบางครั้งชาวสยามยังจำเป็นต้องเดินบนถนนขณะรถวิ่ง การเดินเท้าบนฟุตพาทในกรุงเทพฯ กลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างน่าละเหี่ยใจ นอกจากขนาดและสภาพของทางเท้าแบบ ‘Old School’ เก่าพังราวของวินเทจ ระยะทางของแต่ละย่านสำคัญก็ห่างไกลระดับน้องๆ มาราธอน แม้แต่ทางเลือกอย่างจักรยานก็อาจต้องเสี่ยงดวงเบียดบี้กับจักรยานยนต์บนถนน และขาดไม่ได้คืออากาศร้อนราวอบเซานาตลอดกลางวัน จึงไม่แปลกที่รถยนต์ส่วนตัวปรับอากาศเย็นสบายจะติดชาร์ตสิ่งของอันดับหนึ่งที่ใครๆ ล้วนปรารถนา อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าเศร้ากว่าปัญหาข้างต้นคือ การหารือบนโต๊ะประชุมมักมีเพียงการแก้ปัญหาในบริบทของกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลับกันใน ‘จังหวัดอื่นๆ’ กลายเป็นผู้ถูกลืม บางพื้นที่ไม่มีแม้แต่ระบบขนส่งสาธารณะ บีบบังคับให้ทุกบ้านต้องมีรถยนต์หรือจักรยานยนต์เป็นอย่างน้อย ทั้งที่แนวคิด Walkable City ไม่ควรถกเถียงอยู่แค่บริเวณเมืองหลวง เพราะประชากรทุกจังหวัดควรได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ทั้งนั้น การสร้างเมืองเดินได้ในทุกบริบทย่อมตั้งต้นด้วยการเปลี่ยนวิถีการคมนาคม เริ่มจากรถยนต์ผู้ครองตำแหน่งแชมป์ที่เป็นก้างชิ้นโต ทำให้ผู้สันทัดกรณีเสนอการแก้ปัญหาอย่างกำปั้นทุบดินคือ ‘กำจัดรถยนต์บนท้องถนน’ […]

ญี่ปุ่นจำลองระบบป้องกันน้ำท่วมใต้ดินใน ‘Minecraft’ เมื่อเกมเป็นทั้งพื้นที่สร้างสรรค์และการเรียนรู้ ที่พร้อมให้เหล่านักสำรวจเข้าเยี่ยมชม

อย่างที่รู้กันว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เผชิญภัยพิบัติอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องคอยให้ความสำคัญกับการเตรียมแผนรับมือและจัดการกับความเสี่ยงอย่างรอบคอบ หนึ่งในนั้นคือปัญหาน้ำท่วม ทั้งจากฝนตกหนักหรือพายุโหมกระหน่ำ รัฐบาลจึงสร้างระบบระบายน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นที่รองรับน้ำ และป้อมปราการใต้ดินป้องกันน้ำท่วมเมือง เพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจการทำงานของระบบนี้ กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (MLIT) ได้เปิดตัวแผนที่ Minecraft วิดีโอเกมแนว Sandbox สามมิติ ในการจำลองอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดิน หรือ ‘G-Cans’ ซึ่งเป็นระบบควบคุมน้ำท่วมใต้นครโตเกียวที่อลังการที่สุดในโลก จุดประสงค์คือ เพื่อเป็นคอร์สส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องการป้องกันภัยพิบัติ และโปรโมตการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เนื่องจากมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาสถานที่จริงได้ โดยจะมีการใช้แผนที่เกม Minecraft นี้เป็นส่วนหนึ่งในการนำทัวร์ด้วย ไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของแผนที่จำลองนี้คือ การพาไปชมแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งเรียงรายเหมือนเสาวิหาร นอกจากจะทำหน้าที่ยึดค้ำเพดานแล้ว ยังช่วยควบคุมแรงดันไม่ให้น้ำจากใต้ดินลอยขึ้นสู่ผิวดินอีกด้วย อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือห้องควบคุมกลาง ที่เราสามารถควบคุมระบบเปิด-ปิดประตูระบายน้ำได้ด้วยตัวเอง หรือจะลองไปสำรวจพื้นที่ชุมชนโดยรอบที่ได้รับการป้องกันจากป้อมปราการใต้ดินก็ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ทุกคนสามารถรับชมผ่านเกมได้อย่างสมจริง ที่รัฐบาลญี่ปุ่นลงทุนทำขนาดนี้ ก็เพื่อทำให้ประชาชนเห็นระบบ กระบวนการ และผลลัพธ์ที่ได้จากการวางแผนจัดการภัยพิบัติของประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาต่างๆ รวมถึงกลวิธีในการส่งเสริมความรู้ให้คนในเมือง เพราะนอกจากจะได้ความสนุกจากการเล่นเกมแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยพิบัติ แถมได้เยี่ยมชมสถานที่จำลองเสมือนจริงในเวลาเดียวกันอีกด้วย ดาวน์โหลดแผนที่ฟรีผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานแม่น้ำเอโดะกาวะได้ที่ tinyurl.com/577fey5z โดยแผนที่นี้เปิดให้ใช้ได้กับ Minecraft Bedrock เวอร์ชัน 1.21.1 และ Education Edition […]

5 สถานที่จากพื้นที่เก่าไม่ได้ใช้งาน สู่พื้นที่สาธารณะ สร้างประโยชน์ ให้ผู้คนในเมืองใช้ทำกิจกรรมนอกบ้าน

ห้องสมุดจากโรงอาบน้ำ มิวเซียมและแกลเลอรีจากโรงงาน เหล่านี้คือตัวอย่างการแปรเปลี่ยนสถานที่และฟังก์ชันการใช้งานให้กลับมาสร้างสีสันให้เมืองมากขึ้น เพราะนอกจากเรื่องความปลอดภัย การปล่อยสถานที่ทิ้งร้างเอาไว้ยังเป็นการเสียพื้นที่ใช้งานไปโดยเปล่าประโยชน์ หลายๆ ประเทศจึงรีโนเวตพื้นที่เดิมให้กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนมาเยี่ยมชม และสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ให้ย่าน คอลัมน์ Urban’s Pick ขอพาไปดูการฟื้นฟู 5 สถานที่เก่าจาก 5 ประเทศให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อเติมแรงบันดาลใจ สร้างการพบปะ และเป็นแนวทางการขับเคลื่อนเมืองด้วยศิลปวัฒนธรรม GMBBCreative Mall จากห้างฯ แฟชั่นค้าส่งKuala Lumpur, Malaysia ความสร้างสรรค์และงานศิลปะ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ประเทศมาเลเซียจึงสร้างพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อให้ศิลปินทำกิจกรรมและแบ่งปันไอเดียงานศิลปะกันในย่าน Bukit Bintang ด้วยการเปลี่ยนอาคารเก่าที่เดิมทีคือแหล่งขายส่งสินค้าแฟชั่นให้เป็น Creative Mall ‘GMBB’ ถือได้ว่าเป็นชุมชนสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ที่อยากเป็นพื้นที่ทางกายภาพให้เหล่าศิลปินและผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ โดยได้แรงบันดาลใจจากพื้นที่ศิลปะที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศอย่าง 798 Art Zone ในปักกิ่ง หรือ PMQ ในฮ่องกง เพื่อให้ GMBB แห่งนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังความสามารถของศิลปินท้องถิ่น พัฒนาวัฒนธรรมของมาเลเซีย และพร้อมผลักดันทุกความคิดสร้างสรรค์ให้ไปไกลถึงระดับโลก ภายในประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดง แกลเลอรี ร้านหนังสือ สตูดิโอศิลปะ […]

Balance Bench ม้านั่งกระดกในสวนสาธารณะ แค่นั่งพักก็มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนได้มากขึ้น

‘Balance Bench’ คือการรวมตัวกันระหว่าง ‘ม้านั่งยาว’ และ ‘กระดานกระดก’ ที่เปลี่ยนให้การนั่งม้านั่งใน Garden of Generations สวนสาธารณะในเมืองไอน์เบ็ก ประเทศเยอรมนี สนุกมากขึ้น ผลงานการออกแบบของ ‘Martin Binder’ ศิลปินชาวเบอร์ลิน ที่อยากชวนทุกคนมามีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นผ่านม้านั่งรูปทรงเรียบง่ายที่สร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กและไม้โอ๊ก ด้วยกลไกบังคับของการเป็นไม้กระดกทำให้ Balance Bench เป็นม้านั่งความยาว 4.5 เมตร กลายเป็นม้านั่งที่ต้องการผู้นั่งอย่างน้อย 2 คนและรองรับคนได้ถึง 8 คน เพื่อทำให้เกิดการพูดคุยค้นหาความสมดุลในระหว่างการนั่ง Martin Binder ให้คำอธิบายแนวคิดของผลงานชิ้นนี้ว่าเป็น ‘Democracy in Design’ ที่ไม่มีลำดับชั้น ไม่มีศูนย์กลางที่แน่นอน และไม่มีผู้นำ วิธีเดียวที่จะทำให้เกิดการนั่งที่สบายขึ้นได้คือการสื่อสารและการตระหนักรู้ถึงผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน เพื่อค้นหาสมดุลที่เหมาะสม ทำให้ Balance Bench ไม่เพียงแต่เป็นม้านั่งที่ใช้งานได้จริงเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการสนทนาระหว่างกัน เพื่อนำเสนอว่างานศิลปะบนพื้นที่สาธารณะจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและสะท้อนถึงคุณค่าของสังคมได้อย่างไร  “คุณไม่สามารถบังคับเจตจำนงของคุณกับม้านั่งได้ เพราะฟิสิกส์ไม่อนุญาตให้เราทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับพื้นที่ประชาธิปไตยที่ต้องการการให้และรับ การตระหนักรู้ถึงความต้องการของผู้อื่น และความเต็มใจที่จะปรับตำแหน่งของตนเองเพื่อประโยชน์ร่วมกัน” Martin Binder […]

‘La Libreria’ ห้องสมุดโปร่งแสงใน Venice Architecture Biennale ถอดออกประกอบ เคลื่อนย้ายได้ สร้างบรรยากาศให้ผู้คนอยากเข้ามาอ่านหนังสือ

ลืมภาพห้องสมุดทึบๆ ที่มีหน้าต่างให้แสงลอดผ่านแค่บางส่วนไปได้เลย เพราะ ‘La Libreria’ คือห้องสมุดที่จะสร้างภาพจำใหม่ เคลื่อนย้ายไปตั้งที่ไหนก็ได้ ขนาดกะทัดรัด แถมรูปแบบของผนังยังเป็นแบบโปร่งแสงใกล้ชิดกับธรรมชาติรอบนอก La Libreria เป็นผลงานของสตูดิโอจากนิวยอร์ก ‘Diller Scofidio + Renfro’ และเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล ‘Venice Architecture Biennale’ ตั้งอยู่ใน ‘Giardini della Biennale’ สวนสาธารณะในเวนิส ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลศิลปะ Venice Biennale โครงสร้างห้องสมุดนี้ทำขึ้นจาก Structural Transparent Fluorinated Envelope (STFE) สิ่งทอทางสถาปัตยกรรมคุณภาพสูง ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับพื้นที่กว้างด้วยวัสดุที่น้อยที่สุด ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาและไม่ได้ยึดกับพื้นเอาไว้ แต่ด้วยน้ำหนักของหนังสือที่วางเรียงอยู่บนชั้นตลอดความยาว 24 เมตรของพื้นที่ ทำให้โครงสร้างแห่งนี้มีความมั่นคง รวมไปถึงตัวโครงสร้างเองยังถอดออกเพื่อประกอบขึ้นใหม่ได้ และด้วยความที่ผนังเป็นวัสดุโปร่งแสง จึงเป็นการสร้างประสบการณ์แบบใหม่ให้ผู้ใช้งาน เช่น ในช่วงกลางวันจะทำให้คนที่อยู่ภายใน La Libreria รู้สึกราวกับว่ากำลังอ่านหนังสืออยู่ภายใต้ธรรมชาติและต้นไม้ที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางคืน La Libreria จะทำหน้าที่เสมือนว่าเป็นโคมไฟในสวน ที่จะดึงดูดให้ผู้คนเดินเข้ามาเลือกชมหนังสือภายในห้องสมุด Venice […]

จินตนาการถึงผลงานศิลปะกลางแจ้งบนพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ แรงบันดาลใจจากเหล่าสัตว์ในเมือง

ถ้ากรุงเทพฯ มีประติมากรรมขนาดยักษ์แบบไทยๆ ตั้งบนพื้นที่แลนด์มาร์กบ้าง จะเป็นยังไงกันนะ คิดว่าหลายคนน่าจะได้ไปชม KAWS:HOLIDAY THAILAND งานศิลปะในรูปแบบรูปปั้นขนาด 18 เมตรตรงบริเวณท้องสนามหลวงแล้ว  นอกจาก KAWS:HOLIDAY THAILAND จะเป็นการร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะร่วมสมัยและพื้นที่ที่มีความเป็นมาอันยาวนานทางประวัติศาสตร์ ในเลนส์ของการพัฒนาเมือง โปรเจกต์นี้ยังทำหน้าที่เป็น Public Art หรือศิลปะสาธารณะชั่วคราว ที่สร้างมุมมองใหม่ เติมสีสันให้เมือง กระตุ้นให้ผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ศิลปะในแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่วันที่ 25 พฤษภาคม อีเวนต์นี้ก็จะสิ้นสุดแล้ว คอลัมน์ Urban Sketch เลยอยากชวนคิดสนุกๆ ต่อยอดว่า ถ้าในอนาคตกรุงเทพฯ จะมี Public Art เป็นรูปปั้นยักษ์จัดแสดงอีก หน้าตาของชิ้นงานจะออกมาเป็นยังไง และควรตั้งตรงพื้นที่ไหนบ้าง เพื่อสะท้อนความเป็นไทยร่วมสมัยที่ใครๆ ก็รู้สึกร่วมได้ Mr.Pigeon Postmanหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก รูปปั้นแรก เราดีไซน์เป็นคุณลุงนกพิราบผู้ส่งจดหมาย ที่อยากให้เป็นนกที่ดูมีอายุหน่อย ล้อไปกับไปรษณีย์ไทยที่อยู่คู่ประเทศไทยมานาน มีเครื่องประดับเป็นกระเป๋าจากขอบขนมปังที่คนบิโยนให้กิน ขณะเดียวกัน นกพิราบยังเป็นสัตว์คู่เมืองใหญ่ แถมเอาตัวรอดเก่งสุดๆ เดินไปไหนก็เจอแทบทุกที่ ให้มาตั้งประจำการที่ลานหน้าอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก ก็ดูสอดคล้องกับคอนเซปต์ดี […]

‘Guānghuá Bào LETTER Press by Poontany’ ไปส่องโฆษณาเก่าในหนังสือพิมพ์จีนเจ้าใหญ่ ทำความเข้าใจบริบทของยุคสมัยและกรุงเทพฯ ผ่านการออกแบบ

นอกจากการออกแบบสถาปัตยกรรมหรือชิ้นงานใหญ่ๆ ที่บ่งบอกถึงแนวคิด บริบท และเทรนด์ในยุคนั้นๆ ได้ งานออกแบบชิ้นเล็กๆ ที่อยู่บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ก็บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองและสังคมในช่วงเวลาที่ตีพิมพ์ได้เช่นเดียวกัน หลังจากเปิดขายสินค้าของเด็ดของดีในกรุงเทพฯ มาหลายเดือน ห้างซัพสินค้าของคนรักกรุงเทพฯ อย่างเนเบอร์มาร์ท ขอเติมสีสันเปิดลานกิจกรรมไว้ภายในร้านด้วยการชวน ปุณณ์ พจนาเกษม นักออกแบบสื่อสารข้อมูล (Information Designer) ทายาทรุ่นที่ 3 ของหนังสือพิมพ์จีน กวงฮั้วป่อ ผู้ชุบชีวิตสิ่งพิมพ์ของครอบครัวขึ้นมาอีกครั้ง หลังหลับใหลมา 66 ปี ในชื่อ กวงฮั้ว แอนด์ ดอว์น มาจัดนิทรรศการขนาดย่อมของตัวเอง ภายในนิทรรศการนี้ เราจะได้พบกับโฆษณาเก่าในหนังสือพิมพ์จีนเจ้าใหญ่ ใครที่เกิดทันก็น่าจะตื่นเต้นมากๆ กับการได้เห็นเศษเสี้ยวความทรงจำของยุคสมัยนั้นอีกครั้ง ส่วนใครเกิดไม่ทัน แค่ลองสำรวจชิ้นงานก็สนุกแล้ว หลายชิ้นน่ารักจนนึกไม่ถึงเลยว่า นี่คืองานออกแบบที่ใช้โฆษณาในหนังสือพิมพ์จริงหรือนี่ มากไปกว่านั้น ใครที่อินเรื่องเมืองและสังคม ลองหยิบเอาอุปกรณ์แว่นขยายในนิทรรศการมาส่องดูบริบทของยุคสมัยและกรุงเทพฯ ผ่านตัวอักษร ฟอนต์ที่ใช้ วิธีการโฆษณา และภาษาภาพแบบใกล้ๆ ได้เลย เพราะทั้งหมดนี้อยู่ในยุครุ่งเรืองของหนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลในหมู่ชุมชนชาวจีนบางกอกยุคก่อนสงครามเย็น แถมชมนิทรรศการเสร็จแล้วยังอุดหนุนชิ้นงานและแสตมป์สติกเกอร์ตัวอักษร A–Z ที่ปุณณ์ออกแบบและหยิบยืมแรงบันดาลใจจากหน้าหนังสือพิมพ์กวงฮั้วป่อได้อีกด้วย ใครเพิ่งรู้ข่าวแล้วอยากตามไปชมนิทรรศการ Guānghuá Bào LETTER Press […]

‘Thainal Destination’ ใช้ชีวิตประจำวันแบบระวังตัวแทบตาย จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้ประสบภัย ชะตาขาดไม่รู้ตัว

เพราะอันตรายมีอยู่ทุกที่  คำคำนี้ดูไม่เกินจริง เมื่อเราได้ดูภาพยนตร์แฟรนไชส์ Final Destination ที่แต่ละภาคล้วนดำเนินเรื่องผ่านการใช้ชีวิตทั่วๆ ไปของเหล่าตัวละคร ทว่าในความทั่วไปนั้นกลับมีเหตุการณ์บางอย่างที่พาให้ชะตาชีวิตของพวกเขาถึงจุดจบอย่างน่าสยดสยอง หลังจากทิ้งห่างไปกว่า 14 ปี ตอนนี้ Final Destination กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์ที่ยังคงทำเอาคนดูอย่างเราๆ หวาดเสียวไปกับสิ่งรอบตัว จนต้องมองซ้ายมองขวาคอยใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง คอลัมน์ Urban Isekai อยากชวนมาลองคิดเล่นๆ ว่า หากเซตติ้งใน Final Destination เป็นกรุงเทพฯ จะมีเหตุการณ์อะไรบ้างที่ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ก็ชะตาขาดไม่รู้ตัว ขับรถอยู่ดีๆ ก็มีชิ้นส่วนก่อสร้างร่วงหล่นจากท้องฟ้า สถานการณ์ที่ทำให้คนไทยรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตอยู่ใน Final Destination ตลอดเวลา คงหนีไม่พ้นการขับรถผ่านเส้นทางที่กำลังมีโครงการก่อสร้างหรือซ่อมแซมสะพาน โดยเฉพาะเส้นพระรามที่สองที่ไม่จบไม่สิ้นสักที ยิ่งนานวันไปแทนที่โครงสร้างสะพานจะแข็งแรงพร้อมใช้งาน กลับมีข่าวอุบัติเหตุเศษนั่นเศษนี่ร่วงลงบนถนนตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่ใช้รถใช้ถนนเส้นทางนั้นต้องเสี่ยงดวงทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะหวยออกที่รถของเราไหม ทำได้เพียงแค่รีบเหยียบคันเร่งพร้อมสวดมนต์ให้สบายใจว่าจะปลอดภัยไปตลอดทาง ตามหลังรถกระบะอยู่ดีๆ ก็มีเหล็กเส้นพุ่งเข้ามาในรถ ไม่ใช่แค่ต้องคอยระวังแผ่นปูนจากฟากฟ้า แต่ยังมีรถกระบะร่วมทางที่ทำเอาต้องเว้นระยะห่างเกินกว่า 5 เมตร เพราะหลายคันมักท้าทายความสามารถในการขนของ ด้วยการวางเรียงสินค้าสูงเกินหลังคารถจนโอนไปเอียงมา เสี่ยงว่าจะร่วงลงมาขวางถนนหรือไม่ก็ทับรถที่ขับตามหลัง และบ่อยครั้งที่เราเจอก็มักเป็นเหล็กเส้นยาวที่มีผ้าสีแดงผูกเอาไว้เป็นสัญลักษณ์ให้คันหลังคอยระวังอันตราย แต่แหม…ทั้งหัวและท้ายของเหล็กกลับยื่นเกินออกมาจากตัวรถ แถมอุปกรณ์ยึดเหล็กก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ทำให้รถยนต์ทั้งข้างหน้าและตามหลังต้องหวาดระแวงว่าเหล็กเส้นเหล่านั้นจะหลุดออกมาพุ่งทะลุกระจกรถตัวเองหรือไม่ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว […]

1 13 14 15 16 17 387

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.