เบื้องลึกเบื้องหลังการทำงานของ BTS Depot เป็นยังไงมาดูกัน! l Urban เจอนี่ เจอ BTS

‘สถานีต่อไป สถานีปลายทาง หมอชิต’ เราเชื่อว่าคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเป็นประจำ น่าจะคุ้นชินกับประโยคนี้ดี แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าหลังจากสถานีนี้แล้วยังมีอีกหนึ่งสถานี ที่ทำหน้าที่เป็นเบื้องหลังดูแลรักษารถไฟฟ้า BTS ในทุกๆ วันให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ Urban เจอนี่ เอพิโสดนี้ขออาสาพาทุกคนไปทัวร์ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า BTS หรืออีกชื่อหนึ่งคือ BTS Depot ว่าภายหลังจากรถไฟฟ้า BTS หยุดพักให้บริการในแต่ละวันนั้นได้รับการดูแลอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งพูดคุยถึงวิสัยทัศน์และเรื่องราวการทำงานจากผู้บริหารและหัวหน้าช่าง

เช็กสุขภาพง่ายๆ จากผิวหนัง! นักวิจัยเยอรมันพัฒนารอยสักเปลี่ยนสีได้ เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น-ต่ำลง

ในอนาคต ‘รอยสัก’ อาจจะไม่ใช่ศิลปะบนเรือนร่างที่สะท้อนตัวตนและความเชื่อเท่านั้น แต่ลวดลายเหล่านี้อาจเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่ช่วยชี้วัดสุขภาพของผู้คนได้ด้วย  เพราะล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์ในเยอรมนี นำโดย Ali Yetisen วิศวกรเคมีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งมิวนิกได้คิดค้น ‘รอยสักเปลี่ยนสีได้’ เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคส อัลบูมิน และค่าความเป็นกรด-เบส (pH) ในเลือดสูงขึ้นหรือต่ำลง เป็นเสมือนเซนเซอร์บนผิวหนังที่ช่วยให้ผู้ป่วยหรือคนที่มีรอยสักนี้ติดตามสุขภาพของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์หรือใช้เครื่องมือต่างๆ ให้ยุ่งยาก รอยสักนี้เรียกอีกอย่างว่า ‘Biosensors’ หรือ ‘อุปกรณ์ตรวจวัดทางชีวภาพ’ โดยทางทีมวิจัยกำหนดให้รอยสักวัดระดับน้ำตาลกลูโคส อัลบูมิน และค่า pH ในเลือด เนื่องจากทั้งสามส่วนนี้คือตัวชี้วัดสำคัญที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายมนุษย์อย่างค่อนข้างชัดเจน  ยกตัวอย่าง ค่า pH ของร่างกายที่ไม่สมดุลอาจเป็นสัญญาณบอกว่าไตและปอดอาจไม่สามารถควบคุมความเป็นกรดของร่างกายได้แล้ว สำหรับระดับอัลบูมิน (ระดับโปรตีนในเลือด) ที่ผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับไต ตับ หรือหัวใจ ส่วนน้ำตาลกลูโคสในเลือดคือระดับที่ควรได้รับการควบคุมอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน วิธีการสัก Biosensors นั้นมีลักษณะเหมือนกับการสักทั่วไปที่ใช้เข็มเจาะบนชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุดของร่างกาย ก่อนจะปล่อยเม็ดสีเข้าไปในชั้นหนังแท้ ทำให้รอยสักอยู่บนผิวหนังถาวร แต่ทางทีมวิจัยไม่ได้เปิดเผยว่าตัวสีที่ใช้ผลิตมาจากอะไรและต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เจ้า Biosensors ต่างจากรอยสักทั่วไปคือสีที่เปลี่ยนได้ตามสุขภาพของร่างกาย เช่น เมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดต่ำ รอยสักจะเป็น ‘สีเหลือง’ […]

ชวนดูการออกแบบ Wayfinding ของ Totetsu Training Institute ที่ทั้งเก๋ไก๋ สื่อถึงรางรถไฟ และตอบโจทย์การนำทาง

Motive Inc. สตูดิโอสัญชาติญี่ปุ่นได้ออกแบบระบบการบอกเส้นทาง (Wayfinding) สำหรับสถาบันฝึกอบรมของบริษัทซ่อมบำรุงทางรถไฟ Totetsu Kogyo โดยใช้เครื่องหมายที่เก๋ไก๋แต่เรียบง่าย เพื่อนำทางผู้มาเยี่ยมชมอาคาร สถาบันแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมือง Tsukubamirai จังหวัด Ibaraki ก่อตั้งขึ้นตามความต้องการของอดีตกระทรวงการรถไฟที่ทำหน้าที่บำรุงรักษาและพัฒนาระบบรางของญี่ปุ่น Wayfinding ของที่นี่มีลักษณะเป็นเส้นทางที่ชวนให้นึกถึงรางรถไฟที่ฝังอยู่ในพื้น มุ่งนำไปสู่ห้องต่างๆ โดยอ้างอิงการออกแบบจากเอกลักษณ์ของ Totetsu Kogyo ในฐานะบริษัทให้บริการระบบรางของญี่ปุ่น และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้ารับการอบรมที่ต้องมาใช้อาคารอยู่บ่อยครั้ง ทางสตูดิโอออกแบบเล่าว่า พวกเขาต้องการให้การออกแบบทำงานโดยเป็นไปตามสัญชาตญาณของผู้ใช้งาน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่จะช่วยกระตุ้นการตอบสนอง และพึ่งพาข้อความน้อยที่สุด นอกเหนือจากการใช้เส้นสีบริเวณชั้นล่างไกด์ผู้คนอย่างมีประสิทธิภาพ Takuya Wakizaki ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ Motive Inc. ยังต้องการให้การออกแบบสร้างอิมแพกต์เมื่อมองจากด้านบนด้วย เนื่องจากอาคารมีเพดานที่เปิดโล่ง เส้นสีรางรถไฟที่ยึดโยงกันอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งพื้นที่สองส่วนในอาคาร กระเบื้องเคลือบใกล้กับทางเข้าฝังด้วยเหล็กเส้นที่ใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนบนทางเดินก็มีการใช้พื้นไวนิลสองสีเพื่อสร้างแพตเทิร์น เหล่านี้คือการออกแบบ Wayfinding ที่สื่อสารถึงความเป็นบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับรางรถไฟได้เป็นอย่างดี ความน่าสนใจคือ บนพื้นที่ตีเส้นราวกับรางรถไฟนั้นมีการใช้สีแดงสนิมเพื่อให้นึกถึงรางรถไฟจริงๆ และมีข้อความสีขาวเป็นภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษ ระบุถึงปลายทางที่เส้นทางนำไป นอกจากนี้ยังมีการใช้เศษโลหะจากอุตสาหกรรมมาทำแผ่นป้ายหลักของอาคาร และระบบรหัสสีในคีย์การ์ดสำหรับเปิดประตูห้องต่างๆ บนชั้นสอง ก็มีการออกแบบเป็นคล้ายๆ ปริศนา อ้างอิงจากแผนที่เส้นทางรถไฟที่บริษัท Totetsu Kogyo ให้บริการ ถ้าใครได้ไปอบรมงานที่นี่ คงได้แรงบันดาลใจและสนุกกับการดูแลพัฒนารางรถไฟขึ้นแน่ๆ  […]

KULTX พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่โดยคนทำงานหน้าเก่า ที่อยากให้ชุมชนมีส่วนร่วมในเมืองขอนแก่น

แม้จะไม่ได้ใหญ่และมีมากเหมือนในกรุงเทพฯ แต่การกระจายตัวของพื้นที่แสดงศิลปะในต่างจังหวัดนั้นถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและน่าจับตามอง ดังจะเห็นได้จากทางภาคใต้ที่มี ปัตตานี อาร์ตสเปซ และ หอศิลป์เดอลาแปร์ นราธิวาส ส่วนภาคเหนือมีพื้นที่ศิลปะกระจายตัวทั่วสารทิศทั้งเชียงใหม่และเชียงราย หรือจังหวัดเล็กๆ อย่างพะเยาก็มี ARTCADE  ฝั่งอีสานก็เป็นที่เลื่องชื่อในด้านการผลักดันศิลปะไม่แพ้กัน อย่างที่โคราชมีเทศกาลศิลปะนานาชาติ Thailand Biennale ขณะเดียวกัน ขอนแก่นก็มีนิทรรศการศิลปะโด่งดังชื่อ มานิเฟสโต้ (KhonKaen Manifesto) ยังไม่นับรวมพื้นที่แสดงศิลปะ ทั้งหอศิลป์มหาวิทยาลัย แกลเลอรีอย่าง ใหม่อีหลี และ YMD Art Space อันเกิดจากการผลักดันของกลุ่มเพื่อนศิลปินที่ช่วยกันสร้างพื้นที่ศิลปะ จนแตกกิ่งก้านเป็นเทศกาลศิลปะ S.O.E Our City Old Town แก่น เก่า เก๋า ที่เลือกใช้พื้นที่ในเมืองและชุมชนเก่าแก่ฝั่งทิศตะวันตกของบึงแก่นนคร ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการจัดงาน ในวันเวลาที่เมืองขอนแก่นกำลังเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง เราขอชวนไปฟังเสียงของสองศิลปินตัวแทนกลุ่มคนทำงานสร้างสรรค์ที่ร่วมด้วยช่วยกันผลักดัน และขับเคลื่อนให้ขอนแก่นได้มีพื้นที่ทางศิลปะ นั่นคือ ‘ต้อง-อุกฤษฏ์ จอมยิ้ม’ อาจารย์ประจำสาขาศิลปะภาพถ่าย จากวิทยาลัยการออกแบบ ม.รังสิต และ ‘ตั้ม-มนพร รอบรู้’ ศิลปินสตรีทอาร์ตชาวขอนแก่น ที่ยังคงนำทัพทำงานสร้างสรรค์ […]

Traffy Fondue เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากข้อมูลผู้ใช้งานในพื้นที่จริง

Traffy Fondue เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจากข้อมูลผู้ใช้งานในพื้นที่จริง พี่วินมอเตอร์ไซค์ปากซอยทำนายว่าฝนจะถล่มลงมาช่วงเย็น ถ้าคำทำนายของพี่วินฯ เป็นจริงนั่นเท่ากับว่าคนกรุงเทพฯ ในเมืองชีวิตดีๆ ที่ลงตัว จะต้องเลิกงานลงมาเจอกับห่าฝนที่ต่อให้ตกต่อเนื่องไม่ถึงชั่วโมงน้ำก็ท่วมถึงหัวเข่า รถราบนท้องถนนติดแจ บางคนอาจต้องรอรถเมล์จนยืนร้องไห้ บ้างอาจต้องใช้เงินแก้ปัญหาเพื่อจะได้กลับบ้านไปพักผ่อนไวๆ หลังเจองานหนักหน่วงช่วงกลางสัปดาห์ ดูแล้วปัญหาฝนตกน้ำท่วมน่าจะยังไม่มีทางจบสิ้นในเร็ววัน แต่อย่างน้อยหนึ่งในวิธีที่จะช่วยทุเลาปัญหานี้ไปได้ก่อนระหว่างฤดูฝน นั่นคือการใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ‘Traffy Fondue’ แพลตฟอร์มสีน้ำตาลคู่ใจชาวเมือง ฟีเจอร์ที่ว่านี้ทำให้เราสามารถติดตามสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที โดยใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานที่แจ้งระบบเข้ามาในรัศมี 500 เมตร ภายในเวลา 6 ชั่วโมงก่อนหน้า มาแสดงผลเพื่อให้พวกเราวางแผนการเดินทางจากบ้านหรือที่ทำงานได้ เรียกว่าร่วมด้วยช่วยกันเพื่อไม่ให้ต้องเอามือพายเรือระหว่างทาง แถมลดโอกาสเสี่ยงเท้าราน้ำอีกด้วย วิธีตรวจสอบน้ำท่วมนั้นก็แสนสะดวก เริ่มจาก Add LINE เพิ่มเพื่อนที่ bit.ly/3BC4uWI จากนั้นมองหาไอคอนรูปบ้านโดนน้ำท่วมสีเขียวด้านล่าง เพื่อขอตรวจสอบน้ำท่วม โดยส่งพิกัดที่อยากรู้และรอผล หรือหากอยากแจ้งปัญหาอื่นๆ เช่น ต้นไม้ล้ม เสาไฟหัก ก็ทำได้ด้วยการเลือกไอคอนสีเหลือง ‘แจ้งเรื่องใหม่’ ได้เลย ติดตามความคืบหน้าของการรายงานปัญหา หรือเข้าไปแจ้งปัญหาเส้นเลือดฝอย รวมถึงดูคู่มือการใช้งาน Traffy Fondue ได้ที่ https://www.traffy.in.th/

เดินเล่น-ชิม-ชม ที่ ‘ยมจินดา’ ย่านเมืองเก่าใจกลางจังหวัดระยอง 

เมื่อพูดถึง ‘ระยอง’ หลายคนอาจนึกถึงอีเวนต์สนุกๆ อย่างฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะเสม็ด ราชินีผลไม้อย่างมังคุด น้ำปลาแท้รสเด็ดที่ต้องซื้อทุกครั้งที่ไปเยือน หรือแม้กระทั่งอนุสาวรีย์สุนทรภู่ที่เป็นเสมือนแลนด์มาร์กของจังหวัดนี้ แต่นอกจากจุดเด่นต่างๆ ที่เรายกตัวอย่างมา ระยองยังมีอีกหนึ่งมนตร์เสน่ห์อย่าง ‘ยมจินดา’ ย่านเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และยังวางตัวขนานไปกับแม่น้ำระยอง แม่น้ำสายสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนมากว่า 100 ปี  หากพูดง่ายๆ ‘ยมจินดา’ เปรียบได้กับย่าน ‘เจริญกรุง’ ของกรุงเทพฯ เนื่องจากยมจินดาเป็นถนนสายแรกของระยอง ชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แหล่งที่ดินทำกินของชาวจีนโพ้นทะเล รวมไปถึงที่ตั้งของบ้านขุนนางและคหบดีในอดีต ทำให้ตลอดระยะทางกว่า 600 เมตรของถนนสายนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรม อาหาร และศิลปะพื้นถิ่นที่หลากหลาย มีเอกลักษณ์ แต่สามารถอยู่รวมกันได้อย่างกลมกลืน วันนี้ คอลัมน์ Neighboroot จึงขอพาทุกคนออกนอกกรุงเทพฯ ไปอีกนิด เลยชลบุรีไปอีกหน่อย มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองระยองเพื่อร่วมกันสำรวจย่านยมจินดา ผ่านกิจกรรม ‘Co-Create YOMJINDA’ ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ซึ่งเป็นกิจกรรมทดลองพัฒนาพื้นที่ ต่อยอดให้ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ ก้าวเข้าสู่การเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่จะทำให้การเดินทางมาระยองของใครหลายๆ คน เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าแค่การมาทะเล ศาลเจ้าแม่ทับทิมระยอง | พื้นที่แห่งศรัทธาของคนไทยเชื้อสายจีน […]

สวนป่าเบญจกิติ เปิดโซน Dog Park ให้เหล่าเจ้าของพาน้องหมามาวิ่งเล่น ตั้งแต่ 15 ก.ย. 65 เป็นต้นไป

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้มีการพิจารณานโยบายให้ประชาชนสามารถนำสัตว์เลี้ยงของตนไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ กทม. ได้ ในที่สุดสวนป่าเบญจกิติก็ได้ฤกษ์เปิดบริการโซน ‘Dog Park’ ให้ประชาชนพาสุนัขของตนเข้ามาใช้บริการเดินเล่นออกกำลังกายภายในสวน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 เป็นต้นไป นับเป็นสวนสาธารณะที่ 3 ถัดจากสวนวัชราภิรมย์ สวนเทียนทะเลพัฒนาพฤกษาภิรมย์ และสวนบึงหนองบอน ที่เปิดให้บริการ Dog Park ก่อนหน้านี้  Dog Park ภายในสวนป่าเบญจกิติตั้งอยู่ตรงข้ามบริเวณลานจอดรถของสวนป่าระยะที่ 1 กินพื้นที่ 10 ไร่โดยประมาณ โดยเจ้าของหรือผู้นำสุนัขมาออกกำลังกายพร้อมตนสามารถลงทะเบียนเข้าสวนได้ทางประตู 1 และประตู 2 เงื่อนไขในการนำสุนัขเข้าใช้บริการ Dog Park สวนเบญฯ ได้แก่  – สุนัขทุกตัวต้องได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน และจำเป็นต้องคล้องสายจูงไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในสวน เพื่อความปลอดภัยของตัวสุนัขเอง เนื่องจากพื้นที่โซนนี้อยู่ติดลานจอดรถและถนน  – ขอความร่วมมือให้เจ้าของสุนัขนำอุปกรณ์สำหรับเก็บอุจจาระของสุนัขตนเองมาด้วย เพื่อรักษาความสะอาดของพื้นที่ ในขณะเดียวกัน สวนเองจะมีห้องน้ำสุนัขเป็นคอกสี่เหลี่ยม มีถุงเก็บอุจจาระ รวมถึงถังขยะไว้ให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ผู้ใช้บริการด้วย […]

บัตรคนจน ช่วยคนจนหรือสร้างความเหลื่อมล้ำ?

เมื่อไม่นานนี้เพิ่งมีการเปิดรับลงทะเบียน ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ หรือ ‘บัตรคนจน’ รอบใหม่ในปี 2565 โดยครั้งนี้คณะรัฐมนตรีวางเป้าหมายคนลงทะเบียนบัตรประเภทนี้ไว้ 20 ล้านคน เพื่อเยียวยาและลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับคนที่มีรายได้น้อย เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้คนตกงานมากมาย และคนหันไปทำงานอิสระมากกว่าเคย จึงคาดการณ์ว่าจะมีคนจนมากกว่าแต่ก่อน รวมถึงคาดว่าจะมีคนรับสิทธิ์จริงประมาณ 17 ล้านคน ซึ่งตั้งงบประมาณเอาไว้ 5,337 ล้านบาท ว่าด้วยตัวเลข 20 ล้านคนที่คณะรัฐมนตรีตีกรอบเอาไว้สำหรับคนที่ลงทะเบียนบัตรคนจนปี 2565 เมื่อย้อนดูสถิติจำนวนคนถือบัตรคนจนตั้งแต่ปี 2560 – 2564 จากการรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้ ปี 2560 มีคนถือบัตรคนจนประมาณ 14 ล้านคนปี 2561 มีคนถือบัตรคนจนประมาณ 11 ล้านคนปี 2562 มีคนถือบัตรคนจนประมาณ 15 ล้านคนปี 2563 มีคนถือบัตรคนจนประมาณ 14 ล้านคนปี 2564 มีคนถือบัตรคนจนประมาณ 13 ล้านคนปี 2565 ครม.ตั้งเป้าไว้ 20 ล้านคน (คาดว่ารับจริง […]

‘แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน’ เพราะความรักในงานบ้าน เลยอยากให้ทุกบ้านสะอาดเรียบร้อย

คุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่หรือเปล่า? ทำงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาทำงานบ้าน มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็อยากจะพักผ่อนมากกว่าลุกขึ้นมาจับไม้กวาด หรือหากจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดก็ทำได้แค่ไล่ฝุ่นและความสกปรกออกไปเท่านั้น แต่ข้าวของที่กองรกอยู่เต็มบ้านก็ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม คงจะดีไม่น้อยถ้ามีคนมาช่วยคัดเก็บและคัดทิ้งสิ่งของต่างๆ และช่วยจัดบ้านให้สวยเนี้ยบเหมือนใหม่ ตอนแรกเราคิดว่าบริการจัดระเบียบบ้านนั้นคงจะมีแค่ในซีรีส์ จนกระทั่งได้รู้จักเพจ ‘แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน’ จากกรุ๊ปงานบ้านที่รัก ด้วยโพสต์ที่เล่าเรื่องราวการจัดบ้านของลูกค้าคนหนึ่งพร้อมแนบภาพ Before และ After ก็ทำเอาเราตกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะภาพแรกที่เห็นนั้นเป็นห้องที่มีของวางระเกะระกะจนเต็มพื้นแทบไม่มีทางเดิน แต่ภาพถัดมากลับเป็นครัวที่โล่งโปร่งสบายและดูเป็นสัดส่วนพร้อมใช้งานทันตาเห็น  เพราะอย่างนั้นเราจึงตัดสินใจติดต่อเพจแมวบินฯ ไปทันที ไม่ใช่เพราะว่าห้องของเรารกมากจนต้องใช้บริการ แต่ตัวงานของพวกเธอต่างหากที่ทำให้เราสนใจและอยากรู้จักนักจัดระเบียบบ้านมากขึ้น เริ่มจากความรักในงานบ้าน บริการแมวบินฯ เริ่มต้นจากการปลูกฝังโดยครอบครัวของ ‘อิม-อิมยาดา เรือนภู่’ ที่มอบหมายความรับผิดชอบให้เธอตั้งแต่ยังเล็ก จนทำให้เธอมีสกิลงานบ้านต่างๆ ติดตัวมา  สมัยที่เรียนอยู่อิมเคยลองไปทำงานเป็นแม่บ้าน เป็นช่วงเวลาที่ได้ตอกย้ำกับตัวเองว่า งานบ้านคือสิ่งที่เธอรักและทำออกมาได้ดีด้วย ทำให้เธอรับทำความสะอาดและจัดระเบียบบ้านมาเรื่อยๆ  นอกจากงานแม่บ้านแล้ว อิมยังทำงานประจำด้านการโรงแรมตามสายที่เรียนมา และยังได้ลองทำงานสายศิลปะอย่างการตกแต่งภายในด้วย ประกอบกับที่ครอบครัวของเธอก็ทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เลยทำให้ชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตวนเวียนอยู่กับพื้นที่อยู่อาศัยมาโดยตลอด อิมเริ่มทำเพจ แมวบิน นักจัดระเบียบบ้าน อย่างจริงจังช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนัก ซึ่งทำให้ภาระจากงานประจำของเธอลดน้อยลง ประกอบกับการนำเสนอข่าวของสื่อที่พาไปช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่บ้าน ทำให้เธอได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสังคมมากขึ้น และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าปัญหาบ้านรกไม่ใช่แค่เรื่องของความไม่เป็นระเบียบเท่านั้น แต่อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ด้วย หากว่าได้จัดระเบียบบ้านให้สะอาดเรียบร้อย ก็คงจะทำให้ห่างไกลจากโรคระบาดได้เหมือนกัน “ช่วงโควิด เราเห็นสื่อเข้าไปถ่ายตามบ้านผู้ป่วย พอเราเห็นตัวอย่างจากในทีวีแล้วรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง […]

แบ่งปันหนังสือที่ชอบผ่านอักษรเบรลล์ กับโครงการ ‘พิมพ์หนังสือให้คนตาบอด’ กิจกรรมอาสาจาก Uncommon Volunteer

หากใครกำลังมองหากิจกรรมยามว่างที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมอยู่ เราอยากชวนมาเป็นอาสาสมัครในโครงการ ‘พิมพ์หนังสือให้คนตาบอด’ กัน  ก่อนหน้านี้เราได้เห็นกิจกรรมอ่านหนังสือเพื่อคนตาบอดมาบ้างแล้ว ซึ่งบางคนอาจไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการลงเสียง การพิมพ์จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เราได้ร่วมกิจกรรมอาสา โดยเป็นการพิมพ์ตามตัวเนื้อหาในหนังสือที่เราสนใจ เพื่อส่งต่อเรื่องพิมพ์นั้นให้หน่วยงานที่สอดคล้องกับการศึกษาของผู้พิการทางสายตา ไปจัดทำเป็นอักษรเบรลล์ในการผลิตหนังสือให้คนตาบอดได้พัฒนาความรู้และเพลิดเพลินกับเรื่องราวสนุกๆ การพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดนั้นเป็นงานอาสาจาก Uncommon Volunteer เว็บไซต์ที่รวบรวมงานอาสาทั้งในประเทศและระดับนานาชาติให้ผู้ที่สนใจ สำหรับการพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดนั้นสามารถพิมพ์หนังสือประเภทใดก็ได้ที่ไม่ใช่หนังสือเรียนหรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียน และต้องไม่ซ้ำกับเล่มที่เคยมีมาก่อน โดยอาสาสมัครตรวจสอบหนังสือบนเว็บไซต์ก่อนพิมพ์ได้  ส่วนใครที่เป็นกังวลเรื่องของลิขสิทธิ์ก็ขอบอกให้สบายใจว่า ลิขสิทธิ์ของหนังสือนั้นได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อคนพิการภายในองค์กรที่ดูแลเรื่องการศึกษาของผู้พิการโดยตรง หรือถ้าไม่มั่นใจ จะติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์กับทางสำนักพิมพ์โดยตรงก่อนร่วมกิจกรรมอาสาก็ได้ ไม่เพียงแต่การพิมพ์หนังสือให้คนตาบอดเท่านั้น ทาง Uncommon Volunteer ยังมีกิจกรรมอาสาอื่นๆ ให้ได้เข้าร่วมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งนิยายหรือนิทานเพื่อคนตาบอดและเด็ก, วาดภาพเพื่อน้องด้อยโอกาส, พิมพ์ข้อสอบออนไลน์ หรือแม้แต่การทำคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์งานอาสาออนไลน์ลงในแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งบางกิจกรรมจะมีใบรับรองการเข้าร่วมกิจกรรมให้ด้วย ติดตามรายละเอียดงานอาสาต่างๆ ได้ที่ Uncommon Volunteer – จิตอาสาออนไลน์.com หรือทางเว็บไซต์ uncommonunique.com/home-thai

สำรวจศิลปะแทนใจผู้ป่วยจิตเวชกับนิทรรศการ Hide & Seek ที่ Palette Artspace วันที่ 14 – 19 ก.ย. 65

ทุกวันนี้สังคมของเรามี ‘ผู้ป่วยจิตเวช’ และ ‘ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า’ จำนวนไม่น้อยเลย แต่ส่วนใหญ่ต่างต้องซ่อนตัวและพยายามใช้ชีวิตตามปกติ เพราะกลัวสังคมไม่ยอมรับ ไม่เข้าใจอาการ และมองว่าตัวเองมีความบกพร่อง เปรียบเสมือนการเล่นซ่อนแอบที่ไม่รู้ว่าสังคมจะพบเจอผู้ป่วยเหล่านี้เมื่อไหร่ และเมื่อถูกหาเจอแล้ว พวกเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เพราะโรคทางจิตเวชไม่ใช่สิ่งน่าอาย เราจึงอยากชวนทุกคนไปทำความเข้าใจภาวะเหล่านี้ที่ ‘Hide and Seek #มันไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดหรอกนะ’ นิทรรศการศิลปะการกุศลสุดอบอุ่นที่จัดแสดงผลงาน โดยศิลปินชาวไทยและต่างประเทศกว่า 50 คน ซึ่งกลั่นกรองออกมาแทนใจและความรู้สึกของผู้ป่วยจิตเวชทุกคน เป็นครั้งแรกที่บรรดาศิลปินจะร่วมกัน Call Out และเป็นกระบอกเสียงให้เหล่าผู้ป่วยจิตเวชภายใต้คอนเซปต์ ‘ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป เพราะยังไงศิลปะก็ตามหาใจของคุณเจอ’ ใครสนใจแวะไปดูนิทรรศการ ‘Hide and Seek #มันไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดหรอกนะ’ ได้ฟรีที่ Palette Artspace (t.ly/6iPO) ระหว่างวันที่ 14 – 19 กันยายน 2565 ที่สำคัญ ทางนิทรรศการยังเปิดรับบริจาค เพื่อนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้ ‘กองทุนเพื่อผู้ป่วยจิตเวชยากไร้’ เพื่อซัปพอร์ตและส่งเสริมการใช้ชีวิตของผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วย โดยวันที่ 17 กันยายน 2565 ศิลปินจะร่วมกันจัดเสวนาที่พูดถึงโรคทางจิตเวชและโรคซึมเศร้าในแง่มุมต่างๆ อีกทั้งยังมีกิจกรรมพิเศษที่น่าสนใจอย่างการแสดงมายากล […]

FYI

เปลี่ยนห้องเป็นป่าด้วย ‘SCG Bi-ion’ ระบบไอออนที่ช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศที่ดีภายในอาคาร

หนึ่งในปัญหากวนใจของคนเมืองหนีไม่พ้นเรื่องมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 หรือหมอกควันจากการเผาป่าที่พัดมาเยือนทุกปี จนพาลให้มนุษย์กรุงเทพฯ (รวมถึงปริมณฑล) รู้สึกว่าอากาศที่เราสูดเข้าปอดนั้นไม่สะอาดเอาเสียเลย แถมยังส่งผลต่อการดำรงชีวิตชนิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย ครั้นจะมองหาอากาศดีๆ ก็ต้องหนีออกไปให้ไกลจากตัวเมือง เดินเข้าป่า ลุยภูเขา ออกไปทะเล ตามหาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ทำให้สูดลมหายใจได้อย่างสดชื่น แต่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมตามธรรมชาติเหล่านี้ถึงทำให้เรารู้สึกเฟรช หายใจได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล “ยิ่งปริมาณไอออนในอากาศสูง คุณภาพอากาศบริเวณนั้นยิ่งดี” – ไอออนคืออะไร แล้วบริเวณที่ว่านี้มักจะอยู่ตรงไหนกันนะ? ไอออน (Ion) คืออนุภาคอิสระที่มีทั้งประจุบวกและลบ ซึ่งตามปกติแล้ว ธรรมชาติจะสร้างไอออนขึ้นมาหมุนเวียนอยู่ในอากาศรอบตัวเราอย่างสมดุล โดยเฉพาะจากปรากฏการณ์ที่เกิดความเคลื่อนไหวในธรรมชาติอย่างฟ้าผ่าตอนฝนตก คลื่นที่เข้ามากระทบกับชายหาด น้ำไหลตามลำธาร หรือน้ำตกที่ลงมากระทบกับหินเบื้องล่าง ล้วนแต่ทำให้เกิดประจุไอออนในอากาศ ทว่าพื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็นบ่อเกิดของเหล่าประจุไอออนเลยคือ ‘ป่าไม้’ เพราะขณะที่ต้นไม้ผลิตออกซิเจน ก็มีสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาด้วย นั่นก็คือไอออนทั้งประจุลบและบวก ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการดังกล่าว ‘อาบป่า’ ให้ร่มไม้โอบกอดเพื่อบำบัดร่างกายที่เหนื่อยล้า ยิ่งในผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ถือเป็นแหล่งที่มีประจุไอออนมากกว่าใครเพื่อน ทำให้เวลาที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในป่า จึงรู้สึกว่าสูดลมหายใจได้เต็มปอดกว่าที่อื่น จนกระทั่งพักหลังมานี้เกิดเทรนด์ ‘อาบป่า’ (Forest Bathing) หรือการบำบัดร่างกายด้วยธรรมชาติ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก ‘Shinrin yoku’ ที่แปลตรงตัวว่าการอาบป่าในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าการเข้าไปให้ป่าไม้โอบกอดสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายและลดความเครียดได้จริง […]

1 127 128 129 130 131 355

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.