
LATEST
พาไปเที่ยว 10 ร้านหนังสือทั่วโลกที่ขายคอนเซปต์จัดๆ จับคู่กับหนังสือภายในร้าน
เหตุผลที่คุณจะเข้าร้านหนังสือสักแห่งคืออะไร อาจเป็นเพราะมีหนังสือที่อยากได้ มีการตกแต่งร้านที่สวยงาม หรือบังเอิญเจอจนต้องลองแวะเข้าไป ทว่าบางร้านไม่ได้มีแค่หนังสือหรือการออกแบบร้านที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ยังจัดจ้านด้วยคอนเซปต์เฉพาะตัว จนกลายเป็นร้านหนังสือที่มาพร้อมกิมมิกแบบที่หลายคนอาจไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครทำ คอลัมน์ Urban’s Pick จึงอยากพาทุกคนไปรู้จัก 10 ร้านหนังสือจากทั่วโลก ที่ไม่ได้ขายแค่หนังสืออย่างเดียว แต่ยังขายคอนเซปต์ที่ยูนีกแบบสุดๆ ตั้งแต่ร้านที่ขายหนังสือประเภทเดียว ร้านที่ขายหนังสือสัปดาห์ละหนึ่งเรื่อง ร้านที่มีแต่หนังสือและสินค้าเกี่ยวกับแมว ไปจนถึงร้านหนังสือลอยน้ำที่เปลี่ยนโลเคชันไปเรื่อยๆ The Ripped BodiceCulver City, USA ถ้าให้พูดถึงร้านหนังสือที่สวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาคงจะยากไปสักหน่อย เพราะมีหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็นร้านหนังสือที่โรแมนติกที่สุดในสหรัฐฯ คำตอบคงหนีไม่พ้น ‘The Ripped Bodice’ ใน Culver City รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นร้านหนังสือเพียงแห่งเดียวที่ทั้งร้านมีขายเฉพาะหนังสือโรแมนติกเท่านั้น หนังสือโรแมนติกใน The Ripped Bodice มีเนื้อหาให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น หนังสือแนวโรแมนติกอิงประวัติศาสตร์ แนวโรแมนติกร่วมสมัย แนวโรแมนติกอาถรรพ์ แนวไซไฟ และเรื่องราวที่เกี่ยวกับ LGBTQ+ รวมทั้งยังมีให้เลือกหลายภาษา นอกจากหนังสือแล้ว ร้านค้ายังมีสินค้าอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย โดยจะเน้นการสนับสนุนธุรกิจอิสระที่มีผู้หญิงเป็นเจ้าของเป็นหลัก ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นพื้นที่พบปะสังสรรค์ของเหล่าคนรักหนังสือแนวโรแมนติก […]
‘ซีรีส์วาย’ ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยหรือสื่อที่กำลังทำลายอุตสาหกรรมบันเทิง?
แม้ ‘ซีรีส์วาย’ จะดูเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสังคมเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ปัจจุบันซีรีส์วายได้กลายมาเป็นซีรีส์อีกประเภทหนึ่งที่สามารถครองใจผู้ชมทั้งจอแก้วและโลกออนไลน์ได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียอย่างทวิตเตอร์ ที่ไม่ว่าจะคนไทยหรือต่างประเทศต่างก็พูดถึงตัวซีรีส์และนักแสดงจนติดเทรนด์กันอยู่บ่อยๆ ส่งผลให้ภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงคนทั่วไปมองว่านี่คือหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในปัจจุบัน อีกทั้งอุตสาหกรรมนี้ยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง เนื่องจากสร้างรายได้อย่างมหาศาลทั้งในและนอกประเทศ จนก่อให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า ‘Y Economy’ แต่ซีรีส์วายจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ฟังดูดีมีเพียงแง่บวกของประเทศเราได้จริงๆ ใช่ไหม เพราะในอีกมุมหนึ่ง สื่อประเภทนี้ก็เข้ามาสร้างผลกระทบไม่น้อยให้อุตสาหกรรมบันเทิงบ้านเรา จนบางครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หรือจริงๆ แล้วซีรีส์วายกำลังเป็นสื่อที่ทำลายอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยอยู่กันแน่ หนังเรียก ‘เกย์’ แต่ซีรีส์เรียก ‘วาย’ เคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมเราถึงเรียกภาพยนตร์ที่มีตัวเอกเป็นชายรักชายว่า ‘หนังเกย์’ แต่พอเป็นซีรีส์ที่มีนักแสดงนำรูปแบบเดียวกันกลับเรียกว่า ‘ซีรีส์วาย’ ที่เป็นเช่นนี้เพราะภาพยนตร์ของกลุ่ม LGBTQIA+ ที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ไม่ว่าจะเป็น ‘รักแห่งสยาม’ ‘พี่ชาย My Hero’ หรือ ‘My Bromance’ ต่างฉายในช่วงเวลาที่คำว่า ‘วาย’ ยังไม่เป็นที่พูดถึงและใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงบริบทของสังคมไทยก็ยังไม่เปิดรับความหลากหลายทางเพศมากนัก แตกต่างจากการเข้ามาของสื่อบันเทิงในรูปแบบซีรีส์ที่ใช้นักแสดงหลักเป็นเพศชายในประเทศไทยครั้งแรกอย่าง ‘Love Sick The Series’ ที่มีการดัดแปลงบทละครจากนิยายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ถูกเรียกระหว่างกลุ่มนักอ่านและนักเขียนด้วยกันเองว่า ‘นิยายวาย (Y)’ ซึ่งย่อมาจากศัพท์ภาษาญี่ปุ่นคำว่า Yaoi […]
แคมเปญ #ออนหยุดขัง อยู่ที่ไหนก็ให้กำลังใจ ‘ตะวัน-แบม’ ได้ ในเว็บไซต์ freeourfriends
แคมเปญ #ออนหยุดขัง อยู่ที่ไหนก็ให้กำลังใจ ‘ตะวัน-แบม’ ได้ในเว็บไซต์ freeourfriends เรื่องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องในสังคมไทยตอนนี้คือ มูฟเมนต์การเรียกร้องสิทธิ์ให้คืนสิทธิประกันตัวแก่ผู้ถูกคุมขังทางการเมืองของ ‘ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์’ และ ‘แบม-อรวรรณ ภู่พงษ์’ หลังจากที่ทั้งคู่ประกาศเจตนาว่าจะอดน้ำและอาหารตั้งแต่เข้าเรือนจำ จนตอนนี้พวกเขาพาร่างกายอันอิดโรยไปปักหลักบริเวณหน้าศาลฎีกา เป็นเวลารวมกว่า 40 วันแล้ว ทั้งคู่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า เพื่อนทุกคนจะต้องได้สิทธิในการประกันตัว ซึ่ง ณ เวลานี้ยังเหลือผู้ถูกคุมขังที่เหลือคือ ‘คทาธร’, ‘ถิรนัย’ และ ‘ชัยพร’ ซึ่งเมื่อการเรียกร้องยังไม่สิ้นสุด นั่นเท่ากับว่าการอดอาหารและน้ำยังคงดำเนินต่อไป โดยทั้งสองยังคงไม่เข้ารับการรักษาร่างกายใดๆ ขณะเดียวกัน ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็มุ่งหน้าเดินทางไปร่วมกิจกรรมเรียกร้องที่หน้าศาลฎีกา ในหลายจังหวัดมีการจัดแคมเปญยืนหยุดขัง หรือคนไทยในต่างประเทศก็พยายามแสดงสัญลักษณ์และส่งเสียงร่วมกับตะวัน-แบม เพื่อให้ศาลพิจารณาปล่อยเพื่อนๆ ของพวกเขาที่ยังคงถูกลิดรอนสิทธิ์จากการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ส่วนใครที่ไม่สะดวกเดินทางออกจากบ้านหรือไปยังสถานที่นัดหมาย ทางเว็บไซต์ ‘freeourfriends.org’ ได้สร้างแพลตฟอร์ม ‘ออนหยุดขัง’ ที่ไม่ว่าใคร จะอยู่ที่ไหนในโลกก็สามารถมายืนหยุดขังร่วมกันได้ วิธีการง่ายนิดเดียว เพียงคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ www.freeourfriends.org ก็จะพบกับหน้าต่างให้เราเลือกการแสดงตัวตนในแบบที่ต้องการ ได้แก่ สีของตัวละครและข้างของมือที่ถนัด หมุดหมายที่ทุกคนจะได้เข้าไปร่วมยืนหยุดขังกันคือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่ประดับประดาด้วยต้นทานตะวันเรียงราย โดยเมื่อเข้าไปในพื้นที่ เรายังเลือกได้อีกว่าจะแสดงออกในอิริยาบถแบบไหน เช่น นั่ง […]
‘คลองแม่ข่า’ สายน้ำเน่าที่กำลังถูกเปลี่ยนให้เป็นอนาคตของเมืองเชียงใหม่ หรือจะถอยหลังลงคลอง
หากเอ่ยถึง ‘คลองแม่ข่า’ ในปัจจุบัน หลายคนน่าจะนึกถึงทางเดินเลียบคลองสวยๆ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในตัวเมืองเชียงใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้ และเพิ่งได้รับสมญาใหม่ว่าเป็น ‘คลองโอตารุ’ ของจังหวัดเชียงใหม่ แต่หากย้อนกลับไปถามคนเชียงใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ทุกคนจะนึกถึงคลองแม่ข่าว่าเป็นแหล่งน้ำเน่าเสีย นั่นคือภาพลักษณ์ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาสำหรับคนเชียงใหม่ เพราะตลอดหลายปีนั้น ชาวเชียงใหม่ต่างคุ้นเคยกับการได้เห็นและได้ยินการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ที่ทุกครั้งจะต้องมีนโยบายทำคลองแม่ข่าให้กลับมาใสอยู่ด้วยเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะหมดหวังได้เห็นคลองแม่ข่ากลับมาใส จนกระทั่งปีที่แล้วที่มีการปรับปรุงภูมิทัศน์คลองแม่ข่าใหม่ให้สวยงาม ด้วยภาพสะอาดสะอ้านแปลกใหม่ที่ถูกนำเสนอออกมา ทำให้คลองแห่งนี้กลับมาได้รับความสนใจจากคนเชียงใหม่จำนวนมาก ก่อนจะขยายไปถึงคนจังหวัดอื่นๆ ที่เดินทางมาเที่ยวเดินถ่ายรูปเล่นที่คลองแห่งนี้ ซึ่งทางจังหวัดเชียงใหม่เองก็พยายามจัดให้มีกิจกรรมภายในพื้นที่แห่งนี้อยู่สม่ำเสมอ ชาวเชียงใหม่หลายคนที่ได้มาเดินเล่นที่นี่ ต่างแสดงความยินดีที่คลองแม่ข่ากลับมาเป็นคลองน้ำใส ไม่เน่าเสียอีกแล้ว…แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะพื้นที่ที่มีการปรับภูมิทัศน์ให้เดินเล่นกันนั้นเป็นเพียงแค่ระยะ 756 เมตร จากระยะทั้งหมด 11 กิโลเมตรของคลองแม่ข่าในเขตเมืองเชียงใหม่ที่ยังคงเน่าเสีย มีปัญหา และรอคอยการแก้ไขพัฒนาต่อไป จึงทำให้มีเสียงค่อนขอดขึ้นมา ตั้งแต่ความพยายามเป็นญี่ปุ่นทั้งที่เชียงใหม่ก็มีวัฒนธรรมเอกลักษณ์ของตนเอง จังหวัดพยายามนำเสนอแต่ภาพลักษณ์ดีๆ ของพื้นที่คลองบริเวณนี้เพื่อซุกปัญหาคลองแม่ข่าในส่วนอื่นๆ อีกจำนวนมากไว้ใต้ภาพสวยงาม หรือแม้แต่ตำหนิว่านี่เป็นการถอยหลังลงคลอง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะ 756 เมตรของคลองแม่ข่าครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป และเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าแม่ข่าเกี่ยวโยงกับผู้คน และมีคนจำนวนไม่น้อยกำลังให้ความสนใจกับลำน้ำสายนี้ คลองแห่งนี้มีความสำคัญต่อเชียงใหม่อย่างไร ทำไมถึงมีหลายองค์กรหลายผู้คนพยายามปรับปรุงให้มันกลับมาดีอีกครั้งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของแม่น้ำสายนี้ คอลัมน์ Report ขอนำเสนอเรื่องราวหลากหลายมิติที่สายน้ำนี้ได้ไปเกี่ยวโยง โดยลองถอยออกจากความเป็นคลองโอตารุ ไม่ต้องถึงกับถอยลงคลอง แค่ถอยมามองและทำความรู้จักกับน้ำแม่ข่า […]
บรรเทาอาการปวดประจำเดือนด้วย ‘Myoovi’ อุปกรณ์ขนาดพกพาที่ส่งคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กผ่านผิวหนัง
ทุกๆ เดือน ผู้มีประจำเดือนต่างต้องประสบปัญหาความทรมานจากการปวดท้องประจำเดือนที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานหรือแม้แต่ทำกิจวัตรประจำวันทั่วๆ ไป จนต้องกินยาและนอนพักผ่อนเพื่อให้อาการทุเลาลง แต่บางครั้งอาการปวดท้องประจำเดือนก็ไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด หากใครมีอาการรุนแรงอาจต้องพึ่งพาอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องกระตุ้นเส้นประสาทด้วยไฟฟ้าผ่านผิวหนัง (TENS) ที่ได้รับการวิจัยและพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยได้ แต่ด้วยขนาดที่เทอะทะและมีสายเกะกะ จึงทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้งานเท่าไรนัก ‘Adam Hamdi’ แพทย์ชาวอังกฤษคิดค้นและพัฒนา Myoovi ผลิตภัณฑ์ลดอาการปวดประจำเดือนในรูปแบบอุปกรณ์ไร้สายและพกพาสะดวก ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับเครื่อง TENS ในการส่งพัลส์ (Pulses) หรือสัญญาณไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ความเจ็บปวดเดินทางไปยังสมองและช่วยบรรเทาอาการปวดให้ลดลง โดยผู้ใช้งาน Myoovi จะรู้สึกเหมือนถูกนวดเป็นจังหวะๆ นอกจากนี้ ตัวอุปกรณ์ยังใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง มาพร้อมกับแผ่นรองสำหรับติดผิวหนังในจุดที่ปวด โดยตัวแผ่นรองนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 20 – 30 ครั้งหรือนานกว่านั้นจนกว่าจะไม่เหนียวติดตัว หากเทียบระยะเวลาคร่าวๆ ก็อาจใช้งานได้นานถึงสองเดือนเลยทีเดียว Myoovi วางจำหน่ายในราคา 120 ปอนด์ หรือประมาณ 5,000 บาท สั่งซื้อได้ที่ myoovi.co.uk Sources:Dezeen | bit.ly/3IYnvWR Myoovi | myoovi.co.uk
เหล่ามังงะที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของนักเขียนการ์ตูน ‘สะอาด’
ขอออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่นักอ่านมังงะตัวยงหรือชื่นชอบงานเขียนประเภทการ์ตูนอะไรขนาดนั้น และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเลือกหยิบงานของ ‘สะอาด’ มาอ่านช้าเหลือเกิน เมื่อเทียบกับคนรอบๆ ตัวที่รู้จักและอ่านงานของเขาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้จักเขาเอาซะเลย เพราะเท่าที่จดจำได้ ชื่อของ ‘สะอาด’ น่าจะเป็นชื่อของคนทำงานสร้างสรรค์กลุ่มแรกๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวด้านการเมือง และแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างเข้มแข็งผ่านปากคำให้สัมภาษณ์ในหลากหลายสื่อ รวมถึงผลงานการ์ตูนที่เผยแพร่ผ่านช่องทางของเขาเอง และลงตามสื่อออนไลน์ที่เขาร่วมงานด้วย ชายผู้ออกเดินทางตามเสียงของตัวเอง, ครอบครัวเจ๋งเป้ง, บทกวีชั่วชีวิต, การศึกษาของกระป๋องมีฝัน และให้รักเป็นบทกวีชั่วชีวิต คือผลงานส่วนหนึ่งที่ผ่านมาของนักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่คนนี้ นอกจากลายเส้นที่ไม่เนี้ยบ มุกตลกร้าย และคาแรกเตอร์ตัวละครที่มีเสน่ห์ (ปนกวนๆ) สิ่งที่ทำให้ผลงานของสะอาดเป็นที่ชื่นชอบของนักอ่านจำนวนมาก น่าจะหนีไม่พ้นประเด็นสังคมที่เขาสอดแทรกไว้ในการ์ตูน ตั้งแต่เรื่องอาชีพการงานของคนทำงานสร้างสรรค์ที่ไม่ได้รับการสนับสนุน การศึกษา ชาติพันธุ์ สิทธิเสรีภาพ เป็นต้น ยังไม่นับการดำเนินเรื่องที่ชวนให้ติดตาม รู้สึกร่วมไปกับตัวละคร และทิ้งท้ายด้วยความหวังเล็กๆ ที่ทำให้คนอ่านอย่างเราเกือบน้ำตาคลอ ด้วยเหตุนี้ เราจึงชวน ‘สะอาด’ หรือ ‘ภูมิ-ธนิสร์ วีระศักดิ์วงศ์’ มาบอกเล่าถึงเหล่ามังงะที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเขา ตั้งแต่มังงะเรื่องแรกที่ชอบ เรื่องที่เปลี่ยนชีวิตและแนวคิด นักเขียนมังงะที่ชื่นชม ตัวการ์ตูนที่ยกนิ้วให้ ไปจนถึงมังงะที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่าน เราจำการ์ตูนเรื่องแรกที่อ่านไม่ได้ แต่จำเรื่องแรกที่อ่านแล้วชอบมากๆ ได้ คือเรื่อง ‘จอมโจรอัจฉริยะ’ นักเขียนคือ โกโช […]
Fotogarten เปิดห้องสมุดจิ๋วเคลื่อนที่ จิบชา ดูโฟโต้บุ๊กในธีม ‘พืชในชีวิตฉัน’ วันนี้ – 13 มี.ค. 66 ที่ร้าน Gimbocha
ด้วยราคาและข้อจำกัดต่างๆ ทำให้หนังสือภาพถ่ายร่วมสมัยในประเทศไทยเข้าถึงได้ยากกว่าที่ควรจะเป็น ‘Fotogarten’ แพลตฟอร์มเกี่ยวกับภาพถ่ายที่อยากชวนทุกคนมาสนุกกับการดูภาพถ่าย จึงจัดกิจกรรม ‘Library on Tour’ นำชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายไปตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน คล้ายกับเป็น ‘ห้องสมุดจิ๋ว’ ล่าสุด Fotogarten จับมือกับร้านชาสเปเชียลตี้บรรยากาศอบอุ่นใจกลางเมือง ‘Gimbocha Tea House & Cafe’ เพื่อตั้งห้องสมุดจิ๋วที่รวบรวมภาพถ่ายประเด็น ‘พืชในชีวิตฉัน (Living with Plants)’ ในมุมมองต่างๆ พร้อมกับกิจกรรม Photobook Club ที่ชวนทุกคนมาดูภาพถ่ายไปด้วยกัน นอกจากนี้ ร้าน Gimbocha ยังรังสรรค์ชาสุดพิเศษสำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ โดยเมนูที่ว่านั้นคือ ‘ดอกหอมหมื่นลี้ครีมโซดา’ ที่มีกลิ่นหอมของชาดอกหอมหมื่นลี้ ผสมกลิ่นจางๆ จากน้ำผึ้ง เพิ่มความซ่าของโซดา และท็อปด้วยครีมนุ่มละมุน ชั้นหนังสือภาพจาก Fotogarten ในกิจกรรม Library on Tour ตั้งอยู่ที่ร้าน Gimbocha Tea House & Cafe […]
TÁR : เมื่อเวลาสัมพันธ์กับวัฒนธรรมคว่ำบาตร และพลวัตของอำนาจไม่อาจแยกจากเรื่องเพศ
บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ หลังห่างหายจากงานกำกับไปนานกว่า 16 ปี ล่าสุดผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Todd Field ก็กลับมาพร้อมกับผลงานภาพยนตร์เรื่อง Tár ที่เปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส (Venice Film Festival) เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 สาขาด้วยกัน รวมถึงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Tár นั้นเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของ Lydia Tár (รับบทโดย Cate Blanchett) วาทยกรหญิงผู้แสนเก่งกาจและมากประสบการณ์ ความสามารถของเธออยู่ในระดับที่หาตัวจับได้ยากในแวดวงดนตรี แน่นอนว่าสถานะทางสังคมที่เป็นทั้งวาทยกรเอกและอาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์นับร้อยพัน นั่นอาจเป็นจุดสูงสุดของอาชีพการงานที่ใครคนหนึ่งจะไปถึงได้ หากแต่ช่วงชีวิตคนเราต่างก็แปรผันไปตามสถานการณ์ เมื่อมือเอื้อมแตะถึงขอบฟ้า แต่เท้ายังย่ำอยู่ในโคลนตม ก็ไม่แปลกที่ต่อให้แม้จะยืนอยู่ในจุดที่สูงแค่ไหนก็พร้อมร่วงหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะกับ Tár ศิลปินมากความสามารถที่เต็มไปด้วยรอยด่างพร้อยและข้อบกพร่องนับไม่ถ้วน ซ้ำยังทำในสิ่งที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งศีลธรรมและจริยธรรมอยู่หลังม่านมานานแรมปี แน่นอนว่าความสำเร็จในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นที่ประจักษ์อย่างไม่มีข้อกังขา แต่ความสำเร็จอีกนัยหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ การหยิบจับประเด็นที่สังคมให้ความสนใจมาบอกเล่า โดยทำให้เรื่องราวเหล่านั้นยังคงอยู่ในบทสนทนา จนเกิดการพูดคุยถกเถียงกันต่ออย่างไม่รู้จบหลังจากที่ลุกออกจากโรงหนังไป ‘เวลา’ คือตัวแปรสำคัญของวัฒนธรรมคว่ำบาตร ในช่วงปีหลังมานี้ ทุกครั้งที่มีประเด็นร้อนของเหล่าคนดังที่เกิดข้อโต้แย้งกันบนโซเชียลมีเดีย หลายคนอาจคุ้นหูและผ่านตากับคำว่า ‘วัฒนธรรมคว่ำบาตร (Cancel Culture)’ มาไม่มากก็น้อย ซึ่งความหมายโดยกว้างของคำนี้คือ การเลิกสนับสนุนผลงานของเหล่าศิลปินที่มีปัญหา (Problematic) […]
เตรียมบอกลา Zombie Books ร้านหนังสือหนึ่งเดียวใน RCA สู่ทำเลใหม่แถวราชวัตร มี.ค. 66
เรายังจำได้ดีถึงช่วงแรกๆ ที่มีร้านหนังสืออิสระชื่อเท่ ‘Zombie Books’ กำเนิดเกิดขึ้นในย่าน RCA ที่เป็นแหล่งรวมออฟฟิศคนทำงานสร้างสรรค์และสถานบันเทิง เพราะมันไม่ใช่แค่ร้านหนังสืออิสระเท่านั้น แต่ยังมีโซนคล้ายๆ โคเวิร์กกิงสเปซให้คนไปอ่านหนังสือและทำงาน รวมถึงบาร์ลับที่อยู่ชั้น 3 Zombie Books เปิดให้บริการนักอ่านย่านผีเสื้อราตรีมานานเกือบสิบปี โดยมีช่วงบ้าคลั่งที่เปิดร้าน 24 ชั่วโมงก่อนปรับลดเวลาลง (แต่ก็ยังเปิดถึงดึกดื่นเที่ยงคืนตีหนึ่งตีสองอยู่ดี) ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ ‘โต้ง-ประวิทย์ พันธุ์สว่าง’ ผู้ก่อตั้งร้านก็ออกมาประกาศเป็นนัยๆ ว่าที่นี่อาจไปไม่รอด เพราะขาดทุนหนักทุกเดือน บวกกับสถานการณ์โรคระบาดที่กินเวลายาวนานกว่า 2 ปี จนในที่สุด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Zombie Books ก็ออกมารายงานสถานการณ์ร้านหนังสือ พร้อมกับประกาศเตรียมตัวย้ายร้านในเร็ววันนี้ โต้งบอกว่าที่ผ่านมาเขาทำร้านหนังสือขาดทุนเดือนละเป็นแสนๆ มาแปดปี จนได้ธุรกิจร้านอาหาร ‘เห็นอกเห็นใจ โภชนา’ ที่เพิ่งมาเปิดช่วงหลังช่วยกอบกู้สร้างรายได้ให้เขา “ที่จริงเราตั้งใจจะปิดร้านนี้ แล้วไปทำร้านอาหารเต็มตัว แต่สุดท้ายใจเราไม่อยากเลิกทำร้านหนังสือ ตัดไม่ขาด ก็เลยยังทำต่อ เพียงแต่ครั้งนี้คงเอาร้านอาหารนำก่อน แล้วตัวตนของร้านหนังสืออาจเบาบางลงไป” เขาบอกกับเราอีกว่า Zombie Books สาขา RCA อาจเปิดให้บริการถึงแค่ต้นเดือนมีนาคมนี้เท่านั้น ก่อนจะย้ายไปยังร้านอาหารที่ทำเลแถวนาคนิวาส ลาดพร้าว […]
Urban Eyes 25/50 เขตบางคอแหลม Bang Kho Laem
เขตบางคอแหลมเป็นเขตที่เราผ่านบ่อย โดยเฉพาะถนนเจริญกรุง ถนนพระรามสาม ถนนจันทน์ และถนนเจริญราษฎร์ แต่ก็ไม่เคยเข้าไปเดินตามตรอกซอกซอย ถึงจะรู้มาบ้างว่าเขตนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่หนาแน่นมาก แต่เราไม่ได้คาดคิดว่าจะมีชุมชนอยู่เยอะขนาดนี้ แต่ก่อนไปชมโปรเจกต์ Bangkok Eyes สัปดาห์นี้ เรามีความพิเศษหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ แบรนด์กล้อง Lumix ได้ให้กล้องรุ่น S1R มาลองใช้ เป็นกล้องที่เปลี่ยนเลนส์ได้ เซนเซอร์ Full Frame โดยกล้องรุ่นนี้เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ลงท้ายด้วยตัว R เพราะฉะนั้นเราจะได้ภาพความละเอียดสูงเป็นพิเศษ 47.3 Megapixels บวกกับเลนส์ Lumix 24-105 f/4.0 ตลอดช่วง นอกจากนี้ แบรนด์ยังใช้ L-mount เป็นเมาต์เดียวกันกับของ Leica และ Sigma ทำให้เราใช้เลนส์ของสองแบรนด์นี้ได้ด้วย เป็นการเพิ่มตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งาน เริ่มด้วยแลนด์มาร์กประจำเขตหรือกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ กับ Asiatique (เอเชียทีค) แหล่งท่องเที่ยวริมน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้ แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ เพราะเรือจะเริ่มมาส่งนักท่องเที่ยวเวลานั้น ถ้าไปก่อนเวลาจะไม่ค่อยมีคน เนื่องจากที่นี่เน้นตลาดเย็นถึงค่ำ บางร้านก็ปิดเที่ยงคืน ช่วงเย็นๆ ค่ำๆ คนจึงเยอะมากๆ […]
วิธีลดขยะที่ง่ายเหมือนปอกกล้วย GoneShells บรรจุภัณฑ์น้ำผลไม้ที่สามารถปอกเพื่อกินหรือละลายน้ำได้
หนึ่งสิ่งที่เป็นความท้าทายของการผลิตสินค้าในยุคนี้คือ การคำนึงถึงปัจจัยเรื่องความยั่งยืนและความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้ว่าการรีไซเคิลจะดูเป็นกระบวนการที่ง่ายที่สุดก็ตาม แต่กว่าบรรดาวัสดุจากแพ็กเกจจิ้งจะไปถึงขั้นตอนรีไซเคิลได้ ก็ต้องผ่านกรรมวิธีต่างๆ ทั้งการทิ้งขยะให้ถูกประเภท การแกะฉลาก หรือแม้แต่การแยกฝาขวดออก ซึ่งกระบวนการเหล่านี้อาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย เพราะฉะนั้น ถ้ามีขวดหรือบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้เองโดยที่ไม่ต้องผ่านการรีไซเคิลและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ก็คงจะช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าเดิมเยอะ ‘Tomorrow Machine’ สตูดิโอจากสวีเดนจึงร่วมมือกับบริษัทน้ำผลไม้อย่าง ‘Eckes Granini’ และ ‘Brämhults’ ในการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ‘GoneShells’ ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เพื่อลดภาระการรีไซเคิล รวมไปถึงลดขยะพลาสติกอีกด้วย โดยตัวขวดนี้ทำมาจากมันฝรั่งที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัสดุใสคล้ายพลาสติก เมื่อดื่มน้ำผลไม้จนหมด ผู้บริโภคสามารถกำจัดขวดได้ด้วยการละลายน้ำทิ้งหรือจะกินเลยก็ได้ ซึ่งแนวคิดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวิธีป้องกันตัวเองตามธรรมชาติของพืชผักและผลไม้ เช่น มันฝรั่ง ส้ม และกล้วย ที่ต้องปอกเปลือกภายนอกออกก่อนจึงจะกินได้ และไม่ต้องเป็นห่วงว่าขวดที่บรรจุน้ำและโดนน้ำจะทำการย่อยสลายตัวเองทันที เพราะขวดจะพร้อมเข้าสู่กระบวนการย่อยสลายก็ต่อเมื่อปอกเปลือกหรือทำการลอกบรรจุภัณฑ์ออกเหมือนเวลาแกะเปลือกส้มและนำไปแช่ไว้ในน้ำ จากนั้นปฏิกิริยาตามธรรมชาติจะเริ่มทำให้ขวดค่อยๆ ละลายและหายไปได้เอง Sources :DesignTAXI | bit.ly/3YU1XQNDieLine | bit.ly/3IgOTOmGoneShells | goneshells.com
Underground Library ห้องสมุดใต้ดินที่เหมือนหลุมหลบภัย และซ่อนหนังสือไว้กว่า 3,000 เล่ม
เพียงเดินทางจากสถานีโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มายังเมืองชิบะ ด้วยระยะเวลาเพียง 90 นาที ก็จะพบกับ ‘Kurkku Fields’ สถานที่ที่รวบรวมการให้บริการแบบฟาร์มสเตย์ มีตั้งแต่ที่พัก อาหาร เวิร์กช็อป งานศิลปะ และ ‘Underground Library’ ห้องสมุดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน รอคอยให้ผู้มาเยือนเข้าไปสัมผัสประสบการณ์การอ่านหนังสือท่ามกลางธรรมชาติ Underground Library เป็นผลงานการออกแบบของ ‘Hiroshi Nakamura & NAP Architects’ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แขกที่เข้าพักในบริเวณ Kurkku Fields สามารถใช้เวลาภายในห้องสมุดใต้ดินแห่งนี้อย่างอิสระ ต้อนรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากปิดตัวชั่วคราวเพราะสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น Underground Library เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยรูปลักษณ์ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ จากองค์ประกอบวัสดุไม้ที่หลีกเลี่ยงการใช้คานและเสา รวมไปถึงการสร้างพื้นที่ส่วนตัวเล็กๆ ที่กระจายตัวอยู่ภายใน เพื่อความเป็นส่วนตัวแก่นักอ่านที่มาใช้บริการ ยังไม่นับรวมบรรดาหญ้าบนหลังคาที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัย ที่ภายในเต็มไปด้วยหนังสือกว่า 3,000 เล่ม หนังสือส่วนใหญ่ของที่นี่เน้นไปทางเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมชาติและชีวิตเกษตรกรรม รวมถึงบทกวี ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ศาสนา วิทยาศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ […]