เราได้ยินชื่อ Healthy Space Forum หรือศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง ครั้งแรกจากพอดแคสต์ Unlock the City ที่ ‘รศ. ดร.พนิต ภู่จินดา’ ผู้อำนวยการและผู้เชี่ยวชาญด้านการวางผังภาคและเมืองเป็นโฮสต์เจ้าประจำ ด้วยความเข้าใจว่า Healthy Space Forum คือหน่วยงานที่ต่อยอดมาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งอาจารย์พนิตเป็นหนึ่งในผู้สอน เพื่อให้ผู้เรียนมีสนามฝึกปรือฝีมือ นำความรู้ที่ใช้มาออกแบบงานเพื่อใช้งานจริงๆ
ไม่ผิดไปจากความเข้าใจเท่าไหร่ สิ่งที่เซอร์ไพรส์คือ เมื่อเราได้นั่งคุยกับอาจารย์พนิตและทีมนักออกแบบของ Healthy Space Forum ความเข้าใจว่าพวกเขาออกแบบพื้นที่ออกกำลังกายเพื่อความ ‘เฮลตี้’ ของคนเมือง จริงๆ ถูกผลักเพดานไปไกลกว่านั้น
สิ่งที่พวกเขาทำนับตั้งแต่ Day 1 ในปี 2554 ไม่เพียงแต่ออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุด แต่ยังหมายรวมถึงการตีความพื้นที่ในแบบใหม่ๆ ไปจนถึงการบริหารจัดการชุมชนให้คึกคักขึ้นมา
บรรทัดต่อจากนี้คือเรื่องราวการเดินทางตลอด 12 ปีของ Healthy Space Forum และความเชื่อเบื้องหลังการออกแบบของพวกเขาที่ล้วนเป็นไปได้ภายใต้หนึ่งเป้าประสงค์ นั่นคือการผลักดันให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
![Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_28-1024x683.jpg)
พื้นที่ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อบริหารร่างกายเท่านั้น
12 ปีก่อน Healthy Space Forum เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจว่าอยากสร้างพื้นที่เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันมากขึ้น
เนื่องจากรายงานทางการแพทย์ในเวลานั้นรายงานว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อหรือ NCDs กันเยอะจนน่าตกใจ และในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มโรค NCDs อันได้แก่ โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเครียด เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งในการเสียชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะคนเมืองที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมขยับร่างกาย
“คนเราเป็นสัตว์ที่ต้องใช้แรง ต้องเดิน ต้องเคลื่อนที่ แต่พอมาอยู่ในเมือง มาทำงานในออฟฟิศ มันมีการขยับร่างกายน้อยกว่าฐานที่ต้องการ ร่างกายของทุกคนจึงไม่ได้ใช้อย่างที่ควรจะถูกใช้” อาจารย์พนิตย้อนกลับไปอธิบาย
ความท้าทายคือ ตามเกณฑ์มาตรฐานแล้วคนเราต้องเดินไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นก้าวต่อวัน หรือประมาณ 5 ไมล์ “บอกได้ว่าเยอะมาก เราไม่ได้คิดว่าจะเติมตรงนี้ให้ได้ แต่เราจะแทรกองค์ประกอบหลายๆ อย่างลงไปในชีวิตของคุณเพื่อให้คุณขยับร่างกายได้”
งานแรกๆ ของ Healthy Space Forum จึงถูกยึดถือตามแนวทางนั้น เช่น การออกแบบโต๊ะประชุมแบบยืน ซึ่งก่อร่างสร้างชิ้นงานมาจากงานวิจัยที่บอกว่าการยืนทำงาน ยืนประชุม ยืนจิบกาแฟตอนพัก ช่วยให้เราได้เคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น และลดโอกาสที่จะเกิดความเมื่อยล้าหรือการนั่งเปื่อยๆ เพื่อเล่นโทรศัพท์มือถือ
![โต๊ะประชุมแบบยืน Healthy Space Forum](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_11-1024x683.jpg)
รวมไปถึงการออกแบบพื้นที่ให้กับชุมชน เพื่อส่งเสริมให้คนมาออกกำลังกายมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคือการได้ออกมาใช้เวลาร่วมกัน
ถึงตรงนี้ ‘ศิรดา ดาริการ์นนท์’ สถาปนิกผังเมืองอาวุโสก็อธิบายเสริม
“เคสหนึ่งที่เคยทำคือลานมีสุข เป็นพื้นที่ริมเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ตรงนั้นเป็นถนนที่ทั้งชุมชนต้องผ่านอยู่แล้ว เราเลยเข้าไปคุยกับเทศบาลว่า เป็นไปได้ไหมที่จะพัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะริมแม่น้ำเพื่อให้คนทุกช่วงวัยได้มาออกกำลังกาย พักผ่อนกัน
“โดยทั่วไปคนอาจจะคิดถึงสนามกีฬาธรรมดา นำโกลหรือแป้นมาตั้ง แต่เรามองว่าพื้นที่มันควรเป็นมากกว่านั้น เพราะถ้าคนไม่เล่นบาส เล่นบอล เขาจะไปที่ไหน เราอยากออกแบบพื้นที่ให้คนที่ไม่อยากเล่นกีฬาหนักๆ เช่น เด็กผู้หญิง คนทำงาน ไปจนถึงผู้สูงวัย ให้ออกมาใช้เวลาด้วยกันได้แม้พวกเขาจะไม่ออกกำลังกายก็ตาม” ศิรดาบอก
![ลานมีสุข Healthy Space Forum](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_13-1024x683.jpg)
![ลานมีสุข Healthy Space Forum](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_14-1024x683.jpg)
พื้นที่ที่ถูกตีความใหม่
หนึ่งในเพนพอยต์สำคัญที่ทีม Healthy Space Forum มองเห็นคือ พื้นที่สาธารณะที่รัฐพยายามสร้างนั้นเป็นสวนสาธารณะเสียส่วนใหญ่ ซึ่งบางทีหลายคนอาจจะเข้าไม่ถึง
“ยกตัวอย่าง สวนเบญฯ ถ้าอยู่ฝั่งธนฯ คุณจะมายังไง หรือถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ คุณก็มาทุกวันไม่ได้อยู่ดี เราคิดว่าควรมีพื้นที่แบบนี้อยู่ใกล้บ้าน แต่มันไม่มี” อาจารย์พนิตอธิบาย
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ การตีความพื้นที่แบบใหม่ ในความหมายคือพื้นที่แห่งหนึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันเดียวเสมอไป
“หนึ่งในนั้นคือลานจอดรถที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรี ซึ่งพอพนักงานเลิกงานแล้วลานจอดรถนั้นจะว่าง เราก็ไปขีดสีตีเส้นให้กลายเป็นลานออกกำลังกายหลังเลิกงานได้ นี่คือตัวอย่างว่าพื้นที่หนึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันเดียวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง และเมืองสามารถใช้ประโยชน์ของพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า” หัวเรือใหญ่ของศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมืองบอก
![Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง ลานจอดรถ](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_23-1024x683.jpg)
“หรือหากพูดถึงงานใหญ่ๆ ที่คนรู้จักกันดี เราก็เคยทำพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย” ‘วันพัฒน์ มาตังคะ’ หนึ่งในผู้จัดการโครงการยกตัวอย่างเคสที่เขาประทับใจในการร่วมออกแบบใหม่ให้เราฟัง
“ตรงนี้ทีมได้เข้าไปช่วยวางผัง ทำ Master Plan ใหม่ โดยมีเป้าหมายอยากปรับปรุงพื้นที่อาคารเพื่อความเป็นเลิศทางกีฬาและเพื่อประชาชน การออกแบบงานนี้เรามองเป็นสองมิติ มิติแรกคือความเป็นเลิศด้านกีฬา การจัดการแข่งขันต่างๆ ว่าจะมีโอกาสในการพัฒนาพื้นที่เพื่อจุคนขนาดไหน จำนวนที่นั่งเท่าไหร่เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลกได้
“อีกฟังก์ชันหนึ่งคือการจัดงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่การแข่งขันกีฬา เช่น คอนเสิร์ต เวลาคิดถึงราชมังฯ เราจะนึกถึงปัญหาการเข้าถึงที่ไม่ค่อยสะดวก เราจึงแนะนำมาตรฐานไปว่าทางเท้าควรมีความกว้างเท่าไหร่เพื่อรองรับคนเป็นหมื่นๆ ที่เดินทางพร้อมกัน โดยคำนวณด้วยหลักการทางวิศวกรรมจราจรเพื่อให้พื้นที่นี้เดินทางได้สะดวก”
![Healthy Space Forum พื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_19-1024x683.jpg)
![Healthy Space Forum พื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_20-1024x683.jpg)
พื้นที่ที่ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของ
เมื่อถามว่าพื้นที่แบบไหนที่ Healthy Space Forum จะช่วยเข้าไปพัฒนา ทีมสรุปนิยามเรียบง่ายมาบอกเราว่า มันคือพื้นที่ที่คนในชุมชนเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่ดี แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ซึ่งในระยะแรกเริ่มของการทำงาน พื้นที่เหล่านี้มักถูกแนะนำโดย สสส. ที่ป้อนงานมาให้ แต่เมื่อพวกเขาเริ่มมีผลงานก็มีพื้นที่จากชุมชนหลายๆ แห่งติดต่อเข้ามาเอง
“คนที่เรียนผังเมืองจะรู้ว่าปัญหาของประเทศนี้คือการลงดาบ หรือคำสั่งจากรัฐที่ควบคุมการพัฒนาเมืองและกฎหมายต่างๆ แต่ในความเป็นจริง คนในพื้นที่คิดว่าสิ่งที่ใกล้ตัวเขาที่สุด เขาควรจะได้ออกแบบตามแบบที่เขาต้องการจริงๆ” อาจารย์พนิตชี้
“ซึ่งแน่นอนว่าถ้าปล่อยให้ทำเองจะเละ เพราะเขาไม่ได้รู้เรื่องมาตรฐานหรือเรื่องความปลอดภัย ความเหมาะสม สิ่งที่เราทำคือช่วยเขาในเชิงเทคนิค แล้วให้เขามาช่วยงานไฟนอลทัชเล็กๆ น้อยๆ เช่น การทาสี เพื่อให้เขารู้สึกผูกพัน รู้สึกว่ามันเป็นพื้นที่ของเขา วันหนึ่งเขาอาจจะพาลูกหลานมาดูว่าเขาเป็นคนทำ นี่คือสิ่งที่ผูกเขาเข้ากับพื้นที่โดยไม่ต้องทำอะไรมาก”
![Healthy Space Forum](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_10-1024x683.jpg)
‘วชิรกร อาษาสุจริต’ หนึ่งในผู้จัดการโครงการ ยกตัวอย่างเคสพื้นที่สาธารณะใจกลางเมืองเชียงรายให้เราเห็นภาพเพิ่ม
เขาเล่าว่า แต่ก่อนพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่เด็กๆ จากทุกอำเภอมานั่งรอรถโรงเรียนอยู่ริมถนน ลานตรงกลางเป็นที่จอดรถทั้งหมดซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรไปมากกว่านั้น พวกเขาจึงอยากเปลี่ยนพื้นที่จอดรถนี้ให้ยืดหยุ่นกับเด็กๆ ด้วยการเป็นลาน ‘รู้ เล่น เต้นรำ’ ให้เด็กจากหลายๆ โรงเรียนได้มาใช้เป็นพื้นที่ส่วนกลางเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการเต้นคัฟเวอร์ หรือในวันหยุดพื้นที่นี้ก็แปลงโฉมเป็นส่วนหนึ่งของถนนคนเดินที่ผู้ใหญ่อีกเจเนอเรชันจะมาจัดงานรำวง ทำให้เราได้เห็นภาพของเด็กๆ เต้นคัฟเวอร์อยู่ข้างๆ รำวงของผู้ใหญ่ เป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแบบน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของคน 2 เจนฯ
และแน่นอนว่าสีสันอันสวยงามของลานกิจกรรมนี้ก็ได้เด็กๆ ขาประจำนั่นแหละมาช่วยทาสี เพื่อให้เขารู้สึกว่าเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างแท้จริง
![Healthy Space Forum พื้นที่สาธารณะใจกลางเมืองเชียงราย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_12-1024x683.jpg)
พื้นที่ที่ต้องค่อยๆ พัฒนาให้เติบโต
ในโปรเจกต์หนึ่งๆ สิ่งที่ทีม Healthy Space Forum จะลงมือทำก่อนคือการทำความเข้าใจเพนพอยต์และข้อจำกัดของคนในพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจพื้นที่นั้นอย่างแท้จริง และเปิดโอกาสให้คนในท้องที่ได้แชร์ความคิดเห็น ก่อนจะนำมาออกแบบด้วยความรู้ด้านผังเมืองที่ตัวเองมี
“ความแตกต่างคือ เมืองเมืองหนึ่งมีผู้ใช้งานเยอะ การออกแบบย่อมต่างจากสถาปนิกที่ออกแบบบ้านที่มีเจ้าของไม่กี่คน พื้นที่ของโครงการจึงไม่ได้คิดเผื่อแค่คนที่มาใช้เท่านั้น แต่ยังคิดถึงคนรอบข้าง เช่น บ้านข้างๆ จะอยู่ยังไง รถจะติดไหม วิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งแง่ดีและแง่ลบ แล้วค่อยๆ พัฒนาพื้นที่นั้นเป็นเฟสให้คนมาลองใช้แล้วพัฒนาต่อ” ศิรดาเน้นย้ำ
อีกพาร์ตหนึ่งที่ Healthy Space Forum ทำงานด้วยคือการบริหารจัดการย่าน เพราะพวกเขามองว่าเมืองจะพัฒนาได้ ไม่ได้พึ่งพาแค่การส่งเสริมแค่เรื่องกายภาพเท่านั้น แต่คนในย่านยังสามารถผลักดันให้ย่านเติบโตขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น และมีแบรนดิ้งที่แข็งแรงของตัวเองได้
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_1-1024x683.jpg)
“เราเป็น Manager หรือ Facilitator ช่วยไกด์ในการปั้นเครือข่ายภายในย่านให้เกิดขึ้น เพราะจริงๆ แล้วทุกย่านนั้นมีต้นทุนที่ดีของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ประวัติศาสตร์ หรือคนเก่ง ซึ่งเมืองจะไปไหนไม่ได้เลยถ้าทุกคนอยู่กันเอง แต่เมื่อเกิดการรวมตัวกันเป็นย่าน แลกเปลี่ยน จับกลุ่ม มันจะเกิดการต่อยอดและสร้างบทสนทนาต่อได้ นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้เมืองเดินต่อ”
เล่าถึงจุดนี้ ‘จารวี ดำรงค์กิจการ’ ผู้จัดการโครงการอีกคนยกตัวอย่างงานที่อยู่นอกเหนือจากงานออกแบบให้ฟัง นั่นคืองานกิจกรรม FINDING PATTERN ตระเวนส่องลวดลายและสำรวจย่านเก่าเมืองภูเก็ต
![Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง ภูเก็ต](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_26-1024x683.jpg)
“ด้วยความที่ย่านเมืองเก่าของภูเก็ตเป็นห้องแถวแทบทุกที่ พื้นที่สาธารณะในเมืองแทบจะไม่มี ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวจะเดินแต่ถนนถลาง ไม่เชื่อมไปย่านอื่น เราเลยใช้กิจกรรมการเดินมาแก้ปัญหาด้วยการชวนพวกเขาเดินเชื่อมย่านด้วยเส้นทาง 3 เส้น รูตแรกคือส่องตึกเก่า รูตที่สองคือส่องแลนด์มาร์ก และรูตที่สามคือส่องวิถีตลาด
“แน่นอนว่านอกจากเป้าหมายที่เป็นการเดิน ซึ่งเป็นกิจกรรมทางกายที่อยากส่งเสริม กิจกรรมนี้มีประโยชน์งอกเงยขึ้นมาในหลายมิติ มิติแรกคือการนำวัฒนธรรมในพื้นที่มาผูกกับการท่องเที่ยว เราชวนเด็กๆ ในพื้นที่มาเป็นไกด์นำทัวร์ เพื่อให้พวกเขาอธิบายประวัติศาสตร์ของลวดลายต่างๆ ที่เห็นในเมืองเก่า ทั้งกระเบื้อง ช่องหน้าต่าง ประตู คนที่มาจะได้รู้และบอกต่อได้อีก
“อีกหนึ่งมิติคือการชุบชีวิตให้พื้นที่ที่แทบไม่เคยมีคนเห็นได้ถูกมองเห็น เช่น ตรอกตั่วแจ้ ซึ่งเป็นตรอกแคบๆ สุดตรอกคือบ่อน้ำเก่าของเมือง เราเห็นว่าพื้นที่นี้น่าเล่นมาก แต่จะทำยังไงให้ซอยที่ไม่มีคนเดินกลายเป็นพื้นที่ที่คนจะเดินเข้าไปดูได้ ก็ตอบโจทย์ได้ด้วยกิจกรรมนี้”
![Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง ภูเก็ต](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_24-1024x683.jpg)
พื้นที่ที่คนออกแบบต้องมีความสุข
“สำหรับผม นักออกแบบต้องแฮปปี้ก่อน” อาจารย์พนิตตอบ เมื่อเราถามว่าตัวชี้วัดความสำเร็จของ Healthy Space Forum อยู่ตรงไหน
“หลายเสียงบอกว่าออฟฟิศเราเป็นออฟฟิศที่สนุก เพราะเราไม่เคยบังคับอะไรเลย เข้าออฟฟิศเมื่อไหร่ก็ได้ เนื่องจากเราเชื่อว่าน้องๆ นักออกแบบแต่ละคนจัดการตัวเองได้ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของกัน”
“เรารู้สึกว่าแกนหลักในการทำงานคือความเชื่อใจ” ศิรดาเสริม “ทั้งความเชื่อใจกันระหว่างทีม เชื่อว่าทุกคนทำได้ ผลักให้เกิดผลงานใหม่ๆ ที่เราอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ซึ่งพอมันเกิดขึ้นได้ มันก็สร้างความเชื่อใจจากคนภายนอกว่าวิธีการใหม่ๆ แปลกๆ ก็ทำให้เวิร์กกับการปรับปรุงชุมชนและย่านได้เหมือนกัน
“พวกเขาจะเชื่อว่าการออกแบบทำให้เมืองพัฒนาต่อได้ เกิดการร่วมมือ การให้โอกาสกัน บนพื้นฐานความเชื่อและความหวังว่าเมืองที่เราอยู่จะดีขึ้น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่เราอยากเห็น” ศิรดาปิดประโยคด้วยรอยยิ้ม
![Healthy Space Forum ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/07/UC-hsf_27-1024x683.jpg)