‘mum’ โครงการเปลี่ยนขยะจากมหาสมุทรให้กลายเป็นอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำหรับชาวประมง

สาเหตุหนึ่งของ ‘ปัญหาขยะจากทะเล’ เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาปลาของชาวประมง ไม่ว่าจะเป็นอวน ทุ่น และเชือก ที่เมื่อใช้งานจนเสื่อมสภาพและไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้แล้ว สิ่งของเหล่านี้มักจะถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นขยะจำนวนมากใต้ท้องทะเล ทาง ‘PAN- PROJECTS’ สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จึงได้ร่วมมือกับ ‘REMARE’ บริษัทสตาร์ทอัปของญี่ปุ่นและชุมชนประมงท้องถิ่นในจังหวัดมิเอะ เพื่อริเริ่ม ‘mum’ โครงการอัปไซเคิลขยะในทะเลให้กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งแทนการปล่อยทิ้งเอาไว้หรือนำไปกำจัดทิ้งด้วยการเผา โดยทีมออกแบบเลือกเปลี่ยนขยะเหล่านั้นให้คืนชีพกลับมาเป็นอุปกรณ์ตกปลา ด้วยการนำไปบดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วสร้างอุปกรณ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากอุปกรณ์ตกปลาแล้ว โครงการนี้ยังนำขยะมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อที่ชาวประมงจะได้นำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อย่างเช่นใช้เป็นโต๊ะกินข้าวหรือจุดวางสิ่งของและปลาที่จับมาก็ได้ แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ของการออกแบบขยะจากทะเลเหล่านี้มาจากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นซึ่งเป็นจุดกำเนิดของโครงการ รวมถึงภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลกว้างใหญ่ โครงการ mum จึงอยากสร้างความตระหนักและเปลี่ยนมุมมองของผู้คนต่อพลาสติกในทะเลว่าขยะเหล่านี้สามารถเปลี่ยนให้เป็นของขวัญจากทะเลที่มีประโยชน์ได้ Sources :Designboom | bit.ly/3J85SUR PAN- Projects | pan-projects.com

ญี่ปุ่นเตรียมทดลองกำจัดหิมะด้วยการเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด แทนการนำไปทิ้งลงในทะเล

เนื่องจากบ้านเราไม่มีหิมะตก จึงอาจทำให้นึกไม่ออกว่าเมื่อหิมะตกลงมาทับถมกันนั้นสร้างความเดือดร้อนให้เมืองแค่ไหน อย่างในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกสูงที่สุดในประเทศ เพราะมีหิมะตกสูงถึง 312 นิ้วในแต่ละปี ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมากในการกำจัดหิมะออกจากอาคาร บ้าน และถนน เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล อย่างเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดหิมะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทีมวิจัยจาก Forte บริษัทสตาร์ทอัปในเมืองอาโอโมริและมหาวิทยาลัย Electro-Communications (UEC) ในเมืองโตเกียว มองหาวิธีการกำจัดหิมะที่ดีกว่าการทิ้งลงทะเล และค้นพบว่าหิมะเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ และปลอดภัย จึงลองใช้หิมะจำนวนมากกับอากาศภายนอกเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการใช้ท่อความร้อนในการจ่ายอากาศเย็นจากหิมะและอากาศร้อนจากอากาศภายนอกไปที่กังหันผลิตไฟฟ้า ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เกิดกระแสพาความร้อนในของเหลวหล่อเย็นของกังหัน ทำให้กังหันหมุนและผลิตไฟฟ้าออกมาได้ ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิหิมะและอากาศมีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทีมวิจัยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากหิมะอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอาจคุ้มค่ากว่าด้วย ทั้งนี้ การทดสอบการผลิตพลังงานจากหิมะจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม หากการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดีก็อาจมีการนำระบบการผลิตพลังงานนี้ไปใช้กำจัดหิมะในประเทศและทวีปอื่นๆ ได้ แต่ขณะเดียวกัน พลังงานสะอาดจากหิมะก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นคือ มันสามารถให้พลังงานได้แค่อุปกรณ์ขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่กังหันใหญ่ๆ ที่เราเคยเห็นกัน อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่กว้างขวางในการติดตั้งและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงาน และอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาการไหลเวียนของอากาศร้อนให้คงที่ในสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย Sources : DesignTAXI | bit.ly/3XxCRqj  Interesting […]

Laundry Holiday ร้านซักผ้า 24 ชั่วโมงในญี่ปุ่นที่อยากให้ลูกค้าได้สนุกกับการซักผ้าในทุกๆ วัน

ปกติแล้วเวลาไปร้านสะดวกซัก คนส่วนใหญ่คงไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอเท่าไรนัก นอกจากนั่งมองเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าที่วางเรียงรายอยู่หมุนจนครบเวลา  แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘Laundry Holiday’ ร้านซักผ้าที่เปิด 24 ชั่วโมงในเมือง Shikokuchuo จังหวัด Ehime ของประเทศญี่ปุ่น ที่อยากให้ลูกค้ามีความสุขกับกิจวัตรประจำวันอย่างการซักผ้า ด้วยการออกแบบร้านที่ผสมผสานกิจกรรมอื่นๆ เข้าไปในพื้นที่ด้วย  ส่วนใหญ่ภายในร้านซักรีดมักจะมีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับพับผ้าหรือการใช้งานอื่นๆ แต่ที่ Laundry Holiday เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะปิงปอง ส่วนด้านนอกร้านนั้นก็ตกแต่งด้วยม้านั่งคอนกรีตและกระถางต้นไม้ เพื่อให้ลูกค้าพักผ่อน สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมสนุกๆ ระหว่างรอซักผ้าก็ได้เช่นกัน แต่หากใครไม่ใช่สายออกกำลังกายหรือไม่อยากนั่งพักผ่อนเฉยๆ ในพื้นที่เดียวกันนั้นก็มี Yoshio Ice Cream ร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีเขียวเข้มกลืนกับบรรยากาศร้านซักผ้า ที่รอให้ลูกค้ามาลิ้มรสของหวานเย็นชื่นใจกันอยู่ด้วยเหมือนกัน Laundry Holiday จึงถือเป็นไอเดียที่เปลี่ยนให้การซักผ้าไม่น่าเบื่อ แถมยังเพิ่มพื้นที่พบปะและทำกิจกรรมให้กับผู้คนด้วย  Source : Designboom | bit.ly/3irXbKk

สตาร์ทอัปญี่ปุ่นเปลี่ยนขยะทะเลเป็น ‘HOTAMET’ หมวกนิรภัยจากเปลือกหอย เบา ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เปลือกหอยที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ แม้จะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากมีจำนวนมากจนเกินไป สสารที่เป็นของแข็งเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นขยะในท้องทะเลได้  ตัวอย่างเช่น ในแต่ละปี หมู่บ้านซารุฟุสึ ประเทศญี่ปุ่น จะมีเปลือกหอยเชลล์ถูกทิ้งให้กองเป็นภูเขาปกคลุมหลุมฝังกลบประมาณ 40,000 ตัน โดยทั้งหมดมาจากกระบวนการแปรรูปหอยเชลล์ในอุตสาหกรรมอาหาร ก่อนหน้านี้ ขยะเปลือกหอยเคยส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการผลิตใช้ใหม่ แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นหยุดส่งออกเปลือกหอยไปยังประเทศอื่นๆ ในปี 2564 เปลือกหอยจำนวนมากจึงต้องมากองเกลื่อนหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะปัญหาขยะล้นพื้นที่ Quantum บริษัทสตาร์ทอัปในประเทศญี่ปุ่นจึงปิ๊งไอเดียนำเปลือกของสัตว์น้ำกลุ่มนี้มารีไซเคิลเป็น ‘HOTAMET’ หมวกนิรภัยที่มีน้ำหนักเบา ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รูปทรงของ HOTAMET ถูกออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายกับเปลือกหอย เพื่อบอกให้ผู้สวมใส่รู้ว่าหมวกใบนี้ผลิตมาจากเปลือกหอยเชลล์รีไซเคิล แต่การใช้เปลือกหอยมาเป็นวัสดุเพียงชนิดเดียวอาจจะไม่เหมาะสมที่จะผลิตหมวกสำหรับสวมป้องกันศีรษะเท่าไหร่นัก  Quantum จึงเพิ่มวัสดุอย่างพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ตัวหมวกมีความทนทาน แข็งแรง เหมาะสำหรับการสวมใส่ในสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่กิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางด้วยจักรยาน ไปจนถึงการทำงานที่เสี่ยงอันตราย เช่น การตรวจสอบไซต์งานและการป้องกันภัยพิบัติ เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่นอกจากจะมีดีไซน์สวย ยังเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายด้วย Quantum จะเริ่มวางจำหน่ายหมวกเปลือกหอย HOTAMET ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ในราคาใบละ 4,800 เยน หรือประมาณ 1,200 บาท […]

เทคโนโลยีสำหรับคนขี้เกียจอาบน้ำ ญี่ปุ่นเปิดตัว ‘เครื่องซักคน’ แค่เข้าไปนอนนิ่งๆ ก็สะอาดหมดจด

ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งเทคโนโลยีก็ต้องมีของใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ ล่าสุดประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างอาการขี้เกียจอาบน้ำ และเปิดตัวโปรเจกต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนขี้เกียจทำความสะอาดร่างกายด้วย ‘เครื่องซักคน’ หรือเครื่องอาบน้ำอัตโนมัตินั่นเอง เครื่องซักคนที่ว่านี้คือ ‘Project Usoyaro’ โปรเจกต์ของ Science Co., Ltd. บริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนานวัตกรรมห้องน้ำและห้องครัว โดยเจ้า Project Usoyaro นี้ทำงานและควบคุมด้วยระบบ AI ที่จะช่วยทำความสะอาดร่างกายเพียงแค่เข้าเครื่องไปนอนแช่น้ำเฉยๆ แถมวิธีนี้ยังช่วยปลอบประโลมผู้ใช้งานจากวันที่เหนื่อยล้าอีกด้วย  เพราะเมื่อเราเข้าไปในนวัตกรรมนี้แล้ว ภายในก็จะมีหน้าจอกันน้ำที่นอกจากจะแสดงสถานะต่างๆ ของร่างกายแล้ว ยังเปิดเป็นภาพพร้อมกับเสียงเพลง ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศเพื่อความผ่อนคลายและทำให้รู้สึกสบายตลอดการอาบน้ำอีกด้วย ทั้งนี้ Project Usoyaro ไม่ใช่เครื่องช่วยอาบน้ำแรกที่ญี่ปุ่นคิดค้นขึ้น เพราะย้อนไปในงาน Osaka Expo 1970 บริษัท Sanyo Electronics เคยเปิดตัวแนวคิด ‘อ่างอัลตราโซนิก’ ที่จะช่วยทั้งทำความสะอาดร่างกาย นวดเพื่อผ่อนคลาย และทำให้ผู้ใช้งานตัวแห้งภายใน 15 นาที แต่เป็นเพียงไอเดียเท่านั้น ยังไม่ถูกพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง  ซึ่งในตอนนั้นทาง Yasuaki Aoyama ประธานบริษัท Science Co., Ltd. ได้ไปร่วมงาน Osaka […]

เพิ่มลิสต์เตรียมเที่ยวญี่ปุ่น! DIG THE LINE DOORS ร้านคราฟต์เบียร์สไตล์มินิมอลแห่งใหม่ในโตเกียว ที่อยากคอนเนกผู้คนด้วยเครื่องดื่มและดีไซน์สุดโมเดิร์น

ญี่ปุ่นกำลังจะเปิดประเทศทั้งที สายคราฟต์เบียร์และชาวมินิมอลต้องไม่พลาดไปแวะร้านคราฟต์เบียร์แห่งใหม่ในโตเกียวอย่าง ‘DIG THE LINE DOORS’ ซึ่งเป็นบาร์เหล้า (Taproom) สไตล์มินิมอลยอดนิยมจากเกียวโตที่ดำเนินการโดยผู้นำเข้าคราฟต์เบียร์จากยุโรป ซึ่งล่าสุดได้ขยับขยายมาเปิดสาขาแรกในเมืองหลวงแล้ว  DIG THE LINE DOORS เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินในฮาราจูกุ ย่านที่วัฒนธรรมของโตเกียวและประเทศอื่นๆ ของโลกมาบรรจบกัน ซึ่งบาร์เหล้าแห่งนี้เปรียบเสมือน ‘ประตู’ ที่จะเชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายกลุ่ม ผ่านเครื่องดื่มที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี ทั้งเบียร์ในท้องถิ่นของญี่ปุ่นเอง รวมถึงเบียร์จากต่างประเทศ ให้ผู้คนได้แวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติกันแบบไม่รู้เบื่อ นอกจากเบียร์แล้ว การตกแต่งร้านสไตล์มินิมอลก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย โดยจุดโฟกัสของร้านคือ ตู้แช่เครื่องดื่มแบบวอล์กอินที่ทำจากสเตนเลสไล่ระดับสีเขียวอมน้ำเงิน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางห้องสีขาว ทำให้ตู้แช่ดูโดดเด่น ใครเห็นก็ต้องอยากเข้าไปหยิบเบียร์มาดื่มสักกระป๋อง เนื่องจากเบียร์และสาเกที่เป็นสินค้าหลักของร้านนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก น้ำจึงเป็นแรงบันดาลใจและองค์ประกอบสำคัญในการดีไซน์ร้าน เพราะสีเขียวอมน้ำเงินของตู้เย็นก็ชวนให้นึกถึงน้ำและแสงสว่าง แถมพื้นผิวสเตนเลสที่สะท้อนแสงก็ยิ่งทำให้พื้นที่ในร้านดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากจะเป็นตู้สำหรับแช่เบียร์ให้เย็นชื่นใจแล้ว ด้านข้างของตู้ยังติดตั้งหัวก๊อกสีน้ำเงินไล่ระดับสีทั้งหมด 6 ตัว ไว้เสิร์ฟเบียร์และไซเดอร์ให้ลูกค้าอีกด้วย ส่วนบริเวณโดยรอบนั้นก็ยังมีม้านั่งและโต๊ะบาร์สีเทาทรงเก๋เตรียมไว้บริการลูกค้า เป็นสเปซให้คนได้นั่งจิบเบียร์สบายๆ หรือจะยืนคุยกันแบบเพลินๆ ก็ได้ ใครเป็นสายคราฟต์เบียร์และกำลังเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นทันทีที่เปิดประเทศ ก็อย่าลืมแวะไปแถวฮาราจูกุ ชมความมินิมอลและชิมเครื่องดื่มจาก DIG THE LINE DOORS กันนะ Source :Designboom […]

Tabisuru Kissa ท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่นไปกับแกงกะหรี่และครีมโซดา

โคเอนจิ (Koenji) เป็นย่านหนึ่งในโตเกียวที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ แต่บรรยากาศไม่เก๋ชิกแบบ ชิบุย่า (Shibuya) หรือ โอโมเตะซันเด (Omotesando) ส่วนมากจะเป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว เรโทรนิดๆ วินเทจหน่อยๆ หรือมีธีมเฉพาะทางที่อาจจะดูอะไรเอ่ยไม่เข้าพวกในตัวเมือง แต่ตั้งอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน  เวลาเดินกลับบ้านหรือแวะซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต เรามักจะค้นพบคาเฟ่เปิดใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่ Tabisuru Kissa เป็นร้านที่ตรงกันข้าม เห็นลงสื่อญี่ปุ่นบ่อยแต่หาไม่เจอสักที ได้แต่เดาไปเองจากชื่อร้านอย่าง Tabisuru แปลว่าไปเที่ยว ส่วน Kissa คือร้านคาเฟ่แบบเรโทรของญี่ปุ่น ดังนั้นที่นี่ก็คงเป็นร้านที่เจ้าของชอบไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วนำองค์ประกอบต่างๆ จากแต่ละที่มาขายหรือตกแต่งร้าน มีเมนูจากหลายประเทศให้ลองแน่ๆ ความจริงแล้วเราคิดถูกแค่ครึ่งเดียว Tabisuru Kissa คืออดีตคาเฟ่มีขาที่ตระเวนไปเที่ยว (เปิดร้านป็อปอัป) ตามจังหวัดต่างๆ ของญี่ปุ่น โดยมีแค่สองเมนู นั่นคือ แกงกะหรี่และครีมโซดา เจ้าของร้านพาความอร่อยไปนำเสนอให้คนในท้องถิ่น โดยใช้วัตถุดิบกรุบกริบสร้างสรรค์เมนูลิมิเต็ดเฉพาะเมืองนั้นๆ  หลังจากร่อนเร่เป็นคาเฟ่พเนจรอยู่เกือบๆ 2 ปี ในที่สุดก็ตัดสินใจลงหลักปักฐาน นำสิ่งที่เรียนรู้จากการเดินทางตะลุยเหนือจรดใต้รวม 13 จังหวัดมาเปิดหน้าร้านจริงจังในโตเกียวช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา คาเฟ่ที่ใช้แกงกะหรี่และครีมโซดานำทาง แค่ฟังก็ทั้งน่ากินและน่าสนุก ทำไป […]

ทำไมไทยฮิตแหล่งเที่ยวญี่ปุ่นทิพย์? เพราะตามกระแสหรือโหยหาเมืองที่ดี

“เที่ยวญี่ปุ่นในไทย ไม่ต้องไปไกลก็เหมือนอยู่แดนซากุระ”  ประโยคสุดคุ้นตาที่มักจะเห็นในคอนเทนต์รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นในประเทศไทย พักหลังหลายสถานที่ท่องเที่ยวก็นิยมสร้างเลียนแบบสถานที่สำคัญในญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น หรือเรียกว่า ‘เที่ยวญี่ปุ่นทิพย์’ เช่น การจำลองหมู่บ้านญี่ปุ่นสมัยเมจิ ปราสาทฮิโนกิที่มาจากเมืองเกียวโต วัดอาซากุสะ ทางลงบันไดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน  และล่าสุดบางจังหวัดมีไอเดียจะทำย่านถนนคนเดินญี่ปุ่นให้เหมือนกับอยู่ที่นั่นจริงๆ (แต่ในสภาพแวดล้อมไทย) จึงทำให้เกิดความสงสัยว่า ทำไมบ้านเราถึงฮิตสร้างแหล่งเที่ยวญี่ปุ่นทิพย์กันมากนัก? สร้างญี่ปุ่นทิพย์ เอาใจคนญี่ปุ่นและถูกใจคนไทย จุดเริ่มต้นความญี่ปุ่นทิพย์ต้องย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว สมัยชาวญี่ปุ่นชอบเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคเหนือ เนื่องจากบ้านเรามีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นที่มีมาช้านานก็ช่วยส่งเสริมการตลาดให้คนญี่ปุ่นสนใจมาเยี่ยมเยือนประเทศไทยมากกว่าแต่ก่อน สิ่งสำคัญที่ทำให้พวกเขาอยากมาท่องเที่ยวบ่อยๆ คือ การสร้างสถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่น รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้ออำนวย เช่น ป้ายต่างๆ ควรมีภาษาญี่ปุ่นอธิบายกำกับไว้ หรือพนักงานควรสื่อสารภาษาพื้นฐานได้ จึงทำให้เจ้าของธุรกิจสมัยนั้นต้องปรับตัวสร้างแหล่งท่องเที่ยวให้มีบรรยากาศญี่ปุ๊นญี่ปุ่น เพื่อจูงใจลูกค้าแดนซากุระให้มาอุดหนุนบ่อยๆ ขณะเดียวกัน คนไทยเมื่อ 5 ปีก่อน (และปัจจุบัน) ก็ชื่นชอบไปญี่ปุ่นมากที่สุดกว่า 1 ล้านคน/ปี หรือประมาณ 1.4 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยทั้งหมด ด้วยสภาพแวดล้อมที่สวยงามจากการออกแบบเมืองในประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งระบบการขนส่งสาธารณะสะดวกสบาย การดีไซน์อาคารทันสมัย อากาศดี ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย และคุณภาพชีวิตที่ปลอดภัย จึงทำให้ชาวไทยหลายคนติดใจประเทศญี่ปุ่นอย่างทวีคูณ ตัดภาพมาช่วงที่ไม่ได้บินต่างประเทศ กลับสู่ชีวิตจริงในเมืองไทยที่ต้องเจอกับปัญหารถติดขัด มลพิษบนท้องถนน น้ำคลองเน่าเสีย […]

9h Woman โรงแรมแคปซูลในญี่ปุ่น แค่เข้าพักก็แถมบริการตรวจวัดการนอนหลับฟรี นับจำนวนครั้งที่กรน และส่งผลให้หลังเช็กเอาต์

โรงแรมแคปซูล Nine Hours ในญี่ปุ่นล้ำไปอีกขั้น เพราะแค่เข้าพักก็มีบริการตรวจวิเคราะห์การนอนหลับแถมให้ฟรีๆ และมีบริการส่งผลให้ทางอีเมลทันทีหลังเช็กเอาต์  9h หรือ Nine Hours เป็นโรงแรมแคปซูลราคาประหยัดชื่อดังที่มีอยู่ทั่วญี่ปุ่นกว่า 14 สาขา และยังมีคอนเซปต์น่าสนใจ เพราะตัวเลข 9 ชั่วโมงตามชื่อของโรงแรมมาจากกิจกรรม 3 อย่าง คือ อาบน้ำ 1 ชั่วโมง นอน 7 ชั่วโมง และพักผ่อน 1 ชั่วโมงนั่นเอง เป็นคอนเซปต์โรงแรมที่บอกวิธีใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ เพื่อขจัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออกไป (แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้จำกัดเวลาใช้งานอยู่ที่ 9 ชั่วโมงตามชื่อนะ) Nine Hours สาขาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา คือ 9h Woman Shinjuku ตั้งอยู่ในย่านชินจูกุ ซึ่งมีเพียง 2 สาขาเท่านั้นที่รับเฉพาะแขกผู้หญิงเข้าพัก แต่เดิม Nine Hours เป็นโรงแรมแคปซูลทั่วไปที่เหมาะกับลูกค้าที่มองหาที่พักราคาประหยัดและไม่ต้องการใช้พื้นที่เยอะ แต่เฉพาะสาขานี้ ได้เพิ่มบริการ ‘ตรวจวิเคราะห์การนอนหลับ’ เข้าไปเพื่อให้การพักผ่อนที่นี่ล้ำยิ่งกว่าเดิม และตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่สนใจเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น วิธีใช้งานก็แสนง่าย […]

นี่คือปลาอะไร? การ์ดเกมทายสายพันธุ์ปลาจากญี่ปุ่น ที่อยากให้คนรู้จักปลาทั่วโลก

คุณรู้จักพันธุ์ปลาที่กินอยู่ทุกวันนี้ดีแค่ไหน?  รู้ไหมว่าแซลมอนมีเนื้อสีส้ม แต่หนังด้านนอกเป็นสีขาวและเกล็ดสีดำ ส่วนปลาซาบะข้างในเนื้อขาว แต่หนังปลามีรอยริ้วๆ บนหลัง เวลาไปเดินดูแผงปลาที่ตลาด ถ้าไม่ถามแม่ค้าเราแทบไม่รู้เลยว่าปลาพันธุ์ไหนหน้าตาเป็นอย่างไร  โรงพิมพ์ Chiba Printing และสตูดิโอ SANAGI สองบริษัทในญี่ปุ่นจึงจับมือกันทำการ์ดเกมที่มีชื่อว่า ‘Sakana Karuta (ซาคานะ คารุตะ)’ ที่ด้านหนึ่งออกแบบให้เป็นหนังปลาหลากหลายสายพันธุ์ ที่นอกจากจะพิมพ์อย่างคมชัดจนเหมือนหนังปลาจริงๆ แล้ว ยังใช้เทคนิคการพิมพ์ขั้นสูงที่สมจริง การ์ดหนังปลาสะท้อนแสงได้และยังลอยน้ำได้จริงด้วย  วิธีการเล่น ก่อนเริ่มทายจะต้องมีผู้เล่น 1 คนเป็น ‘ผู้อ่านการ์ด’ ผู้อ่านการ์ดจะเป็นคนดึงการ์ดออกจากสำรับ อ่านคำใบ้ที่ให้มา และวางกลับลงไปโดยที่ผู้เล่นไม่รู้ เพื่อให้ผู้เล่นได้ทายว่าคำใบ้นี้คือการ์ดของปลาตัวไหน จากนั้นผู้เล่นจะหยิบสิ่งที่พวกเขาคิดว่าตรงกับคำใบ้ให้เร็วที่สุด โดยการสัมผัสผิวของการ์ด ผู้เล่นสามารถขอคำใบ้เพิ่มเติมจากผู้อ่านการ์ดได้ คนที่ตอบถูกมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ และบนการ์ดจะมีข้อมูลโดยย่อของปลาแต่ละชนิดบอกไว้เพื่อให้เราได้ทำความรู้จักเพิ่มเติมด้วย  โปรเจกต์นี้ โรงพิมพ์ Chiba Printing และสตูดิโอ SANAGI ตั้งใจที่จะค้นหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการพิมพ์จำนวนน้อย (On-demand Printing) ซึ่งหลังจากออกแบบและพัฒนากันมาถึง 1 ปี การ์ดก็ถูกนำมาวางขายจริง โปรเจกต์นี้จะมีการอัปเดตการ์ดชุดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เล่นได้รู้จักกับพันธุ์ปลาอีกหลายชนิดปลาทั่วโลก Sources :Designboom […]

Inujima เกาะศิลปะที่เลิกถลุงแร่มาดูแลสิ่งแวดล้อม

พูดถึงเกาะศิลปะของญี่ปุ่น ชื่อของ Naoshima คงขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ใครมีเวลามากหน่อย อาจจะเคยแวะไป Teshima หรือ Shodoshima ที่อยู่ใกล้ๆ กัน จริงๆ แล้วในน่านน้ำทะเล Seto Inland ยังมี Inujima เกาะศิลปะอีกแห่งที่กรุบกริบไม่แพ้กัน แถมยังมีสตอรี่เข้มข้นและสภาพแวดล้อมแตกต่างจากเกาะศิลปะอื่นๆ ที่นี่เคยเป็นอดีตที่ตั้งโรงถลุงแร่ทองแดงซึ่งตัวโรงงานยังอยู่ในสภาพดีและถูกปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสุดเท่ แถมยังมี Art House กระจายตัวอยู่ทั่วเกาะอย่างเก๋ ดูเผินๆ ก็กรุบกริบตามมาตรฐานจริตงานอาร์ตร่วมสมัยญี่ปุ่น แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่สถาปัตยกรรมและงานศิลปะบนเกาะนี้กำลังพยายามทำคือการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับโรงงานที่อดีตเคยสร้างความเสียหายให้สิ่งแวดล้อมและนำความเดือดร้อนมาให้คนในชุมชน ถ้ายังไม่เคยไป วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความใส่ใจที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนของอินุจิมะ เกาะศิลปะไซซ์เอสที่มีความยาวรอบเกาะ 36 กม. พื้นที่ 0.54 ตร.กม. และคนอยู่อาศัยประมาณ 50 คน Inujima Seirensho Art Museum อินุจิมะอยู่ในเขตจังหวัดโอคะยะมะ เป็นเกาะหลักในบรรดาหมู่เกาะอินุจิมะและเป็นเกาะเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ เป็นเกาะชิลๆ ที่เดินประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว สมัยก่อนนิยมตั้งบนเกาะเพราะอยากลดมลภาวะทางอากาศในตัวเมืองและเพื่อความสะดวกในการขนส่งวัสดุต่างๆ คนในเกาะลงทุนตั้งโรงงานถลุงแร่ทองแดงในปี 1909 แต่อยู่ได้แค่ […]

เกาะชิมาอุระในญี่ปุ่น มีร้านอาหารมาเปิดครั้งแรกในรอบ 15 ปี ก่อนหน้านี้ต้องทำกินเอง หรือไปกินนอกเกาะ

เกาะชิมาอุระในประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดประมาณเซ็นทรัลปาร์ก และขึ้นชื่อด้านอาหารทะเลที่อุดมสมบูรณ์ แต่หากประชากร 850 คนบนเกาะอยากฉลองมื้อเย็นด้วยซาซิมิสักชุดหนึ่ง พวกเขามีเพียงสองทางเลือกคือลงมือทำด้วยตัวเอง หรือเดินทางออกไปกินที่นอกเกาะเลย เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีร้านอาหารมาเปิดนานถึง 15 ปีแล้ว จากปัญหาเดียวกันของทั้งแดนปลาดิบคือจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราการเกิดที่ลดลง จนไม่สามารถดึงดูดธุรกิจให้เข้ามาทำตลาดได้ ตอนนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่พวกเขาได้กลับมาทานอาหารนอกบ้านอีกครั้งที่ร้าน Mangetsu Shokudo ที่ให้เปิดขายแกงกะหรี่ อาหารทอด และเครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดีสำหรับครอบครัวที่ต้องทำอาหารกินเองที่บ้านมาตลอดหลายปี Taishi Iwata ผู้จัดการร้านอาหารบอกว่า โดยปกติแล้วผู้คนบนเกาะจะมีปลาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร แต่เป็นเรื่องยากที่จะซื้อไก่มาปรุงแล้วนำไปทอดในพื้นที่ที่ห่างไกลแบบนี้ ซึ่งการเปิดร้านอาหารครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะเล็กๆ สำหรับเกาะชิมาอุระ หนึ่งในหมู่เกาะของญี่ปุ่นที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนประชากรอย่างรุนแรง จากข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่น ประชากรที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะที่ห่างไกลลดลงมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างปี 2010 – 2015 เทียบกับอัตราส่วนทั่วประเทศลดลงเพียง 0.8 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนั้น อัตราประชากรชาวเกาะที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ยังมากถึง 39 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับระดับประเทศซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 26.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น Keitaro Kai เจ้าของร้านอาหาร Mangetsu Shokudo บอกว่า […]

1 2 3 4

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 64 MB.