‘Whale Brewing’ โรงผลิตคราฟต์เบียร์จากบ้านญี่ปุ่น 80 ปี ที่ช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวและลดจำนวนบ้านร้างในประเทศ

บ้านที่ถูกทิ้งร้างเป็นปัญหาใหญ่ของหลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลต้องมองหาวิธีแก้ไขเพื่อลดปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของบ้านร้างในประเทศ ซึ่งในเมืองโยบุโกะ จังหวัดซากะ ก็มีบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอายุกว่า 80 ปีถูกทิ้งร้างเอาไว้เหมือนกัน สถาปนิกจาก ‘CASE-REAL’ จึงได้ออกแบบและเปลี่ยนบ้านเก่าให้กลายเป็น ‘Whale Brewing’ โรงผลิตคราฟต์เบียร์แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง โดยเมืองโยบุโกะนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องการล่าวาฬในสมัยเอโดะ และมีชื่อเสียงในเรื่องการตกหมึก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน จำนวนประชากรในย่านนี้ก็ลดน้อยลงเนื่องจากการโยกย้ายถิ่นฐาน ทำให้มีบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นจำนวนมาก จึงเกิดเป็นไอเดียในการนำบ้านว่างหลังนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำให้เมืองมีชีวิตชีวามากขึ้น และหวังว่าจะช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองมากกว่าเดิม บ้านที่ CASE-REAL เลือกนั้นตั้งอยู่ริมถนนโยบุโกะ ถนนที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลท้องถิ่นและมีแผงขายสินค้าตั้งอยู่ทุกเช้า และแม้ว่าบ้านหลังนี้จะทรุดโทรมและมีปัญหาด้านโครงสร้างอยู่บ้าง แต่ CASE-REAL ได้สำรวจและเลือกจุดแข็งของบ้านมาปรับปรุงให้เป็นโครงสร้างและฟังก์ชันที่เหมาะสมกับการทำโรงเบียร์ โดยยังคงลักษณะดั้งเดิมของบ้านเอาไว้ ภายในอาคารประกอบไปด้วยพื้นที่ผลิตเบียร์ในห้องโถงแบบเปิด ส่วนด้านหน้าเป็นกระจกทั้งสองชั้นเพื่อให้ด้านในมองเห็นถนนด้านนอก ส่วนด้านนอกก็สามารถมองเข้ามาเห็นบรรยากาศในโรงเบียร์ที่ประกอบด้วยโครงไม้เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงนำสเตนเลสมาใช้สำหรับองค์ประกอบต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์และที่จับ เพื่อสะท้อนถึงอุปกรณ์ในการต้มเบียร์ด้วย Sources :CASE-REAL | tinyurl.com/wymyf2f6Designboom | tinyurl.com/4dekx5d4

‘Hair Room TOARU’ ร้านเสริมสวยในชนบทเมืองไซตามะ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทำผมกลางธรรมชาติ

ร้านทำผมทั่วไปที่เราไปใช้บริการกันนั้นมักเป็นร้านที่แบ่งสัดส่วนและตกแต่งด้วยอุปกรณ์ทำผมหลากหลายชนิด แต่หากใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น อาจมีโอกาสได้เจอกับ ‘Hair Room TOARU’ ร้านทำผมที่สตูดิโอสถาปนิก ‘Ateliers Takahito Sekiguchi’ ปรับปรุงให้ออกมาสวยงามสะดุดตา แตกต่างจากร้านทำผมอื่นๆ ที่เคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้ Hair Room TOARU ตั้งอยู่ริมถนนในพื้นที่ชนบทของไซตามะ และบริเวณโดยรอบของร้านนั้นล้อมรอบไปด้วยการจราจรและสภาพแวดล้อมป่าเขา การจัดเรียงข้าวของต่างๆ จึงอยู่ในลักษณะที่เหลื่อมกัน ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ไม้ ผนัง คอนกรีตเสริมเหล็ก และกระจกบานใหญ่ ทำให้มีช่องเปิดขนาดใหญ่เพื่อสร้างความเชื่อมโยงให้กับตัวร้านและธรรมชาติด้านนอก โดยทีม Ateliers Takahito Sekiguchi เลือกใช้ผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก (RC) เพื่อป้องกันเหตุไฟไหม้ และใช้หลังคา CLT ที่ทำจากไม้ในท้องถิ่น ที่นอกจากช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างให้น้อยลง ซึ่งหลังคานี้มีการออกแบบให้ระบายอากาศตามธรรมชาติ และรับแสงเพื่อช่วยให้ภายในร้านสว่างแบบทางอ้อมอีกด้วย Sources :Ateliers Takahito Sekiguchi | takahitosekiguchi.comDesignboom | tinyurl.com/3vjrvwbf

‘MUJI Base Kamogawa’ บ้านพักมินิมอลรีโนเวตจากบ้านเก่าอายุ 100 ปี เปิดให้จองผ่าน Airbnb และเข้าพักได้ในเดือนสิงหาคม

บ้านสไตล์มินิมอลอาจจะเป็นความฝันของใครหลายคน แต่ด้วยการตกแต่งบ้านที่ต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ทำให้การเปลี่ยนสไตล์บ้านทำได้ยาก แบรนด์ที่ผลิตสินค้าตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่นอย่าง ‘MUJI’ จึงเสนอทางเลือกด้วย ‘บ้านพักสไตล์มินิมอล’ ที่ผู้เข้าพักไม่ต้องเลือกซื้อสินค้ามาตกแต่งเอง แต่ทาง MUJI จะตกแต่งและจัดการพร้อมให้เข้าพักได้ทันที ด้วยบริการของ ‘MUJI Base’ ที่จะเข้าไปเปลี่ยนบ้านว่างเปล่าในประเทศญี่ปุ่นให้กลายเป็นบ้านพักสไตล์ MUJI เพื่อให้ผู้คนได้เข้ามาพักผ่อนและปล่อยใจไปกับความสงบและความสวยงามของบ้านที่ผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้ด้วย สำหรับบ้านพักแห่งใหม่ของ MUJI Base ที่กำลังจะเปิดให้บริการคือ ‘MUJI Base Kamogawa’ ตั้งอยู่ในเมืองคาโมงาวะ จังหวัดชิบะ ที่อยู่ห่างจากความแออัดและวุ่นวายในโตเกียวเพียง 90 นาทีเท่านั้นหากเดินทางด้วยรถยนต์ โดยบ้านหลังนี้เป็นการนำบ้านญี่ปุ่นอายุ 100 ปี มาปรับปรุงใหม่ในสไตล์มินิมอลแบบ MUJI ที่ยังคงกลิ่นอายของบ้านแบบดั้งเดิมเอาไว้ด้วย และตั้งใจที่จะไม่ให้มีสิ่งหรูหราภายในบ้าน เพื่อให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่และเข้าถึงความเป็นเมืองโบราณได้อย่างแท้จริง ส่วนของใช้ภายในบ้านที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้ผู้เข้าพักล้วนเป็นสินค้าของ MUJI ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง เครื่องนอน ของใช้ต่างๆ ที่สวยงามและกลมกลืนกับการตกแต่งของบ้าน ส่วนเรื่องอาหารการกิน ทาง MUJI ยังมีแพ็กเกจอาหารที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลในท้องถิ่นให้เลือกซื้อเพิ่มได้ นอกจากจะได้เข้าพักในบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่สวยงามแล้ว ยังมีกิจกรรมสำหรับผู้เข้าพักอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวเมลอนชิบะจากฟาร์มที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น รวมถึงจะได้ป้อนนม แปรงขน และรีดนมวัวในฟาร์มที่ปล่อยให้สัตว์ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกด้วย MUJI […]

ดับร้อนกับ ‘Ice Da Yo-yo’ เครื่องทำไอศกรีมแบบพกพาที่ทำได้โดยการเล่นโยโย่ 3 นาที

เมื่ออากาศร้อนขึ้น ผู้ปกครองอาจจะต้องเจอปัญหาที่เด็กๆ เรียกร้องขอให้ซื้อไอศกรีมเพื่อดับร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากไม่อยากเสียเงินบ่อยๆ เราขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้เด็กๆ ได้ทำไอศกรีมด้วยตัวเอง แถมยังได้ออกกำลังกายแขนด้วย ‘Takara Tomy’ ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับ ‘Hello Kitty’ ในการผลิต ‘Ice Da Yo-yo’ เครื่องทำไอศกรีมแบบพกพาที่นอกจากจะใช้งานได้ทุกที่แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นของเล่นให้เด็กๆ ได้สนุกกับการเล่นโยโย่อีกด้วย ภายใน Ice Da Yo-yo จะถูกแบ่งออกเป็นสองช่อง ช่องหนึ่งสำหรับใส่ส่วนผสมในการทำไอศกรีม อีกช่องสำหรับใส่น้ำ น้ำแข็ง และเกลือ เพื่อทำให้ส่วนผสมนั้นแข็งตัวเป็นไอศกรีมหลังจากเล่นโยโย่เพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น การทำงานของ Ice Da Yo-yo นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองทำไอศกรีมในถุงที่เป็นกิจกรรมเพื่อให้เด็กๆ ได้ทำความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ และต้นแบบของรูปร่างอุปกรณ์นี้ก็ได้มาจากโยโย่สไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ทำขึ้นจากลูกโป่งน้ำผูกกับยางยืดนั่นเอง เจ้าเครื่องทำไอศกรีมโยโย่มีให้เลือกถึง 4 คาแรกเตอร์จาก Sanrio ได้แก่ ‘Cinnamoroll’, ‘Hello Kitty’, ‘My Melody’ และ ‘Kuromi’ มีราคาอยู่ที่ตัวละ 2,640 เยน หรือประมาณ 650 […]

‘Sabus’ รถบัสเก่าที่เปลี่ยนให้เป็นซาวน่าเคลื่อนที่ ออกเดินทางให้บริการรอบจังหวัดเฮียวโกะ 

เมื่อไม่มีการนำไปใช้งานต่อ ‘รถบัสรุ่นเก่า’ อาจต้องจอดทิ้งไว้เฉยๆ เพื่อรอการแยกชิ้นส่วน แต่บริษัทสตาร์ทอัปในประเทศญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ยังใช้งานได้ของรถโดยสารประเภทนี้ จึงเกิดเป็นไอเดียที่ผสมผสานการชมวิวผ่านหน้าต่างรถและการอบซาวน่าไว้ในรถคันเดียวกัน ‘OSTR’ บริษัทสถาปัตยกรรมในโอซาก้าได้ร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัป ‘Sauna Ikitai’ ในการเปลี่ยนรถบัสเก่าให้กลับมาใช้งานได้ แต่เป็นในรูปแบบของซาวน่าเคลื่อนที่ ที่จะเดินทางให้บริการรอบจังหวัดเฮียวโกะ ซาวน่าติดล้อนี้มีชื่อว่า ‘Sabus’ เป็นรถบัสที่ได้รับการปรับปรุงให้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเลือกระดับความร้อนได้จากตำแหน่งที่นั่งและระยะห่างจากเพดาน โดยแถวแรกจะอยู่ใกล้เตาที่สุดและได้รับความร้อนโดยตรง ซึ่งสามารถควบคุมปุ่มทำความร้อนเองได้ แถวที่สองจะมีพื้นสูงและอยู่ใกล้เพดานมากที่สุด และแถวสุดท้ายจะนั่งสบายที่สุด ด้วยม้านั่งแบบยาวที่ช่วยให้ผู้ใช้บริการยืดขาหรือจะนอนก็ยังได้ อุปกรณ์ซาวน่าส่วนใหญ่ทำขึ้นจากการนำชิ้นส่วนในรถบัสมาใช้ใหม่หรือปรับปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นราวจับที่ติดกับที่นั่งที่นำป่านมาหุ้มเพื่อให้รู้สึกสบายยิ่งขึ้น สายสำหรับห่วงจับถูกนำมาใช้กับเทอร์โมมิเตอร์เพื่อบอกอุณหภูมิภายใน กล่องตั๋วที่มีหมายเลขก็ถูกเปลี่ยนเป็นภาชนะสำหรับใส่น้ำหอม ส่วนบริเวณด้านหน้าของรถบัสยังถูกปรับให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนและเก็บสัมภาระ โดยรถคันนี้ยังคงรักษาหน้าต่างขนาดใหญ่เอาไว้เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้ชมวิวทิวทัศน์ระหว่างที่ซาวน่าเคลื่อนตัวไปด้วย สำหรับรูปลักษณ์ด้านนอกนั้นยังคงลักษณะของรถบัสสีส้มเอาไว้ แต่มีการเพิ่มเติมองค์ประกอบบางอย่าง เช่น เติมเส้นสีฟ้าอ่อนเพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างซาวน่ากับอ่างน้ำเย็น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการใช้งานใหม่ และป้ายข้อมูลไฟฟ้าด้านหน้ารถบัสที่เปลี่ยนให้เป็น ‘ซาวน่าไอน้ำ 37’ ซึ่งหมายถึงซาวน่าที่จะพกพาไปยังที่ต่างๆ รวมไปถึงรูปสัญลักษณ์ของรถเข็นวีลแชร์ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสัญลักษณ์ของห้องซาวน่าแทน Sources :Designboom | bit.ly/3zP5bdyOSTR | bit.ly/3ZWpnVySauna Ikitai | bit.ly/3mrI6dW

‘mum’ โครงการเปลี่ยนขยะจากมหาสมุทรให้กลายเป็นอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์สำหรับชาวประมง

สาเหตุหนึ่งของ ‘ปัญหาขยะจากทะเล’ เกิดขึ้นจากอุปกรณ์ที่ใช้ในการหาปลาของชาวประมง ไม่ว่าจะเป็นอวน ทุ่น และเชือก ที่เมื่อใช้งานจนเสื่อมสภาพและไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้แล้ว สิ่งของเหล่านี้มักจะถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นขยะจำนวนมากใต้ท้องทะเล ทาง ‘PAN- PROJECTS’ สตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรมในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จึงได้ร่วมมือกับ ‘REMARE’ บริษัทสตาร์ทอัปของญี่ปุ่นและชุมชนประมงท้องถิ่นในจังหวัดมิเอะ เพื่อริเริ่ม ‘mum’ โครงการอัปไซเคิลขยะในทะเลให้กลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งแทนการปล่อยทิ้งเอาไว้หรือนำไปกำจัดทิ้งด้วยการเผา โดยทีมออกแบบเลือกเปลี่ยนขยะเหล่านั้นให้คืนชีพกลับมาเป็นอุปกรณ์ตกปลา ด้วยการนำไปบดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วสร้างอุปกรณ์ขึ้นมาใหม่ นอกจากอุปกรณ์ตกปลาแล้ว โครงการนี้ยังนำขยะมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อที่ชาวประมงจะได้นำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อย่างเช่นใช้เป็นโต๊ะกินข้าวหรือจุดวางสิ่งของและปลาที่จับมาก็ได้ แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ของการออกแบบขยะจากทะเลเหล่านี้มาจากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นซึ่งเป็นจุดกำเนิดของโครงการ รวมถึงภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเองที่ล้อมรอบไปด้วยทะเลกว้างใหญ่ โครงการ mum จึงอยากสร้างความตระหนักและเปลี่ยนมุมมองของผู้คนต่อพลาสติกในทะเลว่าขยะเหล่านี้สามารถเปลี่ยนให้เป็นของขวัญจากทะเลที่มีประโยชน์ได้ Sources :Designboom | bit.ly/3J85SUR PAN- Projects | pan-projects.com

ญี่ปุ่นเตรียมทดลองกำจัดหิมะด้วยการเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด แทนการนำไปทิ้งลงในทะเล

เนื่องจากบ้านเราไม่มีหิมะตก จึงอาจทำให้นึกไม่ออกว่าเมื่อหิมะตกลงมาทับถมกันนั้นสร้างความเดือดร้อนให้เมืองแค่ไหน อย่างในจังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่หิมะตกสูงที่สุดในประเทศ เพราะมีหิมะตกสูงถึง 312 นิ้วในแต่ละปี ทำให้รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรและเงินจำนวนมากในการกำจัดหิมะออกจากอาคาร บ้าน และถนน เพื่อนำไปทิ้งลงทะเล อย่างเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 มีค่าใช้จ่ายในการกำจัดหิมะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 5.9 พันล้านเยน หรือประมาณ 1.5 พันล้านบาท ทีมวิจัยจาก Forte บริษัทสตาร์ทอัปในเมืองอาโอโมริและมหาวิทยาลัย Electro-Communications (UEC) ในเมืองโตเกียว มองหาวิธีการกำจัดหิมะที่ดีกว่าการทิ้งลงทะเล และค้นพบว่าหิมะเป็นแหล่งพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ต้นทุนต่ำ และปลอดภัย จึงลองใช้หิมะจำนวนมากกับอากาศภายนอกเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ด้วยการใช้ท่อความร้อนในการจ่ายอากาศเย็นจากหิมะและอากาศร้อนจากอากาศภายนอกไปที่กังหันผลิตไฟฟ้า ความแตกต่างของอุณหภูมิทำให้เกิดกระแสพาความร้อนในของเหลวหล่อเย็นของกังหัน ทำให้กังหันหมุนและผลิตไฟฟ้าออกมาได้ ยิ่งความแตกต่างของอุณหภูมิหิมะและอากาศมีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยทีมวิจัยมองว่าการผลิตไฟฟ้าจากหิมะอาจมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และอาจคุ้มค่ากว่าด้วย ทั้งนี้ การทดสอบการผลิตพลังงานจากหิมะจะเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม หากการดำเนินงานเป็นไปได้ด้วยดีก็อาจมีการนำระบบการผลิตพลังงานนี้ไปใช้กำจัดหิมะในประเทศและทวีปอื่นๆ ได้ แต่ขณะเดียวกัน พลังงานสะอาดจากหิมะก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นคือ มันสามารถให้พลังงานได้แค่อุปกรณ์ขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่กังหันใหญ่ๆ ที่เราเคยเห็นกัน อีกทั้งยังต้องใช้พื้นที่กว้างขวางในการติดตั้งและจัดเก็บอุปกรณ์สำหรับสร้างพลังงาน และอาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาการไหลเวียนของอากาศร้อนให้คงที่ในสภาพอากาศหนาวเย็นอีกด้วย Sources : DesignTAXI | bit.ly/3XxCRqj  Interesting […]

Laundry Holiday ร้านซักผ้า 24 ชั่วโมงในญี่ปุ่นที่อยากให้ลูกค้าได้สนุกกับการซักผ้าในทุกๆ วัน

ปกติแล้วเวลาไปร้านสะดวกซัก คนส่วนใหญ่คงไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอเท่าไรนัก นอกจากนั่งมองเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าที่วางเรียงรายอยู่หมุนจนครบเวลา  แต่ไม่ใช่สำหรับ ‘Laundry Holiday’ ร้านซักผ้าที่เปิด 24 ชั่วโมงในเมือง Shikokuchuo จังหวัด Ehime ของประเทศญี่ปุ่น ที่อยากให้ลูกค้ามีความสุขกับกิจวัตรประจำวันอย่างการซักผ้า ด้วยการออกแบบร้านที่ผสมผสานกิจกรรมอื่นๆ เข้าไปในพื้นที่ด้วย  ส่วนใหญ่ภายในร้านซักรีดมักจะมีโต๊ะขนาดใหญ่สำหรับพับผ้าหรือการใช้งานอื่นๆ แต่ที่ Laundry Holiday เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นโต๊ะปิงปอง ส่วนด้านนอกร้านนั้นก็ตกแต่งด้วยม้านั่งคอนกรีตและกระถางต้นไม้ เพื่อให้ลูกค้าพักผ่อน สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมสนุกๆ ระหว่างรอซักผ้าก็ได้เช่นกัน แต่หากใครไม่ใช่สายออกกำลังกายหรือไม่อยากนั่งพักผ่อนเฉยๆ ในพื้นที่เดียวกันนั้นก็มี Yoshio Ice Cream ร้านไอศกรีมที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีเขียวเข้มกลืนกับบรรยากาศร้านซักผ้า ที่รอให้ลูกค้ามาลิ้มรสของหวานเย็นชื่นใจกันอยู่ด้วยเหมือนกัน Laundry Holiday จึงถือเป็นไอเดียที่เปลี่ยนให้การซักผ้าไม่น่าเบื่อ แถมยังเพิ่มพื้นที่พบปะและทำกิจกรรมให้กับผู้คนด้วย  Source : Designboom | bit.ly/3irXbKk

สตาร์ทอัปญี่ปุ่นเปลี่ยนขยะทะเลเป็น ‘HOTAMET’ หมวกนิรภัยจากเปลือกหอย เบา ทนทาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เปลือกหอยที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ แม้จะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่หากมีจำนวนมากจนเกินไป สสารที่เป็นของแข็งเหล่านี้ก็อาจกลายเป็นขยะในท้องทะเลได้  ตัวอย่างเช่น ในแต่ละปี หมู่บ้านซารุฟุสึ ประเทศญี่ปุ่น จะมีเปลือกหอยเชลล์ถูกทิ้งให้กองเป็นภูเขาปกคลุมหลุมฝังกลบประมาณ 40,000 ตัน โดยทั้งหมดมาจากกระบวนการแปรรูปหอยเชลล์ในอุตสาหกรรมอาหาร ก่อนหน้านี้ ขยะเปลือกหอยเคยส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการผลิตใช้ใหม่ แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นหยุดส่งออกเปลือกหอยไปยังประเทศอื่นๆ ในปี 2564 เปลือกหอยจำนวนมากจึงต้องมากองเกลื่อนหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะปัญหาขยะล้นพื้นที่ Quantum บริษัทสตาร์ทอัปในประเทศญี่ปุ่นจึงปิ๊งไอเดียนำเปลือกของสัตว์น้ำกลุ่มนี้มารีไซเคิลเป็น ‘HOTAMET’ หมวกนิรภัยที่มีน้ำหนักเบา ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รูปทรงของ HOTAMET ถูกออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายกับเปลือกหอย เพื่อบอกให้ผู้สวมใส่รู้ว่าหมวกใบนี้ผลิตมาจากเปลือกหอยเชลล์รีไซเคิล แต่การใช้เปลือกหอยมาเป็นวัสดุเพียงชนิดเดียวอาจจะไม่เหมาะสมที่จะผลิตหมวกสำหรับสวมป้องกันศีรษะเท่าไหร่นัก  Quantum จึงเพิ่มวัสดุอย่างพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ตัวหมวกมีความทนทาน แข็งแรง เหมาะสำหรับการสวมใส่ในสถานการณ์ต่างๆ ตั้งแต่กิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางด้วยจักรยาน ไปจนถึงการทำงานที่เสี่ยงอันตราย เช่น การตรวจสอบไซต์งานและการป้องกันภัยพิบัติ เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวที่นอกจากจะมีดีไซน์สวย ยังเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายด้วย Quantum จะเริ่มวางจำหน่ายหมวกเปลือกหอย HOTAMET ในช่วงเดือนมีนาคม 2566 ในราคาใบละ 4,800 เยน หรือประมาณ 1,200 บาท […]

เทคโนโลยีสำหรับคนขี้เกียจอาบน้ำ ญี่ปุ่นเปิดตัว ‘เครื่องซักคน’ แค่เข้าไปนอนนิ่งๆ ก็สะอาดหมดจด

ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแห่งเทคโนโลยีก็ต้องมีของใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันอยู่เสมอ ล่าสุดประเทศญี่ปุ่นได้เล็งเห็นปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างอาการขี้เกียจอาบน้ำ และเปิดตัวโปรเจกต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนขี้เกียจทำความสะอาดร่างกายด้วย ‘เครื่องซักคน’ หรือเครื่องอาบน้ำอัตโนมัตินั่นเอง เครื่องซักคนที่ว่านี้คือ ‘Project Usoyaro’ โปรเจกต์ของ Science Co., Ltd. บริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนานวัตกรรมห้องน้ำและห้องครัว โดยเจ้า Project Usoyaro นี้ทำงานและควบคุมด้วยระบบ AI ที่จะช่วยทำความสะอาดร่างกายเพียงแค่เข้าเครื่องไปนอนแช่น้ำเฉยๆ แถมวิธีนี้ยังช่วยปลอบประโลมผู้ใช้งานจากวันที่เหนื่อยล้าอีกด้วย  เพราะเมื่อเราเข้าไปในนวัตกรรมนี้แล้ว ภายในก็จะมีหน้าจอกันน้ำที่นอกจากจะแสดงสถานะต่างๆ ของร่างกายแล้ว ยังเปิดเป็นภาพพร้อมกับเสียงเพลง ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศเพื่อความผ่อนคลายและทำให้รู้สึกสบายตลอดการอาบน้ำอีกด้วย ทั้งนี้ Project Usoyaro ไม่ใช่เครื่องช่วยอาบน้ำแรกที่ญี่ปุ่นคิดค้นขึ้น เพราะย้อนไปในงาน Osaka Expo 1970 บริษัท Sanyo Electronics เคยเปิดตัวแนวคิด ‘อ่างอัลตราโซนิก’ ที่จะช่วยทั้งทำความสะอาดร่างกาย นวดเพื่อผ่อนคลาย และทำให้ผู้ใช้งานตัวแห้งภายใน 15 นาที แต่เป็นเพียงไอเดียเท่านั้น ยังไม่ถูกพัฒนาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ได้ในชีวิตจริง  ซึ่งในตอนนั้นทาง Yasuaki Aoyama ประธานบริษัท Science Co., Ltd. ได้ไปร่วมงาน Osaka […]

เพิ่มลิสต์เตรียมเที่ยวญี่ปุ่น! DIG THE LINE DOORS ร้านคราฟต์เบียร์สไตล์มินิมอลแห่งใหม่ในโตเกียว ที่อยากคอนเนกผู้คนด้วยเครื่องดื่มและดีไซน์สุดโมเดิร์น

ญี่ปุ่นกำลังจะเปิดประเทศทั้งที สายคราฟต์เบียร์และชาวมินิมอลต้องไม่พลาดไปแวะร้านคราฟต์เบียร์แห่งใหม่ในโตเกียวอย่าง ‘DIG THE LINE DOORS’ ซึ่งเป็นบาร์เหล้า (Taproom) สไตล์มินิมอลยอดนิยมจากเกียวโตที่ดำเนินการโดยผู้นำเข้าคราฟต์เบียร์จากยุโรป ซึ่งล่าสุดได้ขยับขยายมาเปิดสาขาแรกในเมืองหลวงแล้ว  DIG THE LINE DOORS เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินในฮาราจูกุ ย่านที่วัฒนธรรมของโตเกียวและประเทศอื่นๆ ของโลกมาบรรจบกัน ซึ่งบาร์เหล้าแห่งนี้เปรียบเสมือน ‘ประตู’ ที่จะเชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายกลุ่ม ผ่านเครื่องดื่มที่ทางร้านคัดสรรมาอย่างดี ทั้งเบียร์ในท้องถิ่นของญี่ปุ่นเอง รวมถึงเบียร์จากต่างประเทศ ให้ผู้คนได้แวะเวียนมาลิ้มลองรสชาติกันแบบไม่รู้เบื่อ นอกจากเบียร์แล้ว การตกแต่งร้านสไตล์มินิมอลก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ดูทันสมัย โดยจุดโฟกัสของร้านคือ ตู้แช่เครื่องดื่มแบบวอล์กอินที่ทำจากสเตนเลสไล่ระดับสีเขียวอมน้ำเงิน ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางห้องสีขาว ทำให้ตู้แช่ดูโดดเด่น ใครเห็นก็ต้องอยากเข้าไปหยิบเบียร์มาดื่มสักกระป๋อง เนื่องจากเบียร์และสาเกที่เป็นสินค้าหลักของร้านนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก น้ำจึงเป็นแรงบันดาลใจและองค์ประกอบสำคัญในการดีไซน์ร้าน เพราะสีเขียวอมน้ำเงินของตู้เย็นก็ชวนให้นึกถึงน้ำและแสงสว่าง แถมพื้นผิวสเตนเลสที่สะท้อนแสงก็ยิ่งทำให้พื้นที่ในร้านดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากจะเป็นตู้สำหรับแช่เบียร์ให้เย็นชื่นใจแล้ว ด้านข้างของตู้ยังติดตั้งหัวก๊อกสีน้ำเงินไล่ระดับสีทั้งหมด 6 ตัว ไว้เสิร์ฟเบียร์และไซเดอร์ให้ลูกค้าอีกด้วย ส่วนบริเวณโดยรอบนั้นก็ยังมีม้านั่งและโต๊ะบาร์สีเทาทรงเก๋เตรียมไว้บริการลูกค้า เป็นสเปซให้คนได้นั่งจิบเบียร์สบายๆ หรือจะยืนคุยกันแบบเพลินๆ ก็ได้ ใครเป็นสายคราฟต์เบียร์และกำลังเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่นทันทีที่เปิดประเทศ ก็อย่าลืมแวะไปแถวฮาราจูกุ ชมความมินิมอลและชิมเครื่องดื่มจาก DIG THE LINE DOORS กันนะ Source :Designboom […]

Tabisuru Kissa ท่องเที่ยวทั่วญี่ปุ่นไปกับแกงกะหรี่และครีมโซดา

โคเอนจิ (Koenji) เป็นย่านหนึ่งในโตเกียวที่เต็มไปด้วยคาเฟ่ แต่บรรยากาศไม่เก๋ชิกแบบ ชิบุย่า (Shibuya) หรือ โอโมเตะซันเด (Omotesando) ส่วนมากจะเป็นคาเฟ่ที่มีบรรยากาศเฉพาะตัว เรโทรนิดๆ วินเทจหน่อยๆ หรือมีธีมเฉพาะทางที่อาจจะดูอะไรเอ่ยไม่เข้าพวกในตัวเมือง แต่ตั้งอยู่ที่นี่ได้อย่างไม่เคอะเขิน  เวลาเดินกลับบ้านหรือแวะซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต เรามักจะค้นพบคาเฟ่เปิดใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่ Tabisuru Kissa เป็นร้านที่ตรงกันข้าม เห็นลงสื่อญี่ปุ่นบ่อยแต่หาไม่เจอสักที ได้แต่เดาไปเองจากชื่อร้านอย่าง Tabisuru แปลว่าไปเที่ยว ส่วน Kissa คือร้านคาเฟ่แบบเรโทรของญี่ปุ่น ดังนั้นที่นี่ก็คงเป็นร้านที่เจ้าของชอบไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วนำองค์ประกอบต่างๆ จากแต่ละที่มาขายหรือตกแต่งร้าน มีเมนูจากหลายประเทศให้ลองแน่ๆ ความจริงแล้วเราคิดถูกแค่ครึ่งเดียว Tabisuru Kissa คืออดีตคาเฟ่มีขาที่ตระเวนไปเที่ยว (เปิดร้านป็อปอัป) ตามจังหวัดต่างๆ ของญี่ปุ่น โดยมีแค่สองเมนู นั่นคือ แกงกะหรี่และครีมโซดา เจ้าของร้านพาความอร่อยไปนำเสนอให้คนในท้องถิ่น โดยใช้วัตถุดิบกรุบกริบสร้างสรรค์เมนูลิมิเต็ดเฉพาะเมืองนั้นๆ  หลังจากร่อนเร่เป็นคาเฟ่พเนจรอยู่เกือบๆ 2 ปี ในที่สุดก็ตัดสินใจลงหลักปักฐาน นำสิ่งที่เรียนรู้จากการเดินทางตะลุยเหนือจรดใต้รวม 13 จังหวัดมาเปิดหน้าร้านจริงจังในโตเกียวช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา คาเฟ่ที่ใช้แกงกะหรี่และครีมโซดานำทาง แค่ฟังก็ทั้งน่ากินและน่าสนุก ทำไป […]

1 2 3 4

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.