เราโดน Gaslight หรือเผลอไป Gaslight ใครหรือเปล่า - Urban Creature

คำว่า ‘Gaslight’ เป็นคำที่คนค้นหาความหมายมากที่สุดในปี 2022 จากเว็บไซต์พจนานุกรมชื่อดัง Merriam-Webster เราจึงคิดว่าควรจะพูดถึงคำนี้ในหลากหลายแง่มุมให้มากที่สุดเกี่ยวกับการ Gaslight (แก๊สไลต์) 

ทางเว็บไซต์ได้ให้ความหมายคำนี้ที่เข้าใจอย่างเห็นภาพไว้ว่า The act or practice of grossly misleading someone, especially for one’s own advantage.’ หรือแปลเป็นไทยคือ การกระทำบางอย่างที่ตั้งใจทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด บิดเบือนความจริง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

ต้นกำเนิดของคำนี้มาจากหนังเรื่องหนึ่งในปี 1944 เป็นหนังที่เก่ามากขนาดว่าภาพยังเป็นสีขาว-ดำอยู่เลย หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Gaslight ตรงตัว ว่าด้วยเรื่องราวของ Paula สาวน้อยผู้อ่อนโยน ไร้เดียงสา ที่เผชิญเหตุการณ์เลวร้าย เห็นป้าแท้ๆ ถูกฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาในบ้านของตัวเองที่เมืองลอนดอน หลายปีต่อมา เธอเดินทางไปยังประเทศอิตาลี และพบรักกับชายหนุ่มถึงขั้นตัดสินใจแต่งงาน ก่อนเดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ของเธอในลอนดอน ซึ่งเป็นมรดกของคุณป้านั่นเอง

จุดพลิกผันของเรื่องคือการที่ผู้ชายคนนี้เห็น Paula รวยอู้ฟู่ ก็หวังจะฮุบทรัพย์สินมรดกทุกอย่างของหญิงสาวเอาไว้เอง โดยใช้วิธีการกลั่นแกล้ง ตั้งใจทำให้เธอรู้สึก ‘เป็นบ้า’ ซึ่งคำว่า Gaslight ก็มาจากตะเกียงไฟสมัยก่อน เมื่อ Paula เดินเข้าไปในห้อง เขาก็แอบหรี่ไฟลง จนเธอตกใจว่าทำไมอยู่ดีๆ ห้องถึงมืด โดยผู้ชายทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วหลอกว่าไฟสว่างปกติ เธอเป็นอะไรหรือเปล่า เพื่อตั้งใจทำให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตัวเองนั้นคิดไปเอง พร้อมกับคอยหลอกให้เธอกลัวตัวเองสารพัดทาง จนสุดท้ายหญิงสาวต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต

gaslight-mental-help

การที่เรายกตัวอย่างผ่านฉากในตำนานของหนังเรื่องนี้ คงทำให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้นว่า แก๊สไลต์คืออีกขั้นของการโกหก เพราะเป็นการโกหกเพื่อปั่นประสาทอีกฝ่ายและเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง

สำหรับใครก็ตามที่เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่โดนแก๊สไลต์มาก่อน หรือกำลังเผชิญสิ่งนี้อยู่ และยังไม่สามารถเดินออกจากความเป็นพิษนี้ได้ ต้องหาพื้นที่ปลอดภัย แม้สักเสี้ยวหนึ่งของวัน อยู่กับตัวเองหรือคนอื่นที่เขารักและหวังดีกับเรา เพื่อเตือนตัวเองว่าตัวเรานั้นมีคุณค่าและเป็นคนพิเศษแค่ไหน ให้แยกเสียงที่ตั้งใจทำร้ายเราออกจากเสียงที่มาจากก้นบึ้งอันเต็มไปด้วยความรักของเราออกให้ได้ เยียวยาตัวเองด้วยการชโลมทั้งร่างและจิตวิญญาณของเราด้วยความรักไปเรื่อยๆ เพื่อดึงตัวตนคนเก่าก่อนโดนทำร้ายกลับคืนมา โดยอาจจะต้องทำไปพร้อมๆ กับการพูดคุยกับนักจิตฯ ที่ไว้ใจ เพื่อความมั่นใจว่าเราจะมีมือคอยช่วยพยุงอยู่เสมอ

เราเชื่อว่า หลายสื่อคงเขียนเรื่องอันตรายของการโดนแก๊สไลต์ให้คนอ่านระมัดระวังตัวกันบ้างแล้ว วันนี้เราเลยอยากมาแบ่งปันให้ฟังเช่นกันในฐานะนักจิตบำบัดที่เจอเคสมาเยอะ

แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสสังคมที่หลายคนโดนชี้หน้าว่าเป็นนักแก๊สไลต์ไปซะหมด ‘การเห็นไม่ตรงกัน’ ที่มันไม่เป็นพิษ ยังมีอยู่จริงในโลกแห่งความสัมพันธ์หรือไม่ มันแตกต่างจากสิ่งที่มีพิษจริงๆ ยังไง และเราจะสร้างความสัมพันธ์ให้ปลอดภัย และรับฟังกันทั้งสองฝ่ายอย่างไม่รู้สึกว่ามีใครถูกทำร้ายอย่างไรได้บ้าง

นี่คงเป็นบางตัวอย่างให้ลองกลับไปสังเกตและนำไปใช้ดู

gaslight ความสัมพันธ์

การใช้ความรู้สึกในความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ

หนึ่งเหตุการณ์ที่เราเห็นบ่อยมากในความสัมพันธ์คือ คู่รักที่คนหนึ่งขับเคลื่อนด้วยเหตุผลผ่านตรรกะ ส่วนอีกคนทำความเข้าใจโลกนี้ด้วยเลนส์ของอารมณ์และความรู้สึก

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้ง คนที่มองทุกอย่างผ่านตรรกะจะหาเหตุผลมาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายว่า นี่มันไม่ใช่ความผิดของเขาขนาดไหน คำพูดที่ใช้มักเป็นประโยคทำนอง “ที่เธอพูดมันไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นนะ!” เพราะสำหรับเขา สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นมิติเดียวมากๆ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่าสิ่งที่ตามองเห็นเลย 

แต่สำหรับอีกฝ่ายที่ใช้ความรู้สึก สิ่งที่สำคัญต่อจิตใจกว่าคือ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เรา ‘รู้สึก’ ยังไง ตรงไหนบ้างที่เจ็บปวด ตรงไหนบ้างที่รู้สึกน้อยใจและไม่ได้รับการฟังเสียง ตรงไหนบ้างที่รู้สึกโดนเมินเฉย ฯลฯ

การพูดว่า “นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นนะ” จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโดน Shut Down และยิ่งไม่กล้าเล่าความรู้สึกที่บอบบางลึกๆ ออกมา เพราะตัวเองคิดไปแล้วว่าอีกฝ่ายต้องหาว่าไร้สาระแน่ๆ ต้นตอของความเจ็บเลยไม่ได้รับการแก้ไข

หากลองเปลี่ยนเป็นพูดว่า “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเข้าใจว่ามันเกิดขึ้น ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น ลองอธิบายให้ฉันฟังได้ไหมว่ามันกระทบใจของเธออย่างไร” แม้คำพูดแบบนี้อาจทำให้ต้องฝืนอีโก้ตัวเองสักหน่อย เพราะในหัวก็คิดว่าตัวเองไม่ผิด แต่ความรักมันไม่มีการแพ้-ชนะ มีแต่การเดินไปด้วยกัน ต้องรู้จักอะลุ่มอล่วยบ้างหากอยากพาให้ความสัมพันธ์นี้รอดอย่างเข้าใจกันและกันที่สุด

gaslight ความสัมพันธ์

มุกตลกที่ไม่ตลก อาจทำร้ายใจอีกฝ่าย

ต่างคนต่างการเติบโต หลายครั้งเราแทบไม่รู้เลยว่าคนข้างๆ ผ่านอะไรที่เป็นเหมือนฝันร้ายของเขาในอดีตมาหรือเปล่า ความอ่อนไหวในบางเรื่องของแต่ละคนล้วนไม่เท่ากัน

เมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายบอกเราว่า “ไม่เล่นมุกอย่างนี้ได้ไหม” การที่เราตอบกลับไปว่า “โอ๊ย เรื่องตลกแค่นี้ทำไมถึงรับไม่ได้!” จะยิ่งเป็นการเพิกเฉยต่อความรู้สึกของเขา เพราะสำหรับคนที่โดนกระทำมันไม่ได้ขำ หนำซ้ำอาจไปเปิดแผลเก่าๆ ให้นึกถึงและเศร้าขึ้นมาใหม่

“ขอโทษที่ไม่ทันคิดและคิดไปเองว่ามันขำนะ ต่อไปจะไม่เล่นอะไรแบบนี้แล้ว” นี่ต่างหากที่เราควรพูดออกไป เพราะในโลกใบนี้ยังมีอะไรที่สร้างเสียงหัวเราะอย่างสร้างสรรค์กว่าการทำให้อีกคนรู้สึกแย่เยอะเลย

ตัวอย่างนี้เป็นกรณีเดียวกับการที่เราเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วอีกฝ่ายมีผลตอบรับในลักษณะที่ผู้พูดคิดว่ามันเกินจริงหรือเวอร์ไปมากๆ ยกตัวอย่างการที่เราไปบอกเขาว่า “เธอนี่มันเวอร์จริงๆ เลย” จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายอายหรือรู้สึกผิดกับความรู้สึกที่เอ่อล้นออกมาของเขา

“โอเค เราเข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้มันสำคัญจริงๆ สำหรับเธอ” ประโยคตอบรับทำนองนี้เป็นคำพูดที่ปลอบประโลมใจอีกฝ่ายมากกว่า เพื่อทำให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเราก็แคร์กับการไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บช้ำใจเช่นกัน

gaslight ความสัมพันธ์

การประชดประชันไม่ช่วยอะไร รังแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง

การประชดประชันถือเป็นการสื่อสารอย่างแรกๆ ที่คนมักเลือกใช้เมื่อเกิดอาการหงุดหงิดไม่พอใจ

เมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเสียใจในสิ่งที่เราทำ การรีบประชดประชันจากความน้อยใจของเราอย่าง “เออๆ ฉันผิดเอง ฉันทำอะไรก็ผิดตลอดนั่นแหละ” จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่กับการที่ทำให้เรารู้สึกแย่ ซึ่งเจ้าความรู้สึกแย่นี้มันจะไม่จางหายไปไหน แถมยังเพิ่มน้ำหนักความแย่ให้ถึงสองคนอีก

“ฉันขอโทษที่ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้นนะ” เป็นถ้อยคำที่ต้องดึงสติผู้พูดมาก ท่ามกลางมวลอารมณ์ที่ร้อนระอุ แต่เมื่อทุกอย่างเย็นลง ต่างคนจะตกผลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และปรับตัวเข้าหากันและกันได้อย่างไม่ต้องเพิ่มความเจ็บช้ำให้ใคร

gaslight ความสัมพันธ์

ฟังเสียงกันและกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ดูแลเรา

ความสัมพันธ์ยิ่งนานยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน บทสนทนายิ่งยากลำบากมากแค่ไหน มันยิ่งเป็นเรื่องจำเป็นในความสัมพันธ์ เพราะนั่นแปลว่าสิ่งนี้มีค่าและกระทบจิตใจของคนคนนั้น

หลายครั้งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจเขาผ่านเลนส์ของเรา เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันย่อมทำให้มองโลกต่างกัน เราแค่ฟังเสียงของเขา เคารพความเจ็บปวดนั้น และปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่มีร่วมกันให้ห่างไกลจากความเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากคนสองคนให้มากที่สุด เพื่อช่วยกันปกป้องความสัมพันธ์นี้จากความเจ็บปวดที่รออยู่ข้างนอกดีกว่า

gaslight ความสัมพันธ์

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.