สำรวจจักรวาล Dune ผ่านมุมมองศาสนาและความเชื่อ - Urban Creature

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘Dune : Part Two’ กลายเป็นภาพยนตร์ไซไฟขึ้นหิ้งเรื่องใหม่ในทศวรรษนี้ไม่ต่างจาก ‘Star Wars’ หรือ ‘The Matrix’ ในอดีต จากเรื่องราวอันยอดเยี่ยมผ่านปลายปากกาของ Frank Herbert สู่จอเงินด้วยทัศนะของ Denis Villeneuve ผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ ที่พาเราท่องไปในจักรวาล Dune ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

เรื่องราวของ Dune ไม่ใช่จักรวาลไซไฟในอนาคตอันหรูหราไฮเทค แต่กลับเป็นอนาคตที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและอิทธิพลของศาสนาราวกับวิวัฒนาการย้อนกลับไปในยุคกลาง (Medieval)

ทั่วทั้งจักรวาลถูกปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการโดยองค์จักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียว และแบ่งสันการดูแลดวงดาวให้กับกลุ่มตระกูลขุนนางต่างๆ โดยที่ประชาชนบนดาวผู้เป็นเจ้าของเดิมทำได้เพียงก้มหัวยอมรับผู้ปกครองคนใหม่เท่านั้น จนกระทั่งการมาถึงของ ‘พอล อะเทรดีส’ (Paul Atreides) ผู้ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของจักรวาลใหม่ทั้งหมด

ทำไมผู้มีอำนาจถึงปกครองจักรวาลได้อย่างยาวนานโดยไร้ผู้ต่อต้าน และอะไรที่ทำให้การมาถึงของพอล อะเทรดีส สามารถปลุกระดมผู้คนให้ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจจักรวรรดิอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คอลัมน์เนื้อหนังอยากพาทุกคนไปสำรวจจักรวาล Dune ผ่านแนวคิดของ ‘ศาสนา’ และ ‘ความเชื่อ’ ที่ปรากฏในเรื่อง

อิทธิพลของศาสนาและจุดกำเนิดความศรัทธาของมนุษย์

ดูน dune ภาพยนตร์ หนังไซไฟ ศาสนา ความเชื่อ

โฮโมเซเปียนส์ (Homo Sapiens) คือสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถสร้างแนวความคิดบางอย่างเพื่อชักจูงและรวบรวมกลุ่มก้อนของตนให้กระทำบางสิ่งที่ต้องการ แบบที่สัตว์อื่นไม่สามารถทำได้ เช่น คุณไม่สามารถบอกลิงให้กราบไหว้ต้นกล้วย เพื่อที่ลิงตัวนั้นจะได้ขึ้นสวรรค์และมีกล้วยกินแบบไม่จำกัด แต่คุณสามารถบอกมนุษย์ให้กราบไหว้ก้อนหินเพื่อขึ้นสวรรค์และมีชีวิตสุขีได้

เพราะมนุษย์มักหวังถึงประโยชน์ในอนาคตอยู่เสมอ เมื่อตัวเองกำลังเป็นทุกข์จึงจำเป็นต้องหาทางอื่นๆ ในการทำให้ชีวิตดีขึ้นเพื่อพ้นจากความทุกข์ยาก หรืออย่างน้อยต่อให้ตัวเองตายไปก็ขอให้ได้ขึ้นสวรรค์ และหลายๆ ครั้งความวิตกในความกลัวต่ออำนาจอันสูงส่งที่ฝังแน่นอยู่ในมนุษย์ ก็ทำให้เราเผลอหมอบกราบกันอย่างไม่มีเหตุผลเพียงเพราะความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ ‘ศาสนา’ จึงมีอิทธิพลต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก

ยิ่งถ้าคุณอาศัยอยู่ใน ‘Dune’ หรือดาว ‘อาร์ราคิส’ (Arrakis) ดินแดนแสนแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยความลำบาก สงคราม และการถูกกดขี่จากคนนอก ก็ยิ่งง่ายต่อการเกิดช่องโหว่ในการแทรกแซงความเชื่อ เพราะมนุษย์กำลังกลัวและอ่อนแอ

เมื่อเหล่า ‘เบเนเจสเซริต’ (Bene Gesserit) กลุ่มสตรีพลังจิตผู้คอยชักใยบงการผู้มีอำนาจจากเงามืด ได้ส่งเหล่าแม่มดไปปลูกฝังความเชื่อ คำทำนาย เรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ และสร้าง ‘ความหวัง’ เกี่ยวกับการมาของ ‘เมสสิยาห์’ (Messiah) องค์ศาสดาผู้นำพา ‘ชาวเฟรเมน’ (Fremen) ไปสู่โลกใหม่ที่สงบสุข แน่นอนว่าชาวเฟรเมนที่ทุกข์ยากและอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แร้นแค้นย่อมโอบรับความหวังนั้น แต่ความศรัทธาที่มากเกินไปกลับนำพาชาวเฟรเมนสู่การเป็นทาสโดยไม่รู้ตัว

ความเชื่อที่ไม่เคยตั้งคำถามจะสร้างคนให้เป็นทาส

ดูน dune ภาพยนตร์ หนังไซไฟ ศาสนา ความเชื่อ

‘พวกเขาไม่ได้บ้า พวกเขาถูกฝึกให้เชื่อ ไม่ใช่ให้รู้ ความเชื่อสามารถถูกควบคุมได้ ความรู้เท่านั้นที่เป็นอันตราย’

จักรวาลดูนสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและแนวคิดแบบในยุคกลาง ที่หากคุณเป็น ‘องค์ศาสดา’ หรือผู้นำทางศาสนา คุณจะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะกองทัพ เงินตรา หรือความรัก ไม่มีสิ่งไหนที่ศาสนาจะให้ไม่ได้ ผู้คนจะเชื่อและเทิดทูนอย่างสุดหัวใจ มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้คุณ ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้นำและพระผู้เป็นเจ้า โดยไม่เคยตั้งข้อสงสัยว่าเขาผู้นั้นก็เป็นเพียงมนุษย์เหมือนเรา

‘พอล อะเทรดีส’ (Paul Atreides) ตัวเอกของเรื่องที่ชาวเฟรเมนเชื่อว่าเขาคือ ‘ลีซาน อัล-ไกอีบ’ (Lisan al Gaib) สุรเสียงจากนอกโลก บุคคลในคำทำนายที่ชาวเฟรเมนรอคอยมาร่วมศตวรรษ เพียงแค่การแสดงปาฏิหาริย์ไม่กี่ครั้งก็สร้างแรงศรัทธาอันมหาศาลให้กับชาวเฟรเมนได้เป็นอย่างมาก

มากไปกว่านั้น เมื่อมีการชักจูงจากภายในผ่าน ‘สติลการ์’ (Stilgar) ผู้นำของชาวเฟรเมน และแม่ของพอลอย่าง ‘เลดี้ เจสสิก้า’ (Lady Jessica) ผู้ที่เข้าไปเผยแพร่ความเชื่อในหมู่ชาวเฟรเมนที่กำลังอ่อนแอว่าพอลคือ ‘มาห์ดี’ (Mahdi) ผู้นำทางสู่สรวงสวรรค์

นั่นยิ่งทำให้ไม่ว่าพอลเลือกจะทำอะไร ทุกคนก็เห็นดีงามตามกันหมดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะพวกเขาเชื่อว่าพอลคือบุคคลในคำทำนายตามความเชื่อที่สร้างขึ้นจากคนนอก แม้จะต้องก่อสงครามที่ส่งผู้คนออกไปตายเป็นจำนวนมาก ชาวเฟรเมนก็ยังเลือกที่จะเชื่อใจผู้นำเพียงคนเดียวของตนอย่างไม่มีข้อสงสัย

เฉกเช่นเดียวกับสงครามครูเสด (Crusade) ในอดีต เมื่อศาสนจักรปลุกระดมผู้คนด้วยคำว่า ‘สงครามศักดิ์สิทธิ์’ นั่นคือเหตุผลเดียวที่ทุกคนยอมตายเพื่อศาสนาและผู้นำที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกมา ด้วยการเข่นฆ่าและกำจัดคนที่เป็นปีศาจให้หมดไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำมาซึ่งความสงบอย่างที่เขาบอกต่อๆ กันมา ราวกับทาสที่ไม่สามารถคิดเองได้

‘ศาสนา’ คืออาวุธทางการเมืองของผู้มีอำนาจ

ดูน dune ภาพยนตร์ หนังไซไฟ ศาสนา ความเชื่อ

เหล่าเบเนเจสเซริตไม่เพียงแต่หลอกลวงชาวเฟรเมนเกี่ยวกับคำทำนาย เพื่อให้ตนได้รับการดูแลในดินแดนแห่งนี้เวลาที่จำเป็นต้องลี้ภัยเท่านั้น พวกเขายังเผยแพร่คำทำนายเหล่านั้นไปทั่วทั้งจักรวาล คอยชักใยเหล่าผู้มีอำนาจด้วยเวทมนตร์ เป่าหูประชาชนด้วยความเชื่อ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการปกครองและจุดประสงค์ส่วนตัว

การกระทำของพอลคือการนำเสรีภาพมาสู่ชาวเฟรเมน หรือจริงๆ แล้วเขาแค่ใช้ชาวเฟรเมนเป็นเพียงเครื่องมือในการแก้แค้นให้ตระกูลของตนเท่านั้น คือคำถามที่ Frank Herbert ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ตั้งใจให้ผู้ชมกลับมาย้อนมองและตั้งข้อสงสัยถึงวีรบุรุษที่ทุกคนต่างเยินยอและเฝ้ารอ ว่าจริงๆ แล้วเขาอาจไม่ได้ดีเลิศไปกว่าปีศาจที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ได้ และการบูชาบุคคลโดยหวังพึ่งทุกสิ่งอย่างจากการมาถึงของคนแค่คนเดียว มันถูกต้องแล้วจริงหรือ 

‘ข้าคือสุรเสียงจากนอกโลก! ข้าจะพาพวกเจ้าไปสู่สวรรค์!’

ทันทีที่เมสสิยาห์ หรือพอล อะเทรดีส กล่าวจบ ชาวเฟรเมนได้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นเพียงเครื่องจักรสังหารที่ยอมสู้ถวายหัวแก่พอล พวกเขาคร่าชีวิตผู้อื่นไม่ต่างจากกองทัพจักรวรรดิที่หลายคนเคยมองว่าโหดร้าย ตัวตนและวิถีแห่งทะเลทรายต่างถูกหลงลืม ในอดีตเมื่อชาวเฟรเมนฆ่าศัตรู พวกเขาจะรีดน้ำทุกหยดออกจากศพทุกศพ แต่เมื่อสงครามเริ่มขึ้นจากการปลุกระดมของพอล ความบ้าคลั่งทำให้พวกเขาเผาทุกศพของศัตรูอย่างโหดเหี้ยม และมุ่งหน้าเดินตามลีซาน อัล-ไกอีบ ของพวกเขาในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ต่อไป

บทเรียนความศรัทธาจากจักรวาล Dune 

ดูน dune ภาพยนตร์ หนังไซไฟ ศาสนา ความเชื่อ

ถึงแม้การตัดสินใจของตัวละครจะไร้เหตุผลหรือแปลกประหลาด แต่เราคงไม่สามารถตัดสินความถูกผิดจากการกระทำของพวกเขาได้ เพราะด้วยเจตนารมณ์ของ Frank Herbert ที่ไม่ต้องการให้มีขั้วฝั่งดีเลวชัดเจน แต่ต้องการชี้ให้เห็นความเทาของมนุษย์ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ธรรมะและอธรรม ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองในสิ่งที่ยึดถือ ผู้ที่เคยดีเลิศไร้มลทินอาจจะกลายเป็นคนชั่วแสนสามานย์หากได้มาซึ่งอำนาจก็ได้

ศาสนาและความเชื่อเองก็เช่นกัน เราคงไม่สามารถไปตัดสินความเชื่อใครได้ว่าถูกหรือผิด เพราะทุกคนต่างมีสิ่งที่ตนยึดถือ แต่สิ่งที่เราควรระวังอยู่เสมอคือ ศาสนาหรือความเชื่อนั้นได้กลืนกินความเป็นมนุษย์ของเราไปแล้วหรือยัง ความศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสั่งสอนมาอาจเป็นแค่เครื่องมือที่กำลังหลอกใช้เราอยู่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นเราคงมีชะตาไม่ต่างจากชาวเฟรเมนที่เป็นเพียงทาสให้ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายหลอกใช้ไปมา

Writer

Graphic Designer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.