ถึงแม้ปีที่ผ่านมาโครงการต่างๆ จะหยุดชะงักไปพักใหญ่ แต่อย่าพึ่งหมดหวังกันนะชาวเมือง เพราะเริ่มต้น พ.ศ. 2564 โพสต์นี้จะพาไปอัปเดตโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ สถานีขนส่งสาธารณะ ทางเท้า หรือแม้กระทั่งศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทาง ว่าแล้วจะมีอันไหนอยู่ใกล้ตัวชาวเมืองบ้าง ตามไปส่องกันเถอะ!
มีลุ้น! คาดทดลองใช้ปลาย พ.ศ. 2564
• สายสีแดง เปิดใช้เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564
เริ่มกันที่รถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ซึ่งสร้างเพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างพื้นที่ใจกลางเมืองและชานเมืองให้รวดเร็วขึ้น โดยใช้เวลาเพียง 30 นาที ซึ่งมีแพลนจะหมุนล้อให้คนเมืองได้ทดสอบการใช้งานเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 และเปิดเดินรถจริงช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564
• สายสีชมพู เปิดใช้เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สร้างเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางในพื้นที่ด้านเหนือของกรุงเทพฯ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยวางแผนให้เอกชนเปิดเดินรถช่วงแรก สถานีมีนบุรี-ศูนย์ราชการ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 และจะเปิดเต็มรูปแบบ 30 สถานีในช่วงปลายปี 2565
นอกจากนี้ ครม. ยังอนุมัติสร้างเพิ่มอีก 2 สถานีในช่วงส่วนต่อขยาย นั่นคือ สถานีศรีรัชและสถานีเมืองทองธานี ในงบประมาณ 3,380 ล้านบาท เพื่อช่วยรองรับการเดินทางในเมืองทองธานีให้สะดวกสบาย ซึ่งปัจจุบันมีคนอยู่อาศัยมากกว่าแต่ก่อน รวมทั้งรถไฟฟ้ายังเป็นตัวกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงต้น พ.ศ. 2564 และสร้างเสร็จใน พ.ศ. 2566
• สายสีเหลือง เปิดใช้ปลาย พ.ศ. 2564
ตามมาติดๆ กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหารถติดบนถนนลาดพร้าว รามคำแหง ศรีนครินทร์ และพัฒนาการ ขณะนี้อยู่ในช่วงทยอยรับรถไฟฟ้ามาจากประเทศจีน หากมาครบเมื่อไหร่ก็จะเดินหน้าทดสอบรถและเช็กการใช้งานอาคารศูนย์ซ่อมได้ทันที คาดว่าจะเปิดบริการช่วงแรกปลาย พ.ศ. 2564 ก่อนจะเปิดใช้งานเต็มรูปแบบภายใน พ.ศ. 2565
สร้างเสร็จแล้ว! รอเปิดทดลองใช้เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564
ถึงเวลาเฉิดฉายของ ‘สถานีกลางบางซื่อ’ ได้ออกโรงเหมือนที่อื่นบ้างสักที หลังจากได้ยินเรื่องการก่อสร้างมานานหลายปี ล่าสุดสถานีกลางบางซื่อสร้างเสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้งบประมาณรวมทั้งหมดประมาณ 34,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้ทุกคนได้ทดลองใช้เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 และเปิดใช้งานจริงในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564
สิ่งที่น่าสนใจคือ หากสถานีกลางบางซื่อเปิดใช้งานครบสมบูรณ์ จะกลายเป็นศูนย์กลางระบบรางที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน หนึ่งในแหล่งเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่รวมทุกระบบขนส่งสาธารณะไว้ในที่เดียว ทั้งรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟทางไกลสายเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก และรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ที่จะช่วยให้การเดินทางจากในเมืองสู่ต่างจังหวัดเป็นเรื่องง่ายกว่าเคย
เตรียมฟื้นฟูทางเท้า! คาดจะเกิดขึ้นภายใน พ.ศ. 2564
กทม. มีแพลนปรับภูมิทัศน์กรุงเทพฯ ให้น่าเดิน โดยเริ่มจากการขยายทางเท้าเพื่อทำเป็นถนนคนเดินรองรับการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน ซึ่งโครงการนำร่องที่แรกคือช่วงถนนเยาวราช-ถนนราชวงศ์ เป็นระยะทาง 650 เมตร ภายใต้งบประมาณทั้งหมด 10 ล้านบาท
ย่านต่อไป กทม. วางแผนจะปรับปรุงทางเท้าบริเวณ 30 เส้นทาง เช่น ถนนดินสอ ถนนพระอาทิตย์ ถนนเจริญกรุง ถนนหลักเมือง และถนนเฟื่องนคร คาดใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 517 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กำลังศึกษาอยู่คือ ช่วงเตาปูน-บางโพ เพื่อรองรับจำนวนคนที่เข้ามาอยู่อาศัยมากกว่าแต่ก่อน และรองรับสถานีกลางบางซื่อที่จะเปิดใช้งานภายในปีนี้ ถัดไปเป็นโซนพระราม 9 – อโศก มีแพลนออกแบบทางเท้าเป็นทางเดินต้นไม้ริมสองข้างทาง เพื่อสร้างบรรยากาศให้ร่มรื่นในการเดินตลอดสาย
ส่วนฝั่งธนบุรี ทาง กทม.สนใจเพิ่มทางเท้าบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า เพื่อเชื่อมระบบการเดินทาง รถไฟฟ้า จุดจอดเรือโดยสาร และรถเมล์ ให้สะดวกสบาย และสุดท้ายคือบริเวณถนนมหาราช ที่เชื่อมมหาวิทยาลัยศิลปากร (วังท่าพระ) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ทั้งนี้ ต้องเสนอให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าพิจารณาเรื่องนี้เสียก่อน
แก้โครงสร้างให้สตรอง! คาดเสร็จภายใน พ.ศ. 2564
ข่าวดีสำหรับคนชอบวิ่งออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เพราะผู้ว่าฯ กทม.วางแผนปรับปรุงสวนลุมพินีใหม่เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2568 โดยเริ่มต้นการพัฒนาแบ่งเป็น 3 เฟส ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในเฟสแรก นั่นคือ การปรับปรุงโครงสร้างของสวนให้แข็งแรง ภายใต้งบประมาณ 134 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลา 1 ปี เช่น ปรับปรุงระบบท่อใต้ดินและการระบายน้ำ การทำทางเท้าให้เสมอกัน ติดตั้งไฟส่องสว่าง และซ่อมแซมอาคารภายในที่ชำรุด ซึ่งคาดว่าจะเสร็จภายใน พ.ศ. 2564
ส่วนเฟส 2 จะเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น พื้นที่จัดกิจกรรมหรืออาคารห้องสมุด และเฟส 3 เป็นการพัฒนาพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ ในระหว่างปรับปรุงชาวเมืองยังสามารถมาใช้บริการสวนลุมพินีได้เหมือนเดิม
มีลุ้น! สร้างอุโมงค์ระบายน้ำเสร็จปลาย พ.ศ. 2564
เตรียมแก้ปัญหาน้ำท่วมขังจากฝนตกหนัก ซึ่งต้องรีบระบายน้ำให้เบาบางลง จึงเกิดโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบึงหนองบอน เป็นแนวอุโมงค์ลอดใต้แนวคลองกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก เพื่อระบายน้ำช่วงฝนตกหนักในบริเวณเขตประเวศ เขตสวนหลวง เขตพระโขนง และเขตบางนาให้ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้โดยเร็ว
ตัวอุโมงค์ระบายน้ำมีกำลังสูบ 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 85 ตารางกิโลเมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 9.4 กิโลเมตร และอยู่ลึกจากพื้นดินถึง 30 เมตร ใช้งบประมาณทั้งหมด 4,925 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ในช่วงก่อสร้าง คืบหน้าไปได้มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะเสร็จภายในปลายปี 2564
ได้ใช้แน่! ศาลารอรถเมล์โฉมใหม่เสร็จต้น พ.ศ. 2564
เปลี่ยนที่รอรถเมล์สุดเก่าให้กลายเป็นจุดจอดรถประจำทางแสนอัจฉริยะ หรือโครงการ ‘Smart Bus Shelter’ ศาลารอรถเมล์อัจฉริยะ ที่เกิดจากการจับมือของสำนักการจราจรและขนส่งร่วมกับบริษัท แพลน บี มีเดีย โดยออกแบบ 2 รูปแบบใหม่คือ
แบบ Full Function มีจอ LED แสดงเวลาที่รถเมล์เดินทางมาถึง กล้องวงจรปิด ระบบชาร์จแบตฯ สมาร์ตโฟน และ Free Wi-Fi ส่วนอีกแบบคือ Light Function เน้นความปลอดภัยในเรื่องกล้องวงจรปิดและระบบไฟส่องสว่าง ศาลารอรถเมล์อัจฉริยะเป็นโครงการนำร่องที่จะทดลองติดตั้งในย่านที่มีคนใช้งานมาก อย่างบริเวณเซ็นทรัล พระราม 9 ถนนรัชดาภิเษก สวนจตุจักร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท และถนนพหลโยธิน
โครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัย และจูงใจให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ทั้งช่วยสร้างคุณภาพชีวิตในการวางแผนการเดินทางและลดมลพิษในอากาศให้น้อยลง ปัจจุบันกำลังติดตั้งเพิ่มเติมจากปีที่แล้วประมาณ 200 หลัง และคาดว่าจะติดตั้งครบตามแผนทั้งหมด 350 หลัง ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 700 ล้านบาท
มาแน่! เรือไฟฟ้าคลองแสนแสบเริ่มกลาง พ.ศ. 2564
คนนั่งเรือคลองแสนแสบเตรียมเฮ เพราะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมมือกับอธิบดีกรมเจ้าท่า สร้างโครงการเรือไฟฟ้าโดยสารวิ่งคลองแสนแสบ ปัจจุบันอยู่ในช่วงทดสอบการเดินเรือให้ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ และเตรียมประกอบเรือให้เสร็จตามกำหนด 5 ลำ โดยต้นทุนแต่ละลำตกอยู่ที่ 10 ล้านบาท จุคนได้มากถึง 100 คน และวิ่งได้ไกลถึง 60 กิโลเมตรหรือประมาณ 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง
เรือไฟฟ้าจะสร้างความสะดวกสบายและความมั่นใจในความปลอดภัยให้ผู้โดยสาร รวมถึงประหยัดพลังงานและลดปัญหาการเกิดฝุ่น PM 2.5 โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานให้ทุกคนได้นั่งเรือไฟฟ้าช่วงกลาง พ.ศ. 2564
มีลุ้นจะได้นั่ง! คาดได้ใช้งานภายในกลาง พ.ศ. 2564
เปลี่ยนรถเมล์โฉมใหม่ให้กลายเป็นรถเมล์ไฟฟ้าตามแผนฟื้นฟูรถเมล์กรุงเทพฯ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สาเหตุที่เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพราะราคาถูกกว่าด้วยต้นทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี เทียบกับรถยนต์น้ำมันแบบเดิมที่กินเงินเกือบ 7,000 ล้านบาท/ปี รวมทั้งรถไฟฟ้ายังมีสภาพปลอดภัยในการใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าในระยะยาว
โดยจะนำรถเมล์ไฟฟ้าล็อตแรกออกสู่ถนนใน พ.ศ. 2564 โดยวางแผนกำหนดการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 2,511 คัน เพื่อวิ่งรับส่งผู้โดยสารใน 108 เส้นทางทั่วเมือง 400 คันแรกจะมาถึงช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 แต่หากไม่ทันอาจจะเลื่อนออกไปเป็นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564
Sources :
efinanceThai | 1th.me/skjbd
MGR Online | 1th.me/WDs8U
PostToday | 1th.me/2Ro6o, 1th.me/giSGT
PrBangkok | 1th.me/nMA61
Techsauce | 1th.me/cPl96
ไทยรัฐ | 1th.me/qhLLb, 1th.me/MYUWI, 1th.me/Kx0V1, 1th.me/crAHr
ประชาชาติธุรกิจ | 1th.me/9zvfw, 1th.me/KYk4n, 1th.me/UjZWy, 1th.me/evEnC, 1th.me/zeMjj
Writer
จารุจรรย์ ลาภพานิช
Photographer
