“ระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมคือถนนแคบๆ เส้นเดียว ที่เด็กถูกบังคับให้ต้องเดิน ในขณะที่โลกใบนี้ยังมีทางอีกมากมาย” หนึ่งในประโยคที่ผมชอบและเห็นด้วยมากที่สุดจาก Cameron Fox ผู้ก่อตั้งโรงเรียนและคุณครูใหญ่ของ VERSO International School โรงเรียนนานาชาติเปิดใหม่แห่งย่านบางนา ที่สอนโดย Learning Designer หรือนักออกแบบการเรียนรู้ ที่พร้อมจะปรับแต่งทั้งวิชาการและทักษะชีวิตให้กับเด็กๆ
ไม่ใช่วิทย์-คณิต ศิลป์-คำนวณ หลักสูตรที่ VERSO สอนให้นักเรียนเรียกว่า Future Ready Skill หรือทักษะแห่งอนาคตที่มีด้วยกันถึง 141 ทักษะ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเด็กคนหนึ่งต้องอัดทุกอย่างลงไปในสมอง พวกเขามีอิสระที่จะเลือกทำในสิ่งที่ชอบในวันนี้ ที่หากว่าวันข้างหน้าเกิดไม่ถูกใจ และอยากปรับเปลี่ยนใหม่ก็คุยกันได้เสมอ
DNA อย่างหนึ่งของโรงเรียนนี้ที่ผมสัมผัสได้คือทำให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการกล้าแสดงออก แต่กล้าที่จะชอบในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ถูกกฎเกณฑ์มาบีบบังคับ ด้วยการสอนวิธีคิดแบบ Designer กล่าวคือคนที่เป็นนักออกแบบนอกจากจะมีหัวด้านความสร้างสรรค์ สิ่งสำคัญคือต้องรับฟังและมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น “Put yourself in someone else’s shoes” คาเมรอนย้ำเรื่องนี้มาก
วันนี้เราเดินเข้ามาสนทนากับผู้ก่อตั้งโรงเรียน ออฟฟิศของเขาที่เป็นห้องขนาดกลางไม่ได้ใหญ่โตเวอร์วังเมื่อเทียบพื้นที่ทั้งหมดของสถานศึกษา แต่มีหน้าต่างขนาดใหญ่ไว้รับแสง มองเห็นธงชาติ และจุดรับ-ส่งอยู่ไม่ไกล นอกเหนือจากโต๊ะและอุปกรณ์สำนักงาน ห้องนี้ตกแต่งห้องด้วยรูปจอห์น เลนนอน และงานศิลปะของ Banksy ว่าแต่อนาคตของการศึกษาจะมีหน้าตาเป็นแบบไหน คนรุ่นถัดไปจะเปลี่ยนโลกได้อย่างไร มาหาคำตอบไปพร้อมกันดีกว่าครับ
อันดับแรกเราอยากแนะนำ VERSO ให้ผู้อ่านของเราได้รู้จักก่อนคุณจะอธิบายแนวคิดของเวอร์โซให้เข้าใจได้ง่ายๆอย่างไร ความมุ่งมั่นของโรงเรียนคืออะไร
เราโชคดีมากที่ได้ทำ VERSO มาตั้งแต่แรก เริ่มต้นกันจากรากฐาน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราฝันไว้เกี่ยวกับโรงเรียน เราคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่โรงเรียนจะต้องสร้างให้กับนักเรียนของเรามีด้วยกัน 3 เรื่อง
ข้อแรก ในฐานะที่เราเป็นโรงเรียนนานาชาติ นักเรียนจึงมักจะเป็นกลุ่มคนที่เดินทางไปประเทศต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุดตั้งแต่แรกเริ่มคือต้องเข้าใจก่อนเลยว่าคุณเป็นใคร ทั้งในด้านปัจเจกบุคคลและวัฒนธรรม
ข้อที่สอง เราต้องการให้เด็กรู้จักวิธีในการเข้าหาคนอื่น ฟังดูแปลกใช่ไหม แต่หลังจากที่พวกเขาออกจากโรงเรียนเพื่อไปเข้ามหาวิทยาลัยหรือทำงานในอนาคต ปฏิสัมพันธ์เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ในโลกของการทำงานคุณจะเจอกับคนที่มีปูมหลังต่างกันอยู่ตลอดเวลา เราใช้เวลาเยอะมากในการสอนให้นักเรียนมีความสามารถในการปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้เชื่อมต่อกับชุมชนได้ดีเท่าที่ควร เราอยากสอนเด็กให้เข้าใจบริบทของกรุงเทพฯ อยากสร้างสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงพวกเขากับประเทศไทยเข้าไว้ด้วยกัน บางครั้งโรงเรียนเป็นบับเบิ้ลที่กั้นพวกเขาจากโลกภายนอก นักเรียนนานาชาติหลายคนแม้กระทั่งนักเรียนที่เป็นคนไทย พวกเขาไม่มีทักษะเหล่านี้และพบว่ายากมากที่จะรู้สึกผูกพันกับประเทศไทย เราสนใจเรื่องนี้มาก และพยายามจะพัฒนาต่อ
ข้อที่สามคือ ความมั่นใจ พวกเราต้องการให้เด็กมีความมั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น และเส้นทางที่ตนเองอยากเดินต่อ ความมั่นใจคือเข็มทิศที่จะพาพวกเขาไปได้ตลอดทาง และสำหรับเรามันมีความสำคัญมาก
คุณคิดว่าอะไรคือปัญหาของระบบการศึกษาแบบดั้งเดิม และเราจะทำอย่างไรกับสิ่งนี้
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวันนี้ (ยิ้ม) และไม่สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ได้มากพอสำหรับทุกคนอย่างที่ควรจะเป็น โรงเรียนควรจะเป็นสถานที่ที่เปิดโอกาสให้เมล็ดพันธุ์ได้เบ่งบาน ได้เข้าใจว่าพวกเขาเป็นใคร ต้องค้นหาพรสวรรค์เหล่านั้นให้เจอ และทำให้พวกเขามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองรักด้วย
โรงเรียนแบบดั้งเดิมมีหลักสูตรที่ดีนะ แต่ไม่มีพื้นที่มากเพียงพอสำหรับคนที่ต่างออกไป และการคิดจากบนลงล่างอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้เด็กมีความกดดันมากและไม่มีเวลาว่างมากเพียงพอ พวกเขาถูกบังคับให้ทำการบ้านจำนวนมาก ปัจจุบันเราไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นมีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว โรงเรียนควรจะเติมเต็มความต้องการที่หลากหลายให้ได้มากกว่านี้
สิ่งที่ VERSO กำลังทำ ต่างจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมอย่างไร
เรารวบรวมทีมนักออกแบบการเรียนรู้ที่มีประสบการณ์ในการศึกษาระดับนานาชาติ งานของพวกเขาคือการรื้อรูปแบบการศึกษาดั้งเดิมออกแล้วประกอบร่างมันขึ้นมาใหม่ ให้หลักสูตรเป็นมากกว่าเรื่องวิชาการแต่มุ่งเน้นไปที่ทักษะ เราศึกษาทักษะมากมายที่จำเป็นสำหรับเด็ก และตลอดกระบวนการที่ยาวนานนี้ก็สามารถพูดได้เลยว่าเราเปลี่ยนการเรียนรู้แบบเดิม และสร้างพื้นที่สำหรับการเรียนรู้เรื่องทักษะแห่งอนาคต (Future Ready Skill) ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 141 สกิล ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่สามารถติดตามได้ว่าพวกเขาสะสมหรือเรียนรู้อะไรไปแล้วบ้าง
แม้จะเป็นการเรียนการสอนรูปแบบใหม่แต่ก็สามารถครอบคลุมวิชาที่จำเป็นต้องใช้ได้ทั้งหมด นักเรียนจะมีหน่วยกิตครบถ้วน พวกเขาสามารถบินตรงไปต่อมหาวิทยาลัยที่นิวยอร์กได้ทันที คือนอกจากบทเรียนวิชาการเราไม่อยากสอนให้รู้เพียงอย่างเดียว แต่คุณต้องเข้าใจถึงวิธีการด้วย วิธีที่คุณใช้สิ่งนั้น วิธีที่คุณสังเคราะห์แต่ละอย่างออกมา
การศึกษาแบบดั้งเดิมแข็งแกร่งมากทางด้านวิชาการ ผลลัพธ์ในการเรียนที่เห็นได้ชัดก็คือ GPA แต่หลังจากนั้นคุณคิดว่าเด็กเตรียมตัวมาดีแค่ไหนสำหรับการใช้ชีวิตในรั้วอุดมศึกษา เห็นได้ชัดเจนว่าคุณเขียนเรียงความได้เก่งมาก แล้วเรื่องการใช้ชีวิตล่ะ ทักษะและประสบการณ์ที่ดีจะช่วยพวกเขาได้ อย่างที่ผมบอกว่าการเรียนรู้ไม่ใช่แค่เรียนให้ดีแต่ต้องรู้วิธีในการเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วย คุณจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีใครสักคนคอยช่วยหรือคอยบอกว่าต้องทำอะไรเหมือนเคย นั่นแหละที่ผมต้องการจะสื่อ ที่นี่เราให้โอกาสทุกคนได้ตัดสินใจไม่ว่าจะวัยไหน ตัดสินใจที่จะเรียนสิ่งที่ต้องการตั้งแต่เริ่มต้น
คำตอบข้อนี้น่าจะเชื่อมไปยังคำถามข้อถัดไปได้ดี คุณคิดว่าในอนาคต Creative หรือ Critical Thinking มีความสำคัญอย่างไรต่อเด็กๆ
ผมคิดว่าไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่แน่นอนว่าเชื่อมโยงกัน บางครั้งการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลคือความสามารถในการตัดสินใจ และสามารถมองปัญหาจากมุมของผู้อื่นด้วย ในวันที่โลกเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสาร โซเชียลมีเดียที่กำลังหมุนรอบตัว และคุณมีทางเลือกมากมายเต็มไปหมด Critical Thinking จึงมีความสำคัญมากๆ คุณต้องมีความสามารถในการประเมิน รวบรวมข้อมูล และตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วน Creative ก็เป็นทักษะและอาชีพที่โลกต้องการอยู่แล้ว สองสิ่งนี้คือทักษะที่ไปด้วยกันได้ดีมาก และช่วยให้เด็กก้าวขึ้นไปเหนือเส้นทางเดิมๆ สามารถแสดงทั้งความคิด และไอเดียที่ซ่อนอยู่ในแบบที่ต่างออกไป สำหรับผมมันคือความเป็นอิสระ เหมือนว่าคุณได้รับการปลดปล่อย โลกวันนี้ไม่ควรจะบีบให้ใครเดินไปตามถนนเพียงสายเดียวอีกแล้ว
ที่นี่เราสอนให้นักเรียนคิดแบบดีไซเนอร์ และส่วนหนึ่งของกระบวนการเหล่านั้นคือโปรโตไทป์ (Prototype) แปรไอเดียของเด็กให้เป็นสิ่งที่จับต้องได้จริงๆ สอนเขาให้สร้างทุกอย่างขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นและพร้อมสำหรับคำวิจารณ์ งานที่ออกมาก็ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่ทักษะที่เกิดขึ้นสามารถจับต้องได้จริง การที่คุณต้องสร้างอะไรสักอย่างเพื่อสะท้อนไอเดียของตัวเองออกมาก็เป็นวิธีฝึกการครีเอทีฟอย่างหนึ่ง
วิธีการเหล่านี้จะทำให้นักเรียนกลายเป็น Change Maker ด้วยหรือเปล่า
การสร้างความมั่นใจให้กับเด็กว่าพวกเขามีความสามารถที่จะทำอะไรบางอย่างเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ถ้าพวกเขามีทักษะในการเอาตัวเองไปเชื่อมโยงกับผู้คน มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็รับฟังคนอื่นด้วย สำหรับผมนั่นคือคุณสมบัติที่ดีของ Change Maker
ตลอดเวลาที่คุยกันมาคุณให้ความสำคัญกับทักษะที่นอกเหนือวิชาการมาตลอด คุณมองถึงความสำคัญของทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence) อย่างไรบ้าง
สำคัญไม่แพ้กัน กุญแจสำคัญในการพัฒนาความฉลาดทางด้านอารมณ์คือคุณต้องมีความสามารถในการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มองในอีกมุม คุณต้องเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นคิด ยิ่งมีความเห็นอกเห็นใจกันมากเท่าไหร่โลกใบนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้นเท่านั้น
ขอถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับการศึกษาบ้าง คุณคิดว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมทางการศึกษาได้ไหม
เราทำได้ แต่ต้องอาศัยพลังงานและความทุ่มเทอย่างสูงจากรัฐบาลและผู้มีอำนาจ โลกทั้งใบกำลังเดือดร้อนกับปัญหานี้ จนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สิ่งที่เราทำได้คือเรียกร้องประเด็นนี้อย่างต่อเนื่อง จะแก้ปัญหานี้คุณต้องทำให้คนรุ่นถัดไปกลายเป็น Change Maker ถ้าเรามั่นคงในระบบการศึกษาที่ให้ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงกับเด็ก โอกาสที่จะแก้ปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมก็มากขึ้นตามไปด้วย แต่ปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ ใหญ่มากจริงๆ
โลกเปลี่ยนไว ทางให้เลือกเดินมากมายจนนับไม่ถ้วน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กรุ่นนี้คืออะไร
พวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยตัวเลือกมากมายจริงๆ มีแต่ข้อมูลทุกอย่างเต็มไปหมด และโลกใบนี้ก็แคบลงมากเมื่อเทียบกับสมัยที่ผมยังเป็นเด็กดังนั้นผมคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเด็กยุคนี้คือความสามารถในการเข้าใจว่าตัวเรากำลังยืนอยู่ตรงจุดไหนบนโลกใบนี้ กับความสามารถในการบาลานซ์ จะมีสุขภาพดี ทำเรื่องที่ดี และขยายขอบเขตเรื่องที่ตัวเองสนใจออกไปอย่างไร เราสูญเสียประกายแห่งความสงสัยใคร่รู้ในตัวเด็กเพราะทุกสิ่งรอบตัวพวกเขามันยุ่งเหยิงไปหมด เด็กต้องการพื้นที่มากกว่านี้
การเรียนพิเศษ การทำแบบฝึกหัด ผู้ปกครองทำแบบนี้เพราะต้องการให้ลูกมีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะคิดอย่างนั้น แต่บางครั้งผมกังวลมากว่าเรากดดันพวกเขามากเกินไปหรือเปล่า
เราได้คุยประเด็นนี้กันมาบ้างแล้ว แต่ผมอยากถามอีกทีหนึ่งว่าถ้าคุณเป็นเด็กคนหนึ่ง จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอยากจะเป็นอะไร
เป็นคำถามที่ดี และเป็นสิ่งที่ท้าทายพวกเราเหมือนกัน ด้วยความสัตย์จริงคำตอบของเรื่องนี้คือการสำรวจ คุณต้องเปิดประตูบานใหม่ออกไปเรื่อยๆ ส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นในตัวเด็ก ช่วยพวกเขาเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และอย่าปิดประตูแห่งความเป็นไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับฟังสิ่งที่ลูกของคุณสนใจอย่างแท้จริง และอย่าด่วนตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด ถ้าลูกของคุณชอบเกม มากกว่าการห้ามและบอกว่ามันไม่ดี ก็ควรจะทำความเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงรักมัน
ที่ VERSO เราคุยกับเด็กทุกวันเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพวกเขาหาสิ่งที่ตัวเองสนใจ บางครั้งนักเรียนอาจจะจำสิ่งที่เคยบอกไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เราช่วยพวกเขาจำสิ่งนั้น แต่ก็ให้ที่ว่างมากพอถ้าเด็กไม่ได้ชอบสิ่งที่ตัวเองเคยพูดออกมาอีกต่อไป นั่นเป็นเรื่องที่โอเคและเข้าใจได้ ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้นานพอเด็กจะมีความมั่นใจในสิ่งที่พวกเขารักและอยากทำ
ทุกคนมีความสามารถ มนุษย์ทุกคนมีเรื่องที่ตัวเองถนัด เด็กทุกคนมีบางสิ่งที่พิเศษ แต่น่าเสียดายว่าระบบการศึกษาแย่งมันไปจากพวกเขา ดังนั้นเราอยากช่วยเด็กหาสิ่งที่พวกเขาเก่ง เรียนรู้สิ่งที่เด็กสนใจ และถ้าวันหนึ่งพวกเขาอยากไปทำอย่างอื่นก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คือชีวิต ผมอายุห้าสิบสามแล้วก็ยังมองหาสิ่งที่ตัวเองสนใจอยู่ ชีวิตควรเป็นเรื่องของการเรียนรู้ระยะยาว บางทีคุณอาจเจอสิ่งที่เหมาะกับตัวเองระหว่างเส้นทางเหล่านั้นก็ได้
ผมเคยเจอเด็กที่ต้องฝึกเปียโนเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวันซึ่งเขาทำได้ดีมาก แต่ทันทีที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักดนตรี ฝาเปียโนก็ถูกปิดและไม่เคยเปิดขึ้นมาอีกเลย
คุณน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าเด็กสมัยนี้มีความกดดันมากแค่ไหน โดยเฉพาะนักเรียนชาวเอเชีย ถ้าคุณมีโอกาสได้นั่งคุยแบบเปิดใจกับผู้ปกครอง มีอะไรอยากจะบอกพวกเขาบ้าง
ผมรู้ ผมมีลูกสาวสองคนและทั้งคู่โตในฮ่องกงที่โรงเรียนมีระบบการศึกษาที่เคร่งครัดมาก ในฐานะพ่อผมเข้าใจดีว่าคุณอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก และโรงเรียนก็มีความสำคัญมาก เพื่อเป็นบันไดในการเข้าสู่มหาวิทยาลัย เป็นก้าวที่เดินไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยถูกต้อง เคยถูกต้อง (คาเมรอน ย้ำ) แต่มันไม่ได้เป็นหนทางเดียวอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นการศึกษาสำหรับผู้ปกครองจึงเป็นเรื่องสำคัญ (หัวเราะ) ถ้าเรามีโรงเรียนสำหรับผู้ใหญ่ได้คงเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก ผมอยากช่วยให้ผู้ใหญ่รู้ว่าโลกกลายเป็นสถานที่ที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับสมัยที่พวกเขายังเด็ก ผมเข้าใจเป็นอย่างมากที่ผู้ปกครองอยากให้ลูกได้ดี แต่วิธีที่จะประสบความสำเร็จมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ก่อนหน้านี้เราพูดถึงระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมซึ่งคุณเปรียบเป็นถนนที่แคบและไม่ค่อยจะมีทางให้เลือกเดิน การศึกษาของประเทศไทยก็มีเส้นทางให้เลือกน้อยเช่นกัน เช่น วิทย์-คณิต ศิลป์-คำนวณ ศิลป์-ภาษา สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเปลี่ยนไหม
จำเป็น (ยิ้ม) ผมไม่ทราบเรื่องแผนการศึกษาในไทยมากเท่าไหร่ แต่ผมทราบดีถึงการเน้นสอนวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ในขณะเดียวกันผมไม่เห็นด้วยกับการแยกแผนการเรียนในเมื่อทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกันทั้งหมด แปลกมากที่ระบบการศึกษาออกมาเป็นแบบนี้
โลกใบใหม่ไม่ควรมีการศึกษาเป็นเส้นทางแคบๆ ไม่มีเส้นอีกต่อไปแล้ว การที่คุณเก่งคณิตศาสตร์ไม่ได้แปลว่าคุณจะไม่มีความสามารถทางด้านศิลปศาสตร์ควบคู่ไปด้วย หรือการที่คุณเลือกเรียนศิลปะไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ฉลาด ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด คุณต้องเข้าใจว่ากำลังเล่นอยู่ในเกมแบบไหน การที่เราส่งเสริมเด็กให้มุ่งหน้าทางวิทยาศาสตร์ แยกประเด็นที่ว่าเด็กทุกคนไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์ออกไปคุณก็จะพบว่ามันเหมือนกับการบีบพวกเขาลงไปในทางเดียว
แต่แทนที่จะพาเด็กลงไปในเส้นทางที่แคบขนาดนั้น เราควรจะเปิดกว้างมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามผมเข้าใจมากๆ ว่าทำไมระบบการศึกษาของไทยถึงเป็นแบบนั้น เข้าใจมาก ใช่ การเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งมันดีอยู่แล้ว แต่สามารถเลือกที่จะทำทีหลังได้ อย่าบีบใครให้เดินไปในทางแคบๆ แค่ทางเดียวอีกเลย
นอกจากเรื่องวิชาการ ระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมก็มาพร้อมกับชุดนักเรียน ในฐานะที่ VERSO คุยเรื่องการศึกษาแบบใหม่ๆ ทำไมโรงเรียนของคุณจึงยังมีชุดยูนิฟอร์มอยู่
ชุดนักเรียนเป็นเรื่องที่ถูกหยิบมาพูดคุยบ่อยมาก ครั้งแรกที่มาที่นี่ (ประเทศไทย) ผมได้ยินว่านักศึกษาไทยต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มด้วย เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน ทำไมนักศึกษาต้องใส่ยูนิฟอร์มด้วย (น้ำเสียงสงสัย)
ผมไม่มีปัญหากับชุดนักเรียน ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ตราบใดที่มันเป็นชุดที่เหมาะสมกับสถานที่และมีความคล่องตัว เป็นชุดที่เด็กๆ ใส่แล้วสามารถออกไปวิ่งเล่น หรือทำกิจกรรมอย่างอื่นได้โดยสะดวก ที่สำคัญคือต้องดูแลง่ายด้วย เพราะผมก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน (หัวเราะ) มีสิ่งที่ดีมากมายเกี่ยวกับยูนิฟอร์ม ชุดเหล่านี้สร้างความมั่นใจและภูมิใจให้กับเด็ก แต่ในขณะเดียวกันผมก็รักโรงเรียนที่ไม่มียูนิฟอร์มเหมือนกัน ในโรงเรียนที่ผมเคยทำงานด้วยที่ฮ่องกงมีอยู่วันหนึ่งที่นักเรียนใส่ชุดอะไรมาก็ได้ และบรรยากาศมันต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เราสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ต่างกันออกไป ความสนุกสนานและผ่อนคลายมีมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับรูปแบบการเรียนของ VERSO เราไม่จำเป็นต้องมีชุดนักเรียน แต่มันเป็นหนึ่งในข้อกำหนดของการเปิดโรงเรียนที่นี่ เพราะฉะนั้นก็โอเค เราจึงออกแบบชุดยูนิฟอร์มให้ง่ายสำหรับทุกคน สวมใส่ง่ายดูแลง่าย ไม่ต้องใส่เสื้อเชิ้ตและผูกเนกไท สำหรับผมคุณจะใส่เครื่องแบบอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าโรงเรียนของคุณเป็นแบบไหน แต่ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่เรื่องชุดนักศึกษา (ยิ้ม)
ตัวเลขเด็กเกิดใหม่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้จะส่งผลอะไรต่อโรงเรียนในแง่ของธุรกิจหรือเปล่า
ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบมหาศาลในเร็ววันนี้ แต่ก็แน่นอนว่าในอนาคตนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนก็คงน้อยลงตามไปด้วย
เช่นเดียวกันในขณะที่อัตราเด็กเกิดใหม่ลดลง เรากำลังมีอายุยืนขึ้น เจเนอเรชันของคุณ (ผู้เขียน) และเจเนอเรชันถัดไปจะมีอายุยืนยาวถึงหนึ่งร้อยปีแน่นอน หนึ่งศตวรรษจะกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น แล้วทำไมเราถึงต้องหยุดเรียนเมื่ออายุสิบแปด ใครเป็นคนบอกให้ทำแบบนั้น ยิ่งอายุของเรายืนยาวมากเท่าไหร่การเรียนรู้ก็จะมากขึ้นเช่นนั้น
เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของโรงเรียนที่อยู่ยั้งยืนยงมากขึ้น เมื่อกี้ผมเล่นมุกเกี่ยวกับโรงเรียนสำหรับผู้ปกครองก็จริง แต่ผมอยากรู้มากว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากที่นี่ (ผายมือไปรอบๆ) เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กในเวลากลางวัน และเป็นโรงเรียนสำหรับผู้ใหญ่ในเวลากลางคืน หรือแม้กระทั่งเป็นโรงเรียนสำหรับผู้สูงอายุ พอจะจินตนาการได้ไหมว่ามันจะมหัศจรรย์ขนาดไหนที่คนรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้จากเหล่าผู้มากประสบการณ์เหล่านี้ Oh, My Goodness แค่ผมคิดถึงเรื่องนี้ก็ตื่นเต้นมากแล้ว
ปัจจุบันผู้คนลองคอร์สเรียนระยะสั้นผ่านอินเทอร์เน็ต ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนคุณมีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
ชอบมาก ผมชอบไอเดียที่ทำให้การศึกษาเป็นเรื่องง่าย ลองคิดถึงเรื่องที่คุณหาทางออกไม่ได้แต่ YouTube มีวิธีให้เสมอ ผมสนใจเรื่องนี้ ค่าเรียนเพื่อให้ได้ใบปริญญามีราคาสูงมาก แต่เมื่อจบออกมาแล้วกลับไม่มีงานรองรับ เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีทักษะสำหรับงานที่โลกปัจจุบันกำลังมองหา เราเรียนรู้ทักษะที่สามารถหางานทำได้จากคอร์สระยะสั้น วัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างเช่นการเข้ามหาวิทยาลัย จบออกมาหางานทำ และเริ่มต้นครอบครัวจบลงแล้ว
คนหนุ่มสาวจะออกไปเรียนภาษาที่ปักกิ่งเป็นเวลาหกเดือน บินไปสเปนเพื่อเรียนสถาปัตยกรรม และอาจจะลงคอร์สศิลปะในลอนดอน บางคนอาจจะทำงานจากบ้านและเรียนวิชาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และออกซ์ฟอร์ด นั่นเป็นสิ่งที่เราจะได้เห็นแน่ๆ
คุณจะมีทางเลือกมากมายในการปรับแต่งวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะกับตัวเอง และนี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่สี่ปี แต่จะเกิดขึ้นตลอดชีวิต ผมยังลงคอร์สเรียนอยู่เลยถึงจะอายุห้าสิบสาม ผมยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะเรียนรู้ และมีความสุขกับมันมาก นี่เป็นความสามารถในการเรียนรู้นอกระบบการศึกษาดั้งเดิมของคนรุ่นใหม่ที่ผมชอบมาก