ท่ามกลางฤดูกาลที่เงียบสงบสองฟากฝั่งของทะเลไทยทั้งอ่าวไทยและอันดามันกำลังเฝ้ารอวันที่คลื่นลมจะหวนกลับมา เพื่อต้อนรับนักเซิร์ฟจากทั่วทุกสารทิศให้กลับมาวาดลวดลายบนปลายคลื่นอีกครั้ง
ในฐานะกีฬาที่ต้องเอาร่างกายออกไปปะทะสายน้ำ จึงทำให้ความนิยมของกีฬาประเภทนี้เติบโตขึ้นไปพร้อมกับแนวคิดเรื่องการปกปักรักษาธรรมชาติ
เมื่อสองปัจจัยผสานกันไปราวกับเกลียวคลื่นเราเลือกที่จะเดินทางไปพูดคุยกับ สเวน รัสมุสเซ่น (Svein Rasmussen) อดีตนักกีฬาวินด์เซิร์ฟแชมป์โลก ผู้ก่อตั้ง Starboard ผู้ผลิตเซิร์ฟบอร์ดและอุปกรณ์กีฬาทางน้ำที่ไม่คิดจะทำ CSR แต่มีภารกิจหลักเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เคยเก็บขยะบนชายหาดตั้งแต่บางแสนถึงสัตหีบ ปลูกต้นโกงกางเพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์นับ 650,000 ต้น แถมยังคิดภาษีให้ตัวเองเมื่อจำเป็นต้องใช้พลาสติก จนไม่ได้หยุดความนิยมอยู่ที่นักโต้คลื่น แต่กลายเป็นที่รักของทุกคนที่มีใจให้สิ่งแวดล้อม
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-35-1024x683.jpg)
แบรนด์ที่กำเนิดท่ามกลางดวงดาว
ย้อนกลับไปในปี 1994 ริมชายหาดแห่งหนึ่งของฮาวายในวันที่ฟ้าเปิดและมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจน นักกีฬาวินด์เซิร์ฟที่ประสบความสำเร็จระดับโลกในวัย 30 ปี กำลังมองหาคลื่นลูกใหม่ให้กับชีวิตหลังเกษียณ
แม้จะมีไอเดียอยู่เต็มหัว แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชายที่เอาจริงเอาจังเรื่องกีฬาตั้งแต่เด็ก และไม่ได้สนใจเรื่องโรงเรียนแม้แต่น้อยที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจสักอย่างหนึ่ง
“ตั้งแต่เด็กกีฬาเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เลือดลมของผมสูบฉีด ผมไม่ได้รู้อะไรมากนักเพราะไม่เคยทุ่มเทให้การเรียน เพราะฉะนั้น คงไปสมัครงานที่ไหนไม่ได้แน่ๆ สิ่งที่แน่นอนคือเวลานี้เหมาะที่สุดในการจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ และผมรู้ดีมากเกี่ยวกับวินด์เซิร์ฟ ตอนนั้นไอเดียเกี่ยวกับธุรกิจอัดแน่นอยู่เต็มหัว สิ่งเดียวที่ผมยังไม่แน่ใจคือจะเรียกมันว่าอะไรดี
“คืนนั้นผมนั่งอยู่ที่ฮาวาย พยายามค้นหาชื่อที่เหมาะ ในขณะที่คำตอบยังไม่ออกมาให้เห็นก็มองดูดวงดาวไปเรื่อยเปื่อย พร้อมคิดไปด้วยว่าดาวแต่ละดวงต้องการจะบอกอะไรเรา
“ผมชอบดาราศาสตร์ จึงพอรู้ว่าดาวแต่ละดวงมีความหมายในตัวเอง ตอนนั้นเองผมคิดว่าชื่อ Star (ดวงดาว) ก็เป็นอะไรที่โอเคแล้ว แต่ในเมื่อดวงดาวมันเรียงกันเป็นแนว (Border) และเรากำลังจะผลิตบอร์ด (Board) ก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าแบรนด์นี้ต้องชื่อ Starboard”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-37-1024x683.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-17-1024x683.jpg)
หลังจากเดินทางข้ามทวีปลงหลักปักฐานที่ประเทศไทยและผ่านกาลเวลามาเกือบ 3 ทศวรรษ Starboard มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บึงตะโก้ จังหวัดสมุทรปราการ มีตัวแทนกระจายอยู่ทั่วโลก กลายเป็นบอร์ดที่นักกีฬาใช้คว้ารางวัลใหญ่ ที่สำคัญคือ กลายเป็นบริษัทที่มีผลคาร์บอนฯ เป็นบวกถึง 10 เท่า
“ผมโชคดีพอที่มีโอกาสท่องโลกกว้าง ก่อนที่วันหนึ่งจะตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในไทย เพราะรู้สึกว่าเข้ากับคนไทยได้ง่ายและประเทศนี้เป็นสถานที่ที่ทำให้รู้สึกสงบ
“หลายปีมานี้เราพยายามจะสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ ใส่ความคิดและความทุ่มเทลงไปอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งกับงานของเราและโดยอย่างยิ่งกับสิ่งแวดล้อม”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-29-1024x683.jpg)
อุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักกีฬา
ในโลกของกีฬา นอกจากการเคี่ยวกรำร่างกายให้แข็งแกร่ง เรียนรู้สารพันแท็กติก ‘อุปกรณ์’ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการแพ้-ชนะโดยตรง เพื่อเพิ่มข้อได้เปรียบในทุกประตู บรรดาอุปกรณ์กีฬาก็ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจนักกีฬามากที่สุด
“ดีเอ็นเอของ Starboard คือก้าวขึ้นสู่ความเป็นที่หนึ่งในทุกประเภทกีฬา ผมมั่นใจในตัวเองมากเกี่ยวกับกีฬาวินด์เซิร์ฟ และเราทำงานกับแชมป์โลกในทุกประเภทกีฬา เอาจริงเอาจังและทำงานกันอย่างเต็มที่ในแผนก R&D เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งขัน”
สเวนไม่ได้กล่าวคำโฆษณาเกินจริงตอนที่บอกว่า Starboard มุ่งมั่นในการเป็นเลิศทางด้านกีฬาขนาดไหนเพราะออกไปชนะรางวัลใหญ่ๆ มาแล้วทั่วโลก มีนักกีฬาระดับหัวกะทิอยู่ในทีมจำนวนมาก ที่จะช่วยพัฒนาอุปกรณ์แต่ละชนิด ขอชวนไปทำความรู้จักกันสักเล็กน้อยว่าแบรนด์กีฬาทางน้ำที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ออกไปทำอะไรมาบ้างแล้วที่โลกข้างนอก
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/isonic2021_main-1-scaled-1-1024x441.jpeg)
iSONiC
บอร์ดเรือธงของ Starboard ที่ขึ้นชื่อว่าเบาและเร็วที่สุด กวาดรางวัลมาแล้วถึง 12 ถ้วย ทรงประสิทธิภาพเมื่ออยู่ท่ามกลางกระแสลมที่พัดด้วยความแรง มั่นคงด้วยการมีส่วนโค้งเว้าที่สูงขึ้น มีการดึงตำแหน่งสายรัดไปอยู่ด้านหลังเพื่อลดพื้นผิวที่จะสัมผัสกับน้ำ ทำให้รู้สึกสบายและควบคุมได้ง่ายขึ้น แถมได้รับการพัฒนาใหม่ในทุกปีเพื่อมุ่งไปหาจุดสูงสุดของกีฬาประเภทสลาลม
เหมาะสำหรับ : นักกีฬา
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/Starboard-Windsurfing-2021-WS_SUP2-scaled-1-1024x446.jpeg)
iGO
ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างการเล่นวินด์เซิร์ฟและแพดเดิลบอร์ดในแผ่นเดียว กับรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Starboard ครีบด้านข้างทำจากอวนจับปลาที่กลายเป็นขยะในทะเล มีน้ำหนักเบาช่วยให้ควบคุมทิศทางได้ง่าย แถมมีประสิทธิภาพกว่าการใช้พลาสติกแบบดั้งเดิม ตัวบอร์ดมีพื้นผิวที่กว้างและเรียบช่วยสร้างสมดุลในการควบคุม ที่สำคัญคือ มีเทคโนโลยี ASAP (As Strong As Possible) ที่เสริมความแกร่งให้กับบอร์ดเป็นพิเศษ
เหมาะสำหรับ : มือสมัครเล่น-มืออาชีพ
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/2020-Starboard-Start-M-Rhino-05-1024x517.jpeg)
START
กระดานวินด์เซิร์ฟที่มีความมั่นคงที่สุดในโลก เพื่อนคู่ใจของมือใหม่ทุกคนด้วยรูปทรงที่กว้างที่สุดในบรรดาบอร์ดของระดับเริ่มต้น จนสามารถเล่นเป็นภายใน 60 นาที มีความทนทานเป็นพิเศษเพราะเหมาะสำหรับการใช้ในโรงเรียนที่มีลักษณะของการใช้งานทุกวันเป็นเวลาหลายปี
เหมาะสำหรับ : ผู้เริ่มต้น
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Starboard ที่นอกจากจะมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายสูงสุดในการแข่งขัน และเป็นอุปกรณ์ที่เป็นมิตรสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบเป็นพิเศษ เพราะรู้คำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีแต่มืออาชีพที่เล่นกีฬาทางน้ำทุกวัน จึงอยากให้บอร์ดกลายเป็นของตกแต่งได้ด้วย
สเวนยังตั้งใจใช้วัสดุที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมเช่นวัสดุทางเลือก วัสดุรีไซเคิล หรือการใช้สีย้อมจากธรรมชาติ เพื่อลดภาระต่อโลกให้มากที่สุด ซึ่งบางครั้งอดีตนักกีฬาวินด์เซิร์ฟคนนี้ยังมองว่าไม่เพียงพอ
“ถึงจะพยายามคัดสรรวัสดุ ไปจนถึงการติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า แต่การที่สร้างอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่งย่อมมีรอยเท้าคาร์บอนหลงเหลือไว้อยู่ดี กีฬาทางน้ำเป็นกีฬาที่คุณต้องพึ่งพาธรรมชาติ ผมคิดว่าไม่ถูกต้องถ้าความสนุกของเราทำให้สิ่งแวดล้อมแย่ลง เพราะฉะนั้น ทางออกที่ง่ายที่สุดคือลดปริมาณคาร์บอนลงมาสิบเท่า จากที่เราใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามแต่ที่มาจาก Starboard”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-26-1024x683.jpg)
ธุรกิจที่มีผลประกอบการคาร์บอนเป็นบวกถึง 10 เท่า
ย้อนกลับมายังริมบึงตะโก้ ในวันที่แดดของประเทศไทยทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน สำนักงานใหญ่ของ Starboard มีวิวเป็นทะเลสาบและสระว่ายน้ำ มีทางเดินที่เชื่อมต่อแต่ละห้องด้วยแผ่นไม้สีน้ำตาลเข้มและอิฐบล็อกให้อารมณ์คล้ายกับบ้านพักตากอากาศ
หากมองลึกเข้าไปที่โต๊ะทำงานแต่ละตัว อาจจะเห็นเครื่องไม้เครื่องมือครบครันเหมือนสำนักงานทั่วไป แต่อาจจะไม่เห็นถุงใส่ผลไม้ ขวดน้ำอัดลม หรือพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเลยสักชิ้น
“เราพยายามลดภาระต่อโลกให้มากที่สุด จึงมีการคำนวณจำนวนพลาสติกทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตแต่ละขั้นตอน รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากสี่โรงงานทั่วโลก เพื่อดูว่าเราสร้างมลภาวะจากพลาสติกเป็นจำนวนเท่าไหร่ และจะทำอะไรกับสิ่งนี้ได้บ้าง”
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว Starboard คิดค้นแคมเปญหนึ่งขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Plastic Offset Program (POP) ไอเดียหลักของ POP คือคำนวณราคาพลาสติกที่ใช้ในการผลิตจากสามปัจจัยคือ หนึ่ง ความเป็นพิษ สอง อายุของพลาสติก และสาม ของเสียจากการผลิต
เรียกทั้งหมดนี้ว่าภาษีภายในองค์กร (Internal Tax) ที่จะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาเรื่องพลาสติกกับสิ่งแวดล้อม เช่น การกำจัดขยะพลาสติกที่ปะปนอยู่ตามธรรมชาติ หรือกระตุ้นให้มีการทิ้งขยะอย่างเหมาะสมเพื่อให้การรีไซเคิลเกิดขึ้นได้จริง
“เราพยายามหาทางออกในการใช้พลาสติกมาโดยตลอด อย่างแคมเปญหนึ่งคือทุกครั้งที่ขายบอร์ดหนึ่งแผ่น Starboard จะเก็บขยะขึ้นจากทะเลหนึ่งจุดหนึ่งกิโลกรัม แม้จะไม่ใช่ปริมาณที่มากพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งสำคัญคือผู้คนได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเรา
“แต่พอมาถึงจุดหนึ่งผมคิดว่า Starboard ต้องเสียภาษีให้กับพลาสติกที่ตัวเองสร้างขึ้น เราเคยใช้เงินส่วนนั้นไปในการเก็บขยะพลาสติกตามชายหาดตั้งแต่บางแสนจนถึงสัตหีบ”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-09-1024x683.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-19-1024x683.jpg)
อดีตนักกีฬาวินด์เซิร์ฟจากนอร์เวย์บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างสมดุลให้ธรรมชาติ ก่อนจะเล่าให้ฟังถึงทางออกของ Starboard ที่สเวนไม่ได้เป็นผู้คิดค้น แต่ใช้ความรู้ที่อยู่คู่โลกมานับล้านปี
“เราต้องสร้างสมดุล! ย้อนกลับไปเมื่อพันล้านปีที่แล้วคุณจำได้ไหมว่าอะไรเกิดขึ้น จะบอกว่าผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่นักวิทยาศาสตร์เล่าให้เราฟังว่า ในตอนนั้นสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในน้ำไม่ประสบความสำเร็จที่จะขึ้นมาบนบก เพราะปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์หนาแน่นเกินไป จนกระทั่งอีกหลายร้อยล้านปีผ่านไปเราถึงขึ้นมาได้เพราะ ‘ต้นโกงกาง’ ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในดินสิ่งมีชีวิตถึงก้าวขึ้นมาเหนือน้ำและใช้ชีวิตบนบกได้
“ข้ามเวลากลับมาที่ปัจจุบัน การผลิตบอร์ดหนึ่งแผ่นจะมีรอยเท้าคาร์บอนหนึ่งร้อยกิโลกรัม ต้นโกงกางหนึ่งต้น ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึงหนึ่งตันในยี่สิบปี และ Starboard จะปลูกต้นโกงกางหนึ่งต้น ต่อการผลิตบอร์ดหนึ่งแผ่น นั่นหมายความว่าคาร์บอนฯ จะเป็นบวกถึงสิบเท่า
“เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายมากและถูกคิดค้นขึ้นมากว่าพันล้านปีแล้ว แต่ไม่มีใครช่วยให้ธรรมชาติทำสำเร็จอีกครั้ง”
สเวนบอกว่า จนถึงที่สุดแล้วการลดจำนวนการผลิตพลาสติกไม่เพียงพอ และพวกเราต้องมองถึงการฟื้นฟูป่าให้มากขึ้น
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/06/210318-StarBoard-23-2-1024x683.jpeg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-27-1024x682.jpg)
ถึงเวลาออกตามหาอนาคต
นอกจากโต๊ะ อุปกรณ์สำนักงาน โซฟา แม็กบุ๊ก เซิร์ฟบอร์ด และต้นโกงกางขนาดเล็ก ในห้องทำงานของสเวน ยังมีสัญลักษณ์ของ Starboard อย่าง Tiki Vichara เทพเจ้าแห่งสายลมและสายน้ำของชาวอินคา ที่ไม่ได้ทำจากไม้แกะสลัก แต่ประกอบขึ้นมาด้วยรองเท้าแตะ Upcycling ที่เก็บมาจากกลุ่ม Trash Hero จากเกาะหลีเป๊ะไว้คอยต้อนรับผู้มาเยือน ที่จะเข้ามาปรึกษาหารือกับ Chief Innovator ของ Starboard ที่ในวันนี้แต่งตัวสบายๆ และทะมัดทะแมงตามประสานักกีฬา ด้วยเสื้อยืดสีเทาที่สกรีนหน้าอกด้วยตัวอักษรสีขาวว่า SOMWR พร้อมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน และรองเท้าผ้าใบสีดำ
“เราพยายามจะพูดถึงการกระทำอะไรก็ตามที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม แต่กีฬาทางน้ำเป็นเรื่องเฉพาะทางมากๆ หากนับไปทั่วโลกก็คงมีคนเล่นทั้งหมดประมาณสิบล้านคน ผมจึงคิดว่าเราจะส่งข้อความเหล่านี้ไปให้คนอื่นๆ ได้ด้วยวิธีไหน ผู้คนที่เดินอยู่ตามถนนของกรุงเทพฯ นิวยอร์ก หรือเซาเปาโล เราจะส่งต่อความรู้ง่ายๆ เหล่านี้ไปหาพวกเขาได้ยังไง
“ในทุกเช้าที่คุณตื่นมา นอกจากล้างหน้าแปรงฟันหลังจากทำกิจวัตรทั่วไป คุณก็คงจะใส่อะไรสักอย่างหนึ่งก่อนที่จะออกจากบ้าน เรามีสิทธิ์ที่จะใส่อะไรก็ได้ในแต่ละวันและวันนี้ผมเลือกจะใส่ SOMWR เพราะต้องการจะสื่อสารในเรื่องเดียวกับสิ่งที่ SOMWR เชื่อ”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-38-681x1024.jpg)
เพราะต้องการขยายฐานการสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กว้างมากขึ้น สเวนจึงคิดถึงสิ่งที่จะเข้าหาผู้คนได้ง่ายขึ้น แต่ทำไมถึงต้องเป็น SOMWR (เล่นกับคำว่า Somewhere = ที่ใดที่หนึ่ง (adv.)) มาจากไอเดียที่มองว่าทุกอย่างต้องเริ่มขึ้นจากที่ใดที่หนึ่ง แต่เรื่องการตั้งชื่อนั้น เหตุการณ์ค่อนข้างคลับคล้ายคลับคลากับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว
“ผมมีพรีเซนเทชันหกสิบกว่าหน้า ในนั้นมีครบทุกอย่างยกเว้นแต่ว่าเราจะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร ในระหว่างการประชุมมีสไลด์หน้าหนึ่งเป็นรูปการประท้วงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยเมื่อสองสามปีที่แล้ว กับรูปของเพื่อนๆ ผมที่ใส่เสื้อ Trash Hero ผสมกับเสื้อขององค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ และในสไลด์เขียนว่าเราควรจะเริ่มต้นที่ไหนสักแห่ง (We have to start somewhere) นั่นแหละที่มาของชื่อ SOMWR
“อนาคตอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่เราไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน เราแค่เคลื่อนไปในทางที่คิดว่าถูกต้อง อุดมการณ์ของเราคือรวมผู้คนเข้าด้วยกัน พูดคุยเรื่องสิ่งแวดล้อมและท้าทายให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมา”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-10-1024x683.jpg)
อาจเพราะว่าเป้าหมายหลักคือกระตุ้นให้เกิดการสนทนาเพื่อสิ่งแวดล้อม หากลองกดเข้าไปในเว็บ somwr.com
สิ่งแรกที่จะเห็นไม่ใช่คอลเลกชันใหม่ แต่เป็นแนวคิดในการเคลื่อนไหวและการมุ่งไปหาวิธีการนำเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ออกสู่ตลาด
“เสื้อผ้าทุกตัวของเราทำจากคอตตอนออร์แกนิกหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีโพลีเอสเตอร์ ไม่มีสารเคมี รู้ไหมว่าทุกวันนี้สิบเปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นบนโลกมาจากการผลิตเสื้อผ้า
“สิ่งที่เราทำเป็นอย่างแรกคือเก็บขยะพลาสติกออกจากชายหาดในจำนวนที่เท่ากับน้ำหนักเสื้อ อย่างตัวนี้ (ชี้ไปที่เสื้อของตัวเอง) มีรอยเท้าคาร์บอนประมาณสองจุดสามกิโลกรัม แต่เราสามารถดูดซับคาร์บอนฯ ลงมาถึงสองร้อยสามสิบกิโลกรัมจากการปลูกต้นโกงกาง นั่นแปลว่าเสื้อแต่ละตัวทำให้ผลคาร์บอนฯ เป็นบวกถึงสิบเท่าจากที่ใช้ไปทั้งหมดในการผลิต
“ถ้ามองไปที่ลายของเสื้อ (หลอดพลาสติกที่ถูกกุมขัง, พลาสติกที่ถูกตีตราว่าเป็นนักโทษ หรือต้นโกงกางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม) จะเห็นว่ามีการเรียกร้องอยู่ในนั้น ผู้คนต้องการประท้วงในสิ่งที่ไม่พอใจ สำหรับประเทศไทยการประท้วงอาจจะต้องเข้มข้นขึ้น เราเป็นมิตรเกินไปกับคนที่อยู่เหนือกว่า บางทีอาจจะต้องเข้มแข็งมากขึ้นไม่ว่าจะวิธีไหน หากหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคุณอาจจะต้องทำตัวเองให้บ้าขึ้น”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-001-1024x682.jpg)
ปรัชญาขายของที่บอกให้คิดก่อนซื้อ
เมื่อเสื้อผ้าหรือข้าวของที่คุณเลือกใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงตัวตน จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ตั้งแต่ระดับโลกจนถึงระดับตำบลล้วนมีปรัชญาประจำตัว และสื่อสารสิ่งที่พวกเขาคิดออกมาอยู่สม่ำเสมอ เพื่อคอยย้ำเตือนผู้บริโภคถึงจุดยืนของตัวเอง
ผู้ผลิตสปอร์ตแวร์ชั้นนำของโลกอย่าง Nike บอกทุกคนว่าให้เลิกคิดแล้วลงมือทำ (Just Do It) เจ้าพ่อเอาต์ดอร์อย่าง Patagonia ประกาศในวัน Black Friday หนึ่งในวันที่สินค้าจะขายได้มากที่สุดว่าอย่าซื้อแจ็กเกตตัวนี้ (Don’t buy this jacket) เพราะไม่อยากให้ผู้คนซื้อของที่ตัวเองไม่ต้องการ และสร้างภาระให้กับโลก
ส่วน Starboard และ SOMWR นอกจากจะห้ามไม่ให้ซื้อ ยังบอกให้คิดและศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนจะจ่ายเงินออกไปอีกต่างหาก
“อย่างแรกเลยนะ อย่าซื้ออะไรที่ไม่ต้องการ (ยิ้มกว้าง) แต่ถ้า ‘จำเป็น’ ต้องซื้ออะไรสักอย่าง ลองศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์นั้นๆ ดูก่อน ผมว่าการซื้อของก็เหมือนกับการเลือกตั้งนั่นแหละ ควรจะต้องศึกษาให้ดีก่อนจะเลือกใคร”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-002-1024x682.jpg)
จะเห็นว่าธุรกิจขนาดใหญ่ที่สนใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มีวิธีจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างน่าทึ่ง พวกเขาสามารถสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยั่งยืนพร้อมที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยความออร์แกนิกหรือจัดแคมเปญที่ชวนคนทั้งโลกมาร่วมมือกัน
สำหรับ Starboard แม้จะมีเป้าหมายเดียวกับแบรนด์ที่พูดเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยขนาดองค์กร จึงเลือกทำในสิ่งทั่วไป แต่เชื่อในผลลัพธ์ที่จะตามมา
“เราทำอะไรที่ธรรมดามากๆ เพราะอยากให้ทุกคนทำตามได้และร่วมกันส่งต่อความคิดที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมออกไป การเก็บขยะที่ชายหาดถึงจะเป็นอะไรที่เล็ก แต่ทำได้เร็วมาก ความคิดของเราคือทำอย่างไรให้ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดออกไปในทางที่ดีที่สุด”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-003-1024x682.jpg)
ความหวังอยู่ที่เด็กแต่การเปลี่ยนแปลงต้องมาจากผู้ใหญ่
ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายของ Starboard ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าตกลงแล้วแบรนด์นี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไรกันแน่ สเวนตอบข้อสงสัยนี้ด้วยการลุกออกไปหยิบนามบัตรมายื่นให้
แม้บนนั้นจะมีตัวอักษรเขียนกำกับตำแหน่งไว้ว่า Chief Innovator (หัวหน้าแผนกนวัตกรรม) ให้กับบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์กีฬา แต่เขาบอกว่าบทบาทของตัวเองตอนนี้เหมือนกับ ‘นักสื่อสาร’
“เราทำหน้าที่ส่งต่อไอเดียให้ผู้คน สิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการพูดถึงเท่าที่ควร อย่างที่คุณเห็นว่า Starboard พูดกับกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนจำกัด SOMWR เลยเกิดขึ้น บทบาทของเราตอนนี้จึงเหมือนกับนักสื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อมเสียมากกว่า”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-18-1024x683.jpg)
เพราะวางตัวเองเป็นผู้สื่อสารเรื่องสิ่งแวดล้อม Corporate Social Responsibility (CSR) หรือกิจกรรมเพื่อสังคม จึงเป็นสิ่งที่สเวนบอกว่า เขาไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำ
อาจเป็นเพราะว่าการทำงานในวันปกติวันหนึ่งของ Starboard ก็เหมือนกับการทำเพื่อสังคมไปในตัวอยู่แล้ว กลุ่มเป้าหมายของบริษัทนี้ก็แทบจะเป็นทุกคนไปโดยปริยาย แต่ถ้ามีกลุ่มไหนที่อยากจับเข่าคุยด้วยเป็นพิเศษสเวนบอกว่า คงเป็นคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา (57 ปี)
“ปัญหาโลกร้อนอยู่ในความสนใจของเด็กสมัยนี้อยู่แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด คือผู้ใหญ่ที่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้อีกครั้ง คนวัยเดียวกับผมมักจะบอกให้เด็กไปเรียนรู้สิ่งนั้นสิ่งนี้ ในขณะที่พวกเขาไม่เปิดรับอะไรใหม่เลย แต่กลับมีตำแหน่งเป็นนักการเมืองหรือผู้นำองค์กรที่เป็นกลุ่มคนที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจมากที่สุด
“เราทำงานกับ Trash Hero มาห้าปี พวกเขาเป็นองค์กรที่น่าทึ่งมาก แต่ผมเห็นแล้วว่าลำพังพวกเราเอง หากหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงคงเป็นเรื่องยาก
“คงเป็นเรื่องง่ายกว่าถ้าจะคุยกับคนพันคนที่อยู่บนยอดพีระมิด และให้พวกเขาส่งต่อเรื่องดีๆ เหล่านี้ลงมา ในประเทศนี้มีกฎหมายหลายอย่างที่จำกัดบทบาทของเรา บางครั้งคุณไม่สามารถแม้แต่จะพูดในสิ่งที่คิด คุณไม่พูดถึงเรื่องสำคัญ และปล่อยให้ประเทศนี้เต็มไปด้วยมลพิษ ถ้าเป็นไปได้เราหวังจะคุยกับเหล่าผู้กุมอำนาจเพื่อให้ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-33-1024x683.jpg)
ปักธงโอลิมปิก
ถึงจะเป็นธุรกิจที่มีสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องนำทาง แต่ Starboard แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ลูกค้าต้องได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน และนักกีฬาทุกคนจะใช้สินค้าของพวกเขาเป็นบันไดก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้ และมหกรรมที่นักกีฬาทุกคนเฝ้าฝันอย่างโอลิมปิก ก็เป็นฝันที่เอื้อมถึงของพวกเขาเช่นกัน
“โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีสจะมีกีฬาชนิดใหม่ที่เรียกว่า Foil Surfing เราทำบอร์ดใหม่ที่ชื่อว่า iQFoil ส่วนผสมระหว่างความสวยงามและศักยภาพ
“iQ มาจากคำว่า Innovation (นวัตกรรม) และ Quality (คุณภาพ) ที่เป็นปรัชญาในการทำงานของ Starboard มาโดยตลอด
“โอลิมปิกยังเป็นเวทีที่สำคัญมากในการสื่อสารกับผู้คนหมู่มาก เราร่วมมือกับองค์กรอย่าง ICF (International Canoe Federation) และ WS (World Sailing) เพื่อมองหาความเป็นไปได้ในการทำให้ปารีส 2024 เป็นโอลิมปิกที่มีผลคาร์บอนฯ เป็นบวกถึงสิบเท่าได้ไหม”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-34-1024x683.jpg)
ถึงจะไม่ใช่แฟนกีฬาตัวยง แต่ชื่อของสตาร์ในโลกลูกหนังอย่าง ลิโอเนล เมสซี หรือย้อนกลับไปที่ เดวิด เบ็คแฮมข้ามฟากไปหา ไมเคิล จอร์แดน หรือ ไทเกอร์ วู้ด ก็คงพอผ่านหูผ่านตากันมาบ้างไม่มากก็น้อย
สเวนมองว่าบรรดานักกีฬาที่จะเข้ามาแข่งขันในโอลิมปิก คือคลื่นลูกใหญ่ที่จะซัดเอาแนวคิดเรื่องสิ่งแวดล้อมให้กระจายไปทั่วทุกมุมโลก
“คุณก็รู้จักนักกีฬาแบบ ลิโอเนล เมสซี ใช่ไหม คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาหันมาให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมและท้าทายแฟนๆ ทั่วโลกให้ร่วมกันทำชาเลนจ์อะไรสักอย่าง เราอาจจะเห็นผู้คนร่วมกันปลูกป่าของเมสซี่ (Messi Forest) หากนักกีฬาเป็นผู้นำทาง ผมเชื่อว่าแฟนๆ จะก้าวตามรอยแน่นอน”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2021/03/210318-StarBoard-32-1024x683.jpg)
เขามองว่าพวกเราจำเป็นต้องหาหมุดหมายสำคัญเช่นมหกรรมกีฬาของคนทั้งโลกอย่างโอลิมปิก ที่จะทำหน้าที่รวบรวมมนุษยชาติไว้ด้วยกัน ที่ผู้คนจะเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ได้เปล่งเสียงเพื่อสิ่งแวดล้อมออกมาอย่างเต็มกำลัง
“เราคิดมาตลอดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ได้อย่างไร ปารีส 2024 คือจุดที่ทำให้เราพอที่จะมองเห็นความเป็นไปได้ และเป็นพื้นฐานต่อยอดไปยังปี 2050 หมุดหมายสำคัญต่ออุณหภูมิของโลกที่ทุกคนยังคาดเดาไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร
“สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น บางทีถ้าเรากลับมาดูในอีก 5,000 ปีให้หลัง อาจจะพอใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ขึ้นมาเล็กน้อย เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ” สเวนทิ้งท้าย