ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยอย่างหนัก ถึงแม้ภาครัฐจะพยายามแก้ไขปัญหาแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก ไม่รู้เป็นเพราะผลิตไม่ทันหรือมีใครแอบกักตุนไว้เพื่อเอาไปขายเก็งกำไรก็ไม่แน่ใจ
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่ไทยเท่านั้น แต่รวมถึงประเทศในแทบเอเชียก็ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส COVID – 19 ไปตามๆ กัน แต่สิ่งหนึ่งที่หลายประเทศแตกต่างจากเราคือ เขามีมาตรการควบคุม เพื่อทำให้ประชาชนในประเทศได้รับหน้ากากอนามัยอย่างทั่วถึงและซื้อได้ในราคาที่เป็นธรรม
| ประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิก WHO แต่มีระบบประกันสุขภาพที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
อย่าง ‘ไต้หวัน’ เพื่อนบ้านไม่ใกล้ไม่ไกล ก็มีสิ่งน่าสนใจ คือเขามีระบบประกันสุขภาพแห่งชาติที่เข้มแข็งมากๆ เห็นได้จากที่นิตยสารและสำนักข่าวระดับโลก อย่าง The Economist และ Bloomberg ต่างเคยจัดอันดับดัชนีการเข้าถึงและประสิทธิภาพทางสาธารณสุขของไต้หวันเป็นอันดับต้นๆ ทั้งๆ ที่ไต้หวันไม่ได้เป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (WHO) ด้วยซ้ำ
โดย ‘ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ’ หรือ National Health Insurance (NHI) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ 1995 ภายใต้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ NHI เป็นระบบประกันสุขภาพกองทุนเดียว และผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ต้องสมทบเงินเข้ากองทุนประกันสุขภาพร่วมกับรัฐบาล อัตราเงินสมทบอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4.69 ของรายได้ ปัจจุบันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลครอบคลุมจำนวนประชากรได้ถึง 99%
“ระบบประกันสุขภาพแห่งชาติของไต้หวันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในระบบประกันสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19 ไต้หวันจึงรับมือได้อย่างทันท่วงที”
| ทุบงบฯ 200 ล้าน ผลิตหน้ากากอนามัยวันละ 10 ล้านชิ้น
ไต้หวันจัดงบประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน เพื่อนำมาสร้างสายการผลิต 60 สาย ภายใน 25 วัน คาดว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไต้หวันจะผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 10 ล้านชิ้น โดยเครื่องจักรทั้ง 60 เครื่องกระจายไปตามโรงงาน 15 แห่ง และโรงงานเหล่านั้นจะต้องผลิตหน้ากากคืนรัฐบาลรวม 72 ล้านชิ้น โดยยังเตรียมงบอีก 90 ล้านดอลลาร์ไต้หวันเพิ่มสายการผลิตอีก 30 สายการผลิต ให้กำลังผลิตรวมกลายเป็นวันละ 12 ล้านชิ้น
และเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ‘ไช่ อิงเหวิน’ ประธานาธิบดีของไต้หวัน ได้โพสต์ทวิตเตอร์แจ้งข่าวว่า ตอนนี้ไต้หวันมีความสามารถในการผลิตหน้ากากอนามัยเฉลี่ยวันละ 9.2 ล้านชิ้น และสูงสุด 10 ล้านชิ้นต่อวันและหน้ากากอนามัยนี้ยังคงจำหน่ายในราคาเดิม คืออยู่ที่แผ่นละ 5 ดอลลาร์ไต้หวัน
| ใช้ระบบสแกนบัตรประชาชนซื้อหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการกักตุน
เพื่อกระจายให้ประชาชนได้รับหน้ากากอนามัยอย่างทั่วถึง ไต้หวันจึงกระจายหน้ากากออกไปตามร้านขายยาที่ขึ้นกับสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสถานีอนามัยทั่วประเทศ ผ่าน ระบบสแกนบัตรประชาชนเพื่อป้องกันการกักตุน
“ผู้ใหญ่ซื้อได้ 3 ชิ้น/สัปดาห์ ส่วนเด็กอายุ 13 ปีหรือต่ำกว่า ซื้อได้ 5 ชิ้น/สัปดาห์”
โดยผู้ใหญ่ที่มีเลขท้ายบัตรประชาชนไต้หวัน หรือใบ ARC ลงท้ายด้วยเลขคี่ (1, 3, 5, 7, 9) จะซื้อได้วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วนเลขคู่ (0,2,4,6,8) ซื้อได้ในวันอังคาร พฤหัส และเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์สามารถซื้อได้ทุกคน (เด็กไม่จำกัดเลขท้ายบัตรว่าเป็นเลขคี่หรือคู่)
ไต้หวันยังร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพ Yallvend Co. พัฒนาเครื่องจำหน่ายหน้ากากแบบหยอดเหรียญ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงหน้ากากท่ามกลางวิกฤตการระบาด COVID – 19 ได้อย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลไต้หวัน ยังทำแผนที่แบบเรียลไทม์ที่เรียกว่า ‘Instant Mask Map‘ เพื่อแสดงจุดที่สามารถซื้อหน้ากากอนามัยได้ โดยในแผนที่จะมีช่องด้านซ้ายบนที่แสดงจำนวนของหน้ากากว่าเหลือมากน้อยแค่ไหน สีเขียวหมายถึงมีหน้ากากเหลือมากกว่า 50% สีเหลืองมี 20 – 50% สีชมพูมี 20% หรือน้อยกว่า และสีเทาคือสินค้าหมดแล้ว
‘นายกรัฐมนตรีซู เจินชาง’ เตรียมแผนเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน ด้วยการเปิดขายหน้ากากอนามัยผ่านช่องทางออนไลน์ โดยตามข่าวบอกว่าจะเปิดให้สั่งซื้อออนไลน์ได้วันที่ 12 มิ.ย. เป็นวันแรก
และล่าสุดสภาวิจัยแห่งชาติของไต้หวันเองก็ได้ประกาศความสำเร็จว่าทีมวิจัยใช้เวลาเพียง 19 วันในการคิดค้นและผลิตชุดทดสอบเชื้อ COVID – 19 โดยสามารถย่นระยะเวลาตรวจหาเชื้อไวรัสจากเดิมใช้เวลากว่า 4 ชม. ถึงรู้ผล ให้ลดลงเหลือเพียง 15 นาที
‘ไช่ อิงเหวิน’ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ความสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นผลมาจากความสามัคคีของประชาชน รวมถึงการทำงานอย่างหนักของรัฐบาลในการจัดการกับไวรัส COVID – 19 ทั้งยังต้องการให้โลกข้างนอกได้รับรู้ถึงจุดแข็งและพลังอำนาจของไต้หวันเองด้วย
ดูๆ ไปแล้วก็แอบอิจฉาคนไต้หวันเนอะ …
Sources :
http://bit.ly/2wQPdSL
http://bit.ly/2wQPfdl
http://bit.ly/2TWaLFG
http://bit.ly/3cTtz15
http://bit.ly/3cQIN6C
http://bit.ly/2wNNRbo
Writer
