‘Déjà Vu Recycle Store’ ร้านหนังสือและเสื้อผ้ามือสองในเซี่ยงไฮ้ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเลือกซื้อผักผลไม้

เคยสังเกตกันไหมว่าทำไมร้านขายของมือสองถึงมักมีบรรยากาศบางอย่างที่แค่มองจากภายนอกตัวร้านก็รับรู้ได้เลยในทันทีว่า ที่นี่ขายของมือสองชัวร์! เพราะอยากเปลี่ยนภาพจำของร้านประเภทนี้ให้แตกต่างออกไป ‘Offhand Practice’ สตูดิโอออกแบบสัญชาติจีน จึงออกแบบ ‘Déjà Vu Recycle Store’ ร้านขายหนังสือและเสื้อผ้ามือสองบนถนน Anfu เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ด้วยการดีไซน์หน้าร้านและการจัดวางหนังสือภายในร้านให้มีรูปแบบที่ไม่ซ้ำเดิม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ตั้งแต่อยู่นอกร้าน อาคารสามชั้นรูปร่างแปลกตาที่ผนังภายนอกร้านทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างกระเบื้องโมเสกสีครีมและแผ่นไม้สีน้ำตาล ดึงดูดให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเกิดความสนใจในตัวสถาปัตยกรรม และอยากเดินลอดผ่านทางเดินเล็กๆ เข้าไปภายในตัวร้านที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีครีมเช่นเดียวกัน แต่น่ามองมากขึ้นด้วยการตัดกับสีเขียวของกระเบื้องโมเสกที่ใช้เป็นกรอบช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบการตกแต่งภายในของเซี่ยงไฮ้ในปี 1970 ชั้นหนึ่งของร้าน Déjà Vu Recycle Store เป็นพื้นที่แกลเลอรีจัดแสดงประวัติศาสตร์ของแบรนด์และกระบวนการปรับปรุงร้านกับสินค้ามือสองภายในร้านให้กลับมามีสภาพสวยงามอีกครั้ง เพื่อสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชม ก่อนจะไปพบกับหนังสือมือสองในชั้นถัดไป เมื่อขึ้นไปยังชั้นสอง คุณจะพบกับบรรดาหนังสือมือสองสภาพเหมือนใหม่ ที่เรียงไว้อย่างสวยงามในลังไม้และลังพลาสติกทั่วทั้งชั้น เพื่อสร้างบรรยากาศให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนกำลังเดินเลือกซื้อของสดอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต ก่อนเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม เพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ถูกใจจากทั้งหมดกว่า 2,000 ชิ้น ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปพร้อมกับหนังสือในชั้นก่อนหน้า “พวกเราพยายามที่จะทำลายภาพลักษณ์ของร้านมือสองแบบเดิมๆ และลบล้างความเชื่อที่ว่า ร้านหนังสือจะต้องอัดแน่นไปด้วยชั้นหนังสือเต็มความสูงของร้าน” Offhand Practice บอกเล่าถึงแนวคิดในการทำร้านของตน แอบคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามีร้านหนังสือมือสองลักษณะนี้ในไทยบ้างคงดีไม่น้อย นอกจากจะได้ลดค่าหนังสือต่อเดือนลงอีกหน่อย ยังได้พื้นที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ ให้ไปหาแรงบันดาลใจอีกด้วย Sources […]

The Booksmith ร้านหนังสือต่างประเทศที่ทำธุรกิจบนความจริง และพร้อมปรับรับการเปลี่ยนแปลง

ในบรรดาธุรกิจที่พูดแล้วโรแมนติกที่สุด สุนทรีย์ที่สุด ช่างดูมีความหมายต่อชีวิตและสังคม จะไม่มี ‘ธุรกิจร้านหนังสือ’ คงไม่ได้ ทว่าเบื้องหลังภาพโรแมนติกเหล่านั้น หากมองด้วยเลนส์การทำธุรกิจที่ต้องค้าขาย เกิดการซื้อมา-ขายไป คงปฏิเสธไม่ได้ว่าร้านหนังสือก็คืออาชีพหนึ่งที่ดำรงภายใต้กฎที่ดิน แรงงาน และทุน เหมือนธุรกิจอื่นๆ The Booksmith คือร้านหนังสือต่างประเทศที่ก่อตั้งโดย ‘สิโรตม์ จิระประยูร’ ซึ่งกำลังย่างก้าวสู่ขวบปีสิบปีที่สองของธุรกิจในปีนี้ นั่นแปลว่าเขาทำร้านหนังสือมาแล้วกว่าสิบปี และเชื่อหรือไม่ว่าบริษัทเพิ่งมาขาดทุนก็เมื่อปี 2020 ที่เจอโควิด-19 นี่เอง อาจเพราะเคยมีประสบการณ์การทำงานที่บริษัทเอเซียบุ๊คส์มาอย่างยาวนาน บวกกับการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในแวดวงธุรกิจหนังสือและการอ่านอยู่เสมอ ทำให้สิโรตม์บริหาร The Booksmith มาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถขยายอาณาจักรการอ่านจาก The Booksmith ที่เชียงใหม่ไปสู่สาขาที่สอง สาม สี่ ได้แก่ ร้านจำหน่ายนิตยสารต่างประเทศ The Papersmith ที่กรุงเทพฯ ร้าน The Booksmith ที่สนามบินดอนเมือง และสนามบินเชียงใหม่ ไปจนถึงการคอลแลบกับร้านหนังสือเชนสโตร์และซูเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจหยุดทำ เหลือแค่ 4 สาขาแรกที่กล่าวไปเท่านั้น โดยขอปิดทำการร้าน The Papersmith […]

คนต่างจังหวัดก็อ่านหนังสือ แต่ทำไมงานหนังสือถึงจัดไม่บ่อยเท่าในกรุงเทพฯ

สำหรับชาวนักอ่านตัวยง คงจำได้ว่าเมื่อก่อนนี้เราแทบต้องนับวันรองานหนังสือแห่งชาติที่ในหนึ่งปีจะวนกลับมาให้เราออกกำลังกายขาและแขนในการเดินเลือกซื้อหนังสือและแบกกลับบ้านกัน 2 ครั้งต่อปี นั่นคืองานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ (จัดเดือนมีนาคม-เมษายน) และงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ (จัดเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน) แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันชาวกรุงเทพฯ ไม่ต้องรอนานเหมือนเดิมแล้ว เพราะช่วงหลังนี้มีงานหนังสือให้เราไปเดินกันบ่อยขึ้นกว่าเดิมทั้งงานขนาดเล็กและขนาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นงานจากสำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ หรือทีมผู้จัดงานหนังสือที่รวมตัวกันโดยเฉพาะเลยก็ตาม อย่างเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็มีงานหนังสือเกิดขึ้นถึง 5 งาน รวมถึงอีเวนต์อย่างงานหนังสือในสวน ที่แม้ไม่ได้ขายหนังสือเป็นหลัก แต่ก็เป็นอีเวนต์ที่เชิญชวนเหล่าคนรักการอ่านมาพบปะและทำกิจกรรมด้วยกัน กระทั่งเดือนสิงหาคมนี้ก็ยังมีงานหนังสือที่จัดอย่างต่อเนื่อง เช่น Bangkok Erotica Book Fest 2022 และงานหนังสือในสวน ครั้งที่ 2 เป็นต้น เมื่อมีงานหนังสือในกรุงเทพฯ เกิดบ่อยขึ้น ชาวต่างจังหวัดจำนวนไม่น้อยเลยเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นว่าอยากให้จังหวัดอื่นๆ มีงานหนังสือบ่อยๆ เหมือนที่เมืองหลวงบ้าง เราจึงเกิดความสงสัยว่าทำไมงานหนังสือถึงไม่แวะเวียนไปจัดที่จังหวัดอื่นๆ ให้บ่อยขึ้น หรือมันเป็นไปได้ไหมที่คนในพื้นที่จะลุกขึ้นมาจัดงานหนังสือในจังหวัดตัวเอง คิดหาคำตอบเองคงไม่ได้อะไร เราขอต่อสายถามความคิดเห็นเรื่องนี้จากเหล่าเจ้าของร้านหนังสือที่กระจายตัวเปิดร้านอยู่ตามต่างจังหวัดดีกว่า สาเหตุที่ต่างจังหวัด (แทบ) ไม่มีงานหนังสือ การจัดงานหนังสือแต่ละครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายหลายส่วนที่สำนักพิมพ์หรือร้านที่เข้าร่วมงานต้องลงทุนเป็นจำนวนไม่น้อย ไหนจะค่าเช่าบูท ค่าเดินทาง ค่าแรงพนักงาน และค่าใช้จ่ายจิปาถะอีก ทว่าทั้งหมดนี้จะยิ่งทวีราคามากขึ้น หากเป็นงานหนังสือที่จัดในต่างจังหวัด นี่จึงอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เราไม่ค่อยได้เห็นงานหนังสือในจังหวัดอื่นๆ สักเท่าไหร่ กำลังซื้อส่วนใหญ่อยู่ในเมือง ‘ภาณุ […]

บอกลาภาคใต้ไปแดนเหนือ ‘ร้านหนังสือเล็กๆ’ เตรียมย้ายจากสงขลาไปเชียงใหม่ ต้นปี 66

เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราได้เสนอข่าวการโยกย้ายร้านของ ‘ร้านหนังสือเดินทาง’ บนถนนพระสุเมรุ มาเดือนนี้ก็เป็นคราวการโยกย้ายของ ‘ร้านหนังสือเล็กๆ’ ที่เคยอยู่ทำเลเดียวกันเมื่อครั้งประจำการบนถนนพระอาทิตย์ (ตอนนั้นร้านหนังสือเดินทางเช่าที่ร้านหนังสือเล็กๆ ต่อ) เป็นเวลากว่าหกปีที่ ‘เอ๋-อริยา ไพฑูรย์’ พาร้านหนังสือเล็กๆ มาลงหลักปักฐานบนถนนยะหริ่ง จังหวัดสงขลา ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งนับเป็นร้านหนังสืออิสระแห่งเดียวของเมืองใหญ่สองทะเลก็ว่าได้ ที่ผ่านมา เอ๋เช่าอาคารเก่าแล้วปรับปรุงฟังก์ชันให้เป็นร้านหนังสือและพื้นที่ทำกิจกรรมของเด็กๆ ตามตัวตนของเธอที่เคยทำงานเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์แพรวเยาวชน แต่ด้วยความไม่สะดวกที่ต้องเทียวไปเทียวมา บวกกับต้องทำงานอื่นๆ หารายได้ ทำให้เธอไม่สามารถเปิดร้านเป็นประจำสม่ำเสมอได้ทุกวัน เพราะมีแพลนจะย้ายไปเชียงใหม่มาตลอด บวกกับคิดว่าตนได้ทำร้านหนังสือที่นี่มานานพอจนถึงเวลาสมควรแล้ว เอ๋ก็ตัดสินใจย้ายร้านหนังสือเล็กๆ ไปแถวโรงเรียนสารภีพิทยาคม จังหวัดเชียงใหม่ “ถ้าย้ายไปที่นั่นมันจะเป็นบ้านเรากับเพื่อน คือเป็นบ้านกับร้านหนังสือในที่เดียวกันไปเลย ตื่นมาก็เปิดร้าน มีหนังสือรายล้อม บรรยากาศดี ในสวนมีต้นไม้ดอกไม้ แถมขายได้หรือไม่ได้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องยอดขายเท่าตอนเช่าร้าน เพราะยังไงก็เป็นบ้านเราเอง “ส่วนแนวหนังสือก็คงเหมือนเดิม เป็นแนวที่เราชอบและถนัด แต่จะเพิ่มโซนหนังสือเด็กขึ้นมา มีสนามหญ้า และห้องที่เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมให้เด็กๆ” เอ๋เล่า ระหว่างนี้ร้านหนังสือเล็กๆ กำลังทยอยเก็บหนังสือ ทำให้ต้องปิดหน้าร้านอยู่บ่อยๆ ใครที่อยากแวะไปเยี่ยมเยือนอาจต้องติดต่อหาเอ๋ก่อน ส่วนการสั่งซื้อหนังสือทางออนไลน์ยังพอทำได้บ้าง ขณะเดียวกัน แม้สงขลาจะไม่มีร้านหนังสือเล็กๆ แล้ว แต่ด้วยความร่วมมือกับคนรักหนังสือ บวกกับแรงผลักดันสนับสนุนจากเอ๋ ก็ทำให้เมืองยังมีร้านหนังสือต่อไป […]

อีกครั้งแล้วสินะที่ฉันต้องโยกย้าย เตรียมบอกลา ‘ร้านหนังสือเดินทาง’ ย้ายร้านจากถนนพระสุเมรุ สิ้นปี 65

หากได้มีโอกาสต้องไปทำธุระหรือมีแพลนเดินเที่ยวเล่นแถวถนนพระสุเมรุ เรามักจะแวะเวียนไปร้านหนังสือที่หน้าร้านตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้น่ารัก จักรยานเก่าๆ หนึ่งคัน และชั้นวางที่อัดแน่นไปด้วยโปสต์การ์ด เพื่อเข้าไปเลือกหาหนังสือถูกใจสักเล่มก่อนนำกลับบ้าน หรือใช้เวลานั่งทอดหุ่ยอ่านหนังสือบนชั้น 2 ที่เป็นส่วนคาเฟ่ ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงร้านหนังสือเดินทาง (Passport Bookshop) ของ ‘หนุ่ม-อำนาจ รัตนมณี’ ที่ตั้งอยู่บนถนนสายพระสุเมรุมานานกว่า 16 ปี ฟังดูเป็นเวลาที่ยาวนาน และนักอ่านหลายคนคงมีโอกาสมาเยี่ยมเยียนที่นี่อยู่หลายครั้ง แต่ขณะเดียวกัน อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าร้านหนังสือเดินทาง เคย ‘ย้าย’ ร้านมาแล้วครั้งหนึ่งจากถนนพระอาทิตย์ หลังจากเปิดจำหน่ายหนังสือเป็นเวลา 4 ปี นั่นแปลว่าหากรวมเวลาที่ร้านหนังสือแห่งนี้เปิดให้บริการก็นับได้ 20 ปีพอดิบพอดี แต่ใครจะไปรู้ว่าเวลาที่พอให้เด็กคนหนึ่งเติบโตเป็นหนุ่มสาวจำต้องสิ้นสุดลง เพราะร้านหนังสือเดินทางได้ประกาศว่าจำเป็นต้องย้ายร้านเป็นคราที่สองในสิ้นปีนี้ เนื่องจากอาคารที่ใช้เป็นตัวร้านถูกเวนคืนเพื่อทำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน นั่นทำให้ทีมงานในร้านต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของ เพื่อความพร้อมและสะดวกในการขนย้าย อย่างที่ทราบกันว่าจุดเด่นของร้านหนังสือแห่งนี้คือ การตกแต่งและบรรยากาศที่น่ารัก อบอวลไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น แต่มากไปกว่านั้น สิ่งที่ทำให้ร้านคงอยู่ได้เรื่อยมาคือมิตรภาพของเจ้าของร้านหนังสือและนักอ่านทั้งขาประจำและขาจร จนหลายครั้งก่อให้เกิดความผูกพันขนาดที่มีคนยกให้เป็นหนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำ บ้างก็ส่งของขวัญและหนังสือมาให้เจ้าของร้าน บ้างก็ขอใช้พื้นที่ร้านเป็นสถานที่ในการขอแต่งงานด้วยซ้ำ นี่ยังไม่นับรวมหนังสือหลากหลายประเภทที่อัดแน่นตามชั้นวาง และสิ่งละอันพันละน้อย เช่น โปสต์การ์ด สมุด กระเป๋า งานศิลปะ ฯลฯ ที่เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของร้าน ทำให้ใครที่หลงเข้าไปล้วนไม่ได้กลับออกมาแบบตัวเปล่า […]

คิโนะคูนิยะ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดตัวร้านใหม่ ใหญ่โตกว่าเดิม เติมกองดองได้ 26 พ.ค. นี้เป็นต้นไป

หลังจากที่ร้านหนังสือ Kinokuniya (คิโนะคูนิยะ) สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ได้เปิดให้บริการเฟสแรกที่เป็นโซนการ์ตูนอย่างฉูดฉาดไปแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (อ่านที่ https://tinyurl.com/2xzbgwop) คราวนี้ก็ได้ฤกษ์เปิดเฟสที่เหลือ ซึ่งเป็น Main Store ของร้านสักที โดยทางคิโนะคูนิยะถึงกับบอกว่าเป็นสาขาเขาวงกตเลยทีเดียว หลังจากปิดร้านที่ชั้น 6 แล้วย้ายมาตั้งร้านชั่วคราวที่ชั้น 5 เพื่อรีโนเวตมานาน คิโนะคูนิยะสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ก็พร้อมเปิดให้บริการร้านใหม่แบบยิ่งใหญ่จัดเต็มอีกครั้งในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ นอกจากพื้นที่กว้างขวางโอ่โถง และการตกแต่งที่สวยงาม ร่วมสมัย มีหน้าต่างที่เปิดโล่งให้แสงธรรมชาติเข้ามา ไม่ทึบแบบร้านเดิมแล้ว ยังมีการเพิ่มโซนร้านกาแฟภายในร้านไว้ให้นักอ่านจิบเบาๆ สร้างบรรยากาศการอ่านหนังสือท่ามกลางกลิ่นกาแฟที่หอมกรุ่นไปด้วย ทั้งนี้ หนังสือและสิ่งพิมพ์ที่จำหน่ายในสาขานี้มีครบ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และอังกฤษ ยังไม่นับรวมเครื่องเขียนและโปรดักต์อื่นๆ อีกมากมายให้ได้จับจองเป็นเจ้าของ ส่วนใครที่เป็นแฟนร้านหนังสือแห่งนี้ตัวจริง เปิดร้านใหม่นี้ คิโนะคูนิยะได้เตรียมไอเทมขวัญใจนักอ่านเป็นถุงกระดาษลายใหม่ และของที่ระลึกมากมาย ซึ่งในวันเปิดร้านวันแรกนี้ ก็มีกิจกรรมมากมายให้ทุกคนได้เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นคุยกับนักเขียนขวัญใจนักอ่าน พบกับนักวาดภาพประกอบชื่อดัง เวิร์กช็อปสนุกๆ งานคอสเพลย์ เป็นต้น ร้านหนังสือคิโนะคูนิยะโฉมใหม่ ตั้งอยู่ที่ชั้น 6 โซนอิเซตันเดิม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา […]

ร้านหนังสือเปิดใหม่ที่มีดนตรีและศิลปะ Rhythm and Books Chapter III ของ ภาณุ มณีวัฒนกุล ในปราณบุรี

สมัยนี้ นอกจากร้านอาหารสวยๆ คาเฟ่ และแกลเลอรีที่กลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนปักหมุดต้องไปเยือนเวลาไปท่องเที่ยวแล้ว ร้านหนังสืออิสระก็น่าจะนับรวมเข้าไปในสถานที่เหล่านี้ได้แล้วเช่นกัน เพราะเอกลักษณ์ บรรยากาศ และการตกแต่งร้านที่แตกต่างไปตามผู้เป็นเจ้าของ ล้วนทำให้ร้านหนังสืออิสระมีเสน่ห์จนใครๆ ก็อยากไปเยือน หลังจากเคยเปิดร้านหนังสืออิสระที่หัวหินมาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนจะยุติกิจการ หยุดยาวมาหลายปี ภาณุ มณีวัฒนกุล นักเขียนผู้ทำร้านหนังสือก็กลับมาทำร้านหนังสือ Rhythm and Books อีกครั้ง โดยครั้งนี้เขาได้เพิ่มคำว่า Chapter III ต่อท้ายชื่อ เพื่อสื่อถึงการเปิดร้านครั้งที่ 3 ด้วย เพราะยังหลงใหลในบรรยากาศของร้านหนังสือ บวกกับเห็นว่าแถวหัวหิน-ปราณบุรีไม่มีร้านหนังสือ ทำให้ภาณุเสาะหาทำเลที่เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและที่ตั้งร้านหนังสือได้ จนสุดท้ายมาลงตัวที่ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น บริเวณถนนสายกลาง จากปากน้ำปราณไปเขากะโหลก “สมัยนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าทำแค่ธุรกิจร้านหนังสือมันอยู่ยาก เราเลยหาสิ่งอื่นๆ มาเสริมด้วย” ภาณุบอกกับเรา เพราะเหตุนี้จึงทำให้ Rhythm and Books Chapter III ยังคงคอนเซปต์เดิมด้วยการจำหน่ายหนังสือภาษาไทย หนังสือภาษาอังกฤษมือสอง แผ่นเสียง ซีดีเพลง และมีโซนแกลเลอรีเล็กๆ ที่มีงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ […]

Kinokuniya เปิดร้านหนังสือการ์ตูน สุดฉูดฉาดอลังการที่ CentralwOrld

ในยุคที่การ์ตูนญี่ปุ่นกลับมาฮิตในกระแสหลักกันอีกครั้ง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนอ่านมังงะ แย่งชิงกันซื้อการ์ตูนในระดับที่ไม่ต่างจากการกดตั๋วบัตรคอนเสิร์ตศิลปินดัง หรือกระทั่งจับกลุ่มเป็นแฟนด้อมอานิเมะกันอย่างเหนียวแน่นไม่ต่างแฟนด้อมไอดอลเกาหลี จากปรากฏการณ์นี้ทำให้สำนักพิมพ์หนังสือการ์ตูนในไทยกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้ง พร้อมๆ กับร้านหนังสือการ์ตูนที่เริ่มมีลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาอุดหนุน ทำให้ Kinokuniya (คิโนะคูนิยะ) ร้านหนังสือสัญชาติญี่ปุ่นที่มีสาขาในไทย เปิดโซนการ์ตูนอย่างฉูดฉาดอลังการที่ชั้น 6 ห้างสรรพสินค้า CentralwOrld ไปเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ภายในร้านมีมังงะและอานิเมะลิขสิทธิ์แท้ให้คอการ์ตูนเลือกสรร โดยมีทั้งภาษาไทย อังกฤษ และญี่ปุ่น ยกตัวอย่างหนังสือยอดฮิต เช่น Spy x Family, Demon Slayer, Slam Dunk, Jujutsu Kaisen, Attack on Titan, Blue Period, Sailor Moon, One Piece, โคนัน ยอดนักสืบ, คอลเลกชันของ Junji Ito, ผลงานของ Ghibli Studio ไปจนถึงผลงานของ DC Comics และ Marvel […]

ชวนรำลึกความทรงจำก่อนบอกลาถาวร ร้านนายอินทร์ สาขาท่าพระจันทร์ ปิด 31 มี.ค. 65 โปรฯ ส่งท้ายลด 20%

สำหรับนักอ่านหรือคนที่ชอบเข้าร้านหนังสือ ถ้ามีโอกาสเดินทางไปแถวสนามหลวง ท่าพระจันทร์ เมื่อไหร่ คงแวะไปร้านนายอินทร์ สาขาท่าพระจันทร์ ด้วยแน่ๆ นอกจากหนังสือที่มากมายหลายประเภทแล้ว ร้านนายอินทร์สาขานี้ที่เป็นอาคาร 2 คูหา 4 ชั้น ยังมีเสน่ห์ตรงกลิ่นอายประวัติศาสตร์ เนื่องจากร้านดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี 2537 ในย่านที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม สถานศึกษา และชุมชนเก่าแก่ กลุ่มนักอ่านประจำส่วนใหญ่จึงเป็นพระ และนิสิตนักศึกษาที่มาเรียนแถวนั้น กลายเป็นภาพที่คนในชุมชนเห็นจนชินตา ถ้าขึ้นไปบนชั้น 2 ของร้าน เรามักจะเห็นนักอ่านมาปักหลักอ่านหนังสือกันอยู่บ่อยๆ ไหนจะงานเสวนาและกิจกรรมดีๆ ที่ชาวสำนักพิมพ์ นักเขียน นักวิชาการใช้ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานอยู่เรื่อยๆ ยังไม่นับความประทับใจอื่นๆ ที่กลายเป็นความผูกพันของแต่ละคนอีก จะบอกว่าเป็น Comfort Place ในย่านท่าพระจันทร์ก็ยังได้ เพราะใครที่มารอนัดหรือนึกอะไรไม่ออกก็มักมาเดินเตร่ดูหนังสือที่ร้านนายอินทร์สาขานี้ ทว่าหลังจากดำเนินกิจการมาเกือบ 30 ปี ร้านนายอินทร์ สาขาท่าพระจันทร์ ก็ประกาศปิดตัวถาวรในวันที่ 31 มีนาคม 2565 นี้ จากผลกระทบทางเศรษฐกิจและการหายไปของผู้คนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สร้างความน่าตกใจและเสียดายให้คนที่เคยมาเยือนไม่น้อย ใครที่คิดถึง และอยากไปย้อนรำลึกความหลัง ร้านยังเปิดให้บริการจนถึงสิ้นเดือนนี้ โดยจัดโปรโมชันพิเศษ […]

ซัปพอร์ตร้านหนังสืออิสระ พร้อมลุ้นรางวัลหนังสือ 100 เล่มจาก OKMD กับ ‘Bookself : ตัวฉันกับร้านหนังสือ’

ในยุคสมัยที่ร้านหนังสือไม่ได้เป็นแค่สถานที่ซื้อ-ขายหนังสืออย่างเดียว แต่กลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น รวมไปถึงสเปซที่ให้พลังงานดีๆ คนจำนวนไม่น้อยจึงเลือกให้ร้านหนังสือเป็นจุดหมายปลายทางในวันหยุด ซึ่งในอีกทางหนึ่งยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยอย่างเจ้าของร้านหนังสืออิสระทั่วประเทศด้วย เพราะต้องการสนับสนุนร้านหนังสืออิสระและการอ่าน OKMD จึงจัดกิจกรรมสนุกๆ ด้วยการชวนทั้งนักอ่านและคนที่ชื่นชอบร้านหนังสือมาแชร์ร้านหนังสืออิสระในดวงใจ เพื่อลุ้นรับรางวัลเป็นหนังสือจากห้องสมุด OKMD จำนวน 100 เล่ม วิธีการง่ายๆ แค่ถ่ายภาพมุมโปรดในร้านหนังสืออิสระ ไม่ว่าจะเป็นรูปเก่า-ใหม่ เซลฟี่ หน้าปกหนังสือ หรือบรรยากาศร้าน แล้วอธิบายสักหน่อยว่าทำไมถึงชอบร้านหนังสือ หรือเรื่องราวความประทับใจใดก็ได้ แล้วแชร์ลง Instagram หรือ Facebook ตั้งค่าโพสต์เป็นสาธารณะ พร้อมกับแท็กชวนเพื่อนๆ ที่อยากให้ไปด้วยกัน ใส่โลเคชันร้าน และเติมแฮชแท็ก #OKMDBookself #ตัวฉันกับร้านหนังสือ ให้ครบถ้วน เพียงเท่านี้ก็เตรียมตัวลุ้นรับหนังสือ 100 เล่มที่บ้านได้เลย ใครที่สนใจ ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยกิจกรรมจะประกาศผลผู้โชคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2565 ที่ OKMD

Violet Valley ร้านหนังสือที่โอบกอดหัวใจ LGBTQ+

ไม่ว่าใครจะถูกกีดกันความหลากหลายทางเพศจากที่ไหน แต่ถ้ามาที่ Violet Valley ร้านหนังสือทางเลือกสุดน่ารัก คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นของแถมทันที ก็จริงอยู่ ร้านหนังสือมีอยู่หลายแห่งบนโลกใบนี้ แต่สำหรับ Jaime Harker นั้น Violet Valley คือร้านหนังสือที่เธอตั้งใจเปิดขึ้นมาเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับกลุ่มเฟมินิสต์ ร้านหนังสือขนาดเล็กแห่งนี้ตั้งอยู่ใน Water Valley รัฐมิสซิสซิปปี ชุมชนเล็กๆ ซึ่งมีประชากรเพียง 3,323 คน ช่วงปี 2017 Harker เป็นศาสตราจารย์ด้านภาษาที่ University of Mississippi เธอนิยามตัวเองเป็นเลสเบี้ยน และเพิ่งเขียนงานเรื่อง The Lesbian South เสร็จสมบูรณ์ ตอนนั้น Harker เห็นว่ามีผู้หญิงหลายคนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ Women In Print ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 70 โดยเฉพาะกลุ่มเลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล และกลุ่มเพศหลากหลาย ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการตีพิมพ์ผลงาน ดังนั้นคอมมูนิตี้สตรีนิยมจึงก่อตั้งสำนักพิมพ์ ร้านหนังสือ หรือแม้แต่จัดการกระบวนการพิมพ์เอง เพื่อให้แน่ใจว่าคนอย่าง Dorothy Allison นักเขียนเลสเบี้ยน, […]

พก : ร้านหนังสือและโรงหนังเคลื่อนที่ของคู่รักที่พกหนังสือและหนังดีไปหาคนดูได้ทุกที่

ภาพทิวดอย ทุ่งนา และฟ้าใส ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปบนกระจกของรถยนต์ที่กำลังแล่นไปตามทางลดเลี้ยวเลียบสันดอยของจังหวัดเชียงราย ที่นั่งด้านหลังถูกปรับให้กลายเป็นพื้นที่บรรทุกหนังสือจำนวนหลายเล่ม และเครื่องฉายภาพยนตร์คุณภาพเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือการพาหนังสือและหนังคุณภาพดีไปนำเสนอให้กับผู้คนในอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย “พวกเราเชื่อว่าหนังที่ดี หนังสือที่ดี ทำงานกับหัวใจของผู้คนให้ไหวไปกับเนื้อหาที่ได้รับ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นได้ แต่จะทำยังไงให้หนังที่ดีและหนังสือที่ดีไปถึงที่ผู้คนได้มากที่สุด วิธีการที่ดีที่สุดที่พวกเราคิดก็คือ การพกหนังที่ดีและหนังสือที่ดีไปหาผู้คน เราสองคนจึงเริ่มต้นทำ ‘พก’ ขึ้นมา” พก คือชื่อร้านหนังสือและโรงหนังเคลื่อนที่ที่จะพกหนังสือและหนังคุณภาพพาไปสู่ผู้คนในวงกว้างทั่วทุกพื้นที่เท่าที่จะเป็นไปได้ของ ‘เป๊ก-ธวัชชัย ดวงนภา’ และ ‘ดา-สุดารัตน์ สาโรจน์จิตติ‘ คู่รักนักทำภาพยนตร์สารคดี ที่ตัดสินใจย้ายชีวิตจากกรุงเทพฯ มาอยู่ที่จังหวัดเชียงราย และเริ่มต้นทำโปรเจกต์ ‘พก’ ขึ้นมา รถยนต์เดินทางมาถึงที่หมาย ณ สตรอเบอรี่สวนหลังบ้าน (Backyard Strawberry) ร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่หน้าไร่สตรอว์เบอร์รีและผักออร์แกนิกที่ปลูกเพื่อนำมาเสิร์ฟเป็นเมนูภายในร้าน เป๊กและดาค่อยๆ ช่วยกันนำของที่พวกเขาพกมาลงจากรถ นำผ้าดำมาขึงรอบบริเวณใต้ถุนร้าน นำเก้าอี้มาวาง เอาจอมากาง และตั้งเครื่องฉาย ดัดแปลงพื้นที่ใต้ถุนให้กลายเป็นโรงหนังใต้ถุนเธียร์เตอร์ที่พร้อมฉายภาพยนตร์คุณภาพดีให้ผู้คนที่นี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ขนเอากระเป๋าลงจากรถและนำมาวางเปิดบนโต๊ะ ในกระเป๋าเต็มไปด้วยหนังสือจำนวนมากที่พวกเขาคัดสรรกันมาอย่างดี เท่านี้ ‘พก’ ก็พร้อมแล้วที่จะให้ผู้คนได้เข้ามาชมว่าพวกเขาได้พกพาเรื่องราวอะไรมาบ้าง ขอเชิญก้าวเท้าตามเรามา และไปดูกันดีกว่าว่าเป๊กและดาได้พกเรื่องราวอะไรมากับพวกเขาบ้าง พบปัญหาจึงต้อง ‘พก’ เป๊กและดาประกอบอาชีพนักทำภาพยนตร์สารคดี นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาที่เป็นประเด็นในสังคมมานานนับสิบปี การงานเช่นนี้ได้พาพวกเขาได้เดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พบเจอกับผู้คนและเรื่องราวน่าสนใจและน่าอดสูจำนวนมาก “การทำงานสารคดีทำให้เราได้เดินทางไปในหลายที่ เจอผู้คนมากมาย นั่นทำให้เราเห็นทั้งปัญหาในสังคม […]

1 2 3

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.