“ในวันที่เราต้องไกลห่าง ในวันที่เธอนั้นอ้างว้าง อยากให้รู้ว่ารักไม่เคยห่าง ใจฉันอยู่ข้างๆ เธอ”
ช่วงนี้ใครๆ ก็แสนเหงา ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนรักก็ต้องห่างกันสักพัก จริงอยู่ที่การกอดหรือการสัมผัสใกล้ชิดจะทำให้เกิดความผูกพัน และทำให้ความรักโรแมนติกมากขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการอยู่ห่างกันจะทำให้รักจืดจางลงเสมอไป กลับทำให้คิดถึงกันมากขึ้นและเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า จะอดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันได้ไหม
ในขณะที่คู่รักหลายคู่หรือแม้แต่ครอบครัวที่ต้องกักตัวอยู่แต่บ้าน การอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาก็สามารถกลายเป็นความอึดอัดได้เหมือนกัน แต่หากมองอีกมุมก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับคนที่ปกติไม่ค่อยจะมีเวลา ได้หันกลับมาใส่ใจกันและกันมากขึ้น เราจึงหยิบทิปส์ในการ ‘กระชับความสัมพันธ์’ ในระหว่างที่ต้อง ‘เว้นระยะห่างทางสังคม’ ใครจะอแดปต์ไปใช้กับคนรัก เพื่อน หรือครอบครัว เราก็ไม่หวง!!
Social Distancing | ไกลแค่ไหนคือใกล้
คำที่ช่วงนี้เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ‘Social Distancing’ หรือการรักษาระยะห่างทางสังคม อธิบายง่ายๆ คือการเว้นระยะห่างระหว่างตัวเรากับคนอื่น เลี่ยงการทำกิจกรรมร่วมกัน ลดการออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น หลายคนอาจเริ่มทำงานที่บ้านแล้ว ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสได้มากทีเดียว
แต่การเปลี่ยนพฤติกรรมของคนคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป กิจกรรมนอกบ้านที่แพลนไว้ก็เป็นอันต้องยกเลิก การออกไปสังสรรค์หรือหาความบันเทิงใส่ตัวก็ทำได้แต่ในบ้าน รวมไปถึงการปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ ที่ลดน้อยลง จึงไม่แปลกที่เราจะเกิดความเหงา เบื่อหน่าย ผิดหวัง หรือวิตกกังวล ซึ่งหากอยู่กับมันไปนานๆ ย่อมส่งผลไปถึงสภาพจิตใจ ซึ่งหากเรารู้จักปรับตัวและมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ สร้างสังคมที่ให้กำลังใจกันและกันก็จะช่วยคลายความรู้สึกเหล่านี้ได้
Stay Connected | ถึงตัวจะไกล แต่ใจไม่ห่างกัน
สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดและไม่ควรตัดขาดในช่วงนี้คือ การรักษาความสัมพันธ์ให้ยังรู้สึกใกล้ชิด ทุกวันนี้เราเข้าถึงเทคโนโลยีได้ง่ายมาก เราใช้โซเชียลมีเดียแทบทุกวันและแชตหากันได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ด้วยความง่ายนี้แหละเราจึงมักใช้มันสร้างความสัมพันธ์ที่ฉาบฉวย
การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและวิธีการที่หลากหลาย จะช่วยสร้างสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างการวิดีโอคอล เพราะการเห็นหน้ากันจะทำให้รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้มากกว่า หรือคิดหาวิธีสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพื่อใช้เวลาร่วมกันถึงแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เช่น นัดเวลากินข้าวผ่านวิดีโอคอล ไปจนถึงจัดปาร์ตี้หรือดูหนังผ่านวิดีโอคอล
ความสัมพันธ์รูปแบบนี้คงไม่ต่างกับ ‘รักระยะไกล’ ซึ่งข้อจำกัดต่างๆ จะทำให้เราอดทนต่อความผิดหวังได้ดีขึ้น รู้จักการรอคอย และเวลาที่ได้เจอกันอีกครั้งจะทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลาที่มีร่วมกันมากขึ้น
Quality Time | เพราะรักต้องการเวลา
นี่คือโอกาสที่จะได้กระชับความสัมพันธ์กับคนที่บ้าน หรือทำความรู้จักคนรักให้มากขึ้น บางคนอยู่ด้วยกันทุกวันแต่ลืมที่จะใช้เวลาร่วมกัน สำหรับคนที่ต้อง Work from Home อาจจะยากหน่อยที่ต้องแบ่งว่าเวลาไหนเป็นเวลางาน เวลาไหนเป็นเวลาครอบครัว กำหนดเส้นแบ่งให้ชัดเจน และลองเปลี่ยนจากการไปดินเนอร์หรือดูหนังนอกบ้าน มาเดตภายในบ้านด้วยกิจกรรมโปรดอย่างดูหนังด้วยกันบนโซฟา เข้าครัวทำมื้อดินเนอร์สุดพิเศษ เปิดเพลงฟังหรือเต้นรำในห้องนั่งเล่น เท่านี้ก็ช่วยเติมเต็มความรักให้หวานชื่น
สิ่งสำคัญคือการพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง อาจเริ่มจากการฟังแบบไตร่ตรอง (Reflective Listening) คือเมื่อคนหนึ่งพูดอีกคนมีหน้าที่ฟัง หลังจากนั้นคนฟังก็พูดซ้ำทุกอย่างที่คนพูดเพิ่งพูดไป แล้วสลับตำแหน่งกัน วิธีนี้จะช่วยให้คู่รักรับฟังกันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ควรระวังการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้น เพราะความใกล้ชิดที่มากไปอาจก่อให้เกิดความอึดอัดใจ บวกกับความวิตกกังวลที่อาจก่ออารมณ์ให้คุกรุ่น คู่รักจึงควรสื่อสารกันให้มาก ไม่คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร รวมถึงไม่ปิดบัง และเปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้
Take a Break | พักโซเชียลแล้วให้เวลาตัวเองบ้าง
ความสัมพันธ์ก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว รวมทั้งการใช้โซเชียลที่มากไป พักเบรกมาให้เวลาตัวเองบ้าง ถ้าเรารักตัวเองไม่เป็นแล้วจะไปรักใคร ทำในสิ่งที่ชอบ เติมความสุขเล็กๆ ระหว่างวัน เช่น ฟังพอดแคสต์ ทำงานศิลปะ ทำงานฝีมือ เล่นโยคะ ทำสมาธิ อบขนม อ่านหนังสือ เรียนรู้งานอดิเรกใหม่ๆ หรือเข้าคอร์สออนไลน์เพิ่มทักษะความรู้ รวมถึงใช้เวลาทบทวนตัวเอง อาจจะเขียนไดอารี่ระบายความรู้สึกหรือเขียนสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง
หากใครที่ทำงานที่บ้าน หรือใช้โซเชียลมากๆ อย่านั่งหน้าจอทั้งวัน โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนที่มีแสงสีฟ้าซึ่งอาจรบกวนการนอนหลับ มองออกไปนอกหน้าต่าง เปิดหน้าต่างและปล่อยให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาในห้องบ้าง หรือทดลองปลูกต้นไม้เล็กๆ เพิ่มสีเขียวให้กับบ้าน แล้วอย่าลืมออกกำลังกายและกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะสุขภาพกายและสุขภาพจิตของเราเชื่อมโยงกัน