“ตั้งตระหง่านอย่างทรนง” ผมยังคงใช้คำนี้ทุกครั้งที่ได้ไปเยือนย่ำราตรี ณ ‘พัทยา’
หลังจากมีการประโคมข่าวเรื่องการตรวจสอบหญิงขายบริการ ที่ถนนคนเดินพัทยา แล้วผลออกมาว่า ‘ไม่พบการขายบริการทางเพศ’ ได้ 2-3 วัน ผมก็มีโอกาสได้ไปเยือนที่นั่นอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์สิ่งที่มันยังคาใจข้างในลึกๆ
ผมไม่แน่ใจว่า เขาตรวจสอบกันทั่วทั้งเมืองพัทยาหรือเปล่า เพราะสถานที่ที่ผมไปยังคงคราคร่ำไปด้วย “เรื่องอย่างว่า” ว่อนอยู่ในสถานที่อันลึกลับ ภายใต้เงาทะมึนดำของปั๊มน้ำมันใหญ่ริมถนนสุขุมวิท
ผมไปเพราะผมต้องไป
ผมไปเพราะผมต้องการรู้
ผมไปเพราะผมอยากเห็น
จากที่วนรถอยู่หลายรอบและนับๆ ดูก็มีหลายร้าน หลายกลุ่มมากจนน่าจะเรียกได้ว่าที่นี่คือ “ดง” ที่รอคอยให้ใครต่อใครมาเชยชมเพียงชั่วคราว ผมหยุดที่ร้านหนึ่ง เนื่องจากได้พบคนที่พึงใจจะค้นหาอะไรบางอย่าง แล้วบทสนทนาระหว่างผมกับแม่เล้าก็เริ่มขึ้น
“เอ้า ลูกค้าเข้า ทำไมไม่มายืนเป็นนางฟ้าที่สวยกันเหลือเกินนะ”
เด็กๆ ทุกคนร่วมยี่สิบชีวิตต่างมายืนเรียงกันอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่ดูหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
“เอาคนนี้ครับ” ผมชี้ไปทางคนที่ผมหมายปองอยู่แล้ว
แล้วทุกอย่างก็คลี่คลาย เด็กคนอื่นกลับไปนั่งที่ของตัวเอง ส่วนผมกับคนที่ผมเลือกก็มานั่งตกลงราคา ซึ่งเคาะกันที่ 1,200 บาทรวมค่าห้อง
เราเดินกอดแขนกันไปโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลนัก เดินสัก 50 ก้าวก็ถึงแล้ว ไปถึงโรงแรม ห้องดันเต็ม เห้อ ! อะไรมันจะเฟื่องฟูรุ่งเรืองขนาดนั้น เราจึงนั่งรออยู่ด้านหน้าก่อน ผมเปิดเบียร์มาจิบหนึ่งกระป๋องเพื่อรอห้องว่าง
ในขณะที่นั่งรออยู่ ผมคุยกับน้องเขาตามปกติ ถามไถ่ชื่อ รวมถึงเรื่องนั่นนี่ สักแป๊บเดียวก็มีคนเดินมาบอกว่าห้องว่างแล้ว เราจึงย้ายก้นจากข้างหน้าเข้าไปในห้องที่มีการจัดเตรียมไว้อย่างหยาบๆ สภาพไม่ต่างจากสถานที่ที่เพิ่งผ่านสงครามอันหนักหน่วงมาเท่าไหร่ ด้านในมีผ้าเช็ดตัวกับสบู่ก้อนสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่สามารถพบได้ตามโรงแรมจิ้งหรีดทั่วไปวางไว้ให้
“พี่อาบน้ำก่อนนะ” ผมพูดพร้อมกับปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่
“เดี๋ยวหนูช่วยอาบให้” เธอตอบกลับมาด้วยท่าทีสุภาพและเป็นกันเองเสมือนเราคือแฟนกันจริงๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จผมใช้ผ้าเช็ดตัวผืนที่มีอยู่เช็ดตัวจนแห้งแล้วบอกว่า
“พี่ไม่ทำนะ พี่แค่อยากคุยกับเราเฉยๆ น่ะ”
“ทำไมไม่ทำล่ะคะ ?” น้องทำหน้างงแล้วถามกลับมา
“พี่มีความรู้สึกส่วนตัวบางอย่างน่ะ” ผมตอบเธอไปอย่างนั้น ทั้งที่ใจจริงแล้ว ผมกลัวติดโรคอย่างหัวหด แต่อย่างที่บอกว่า ผมมาเพราะต้องมา มาเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เขาประโคมข่าวกันนั้น มันจริงหรือไม่ ซึ่งผมก็ได้รับคำตอบแล้วด้วยเงินที่แลกไป 1,200 บาท
“งั้นหนูใช้มือให้ก็แล้วกัน”
“เอาสิ”
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเซ็นเซอร์ มันเป็นช่วงที่เล่าไม่ได้ประมาณ 15 นาที
สิบห้านาทีผ่านไป ผมถามเธอต่อว่าอายุเท่าไหร่ เธอตอบมาว่า 30 ปีซึ่งอ่อนกว่าผมนิดหน่อย แล้วถามต่อว่า เธอทำงานแบบนี้มานานหรือยัง ?
เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนทำงานโรงงานกับแฟนอยู่แถวแหลมฉบัง เพิ่งมาอยู่ที่พัทยาได้ประมาณสิบกว่าวัน เพราะแฟนทิ้ง และที่บ้านจำเป็นต้องใช้เงิน เธอเลยเลือกทำอาชีพนี้มาได้สักพักแล้ว เพื่อส่งเงินไปให้ลูกที่ยโสธร คุยกันได้สักพัก พอได้จังหวะผมจึงยิงคำถามตรงๆ ไปเลยว่า
“พี่ถามจริง เราเคยมีอารมณ์ร่วมกับลูกค้าบ้างมั้ย ? หมายถึงอารมณ์อย่างที่คู่รักเค้ามีกัน”
“ไม่เคยเลยค่ะ สักครั้งก็ไม่เคย ทุกคนที่เข้ามาทำกับหนูรุนแรง บางคนแอบถอดถุงยางออกก็มี”
“อ้าว แล้วอย่างนี้เขาพาไปตรวจโรคมั้ย แบบเดือนละครั้งอะไรประมาณนี้”
“ไม่มีค่ะ ที่นี่ไม่มีตรวจโรคนะคะ”
ได้ยินอย่างนั้น ผมรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาจับใจ เจอทั้งลูกค้ารุนแรง โรคจิต มากไปจนถึงแอบถอดถุงยาง และอะไรอีกมากมาย แล้วอย่างนี้เธอจะรอดหรือ ? อีกอย่าง จำนวนเงินที่ผมเสียไป 1,200 บาท เธอก็ได้ส่วนแบ่งแค่ 500 บาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าโรงแรม แล้วก็ให้แม่เล้าทั้งนั้น
“พี่รู้มั้ยพี่เป็นแขกที่ดีที่สุดสำหรับหนูแล้วนะ เพราะพี่ไม่ทำอะไรเลย พี่มาทำไมเหรอหนูถามจริง? ”
“พี่มาเพราะพี่ต้องมา”
ผมตอบไปแค่นั้น แล้วลุกไปอาบน้ำพร้อมกับเธออีกครั้ง น้ำจากฝักบัวชำระล้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปหมด ทั้งความสกปรกและความสัมพันธ์เพียงชั่วขณะ หลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตู้ดังขึ้นป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่า
“หมดเวลาสำหรับความสุขของคุณแล้วนะ ออกมาได้แล้ว”
ผมยืนขึ้นจับมือเธอแล้วเดินออกไป จากนั้นจึงยื่นทิปให้อีก100 บาท เธอยกมือไหว้ขอบคุณ เราเดินไปจนกระทั่งจะถึงรถของผม เธอหยุดเดินแล้วถามว่า
“พี่ทานกะเพาะปลาด้วยกันก่อนมั้ย”
“ไม่ล่ะ พี่กลับบ้านเลยดีกว่า”
แล้วผมก็จากมา….
ความจริงก็ยังคงเป็นความจริง
สินค้าพวกนี้ยังคงมี
วางขายอยู่จริงตามท้องตลาด
ในซอกหลืบหลายแห่ง
ในดงชั่วคราวหลายที่
ยังคงอยู่อย่างคึกคักในห้วงราตรี
ยังคงอย่างยั่วยวนในห้วงตัณหา
อย่างไม่มีวันจบสิ้นไป….
ประสบการณ์ตรงจากกรวีโดยกรวี