บทสนทนาที่พัทยาเรื่อง (ขาย) บริการ

หลังจากมีการประโคมข่าวเรื่องการตรวจสอบ ‘หญิงขายบริการ’ ที่พัทยา แล้วผลออกมาว่าไม่พบ ‘การขายบริการทางเพศ’ ได้ 2-3 วัน ผมก็มีโอกาสได้ไปเยือนที่นั่นอีกครั้ง เพื่อไปพิสูจน์สิ่งที่ยังมันคาใจข้างในลึกๆ

เรื่องเล่าจากศรีราชาในมุมมองของเด็กถิ่น

“เมืองที่มีเกาะลอยอยู่ในทะเล เมืองท่าที่จะพาคุณไปเกาะสีชัง เมืองที่มีหอนาฬิกา 2 แห่ง เมืองที่ความมั่งคั่งและวุ่นวายกำลังหลั่งไหลเข้ามา” ผมเกิดและโตที่นี่ แม้ว่าจะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในบางกอกอยู่หลายปี แต่ตอนนี้ผมกลับมาฝังรากลึกอยู่ที่นี่อีกครา ที่นี่คือบ้านของผม

มุมมองบางกอกในสายตาเด็กต่างจังหวัด 3  #เรื่องเล่าของเด็กสตาฟกับงานอีเว้นท์

เชื่อเหลือเกินว่าน้องๆ เพื่อนๆ และพี่ๆ หลายท่านยังคงยึดอาชีพ “สตาฟงานอีเว้นท์” กันอยู่ เนื่องจากเป็นงานที่ค่อนข้างอิสระ สามารถเลือกรับงานได้ อารมณ์ประมาณพวกฟรีแลนซ์นั่นแหละครับ มันจึงดึงดูดใจให้หลายคนยังคงหลงใหลไปกับอาชีพนี้

เรื่องเล่าจากเด็กรามฯ สู่ความเวิ้งว้างในบางกอกมหานคร

หากคุณเป็นเด็กต่างจังหวัด คุณจะเห็นถึงความแตกต่างระหว่างบ้านคุณกับบางกอกอย่างชัดเจน ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

#เรื่องเล่าในคืนวันศุกร์ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร

“ในค่ำคืนวันศุกร์เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว” ปี๊นๆ เสียงแตรรถดังเสียดเข้าไปในแก้วหูของผมอยู่เป็นระยะ ภาพเบื้องหน้าคือรถเมล์แทรกตัวจากเลนขวาสุดเข้าซ้ายสุดเพื่อจอดป้าย ตัดกับภาพแท็กซี่กึ่งๆ จอดกึ่งๆ ขยับ เพื่อคอยผู้โดยสารโบก ท่ามกลางทางเท้าที่มีผู้คนเดินไปมากันขวักไขว่ บวกกับเสียงล้อรถไฟฟ้าเสียดสีกับรางที่วิ่งสวนกันอยู่เหนือหัวผมขึ้นไป ผสมผสานกับเสียงเพลงลูกทุ่งที่ชายพิการท่านหนึ่งยืนร้องออกไมค์อย่างใส่อารมณ์ มันคือค่ำคืนที่สุดแสนจะวุ่นวายสำหรับผมจริงๆ ผมยืนพักเหนื่อยอยู่ตรงข้างบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ฝั่งตรงข้ามกับสวนจตุจักร แล้วสังเกตสิ่งต่างๆ ตรงหน้าที่เคลื่อนตัวไป ผมกำลังเหนื่อย หลังจากที่ตัดสินใจก้าวเท้าลงจากรถเมล์สาย 8 ตรงป้ายรถเมล์โชคชัย 4 เนื่องจากเมื่อ 10 นาทีก่อน ผมขึ้นรถเมล์จากป้ายนี้แหละ ขึ้นมาก็ยืนรอด้วยความหวังว่า รถเมล์จะเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ เรื่อยๆ เพื่อเดินทางไปสวนจตุจักร แต่10นาทีผ่านไป ล้อรถไม่ได้ขยับจากพื้นถนนเลยด้วยซ้ำ ผมจึงตัดสินใจเดินมันซะเลย หยิบเอาหูฟังขึ้นมาเสียบเปิดเพลงแล้วย่ำก้าวไปเรื่อยๆ แบบไม่สนว่าจะถึงเมื่อไหร่ ซึ่งหลังจากที่ข้ามสะพานลอยแยกรัชดามาเรียบร้อยแล้ว ผมก็พบว่าสาย 8 ที่เพิ่งลงมามันค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ จนสุดสายตาเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยกัน…. แต่ช่างมันเถอะ ไหนๆ ก็เดินแล้ว ถือซะว่าออกกำลังกายไปในตัวก็แล้วกัน หลังจากที่พักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งตรงข้างบันไดเลื่อน ผมก็เดินขึ้นไปเพื่อแทรกตัวฝ่าฝูงชนข้ามถนนไปยังฝั่งสวนจตุจักร คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ผมมีนัดกับร้านค้าหลายร้านในนั้นที่สั่งของไว้เพื่อนำกลับไปขาย….. ใช่แล้ว ตอนนั้นผมเป็นพ่อค้าตลาดนัด ระหว่างที่กำลังเดินข้าม โดยใช้สถานีรถไฟฟ้าเป็นทางสัญจร ตอนอยู่ข้างบนนั้น ผมหันซ้ายไปมองด้านล่างตรงส่วนที่เป็นคิวรถตู้ ภาพที่เห็นคือ […]

เรื่องเล่าจากโต้รุ่งโชคชัย 4

“เฮีย ผัดไทยห่อเดี๋ยวมาเอา” “ป้า ข้าวหมก 2 จาน นั่งโต๊ะฝั่งโน้นนะ” “น้องๆ ข้าวพี่ได้ยัง?” ฯลฯ ประโยคพวกนี้ผมได้ยินจนคุ้นชินมานมนาน เสมือนเป็นคำยอดฮิตติดชาร์ตของลูกค้าคนแล้วคนเล่าที่แวะเวียนกันมาจับจ่าย และรับประทานอาหารที่ “ตลาดโต้รุ่ง โชคชัย 4” แห่งนี้

A Story of Khlong Saensaep : เรื่องเล่าบน  “เรือคลองแสนแสบ”

เช้าอันเร่งรีบของวันหนึ่งปลายเดือนมิถุนายน ผมตื่นมาตอนประมาณตีห้าครึ่งท่ามกลางความวุ่นวายและจอแจของเมืองหลวง ผมวางแผนการเดินทางไปทำงานไว้ตั้งแต่คืนก่อน หนึ่งในแผนของผม คือการนั่ง “เรือด่วนคลองแสนแสบ” ไปยังประตูน้ำ

เรื่องเล่ารายวิน 13 “รูดม่าน”

ผมจำวันแรกในชุดเสื้อกั๊กสีส้มเบอร์60ได้ดี มันเป็นความรู้สึกประหม่าในทุกๆเรื่องจริงๆ ทั้งกลัวว่าจะขี่พาผู้โดยสารไปเกิดอุบัติเหตุ ทั้งเกรงว่าจะถูกหาเรื่องจากพวกนักเลงในวินฯ หรืออาจจะเผลอไปทำให้ใครไม่พอใจ เพราะด้วยความที่เราหน้าใหม่ หลายคนจึงคอยจับจ้องเสมือนคนแปลกหน้าเป็นธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก เริ่มจับจุดได้ เริ่มที่จะเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องวางตัวยังไง หรือใครเบอร์เท่าไหร่เป็นคนแบบไหน ผมเก็บข้อมูลรายละเอียดพวกนี้ไว้หมด และเลือกที่จะวางตัวกลางๆไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับใครเท่าใดนัก แต่ก็พอจะมีเพื่อนที่พอจะพูดคุยกันได้บ้างน่ะนะ สิ่งเดียวที่ผมคิดถึงในช่วงแรกที่ขับวินนั้นก็คือเงิน! เงินอย่างเดียวเท่านั้นเพราะตอนนั้นหนี้สินเยอะเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นบุคคลล้มละลายเลยก็ว่าได้…. เรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันที่ผมประสบในช่วงที่ขี่วินฯนั้น มันสอนผมได้ดีเลยทีเดียว การได้คลุกคลีอยู่กับคนหาเช้ากินค่ำจริงๆทำให้ผมรับรู้และเข้าใจถึงปัญหาของชาวรากหญ้าแท้ๆว่า “เงินมันสำคัญเพียงใด” ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ไม่ได้อู้ฟู่หรูหรา หรือแม้กระทั่งกระบวนการทางความคิดที่บางครั้งผมก็คิดไม่ถึงว่าพวกเค้าจะคิดแบบนั้นแบบนี้ เรื่องเล่าต่างๆจากปากของเพื่อนวินฯกันเองหรือตัวผู้โดยสารที่เราสนิทคุ้นเคยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำให้การมองโลกของผมมันเปลี่ยนไปจริงๆ ก่อนที่จะไปขี่วินฯ ผมเป็นพ่อค้าตลาดนัดอยู่2ปี ตอนนั้นผมคิดนะ ว่าทำไมเงินแค่ร้อยสองร้อยพวกคนทำงานพวกนี้ถึงควักยากควักเย็นกันจังวะ? กว่าจะซื้อแต่ละที ต่อแล้วต่ออีกจะต่ออะไรกันนักหนา คือผมไม่เข้าใจไงว่าเงินหนึ่งหรือสองร้อยบาทเนี่ยมันสำคัญสำหรับบางคนขนาดไหน ถ้าไม่ได้มาอยู่ที่วินฯก็คงไม่รู้จริงๆ แต่เมื่อชีวิตผมเดินทางมาถึงจุดนี้ จุดที่สัมผัสกับสังคมต่างๆมาแล้วหลายรูปแบบ ทัศนคติที่มองโลกของผมจึงเปลี่ยนไป ผมไม่สามารถอธิบายเป็นตัวอักษรได้หรอกนะว่ามันเป็นยังไง เพียงแต่ผมสามารถประมวลสิ่งต่างๆในแต่ละเหตุการณ์ของชีวิตได้ดีขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และที่สำคัญคือผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น…. เข้าใจว่าภาพลักษณ์ของความเป็นวินมอไซค์นั้นมันไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ แต่เราต้องยอมรับว่าในทุกๆองค์กรและสังคมนั้นมันมีคนไม่ดีแฝงตัวอยู่ไปหมดนั่นแหละไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามที ที่วินฯผมก็มีตั้งแต่อันธพาลเก็บเงินกู้ พวกชอบเอารัดเอาเปรียบ พวกชอบเก็บเงินเกินราคา พวกขี้โม้โอ้อวดไปวันๆ หรือแม้กระทั่งพ่อค้ายาเสพติดที่ถูกตำรวจจับไป แต่นั่นก็ยังเป็นส่วนน้อยหากเทียบกับประชากรในวินฯที่เค้ามาทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวจริงๆ คนที่สุจริตในอาชีพไม่คิดเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ผมขอสดุดีคนพวกนี้ที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆที่สัจธรรมของทุกสังคมนั้นจะต้องมีคนเลวปะปนอยู่ […]

เรื่องเล่ารายวิน 12 “ตีห้าครึ่งถึงสามทุ่ม”

“เช้าตื่นก็ต้องรีบไปปากซอย ต้องคอยว่าใครจะมาเรียกใช้ ถึงสายก็คงต้องคอยต่อไป เมื่อไรจะรวยกับเขาสักทีหนอ….!” เพลงนี้ที่คุณเสกร้องไว้มันช่างตรงกับชีวิตวินมอไซค์เสียจริงเชียวที่ต้องตื่นแต่เช้ามานั่งคอยคนเรียก มองคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วหวังในใจลึกๆว่าเค้าจะเรียกให้เราขี่ไปส่ง… ผมมีเพื่อนอยู่คนนึงชื่อโอเล่ใส่เสื้อเบอร์ 65 โอเล่มันเล่าว่า ทุกคืนประมาณตีสามมันต้องตื่นไปรับลูกค้าประจำของมันเพื่อไปส่งยังจุดหมายแล้วจะเข้าบ้านไปนอน ต่ออีกนิด พอตีห้าก็ออกมาวิ่งวินฯต่อยาวไปจนสามทุ่มกว่าๆเลย! ต้องบอกว่าผมนี่ยอมรับหัวจิตหัวใจของความมานะในการตื่นนอนเพื่อเงินของโอเล่มันเหลือเกิน ซึ่งถ้าเคสนี้เปลี่ยนมาเป็นตัวผม ต้องบอกเลยว่า “ไม่ไหวล่ะครับ” ตื่นตั้งแต่ตีสามแบบนี้ แต่กระนั้น ความพยายามและจุดมุ่งหมายของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ก็แล้วแต่คนล่ะนะครับว่าจะเลือกทำแบบไหน การรอคอยไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับ วินฯในกรุงเทพฯบางครั้งบางทีที่ผมสังเกตเห็นก็คือแทบจะไม่ต้องรอผู้โดยสารเลยเพราะคนเยอะมาก สลับกันกลายเป็นผู้โดยสารที่ต้องต่อแถวยืนรอวินฯเพราะในช่วงเวลาเร่งด่วน ใครๆก็อยากจะใช้บริการวินมอไซค์ที่มีความคล่องตัวสูงด้วยกันทั้งนั้น…. แต่วินฯต่างจังหวัดอย่างผมมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ บางครั้งบางทีนั่งรอกันเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงก็มีกว่าจะได้ออกแต่ละคัน นั่งโขกหมากรุกกันจนตูดด้านแล้วยังไม่มีผู้โดยสารมาโบกมือเรียกเลย! ที่พอจะคล่องบ้างก็แค่ช่วงเช้ากันเย็นนิดๆหน่อยๆเท่านั้นช่วงกลางวันนี่เรียกได้ว่า หลับรอกันได้เลยทีเดียว บางคนทนรอไม่ไหว จับกลุ่มพากันไปแทงสนุ๊กเดิมพัน กินเงินกันเองอีก ไอ้คนได้ก็ยิ้มไปสิ ส่วนคนที่เสียนี่บอกเลย หน้าซีดเป็นไก่ต้มก็มิปาน! ครั้งนึงผมเคยนั่งรอผู้โดยสารมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ จนมีน้องผู้หญิงคนนึงเดินมาเรียกให้ไปส่งบ้านส่วนราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 15 บาท ผมก็สตาร์ทรถออกทันที แต่แล้ว..!! เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พอผมออกจากวินมาได้นิดเดียวเท่านั้น มีมอไซค์ขับสวนมา น้องผู้หญิงที่ซ้อนท้ายผมอยู่มันก็เรียกแล้วบอกให้ผมจอดพร้อมพูดกับผมว่า “พี่ๆ หนูขอโทษนะคะ พอดีแฟนหนูมารับพอดี” แล้วน้องมันก็ลงจากรถผมไปโดดขึ้นรถแฟนมันแล้วก็ขี่ไปเลย ทิ้งผมไว้กับความงงงวยและซวยสุดๆ เพราะออกคิวมาแล้วแถมไม่ได้ตังค์ กลับไปถึงวินฯก็ต้องต่อคิวใหม่ รอมาชั่วโมงกว่าเงินกลายเป็นศูนย์บาท โอ้มายก็อดดดด!! เวลาว่างๆผมมักจะชวนเพื่อนวินฯคุยเล่นถามอะไรไปเรื่อย มีอยู่คนนึงชื่อตาจบใส่เบอร์ 20 แกเป็นคนตัวเล็กนิดเดียว พรรคพวกที่วินฯจึงเรียกแกว่าตาเตี้ย! วันนั้นตอนประมาณสามทุ่มผมถามแกว่า “น้า วันนี้ได้กี่ตังค์แล้วเนี่ย?” แกตอบว่า “ไม่รู้สิประมาณ 500 มั้ง” “อ้าวแล้วนี่ออกจากบ้านมาตั้งแต่กี่โมงอะ?” ผมถามต่อ… “ตีห้าครึ่ง!” แล้วแกก็ขอตัวกลับบ้านเพราะถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนแล้ว…. นั่นล่ะครับ เงิน 500 บาทแลกกับกี่ชั่วโมงล่ะตั้งแต่เช้ามืดยันมืดค่ำ เป็นเงินที่แลกมาด้วยความอดทนในการรอคอยแท้ๆเลยทีเดียว เงินมันมีพลังมากมายนะครับ ดลบันดาลได้ทุกสิ่งอย่าง เมื่อมีเงินแล้วก็สามารถหาซื้อความสุขได้ ฉะนั้น อดทนกันนะครับทุกคน….

เรื่องเล่ารายวิน 11 “จะเร็วหรือช้า มันก็ต่างกันไม่กี่บาท”

การขับขี่ยานพาหนะบนถนนเนี่ย นอกจากจะต้องระวังให้รอบด้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว เรายังควรที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทางด้วยนะครับ ยิ่งถ้าเป็นผู้ขับขี่รับจ้างสาธารณะอย่างวินฯมอไซค์ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องระวังให้มากขึ้นไปอีกสองเท่าตัวเลย เพราะถ้าประสบอุบัติเหตุขึ้นมา มันจะไม่ใช่แค่คุณที่เจ็บ แต่ผู้โดยสารที่ซ้อนท้ายคุณอยู่ก็เจ็บด้วย หรือเกิดโชคร้ายสุดๆคือเสียชีวิตขึ้นมาเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบกันยังไงไหวเหมือนกันนะ ฉะนั้น ในเมื่อผู้โดยสารเค้ามอบความไว้วางใจให้เราดูแลชีวิตเค้าจนถึงที่หมายแล้ว เราควรตอบแทนน้ำใจเค้าโดยการไม่ประมาทและส่งเค้าให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยนะ ช่วงเช้าของชาววินฯผมนั้น เกือบทุกคนจะไปกระจุกตัวกันอยู้ที่ปากประตูนึง ซึ่งเป็นลานจอดรถของบริษัทนึงอีกนั่นแหละ ตรงนี้ช่วงเช้าจะมีผู้โดยสารขึ้นวินฯไปหน้าโรงงานเยอะเพราะเค้าจำเป็นจะต้องเอารถมาจอดตรงนี้และบางทีขี้เกียจเดินก็ขึ้นวินกันไปในระยะใกล้ๆ ค่าตอบแทนก็แค่คนละ 10 บาท อาศัยวิ่งระยะใกล้ไปกลับแป๊ปเดียว แต่ด้วยความที่มีวินฯมอไซค์หลายสิบคันมาจอดรอกันอยู่ มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งอาจจะต้องมีการทำความเร็วกันเพื่อรีบกลับมาเอารอบเข้าคิวเพื่อรอรอบต่อไป ซึ่งบางคันก็เร่งจนเกินงาม!! จนเกินงามในที่นี้คือมันดูน่าหวาดเสียวและอันตรายเกินไปน่ะนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ขับแซงรถพ่วงหกล้อสิบล้อสิบแปดล้อในขณะที่มีผู้โดยสารซ้อนท้ายอยู่ คือในตอนเช้าเนี่ย อะไรๆมันก็จะไหลเข้ามาในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้ทั้งนั้นนะครับ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ต้องบรรทุกสิ่งของต่างๆเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และการขับแซงรถใหญ่ประเภทนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนมันจึงดูไม่ค่อยเหมาะสมนักในสายตาของผมน่ะนะ บางครั้งผมออกตัวมาก่อนแล้วกำลังต่อท้ายรถพ่วงเพื่อรอจะเข้าโค้งไปหน้าโรงงานอยู่ มีอีกคันนึงตามมา เค้าแซงขวารถพ่วงไปเลยพร้อมบีบแตรลั่นตลอดทางเพื่อส่งเสียงให้รถชะลอให้จนไปแซงพ้นตรงก่อนจะเข้าโค้งแค่นิดเดียวซึ่งมันอันตรายมากๆ ผมสังเกตเห็นสีหน้าของผู้โดยสารสาวคนนั้นแล้วรับรู้ได้เลยว่าเธอเกร็งและเป็นกังวลเอามากๆ ไม่ชนไม่คว่ำมันก็ดีไป แต่อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าคำว่า”อุบัติเหตุ”เนี่ย มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าทุกคนตระหนักตรงนี้ได้ ผมว่าจะลดปัญหาบนท้องถนนลงเยอะเลยแหละ ผมเคยถามพรรคพวกที่ชอบทำความเร็วแบบนี้นะครับ ว่าที่มาซอยเข้าออกโรงงานช่วงเช้าเนี่ย ได้เงินกี่บาท จำนวนเงินที่เค้าได้มากกว่าผมแค่ 20-30 บาทแค่นั้นเองนะ ตัวผมก็ขับเร็วในระดับหนึ่งไม่ได้ช้าจนอืดแต่ก็ไม่เร็วจนหวาดเสียว ไม่แซงทางโค้งและไม่ฉวัดเฉวียนใดๆ ผมจึงถูกแซงเอาบ่อยๆ แต่ก็นั่นแหละครับ 20-30 บาทแลกกับความปลอดภัยอันนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ผมมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเร็วจนอันตรายขนาดนั้นเพื่อเงินเพียงไม่กี่บาทเลยนะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมหลายๆคนจึงตั้งหัวความคิดของตัวเองไว้ว่าต้องเร็วและเร็วและเร็วด้วยก็ไม่รู้…. หรือบางทีตอนเย็นช่วง […]

เรื่องเล่ารายวิน 10 “คู่แฝดอภินิหาร”

คู่แฝดคู่นี้นานๆทีถึงจะเดินมาขึ้นวินสักครั้งนึง ซึ่งก็เข้าใจได้น่ะนะครับว่าค่าโดยสารค่อนข้างสูง ถ้าขึ้นทุกวันก็คงไม่เหลือเงินยาไส้หรอกครับสำหรับพนักงานไลน์ผลิตอย่างสองคนนี้ มันจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะสเปเชียลมากๆเลยหากวันไหนได้ไอ้เจ้าคู่แฝดนี้มาครอบครอง

เรื่องเล่ารายวิน 09 : เพื่อนบ้าน AEC กับการสื่อสารที่ต้องเข้าใจ

ช่วงที่ผ่านมาผมมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องทำ ทั้งจำเป็นและไม่ค่อยจำเป็น ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาไปขี่วินฯสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังต้องไปบ้างเพราะอย่างน้อยเมื่อใส่เสื้อวินมันก็ยังได้เงิน ถึงจะน้อยนิดแต่ก็ได้มาอย่างสุจริตชน ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติของคนไทยทุกๆคนนะครับ มาว่ากันถึงเรื่องราวที่จะบอกเล่ากันดีกว่า ในสวนอุตสาหกรรมที่ผมประจำการวินฯอยู่นั้น คนงานส่วนมากก็จะเป็นคนไทยนี่แหละครับ ส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดที่เดินทางมาหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เช่าหอพักห้องเช่าอยู่กันตามอัต ภาพที่พึงมี และมีอีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับแรงงานที่เป็นชาวประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างเช่นกัมพูชา เมียนม่า หรือแม้กระทั่งสปป.ลาว ที่ข้ามน้ำข้ามภูเขาเข้ามาทำงานในโรงงานของประเทศไทยเพื่อหวังได้เม็ดเงินที่คุ้มค่าและกลับบ้านไปเยี่ยงวีรชนคนนึงของครอบครัว ผมไม่เคยติดไม่เคยเหยียดไม่เคยล้อหรือว่ากล่าวคนพวกนี้เลยนะเพราะมองว่าเค้าก็คนเราก็คน เค้าทำมาหากินเราก็ทำมาหากิน ขอให้มันเป็นสิ่งที่สุจริตและไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ คนเหมือนกันน่ะนะ แต่!! ปัญหาเล็กๆน้อยๆมันอยู่ตรงไหนรู้มั้ยครับ? มันอยู่ตรงการสื่อสารกันนี่แหละ อย่างบางคนเข้ามาอยู่นานแล้วภาษาไทยก็พอจะคล่องจะชัดหน่อย ตรงนี้ไม่มีปัญหา บอกไปไหนอะไรยังไงถ้าเข้าใจก็เป็นอันจบ “แต่บางคนเพิ่งเข้ามาอยู่ได้ไม่นาน ภาษาไทยก็ไม่ค่อยได้ ไอ้ครั้นจะไปเว่าฝรั่งใส่กันก็คงจะมั่วกันไปใหญ่” เคยมีเพื่อนวินฯคนนึงเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันนึงรับผู้โดยสารเป็นชาวกัมพูชา ถามว่าจะไปไหน เค้าตอบกลับมาว่า    “ข่อสะต่อสะ” อะไรประมาณเนี้ย วินฯมันได้ยินก็เข้าใจว่าอ๋อออ “ขอบสระ” เพราะในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้มีสระน้ำขนาดใหญ่ที่จะมีผู้คนมาใช้พื้นที่บริเวณรอบๆสระน้ำเพื่อนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันมากมาย และคำที่ใช้เรียกสถานที่ตรงนี้ก็คือ “ขอบสระ”นั่นเอง พอไปถึงบริเวณของสระวินก็ถามว่า จะลงตรงไหน ผู้โดยสารชาวกัมพูชาคนนั้นทำหน้างงแล้วส่ายหัวบอกในทำนองว่าไม่ใช่ ทีนี้ก็เถียงก็คุยกันใหญ่ว่าตกลงจะไปไหน จนในที่สุดไอ้คำว่าสะก็ใช้ได้ผล วินฯคนนั้นร้องอ๋อขึ้นมาว่า “ต่อศักดิ์” ใช่มั้ย…? เค้าพยักหน้าในทีว่าใช่ๆ จึงไปส่งกันได้อย่างถูกที่ เล่นเอาเหนื่อยทั้งคนขับทั้งผู้โดยสารเหมือนกันนะกว่าจะถึงที่หมายเนี่ย 555 ซอยต่อศักดิ์มันเป็นซอยเล็กๆย่อยจากซอยใหญ่ที่ชื่อ ซอยบ่อยาง โซนนั้นเรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมชาว AEC เลยก็ว่าได้ เพราะแรงงานต่างชาติพวกนี้ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในซอยนี้ทั้งนั้น สังเกตได้จากช่วงเวลาเลิกงาน ไม่ว่าจะตอนห้าโมงเย็นหรือสองทุ่มหรือตอนเช้าตอนแปดโมง เราจะเห็นคาราวานจักรยานขี่กันเป็นขบวนตามๆกันออกถนนใหญ่แล้วไป ติดไฟแดงรอเลี้ยวขวาเข้าซอยบ่อยางและแยกเข้าต่อศักดิ์อีกที มันเป็นภาพชินตาที่คนแถวนั้นเค้าจะเห็นขบวนจักรยานเหล่านี้กันทุกวัน ช่วงแรกๆที่ผมไปขี่วินฯนั้นผมก็เคยเจอผู้โดยสารจะไปซอยต่อศักดิ์ เหมือนกันนี่แหละ พูดฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน จนผมต้องค่อยๆบอกกับเค้าว่า “เอาอย่างงี้นะ จะให้เลี้ยวตรงไหนก็ชี้ทีละแยกแล้วกัน จะซ้ายจะขวาก็ว่ากันไป” พอถึงแยกนึงผมก็ทำมือชี้โบ๊ชี้เบ๊ทีนึงว่าจะซ้ายจะขวาจนในที่สุดผมก็ถึง เหนื่อยแทบแย่ 555 สิ่งนึงที่ผมสัมผัสได้จากแรงงาน ต่างด้าวต่างถิ่นพวกนี้ก็คือ เค้าดูจะไม่ค่อยไว้ใจคนไทยสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะเราคนไทยบางคนชอบไปเอาเปรียบเค้าด้วยหรือเปล่าอันนี้ ไม่แน่ใจ มันเป็นเรื่องของนานาจิตตังน่ะนะ อย่างที่ผมเกริ่นไปเบื้องต้นว่า เค้าก็คนเราก็คน การให้เกียรติในความเป็นคนเหมือนกันคือสิ่งที่เราทุกคนพึงกระทำ ให้ติดเป็นนิสัยเข้าไว้ หลายคนที่ผมรู้จักชอบเหยียดคนพวกนี้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน หากเป็นไปได้ เคารพกันและกันจะดีกว่าเนอะโลกมันจะสวยงามและน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย เชื่อผมสิ!!

1 2

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.