ในแต่ละวันเราใช้ชีวิตอยู่บนออนไลน์มากแค่ไหน
เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มนุษย์มีวิถีชีวิตเปลี่ยนไป หลายคนหันไปใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาความบันเทิง สร้างคอนเทนต์ พบปะผู้คน หรือกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงแค่กดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาไว้ในสมาร์ตโฟนของตัวเอง
และหากใครที่ต้องการใช้ชีวิตในสังคมออนไลน์แบบไหลลื่น สะดวกสบาย ไร้ข้อจำกัด ก็ต้องยอมจ่ายเงินค่า ‘Subscription’ หรือ ‘ค่าสมาชิกรายเดือน’ เพื่ออัปเกรดแอปฯ ต่างๆ ให้พรีเมียมและเข้าถึงการใช้งานที่หลากหลายมากกว่าเดิม
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่ Subscribe แอปฯ แบบรายเดือนเอาไว้ คงเลือกใช้วิธีชำระเงินด้วยการตัดบัตรเครดิตหรือตัดบัญชี เพื่อความสะดวกสบายและง่ายต่อการต่ออายุการใช้งาน เลยอาจไม่ได้คำนวณว่าพวกเขาต้องเสียเงินให้กับค่าสมาชิกไปทั้งหมดกี่บาท
คอลัมน์ City by Numbers เลยขอรับหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีช่วยคำนวณรายจ่ายสำหรับค่า Subscription ทั้งหลาย ว่าในแต่ละเดือนชาวโซเชียลต้องเสียเงินกับการใช้ชีวิตบนออนไลน์นี้ไปเท่าไรกันบ้าง และทบทวนว่าในอนาคตอันใกล้ที่ช่องทางออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นกว่าเดิมนั้น เราพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับบริการเหล่านั้นหรือเปล่า
ค่าใช้จ่ายเพื่อความบันเทิง
หลังจากเลิกงานมาเหนื่อยๆ เราเองก็อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากโลกแห่งความจริงด้วยการเข้าไปสิงอยู่ในสตรีมมิงแพลตฟอร์มที่รวบรวมความบันเทิงหลากหลายเอาไว้ ทั้งรายการทีวี ซีรีส์ และภาพยนตร์ แถมยังนอนดูอยู่บ้านได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงภาพยนตร์ให้เสียเงิน เสียแรง และเสียเวลา
ด้วยเหตุนี้ บริการสตรีมมิงจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในตอนนี้ไปเสียแล้ว
โดยค่าใช้จ่ายต่อเดือนของสตรีมมิงออนไลน์แต่ละเจ้าอยู่ที่ 99 – 419 บาทขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่เชื่อเลยว่าหลายคนคงไม่ได้สมัครสมาชิกแค่เจ้าเดียวเท่านั้น เพราะแต่ละสตรีมมิงมีซีรีส์และหนังที่แตกต่างกันไป น่าดูไปหมดทุกเรื่อง ซึ่งหากใครมีแอ็กเคานต์หลายแพลตฟอร์มก็ต้องบวกค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มขึ้นไปอีก
มีหนังแล้วก็ต้องมีเพลง แต่ละสตรีมมิงเพลงออนไลน์ต่างมีฟังก์ชันและดนตรีที่แตกต่างกันไป เราสามารถเลือกสมัครสมาชิกได้ตามความชอบ โดยค่าใช้จ่ายของแต่ละแพลตฟอร์มไม่ได้ต่างกันมากเท่าไรนัก ส่วนใหญ่อยู่ที่ 99 – 199 บาทต่อเดือนตามแพ็กเกจที่เลือกใช้
ค่าใช้จ่ายสำหรับสายคอนเทนต์
ช่วงปีที่ผ่านมานี้มีอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย เพราะใครๆ ก็เป็น Content Creator ที่สร้างคอนเทนต์ของตัวเองได้เพียงแค่มีสมาร์ตโฟนหนึ่งเครื่อง แถมรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ยังทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย วิดีโอสั้น จนถึงวิดีโอบันทึกเรื่องราวอย่าง Vlog
สิ่งที่ขาดไปไม่ได้สำหรับชาวครีเอเตอร์คือแอปพลิเคชันต่างๆ ที่เอาไว้แต่งรูปและตัดต่อวิดีโอ โดยค่าใช้จ่ายต่อเดือนสำหรับแอปฯ ตกแต่งรูปอยู่ที่ 50 – 259 บาท ส่วนแอปฯ ตัดต่อวิดีโออยู่ที่ 45 – 349 บาท แต่ก็จะมีบางแอปฯ ที่มีทั้งฟังก์ชันแต่งรูปและตัดต่อวิดีโอ ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือก Subscribe แค่แอปฯ เดียวไปเลย ไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน
เมื่อสร้างคอนเทนต์กันแบบรัวๆ แล้ว ปัญหาที่ตามมาคือข้อมูลจำนวนมากที่ส่อแววล้นเครื่อง จึงต้องมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่าง iCloud หรือ Google One ที่เก็บได้ทั้งรูป วิดีโอ และข้อมูลอื่นๆ โดยราคาพื้นที่เก็บข้อมูลในแต่ละเดือนอยู่ที่ 35 – 350 บาท ขึ้นอยู่กับจำนวนพื้นที่ที่เลือกใช้
ค่าใช้จ่ายเพื่อพบปะคนใหม่ๆ ผ่าน Dating App
สำหรับใครที่ไม่มีเวลาออกไปเข้าสังคมหรือรู้จักคนใหม่ๆ ‘Dating Application’ หรือ ‘แอปพลิเคชันหาคู่’ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนในยุคนี้ที่ใช้หาเพื่อนคุยแก้เหงา หรือถ้าเจอคนที่คลิกจริงๆ ก็อาจพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรู้ใจเลยก็ได้
ถึงแม้ว่าแอปฯ หาคู่ส่วนใหญ่เปิดให้ใช้งานได้ฟรี แต่หากยอมเสียเงินเพื่อฟังก์ชันพรีเมียม ก็อาจมีโอกาสได้พบคนที่คุยกันถูกคอและถูกใจมากกว่า โดยการอัปเกรดเป็นแอ็กเคานต์พรีเมียมในแต่ละแอปฯ มีราคาต่อเดือนอยู่ที่ 89 – 919 บาท แต่กว่าจะเจอคนที่ถูกใจก็อาจเสียเงินไปหลายเดือนเหมือนกัน
โดยสรุปแล้ว ค่าใช้จ่ายทุกแอปพลิเคชันรวมกันตกอยู่ที่ 417 – 2,495 บาทต่อเดือนต่อคน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่บางส่วนที่ยกตัวอย่างมาเท่านั้น เราเชื่อว่ายังมีแอปพลิเคชันอีกหลายประเภทที่คนจำนวนไม่น้อยยอมจ่ายเงินรายเดือนเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย เช่น เกม บัญชีรายรับรายจ่าย บันทึกสุขภาพ แพลนเนอร์ เป็นต้น ซึ่งถ้ารวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เสียไปในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ก็อาจกลายเป็นเงินก้อนใหญ่เหมือนกัน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงเริ่มฉุกคิดแล้วว่าตัวเอง Subscribe แอปฯ อะไรไว้บ้าง และรายจ่ายที่เสียไปทั้งหมดมีเท่าไหร่ ใครที่อยากวางแผนรายจ่ายบนโลกออนไลน์ปีหน้า ก็อาจใช้ช่วงวันหยุดสิ้นปีเช็กดูว่า แอปฯ ไหนที่เสียเงินค่าสมาชิกไปแบบฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ใช้งาน จากนั้นค่อยตาม Unsubscribe เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่เสียเปล่าไป เพื่อเก็บเงินเอาไว้สำหรับการ Subscribe แอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่จะจำเป็นกับชีวิตเรามากขึ้นในอนาคต