‘มิวนิก’ เมืองที่เป็นมิตรจนคนอยากใช้ชีวิตนอกบ้าน - Urban Creature

มิวนิก (Munich) เมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ไม่ใช่รักแรกพบของเรา แต่ความเป็นมิตรกับผู้คนทุกเพศทุกวัยของเมืองนี้ ทำให้นักเรียนต่างชาติแบบเราค่อยๆ ตกหลุมรักได้ไม่ยากเลย เพราะเมืองมีความน่าอยู่มากกว่าแค่ตึกรามบ้านช่องสวยงาม แต่มีขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงแทบทุกพื้นที่ ทางเท้าที่กว้างเกินพอให้คนเดินสวนกัน กิจกรรมหลากหลาย บ้านเมืองสะอาด ผู้คนเป็นระเบียบ และรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ตั้งของเมืองยังอยู่ใกล้ภูเขาและอยู่กลางยุโรป ทำให้วันไหนอากาศดีๆ เราสามารถมองไปเห็นภูเขาได้เลย

ถึงมิวนิกจะเป็นเมืองชื่อดังในเยอรมนี แต่ผู้คนที่นี่มักจะบอกเสมอว่ามิวนิกเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ไม่ใช่มหานคร โครงสร้างของรถใต้ดินที่นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี มีไม่กี่เมืองในโลกหรอกที่รถไฟใต้ดินคนละสายจะวิ่งบนรางเดียวกัน ใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ซึ่งมีข้อดีที่มีจำนวนผู้โดยสารที่ต้องเปลี่ยนขบวนน้อยลง นับว่าเป็นความสบายของผู้โดยสาร แต่ก็แลกมาด้วยขีดความสามารถในการให้บริการผู้โดยสารที่จำกัด

ถึงรถใต้ดินจะไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกตรอกซอกซอย (ซึ่งมันก็แน่อยู่แล้ว) มิวนิกก็มีแทรมและบัสอีกมากมายคอยให้บริการ มีโครงข่ายแน่นหนาเป็นใยแมงมุม และเส้นทางรวมถึงตารางเดินรถยังมีการปรับให้เป็นปัจจุบันเรื่อยๆ ครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคมนี้เอง แถมยังปรับราคาตั๋วรายเดือนและรายปีลงด้วยนะ เพื่อให้ผู้คนหันมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น

จักรยานก็เป็นอีกวิธีเดินทางที่พบเจอได้บ่อยในเมือง มีทางจักรยานตามท้องถนนและมีจักรยานสาธารณะให้บริการทั่วเมือง โดยราคาเริ่มต้นเพียงนาทีละ 8 เซ็นต์ (3 บาท) สิ่งที่น่าประทับใจคือสามารถจอดคืนตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่จุดจอดจักรยาน เพียงแต่ถ้านำไปคืนที่จุดจอดจักรยานเราจะได้ใช้ฟรี 10 นาที

สำหรับเราแล้ว การเดินก็เป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินไม่น้อย มีถนนบางช่วงที่ชอบมากแบบที่เรามักจะเดินมากกว่าขึ้นรถใต้ดิน ถนนที่ว่าคือ Leopoldstraße ช่วงจากสถานี Universität ถึงสถานี Münchner Freiheit ด้วยความที่ถนนมีต้นไม้สูงสองข้างทาง และมีประตูชัยอยู่ระหว่างทาง ทำให้รู้สึกโอ่อ่า เดินเพลินๆ แป๊บเดียวก็ถึงจุดหมายปลายทาง

อีกเหตุผลที่ทำให้การเดินเท้าในเมืองนี้เป็นที่นิยมคือเรื่องของความปลอดภัย ในย่านที่อยู่อาศัยมีการจำกัดความเร็วรถที่เพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ซึ่งก็เป็นส่วนมากของเมืองนี้) รวมถึงมารยาทของคนขับที่มักจะหยุดให้ผู้คนเดินข้ามไปมาก่อนเสมอ เรียกได้ว่าการเดินเท้าได้รับความสำคัญมากกว่าเสมอในเมืองนี้ เพราะเป็นวิธีการเดินทางเดียวที่ทุกคนสามารถทำได้และเป็นพื้นฐานสำคัญในการเดินทางต่อไปยังที่ต่างๆ ด้วยรถสาธารณะ

แน่นอนว่าผลตอบรับของชาวเมืองก็ค่อนข้างดี โดยสถิติจาก muenchen.de ในปี 2017 ผู้คนเกือบร้อยละ 66 ในเมืองใช้รถสาธารณะ เดินเท้า หรือขี่จักรยาน ในชีวิตประจำวัน มีเพียงร้อยละ 34 เท่านั้นที่ขับหรือนั่งรถยนต์ส่วนบุคคล

และเพราะการเดินทางที่สะดวก ทำให้ผู้คนสามารถไปไหนมาไหนเพื่อทำกิจกรรมหลากหลายอย่างที่กระจายอยู่ทั่วเมือง แต่สถานที่นิยมแบบสุดๆ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งคือ เอ็งลิชเชอร์การ์เทิน (Englischer Garten) ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่าสวนอังกฤษ

โดยสร้างตามสไตล์ของอังกฤษในต้นศตวรรษที่ 18 เอ็งลิชเชอร์การ์เทินเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิก ใหญ่กว่าเซ็นทรัลปาร์กที่นิวยอร์กซิตี้เสียอีก จึงมีพื้นที่มากมายให้ผู้คนได้มานอนอาบแดด เล่นกีฬา เดินเล่น จิบเครื่องดื่ม ถีบเป็ด หรือนั่งริมน้ำ ที่นี่ยังมีแม่น้ำจำลองให้ลงไปเล่นได้ ที่บอกว่าเป็นแม่น้ำเพราะน้ำไหลไปเรื่อยๆ เราสามารถลอยตัวไหลไปตามน้ำได้ เรียกว่า ไอส์บาก (Eisbach) ถึงจะเป็นหน้าร้อนแต่แม่น้ำก็เย็นใช่เล่นนะเราขอเตือน

ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ มีบริเวณที่อนุญาตให้แก้ผ้าอาบแดดได้ เรียกว่า Freikörperkultur ในภาษาเยอรมัน (แปลตรงๆ ได้ว่า Free Body Culture) แต่เรายังไม่ใจกล้าพอจะไปดูหรือเดินผ่านหรอกนะ

สำหรับเราแล้ว กิจกรรมโปรดยามเย็นคือการดูพระอาทิตย์ตก มีหลายจุดในมิวนิกที่เป็นที่นิยม ที่ที่เรามักจะไปคือคาเฟ่ดาดฟ้า (Cafe Vorhölzer) เพราะอยู่บนมหาวิทยาลัยเราเอง แต่เป็นคาเฟ่ที่เปิดสู่สาธารณะ ในวันที่อากาศดีมักจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาเสมอล่ะ

มีอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งเราเพิ่งบังเอิญผ่านไปเจอว่ามีหนุ่มสาวจำนวนมากมาจับจองพื้นที่ยามเย็นพร้อมเครื่องดื่มขวดสองขวด คือ Hackebrücke เป็นสะพานข้ามทางรถไฟขนาดไม่กว้างมาก มีเพียงทางเท้าให้ผู้คนเดินข้ามไปมาและถนนสองเลน แต่สะพานมีส่วนที่เป็นโครงสร้างเหล็ก สามารถปีนขึ้นไปนั่งเล่นดูพระอาทิตย์ยามเย็นกับรถไฟที่วิ่งเข้าออกสถานี

อีกฝั่งของสะพานก็สวยงามไม่แพ้กัน มองเห็นไปถึงโบสถ์รูปหัวหอม (Frauenkirche- โบสถ์พระมารดา) 

มิวนิกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน จริงๆ แล้วความรักษ์โลกค่อนข้างฝังแน่นในคนเยอรมันทุกคน ไม่ใช่แค่เมืองมิวนิก เพื่อนเราเคยฝากประโยคหนึ่งไว้ในวันที่เราเผลอถือแก้วกาแฟใช้แล้วทิ้งไปเข้าเรียนว่า

“Don’t say sorry to me. Be sorry to the world.”
ไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ขอโทษโลกใบนี้แทนเถอะ

เลยได้รู้ว่า จริงๆ แล้วมีโครงการแก้วกาแฟทูโกแบบใช้ซ้ำได้ตามคาเฟ่ทั่วเมือง เรียกว่า Recup (รีคัป) เป็นการยืมแก้วกาแฟใช้ซ้ำได้ออกไปโดยมีค่ามัดจำเพียง 1 ยูโร และสามารถนำไปคืนที่คาเฟ่อื่นที่ร่วมโครงการได้ ซึ่งสามารถหาคาเฟ่ที่ร่วมโครงการได้บนแอปพลิเคชันเลย

มิวนิกเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับผู้เดินเท้าและทางเท้ามาก เพราะเป็นวิธีเดินทางที่ทุกคนสามารถทำได้ จักรยานและทางจักรยานก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน การเดินทางที่สะดวกง่ายดายนี้ทำให้ผู้คนสามารถไปทำกิจกรรมตามความชอบได้รอบเมือง นิสัยรักษ์โลกและเป็นระเบียบของคนเยอรมัน มีส่วนให้เมืองนี้สะอาดสะอ้านและปลอดมลพิษ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า มิวนิกคือเมืองที่มีความเป็นมิตรกับผู้คนทุกเพศทุกวัย

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.