“ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เด็กอายุศูนย์ถึงสองปี เปลี่ยนไซซ์เสื้อผ้ามากถึงหกถึงเจ็ดครั้ง บางทีซื้อเสื้อผ้ามา ใช้ไม่กี่ครั้งก็ต้องเปลี่ยนแล้ว หรือบางคนซื้อมาไม่ได้ใช้ต้องทิ้งแล้วก็มี”
แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แค่ 2 ปีหลังจากเจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลก แต่ก็ถือว่าเป็นระยะเวลามากพอที่จะสร้างขยะเสื้อผ้าเด็กจำนวนมาก เพราะเฉลี่ยแล้ว แต่ละครอบครัวจะสร้างขยะเสื้อผ้าเหลือทิ้งมากถึง 90 ชิ้น และคาร์บอนฟุตพรินต์กว่า 360 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์
เพื่อลดปัญหาขยะเสื้อผ้าเด็ก และช่วยเซฟเงินในกระเป๋าคุณพ่อคุณแม่ไปพร้อมๆ กัน ‘ต้า-ธนกฤต จินดามัยกุล’ และ ‘เซน-นรเทพ ถนอมบุญ’ สองหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จับมือกันสร้าง ‘LittleFits’ บริการสมาชิกเสื้อผ้าเด็กรายเดือนแห่งแรกในไทยขึ้น
จากคนที่มีความสนใจเหมือนกันสู่คู่หูธุรกิจ
นอกจากเป็นนิสิตชั้นปีที่ 4 จากคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกันแล้ว ความสนใจเรื่องเสื้อผ้าและสิ่งแวดล้อมยังเป็นอีกเรื่องที่เชื่อมต้ากับเซนเข้าด้วยกัน
“แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ คือเราทั้งสองคนสนใจเรื่องสตาร์ทอัพอยู่แล้ว และได้มีโอกาสทำเคสธุรกิจในมหา’ลัยด้วยกัน” เซนเท้าความถึงจุดที่ทำให้ทั้งคู่ขยับมาเป็นพาร์ตเนอร์ด้านธุรกิจ
“หลังจากนั้นเลยทำให้รู้ว่าผมกับเขาชื่นชอบเรื่องเสื้อผ้าเหมือนกัน จนไปเจอเข้ากับ Pain Point เรื่องขยะที่เกิดจากเสื้อผ้าเด็ก จึงปรึกษาและพัฒนาออกมาเป็น LittleFits ในที่สุด” ต้าเสริม
ชายหนุ่มอธิบายรูปแบบธุรกิจนี้อย่างง่ายๆ ให้เราฟังว่า LittleFits คือแบรนด์ให้บริการเสื้อผ้าเด็กแบบพรีเมียมลักซูรีรายเดือนแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีจุดมุ่งหมายในการพยายามลดขยะเสื้อผ้าเด็ก ด้วยการทำให้เกิดการหมุนเวียนของเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุด
“เมื่อเทียบกับเราที่อายุมากว่าเราไม่ได้เปลี่ยนไซซ์เสื้อผ้าบ่อยขนาดนั้น อาจมีซื้อเพิ่มบ้าง แต่ตัวเดิมที่มีก็ยังใส่ได้อยู่ แตกต่างจากเด็กที่ถ้าโตขึ้น การเปลี่ยนไซซ์คือต้องเปลี่ยนหมดเลย” ต้าอธิบายเพิ่มถึงสาเหตุที่เลือกโฟกัสไปที่เสื้อผ้าเด็ก แทนที่จะเป็นเสื้อผ้าผู้ใหญ่เหมือนเจ้าอื่นๆ
จัดเซตให้ตามวัยลูกน้อย
“หัวใจหลักของโมเดลนี้คือ เราอยากให้ผู้ปกครองใช้บริการของเราในช่วงที่เด็กอายุศูนย์ถึงสองขวบ เพราะเป็นช่วงอายุที่ลดขยะได้มากที่สุด” เซนบอกกับเรา
ด้วยเหตุนี้ แพ็กเกจการสมัครรายเดือนกับทาง LittleFits จะแบ่งแยกย่อยการจัดเซตเสื้อผ้าเด็กตามอายุเจ้าตัวน้อยออกเป็น 6 ช่วงอายุตามการเจริญเติบโต เพื่อให้ผู้ปกครองไม่ต้องเลือกแบบเผื่อโต แต่เลือกไซซ์ให้ตรงกับอายุลูกน้อยได้เลย
และหลังจาก Subscription รายเดือนเรียบร้อยแล้ว ทาง LittleFits จะจัดส่งเสื้อผ้าเด็กแบบจัดเซตทั้งหมด 9 ชิ้นถึงบ้านคุณ ซึ่งเมื่อเด็กโตขึ้น ผู้ใช้บริการยังขยับเปลี่ยนไซซ์ได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องรอรอบเดือนใหม่ และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกแพ็กเกจ เพียงแค่กดตรงเมนู Swap ในหน้าเว็บไซต์ แล้วรอที่บ้านได้เลย เพราะทาง LittleFits จะเดินทางไป Swap ให้ถึงหน้าบ้านคุณ
แม้ปัจจุบันจะมีแพ็กเกจแบบจัดเซตให้เพียง 1 ขนาด จำนวน 9 ชิ้น แต่มั่นใจได้เลยว่า แพ็กเกจนี้จะครอบคลุมทุกการใช้งานและเพศสภาพของเด็ก เพราะมีรูปแบบให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ Boys, Girls และ Unisex ในราคาเพียงเดือนละ 990 บาท
“เราจะช่วย Customize ชุดให้เหมาะกับช่วงอายุของเด็ก อย่างในช่วงศูนย์ถึงสามเดือนที่เขาอาจยังนั่งไม่ได้ ทำให้ยังใส่เสื้อผ้าบางชุดไม่ได้ ชุดส่วนใหญ่ในเซตจะเป็นชุดแบบ Sleepsuit หรือ Bodysuit มากกว่า” ต้าอธิบายถึงรายละเอียดการจัดเซตเสื้อผ้าที่รองรับพัฒนาการของเด็กให้เราฟัง บ่งบอกถึงการทำการบ้านเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี
หรือใครที่อยากจัดเซต เลือกเสื้อผ้าสำหรับลูกน้อยด้วยตัวเองทั้ง 9 ชิ้น ก็สามารถทำได้เช่นกันในราคาเพียง 1,090 บาทต่อเดือน
ได้เสื้อผ้าคุณภาพในราคาสบายกระเป๋า
ตัวเลข 990 บาทต่อเดือน อาจเป็นตัวเลขที่ดูเหมือนเยอะ แต่เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าเด็กที่มีคุณภาพหน่อยในท้องตลาด การจ่ายในราคานี้ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายพ่อแม่มือใหม่ไปได้เยอะเหมือนกัน
“คนอาจคิดว่าเสื้อผ้าเด็กคือเสื้อผ้าผู้ใหญ่แบบย่อส่วน ใช้ผ้าน้อยกว่าราคาก็ควรถูกกว่า แต่จริงๆ แล้วเสื้อเด็กกับผู้ใหญ่มีรายละเอียดไม่เหมือนกัน การตัดเย็บต้องใช้ช่างที่มีฝีมือความชำนาญ อีกทั้งทุกส่วนที่เป็นองค์ประกอบจะต้องสัมผัสผิวเด็ก ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย จำเป็นต้องทำอย่างพิถีพิถันทุกกระบวนการ” เซนเล่าถึงสาเหตุที่เสื้อผ้าเด็กมีราคาแพงกว่าเสื้อผ้าผู้ใหญ่
และด้วยความที่บริการของ LittleFits เป็นบริการให้เช่า ไม่ใช่การซื้อขาด ทำให้ต้าและเซนกำหนดราคาได้ต่ำกว่าท้องตลาด จนอาจทำให้ผู้ใช้บริการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้าเด็กมากถึง 16,000 บาทต่อปีเลยทีเดียว
แถมนอกจากความประหยัด ผู้ปกครองทุกคนยังมั่นใจได้ว่า เสื้อผ้าจาก LittleFits จะไม่ระคายเคืองผิวลูกน้อย ใส่ออกมาแล้วยังดู Quiet Luxury อีก เพราะต้าและเซนเลือกใช้ผ้าลินินและคอตตอนแบบพรีเมียมนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้กระดุมไม้และเปลือกหอยแทนกระดุมพลาสติก รวมไปถึงการใช้เทคนิคตัดเย็บแบบพิเศษสำหรับเจ้าตัวน้อย
คำว่า ‘เช่า’ ความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม
แม้ LittleFits จะเป็นธุรกิจที่มีโมเดลน่าสนใจ แต่ก็มีความท้าทายอยู่ไม่น้อย เริ่มตั้งแต่คำว่า ‘เจ้าแรกในไทย’ ที่ทำให้ยากต่อการบุกตลาด เพราะความไม่คุ้นชินของคนไทยเกี่ยวกับโมเดลการเช่าเสื้อผ้าเด็กในรูปแบบนี้
“พอบางคนได้ยินคำว่า ‘เช่า’ เขาจะเริ่มปฏิเสธทันที ทั้งที่เขายังไม่ทันรู้ว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราอยากข้ามผ่านให้ได้” เซนบอก
“อาจเพราะพอมีคำว่าเช่า เขาเลยกังวลเรื่องความสะอาด เนื่องจากมีความรู้สึกลึกๆ ว่าไม่ใช่ของมือหนึ่ง” ต้าเสริมสิ่งที่เซนพูดไปก่อนหน้า
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เสื้อผ้าทุกชิ้นก่อนส่งถึงมือผู้บริโภคของ LittleFits จะต้องผ่านการซักอบรีดที่เข้มงวด มีการใช้น้ำยาซักผ้าสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมถึงอบโอโซนและกำจัดไรฝุ่นเสมอ แบบที่รับประกันได้อย่างแน่นอนว่าจะสะอาดหมดจด หรืออาจสะอาดกว่าเสื้อผ้ามือหนึ่งด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ หากพ่อแม่ลูกน้อยที่ใช้บริการกังวลว่า ถ้าเช่าเสื้อผ้ามาแล้วเกิดเหตุการณ์ที่เด็กเล่นซุกซนหรือกินเลอะเปรอะเปื้อนจะต้องเสียเงินเพิ่มไหม ก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะข้อตกลงการเช่าของ LittleFits ครอบคลุมความเสียหายจากการใช้งานปกติ ที่เกิดจากความเข้าใจว่าเด็กๆ อาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายหรือมีรอยเปื้อนเล็กๆ จากการใช้งานอยู่แล้ว
กระบวนการที่ใส่ใจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
“เป้าหมายของเราคือ อยากให้ LittleFits เป็นแบรนด์ทางเลือกหนึ่งที่พ่อแม่เด็กนึกถึงเมื่อมองหาเสื้อผ้าให้ลูก ไม่ใช่แค่ซื้อมาแล้วทิ้งไป” ต้าพูดถึงเป้าหมายที่อยากไปให้ถึงให้ได้
เพราะสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังสร้างไปพร้อมๆ กับแบรนด์ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่คือการเป็นหนึ่งกระบอกเสียงที่ออกมาพูดถึงปัญหาขยะเสื้อผ้าจำนวนมากที่เกิดจากเสื้อผ้าเด็กโดยที่คนในสังคมไม่ทันรู้ตัว
เซนเน้นย้ำกับเราว่า ทุกกระบวนการที่สร้างขึ้นอย่างใส่ใจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา ไม่ว่าจะเป็นการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของผู้ปกครอง และการทำให้เด็กได้ใส่เสื้อผ้าสวยคุณภาพดี
“เมื่อทั้งหมดนี้รวมกัน จะทำให้เกิดคอมบิเนชันที่ลงตัวของครอบครัว สร้างบรรยากาศในครอบครัวให้ดีขึ้น และเมื่อบรรยากาศในครอบครัวดีขึ้น การเติบโตของเด็กก็จะเป็นไปตามพัฒนาการที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน” เซนทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม
Writer
มณิสร วรรณศิริกุล
Writer
