LATEST
‘Whale Brewing’ โรงผลิตคราฟต์เบียร์จากบ้านญี่ปุ่น 80 ปี ที่ช่วยเพิ่มการท่องเที่ยวและลดจำนวนบ้านร้างในประเทศ
บ้านที่ถูกทิ้งร้างเป็นปัญหาใหญ่ของหลายพื้นที่ในประเทศญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลต้องมองหาวิธีแก้ไขเพื่อลดปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของบ้านร้างในประเทศ ซึ่งในเมืองโยบุโกะ จังหวัดซากะ ก็มีบ้านญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอายุกว่า 80 ปีถูกทิ้งร้างเอาไว้เหมือนกัน สถาปนิกจาก ‘CASE-REAL’ จึงได้ออกแบบและเปลี่ยนบ้านเก่าให้กลายเป็น ‘Whale Brewing’ โรงผลิตคราฟต์เบียร์แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของเมือง โดยเมืองโยบุโกะนั้นเป็นที่รู้จักในเรื่องการล่าวาฬในสมัยเอโดะ และมีชื่อเสียงในเรื่องการตกหมึก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนผ่าน จำนวนประชากรในย่านนี้ก็ลดน้อยลงเนื่องจากการโยกย้ายถิ่นฐาน ทำให้มีบ้านถูกปล่อยทิ้งร้างเป็นจำนวนมาก จึงเกิดเป็นไอเดียในการนำบ้านว่างหลังนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทำให้เมืองมีชีวิตชีวามากขึ้น และหวังว่าจะช่วยดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองมากกว่าเดิม บ้านที่ CASE-REAL เลือกนั้นตั้งอยู่ริมถนนโยบุโกะ ถนนที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลท้องถิ่นและมีแผงขายสินค้าตั้งอยู่ทุกเช้า และแม้ว่าบ้านหลังนี้จะทรุดโทรมและมีปัญหาด้านโครงสร้างอยู่บ้าง แต่ CASE-REAL ได้สำรวจและเลือกจุดแข็งของบ้านมาปรับปรุงให้เป็นโครงสร้างและฟังก์ชันที่เหมาะสมกับการทำโรงเบียร์ โดยยังคงลักษณะดั้งเดิมของบ้านเอาไว้ ภายในอาคารประกอบไปด้วยพื้นที่ผลิตเบียร์ในห้องโถงแบบเปิด ส่วนด้านหน้าเป็นกระจกทั้งสองชั้นเพื่อให้ด้านในมองเห็นถนนด้านนอก ส่วนด้านนอกก็สามารถมองเข้ามาเห็นบรรยากาศในโรงเบียร์ที่ประกอบด้วยโครงไม้เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงนำสเตนเลสมาใช้สำหรับองค์ประกอบต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์และที่จับ เพื่อสะท้อนถึงอุปกรณ์ในการต้มเบียร์ด้วย Sources :CASE-REAL | tinyurl.com/wymyf2f6Designboom | tinyurl.com/4dekx5d4
‘สะพานเหล็ก’ ตลาดค้าของเล่นในความทรงจำ
หากมีสถานที่ไหนสักแห่งที่พาย้อนกลับไปวัยเด็กในโลกก่อนยุคดิจิทัล ท่องโลกตัวการ์ตูนหรือคาแรกเตอร์ในหนังผ่านโมเดลแบบต่างๆ ได้เลือกหาเครื่องเล่นและแผ่นเกมกลับบ้าน หรือฮีลใจด้วยการหาหุ่นฟิกเกอร์มาเติมเต็มตัวที่ยังขาดในคอลเลกชัน ‘สะพานเหล็ก’ น่าจะเป็นคำตอบที่แทรกอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน แม้วันนี้ย้ายมาอยู่ในสถานที่ใหม่ ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า แต่ย่านการค้าของเล่นระดับตำนานของประเทศยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกแทบไม่ต่างกัน และยังคงเป็นสวรรค์ของคนรักของเล่นและนักสะสมเหมือนเคย ยิ่งตลอดปีนี้ อาร์ตทอยและกล่องสุ่มกำลังมาแรง เหล่าศิลปินต่างสร้างสรรค์ออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆ จนผู้คนเลือกซื้อสะสมกันไม่หวาดไม่ไหว เป็นอีกกระแสใหม่ของวงการทอยบ้านเราที่ส่งผลกระเทือนถึงย่านสะพานเหล็กด้วย คอลัมน์ Neighboroot ชวนตะลุยสะพานเหล็ก อาณาจักรของเล่นใหญ่ในกรุงเทพฯ ย้อนวันวานไปกับชาวย่าน กลับไปหาต้นตอของร้านรวง แล้วข้ามถนนไป Mega Plaza อัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ของวงการของเล่นปัจจุบัน ด่านแรกของร้านของเล่นนำเข้า ก่อนจะไปสำรวจย่านสะพานเหล็ก ขอพาไปฟังที่มาที่ไปของปลายทางในฝันของเด็กๆ และเหล่านักสะสมกันก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และทำไมธุรกิจของเล่นถึงมาลงหลักปักฐานอยู่ในย่านวังบูรพาแห่งนี้ได้ ‘เจ็กสมชัย กวางทองพานิชย์’ นักประวัติศาสตร์ของย่านเยาวราช-สำเพ็ง เป็นหนึ่งในคนที่เรานึกถึง แม้จุดหมายในวันนี้อยู่เกือบชายขอบของชุมชนคนจีนใหญ่ของพระนคร แต่คิดว่าเจ็กน่าจะสัมผัสและพอรู้เรื่องราวในฐานะคนบ้านใกล้เรือนเคียงกับย่านนี้บ้าง ทว่าพอได้มานั่งคุยกับเจ็กที่ร้านในซอยวานิช 1 ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามารบกวนไม่ผิดคน เพราะนอกจากเป็นพ่อค้าและนักประวัติศาสตร์ เจ็กสมชัยในวัย 60 กว่ายังพ่วงตำแหน่งนักสะสมของเล่นตัวยงด้วย “สำเพ็งเป็นศูนย์รวมทุกอย่าง ของเล่นยุโรปก็มี แต่ที่เจ็กโตมาคือของเล่นญี่ปุ่นกับฮ่องกง ของเล่นยุโรปเกิดไม่ทัน แต่ทันแมตช์บ็อกซ์ของฮ่องกง และทินทอยของญี่ปุ่น” นักประวัติศาสตร์ประจำย่านเท้าความถึงจุดกำเนิดร้านของเล่น ภาพจำสะพานเหล็กฉบับออริจินัล มาพร้อมกับภาพซอยเล็กๆ เบียดเสียด เนืองแน่นไปด้วยผู้คน […]
The Apple Tree เปลี่ยนคลินิกสำหรับเด็กด้วยสีสัน ให้การเจอหมอไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
เด็กกับการหาหมอไม่เคยเป็นของคู่กัน แต่สำหรับ ‘The Apple Tree’ คลินิกกุมารเวชสีสันสดใส ขนาด 64 ตารางเมตร ในกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซแห่งนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะมีการออกแบบสุดจี๊ดจ๊าดที่ทำให้เด็กรู้สึกสนุกจนการเจอหมอไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป ที่นี่ได้เปลี่ยนห้องตรวจสีขาวแบบเดิมๆ ให้กลายเป็นห้องสไตล์ Memphis และออกแบบโดยใช้รูปทรงเรขาคณิตที่หลากหลายและสีสันสดใสตัดกันมากกว่า 2 สีขึ้นไป ทำให้พื้นที่มีความสนุกสนานมากกว่าเดิม นอกจาก The Apple Tree จะสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กที่มาหาหมอแล้ว สีสันสดใสเหล่านี้ยังช่วยลดความเครียดของผู้ปกครองเด็กลงได้ด้วย เพราะสีสันที่ตัดกันจะทำให้เกิดประสบการณ์เชิงบวกในการพบแพทย์แต่ละครั้ง ส่วนเหตุผลที่ตั้งชื่อคลินิกว่า The Apple Tree นั้น ก็เพราะต้องการล้อไปกับสำนวน ‘An apple a day keeps the doctor away.’ ที่แปลว่า กินผลไม้วันละลูกทำให้มีสุขภาพดีจนไม่ต้องไปหาหมอนั่นเอง ปัจจุบันคลินิกกุมารเวช The Apple Tree เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว และถือเป็น 3 ปีที่ช่วยให้เด็กในกรุงเอเธนส์ไม่กลัวการไปหาหมออีกต่อไป Sources : ArchDaily | […]
แชร์ร้านซ่อมของใช้ประจำวันผ่าน ‘วนวน’
“อยากซ่อมเสื้อผ้า ซ่อมของใช้ แต่ไม่รู้ว่าแถวบ้านมีร้านไหนบ้าง” ปัญหาที่คนเมืองหลายคนต้องเจอเมื่อของใช้ในชีวิตประจำวันเสียหรือพัง แม้จะอยากสนับสนุนการใช้ซ้ำและลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น แต่การหาร้านซ่อมใกล้บ้านที่ถูกใจก็ยากเสียเหลือเกิน Urban Creature พาไปรู้จัก ‘วนวน’ แพลตฟอร์มที่อยากชวนทุกคนมาแชร์ร้านซ่อมเด็ดๆ ที่ประทับใจ ให้คะแนน รีวิวการให้บริการ และส่งต่อให้คนที่อยากใช้ของซ้ำๆ วนๆ เพื่อช่วยเหลือสิ่งแวดล้อม ผ่านการพูดคุยกับ ‘ภูมิ-ภาคภูมิ โกเมศโสภา’ หนึ่งในสมาชิกของ ‘Reviv’ คอมมูนิตี้อาสาที่ส่งเสริมให้คนหันมาซ่อมและใช้สินค้าซ้ำมากขึ้น ปัจจุบัน วนวน อยู่ในช่วงทดลองผ่านทางเว็บไซต์ wonwonbyreviv.com โดยมีร้านซ่อมเสื้อผ้าที่ผู้พัฒนาเลือกมาแนะนำกว่าร้อยร้าน โดยคาดหวังฟีดแบ็กจากคนเมืองเพื่อเปิดให้ทุกคนใช้งานได้เต็มรูปแบบเร็วๆ นี้
Briiv Pro เครื่องฟอกอากาศด้วยธรรมชาติ พร้อมเซนเซอร์ AI เครื่องแรกของโลก มีประสิทธิภาพกว่าต้นไม้ในบ้าน 6900%
ในวันที่เมืองถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่น PM 2.5 ‘เครื่องฟอกอากาศ’ กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรมีติดบ้านไว้ แต่จะดีแค่ไหนถ้าเครื่องฟอกอากาศในบ้านเราสามารถกรองมลภาวะในอากาศได้มีประสิทธิภาพมากกว่าการกรองโดยต้นไม้ธรรมชาติในบ้านถึง 6900 เปอร์เซ็นต์ ‘Briiv Pro’ เป็นเครื่องฟอกอากาศที่รวมเทคโนโลยีสำหรับการฟอกอากาศภายในอาคารเข้ากับวัสดุการกรองที่มาจากธรรมชาติ เพื่อให้การกรองอากาศเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด จนอาจเรียกได้ว่าเป็น ‘ป่าขนาดเล็ก’ ที่จะทำให้มลภาวะภายในพื้นที่ขนาด 16 ตารางเมตรหายวับไปกับตา แถมเมื่อมองจากภายนอกยังให้ความรู้สึกเหมือนสวนขวดตั้งโต๊ะที่สวยงาม ไม่เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องฟอกอากาศในทุกวันนี้ เพราะ Briiv Pro อยู่ในรูปแบบของภาชนะแก้วที่เผยให้เห็นถึงวัสดุตัวกรองจากธรรมชาติภายในที่ประกอบด้วยมอสส์สำหรับการกรอง PM 10 กากมะพร้าวสำหรับกรอง PM 5.0 และถ่านกัมมันต์ที่มีขนาด Nano Matrix สำหรับการกรอง PM 2.5 และ VOCs ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าอากาศในบ้านของเราจะสะอาดและดีต่อสุขภาพเสมอ นอกจากนี้ Briiv Pro ยังเป็นเครื่องฟอกอากาศขับเคลื่อนด้วย AI เครื่องแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดและการควบคุมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของ AI ที่เป็นเอกลักษณ์ จนได้รับรางวัลมากมาย และถูกยกให้เป็นระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกด้วย ใครที่อยากได้ Briiv Pro มาตั้งไว้ที่บ้าน ตอนนี้มีการเปิดพรีออเดอร์ในเว็บไซต์ระดมทุน Kickstarter โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 349 […]
kintaam ไอศกรีมแซนด์วิชจากเชียงใหม่ ที่หยิบวัตถุดิบไทยมาสร้างสรรค์เมนูให้คนกินตามอัธยาศัย
ลัดเลาะเข้ามาในซอยสาทร 11 ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ และภาพคนทำงานเดินขวักไขว่ ร้านไอศกรีมเล็กๆ ตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน ประตูหน้าร้านถูกเปิดเข้า-ออกเป็นระยะ ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ใช้ในร้าน ผู้คนที่เดินเข้าไปต่างกลับออกมาพร้อมกับแซนด์วิชหนึ่งชิ้นและรอยยิ้มกว้าง kintaam (กินตาม) คือชื่อร้านที่เราพูดถึง นี่คือแบรนด์ไอศกรีมแซนด์วิชของ น้ำอบ-ถมทอง ไชยจินดา และ น้ำทิพย์ ไชยจินดา สองพี่น้องชาวเชียงใหม่ผู้รักไอศกรีม ขนมอบ และการทดลองเป็นชีวิตจิตใจ พวกเธอไม่ได้เป็นนักธุรกิจ ก่อนจะเปิดร้านก็ไม่ถึงกับเชี่ยวชาญในการทำไอศกรีม มีเพียงความชอบกิน ความสนุกจากการสร้างสรรค์ และความกล้าบ้าบิ่นอีกหนึ่งหยิบมือที่เป็นส่วนผสมในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา กินตามเกิดขึ้นจากธุรกิจไอศกรีมพรีออเดอร์ช่วงโควิด เติบโตสู่ไอศกรีมฝากขายในร้านอาหารเหนือ หอมด่วน และร้านขายของชำสุดชิก The Goodcery เพียงสองขวบปี สองสาวก็สร้างร้านของตัวเองที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ คอลัมน์ประจำจังหวัดครั้งนี้ขอชวนทุกคนล้างมือให้สะอาด แล้วตามไปกินกินตาม ไอศกรีมแซนด์วิชที่เรารับรองว่าไม่มีใครเหมือน พลางฟังน้ำอบและน้ำทิพย์เล่าเรื่องการทำแบรนด์ไอศกรีมที่เรามั่นใจว่าไม่เหมือนใคร เตือนอีกครั้งก่อนกินว่า วิธีกินที่ถูกต้องคือกินแบบเบอร์เกอร์ ไม่ต้องใช้ช้อนส้อม แค่จับด้วยสองมือแล้วกัดเท่านั้น เชื่อเถอะว่าจะเลอะสักนิดสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก กิน’ติม kintaam มาจาก ‘กินตามอัธยาศัย’ วลีที่คนในครอบครัวของน้ำอบและน้ำทิพย์ชอบใช้บ่อยๆ ครอบครัวของสองพี่น้องไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับไอศกรีมมาก่อน หากจะมีอะไรที่จุดประกาย คงเป็นความชอบในการกินและทำขนมของน้ำทิพย์ เรื่องมีอยู่ว่า หน้าร้อนในปีที่โควิดระบาดหนัก […]
‘ให้พื้นที่ตัวเองได้หายใจบ้าง’ ลองเปลี่ยนจาก ‘ตั้งเป้าในปีหน้า’ เป็น ‘ขอบคุณสำหรับปีนี้’
กะพริบตาไม่กี่ครั้ง เวลาก็ผ่านมาจะหมดเดือนธันวาคมของปีแล้ว ทุกๆ ปี ผู้เขียนกับเพื่อนๆ จะมีกิจกรรมโรแมนติกของเราคือการเขียนข้อตั้งใจหรือความหวังที่อยากให้เป็นจริงในปีใหม่ที่กำลังจะถึงนี้ หรือเรียกสั้นๆ แต่ก็ยาวอยู่ดีว่า ‘New Year’s Resolution’ แต่ได้โปรดอย่าลืมว่าชีวิตประจำวันก็กดดันพอแล้ว อย่ากดดันกับการคาดหวังถึงอนาคตเกินไปเลย หากเราไม่ชอบตัวเองในปีนี้ อยากก่นด่า อยากทำโทษตัวเอง แล้วฝากใจไว้ปีหน้าว่าต้องดีกว่าตอนนี้ให้ได้ จนนำความโกรธแค้น ความไม่ได้ดั่งใจของปีนี้ไปนำทาง ก็ยากที่จะไปถึงความรู้สึกดีๆ ที่ฝันไว้ได้ เพราะตัวเราเองแทบไม่คุ้นชินกับความรู้สึกดีๆ ไหนเลย หลายครั้งที่ข้อตั้งใจของเราไม่สำเร็จดังวาดไว้ เพราะระบบในร่างกายเราต้องใช้เวลาปรับตัวเข้ากับ ‘สิ่งใหม่’ นั้น ช่วงแรกๆ แน่นอนว่ายังมีพลังจะทำตามข้อตั้งใจ แต่เมื่อถึงช่วงหมดโปรโมชัน เกิดความท้อ ความกลัว ความเหนื่อย ความขี้เกียจเข้ามาแทรก มันก็ง่ายที่เราจะกลับไปอยู่ในจุดเดิมที่ตัวเองชินมานาน อยู่ในอารมณ์ไหนบ่อย จิตใจเราก็จะชิน เมื่อเราฝากความหวังไว้กับปีหน้า ตั้งตาต้อนรับสิ่งที่ฝันไว้ แต่ไม่เคยซ้อมหรือกระทั่งเตรียมใจปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงดีๆ นี้เลย ก็เป็นการยากที่จะมีสะพานเชื่อมความฝันกับความจริงให้มาเจอกัน เช่น ปีหน้าอยากรวยขึ้นเดือนละหมื่นบาท แต่ปีนี้ไม่ได้วางแผนการเงินเพิ่ม ฝึกตัวเองให้ขยันขึ้น หรืออย่างน้อยรู้สึกเชื่ออย่างสุดใจว่าเราคู่ควรกับเงินที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่แปลกที่มันจะไม่เกิดขึ้นจริง อีกอย่าง เมื่อเราคุ้นเคยกับสิ่งไหน เราก็มักดึงตัวเองกลับไปสู่สิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีหรือแย่ เพราะความคุ้นเคยที่ทำบ่อยๆ ได้กลายเป็นสิ่งที่เรารู้สึกปลอดภัยกับมันไปแล้ว รวมไปถึงนิสัยและอารมณ์ด้วย […]
ร่วมออกแบบอนาคตจังหวัดของตัวเอง UNDP ชวนประชาชนใน 15 จังหวัดนำร่องทำแบบสอบถามเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
‘การพัฒนาที่ยั่งยืน’ ถือเป็นเป้าหมายที่หลายภาคส่วนต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น เพราะจะช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างรอบด้านในระยะยาว แต่แนวคิดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงและพัฒนาเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อประชาชนทุกคนช่วยกันส่งเสียงและระบุต้นตอปัญหาในพื้นที่ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน โครงการ SDG Localization จาก UNDP อยากชวนประชาชนใน 15 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี กรุงเทพมหานคร เพชรบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ร่วมกันทำแบบสอบถามเพื่อออกแบบสังคมที่ยั่งยืนในจังหวัดของตัวเอง UNDP จะนำข้อมูลเกี่ยวกับความเร่งด่วนของปัญหาและความต้องการของประชาชนที่ได้รับจากแบบสอบถามนี้ ไปร่างและออกแบบแผนพัฒนาระดับจังหวัดให้สอดคล้องกับ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และสอดรับกับปัญหาที่มีความเฉพาะตัวในแต่ละพื้นที่ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ร่วมทำแบบสอบถามออนไลน์และแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นเรื่องความยั่งยืนได้ที่ bit.ly/3TtWjoN
ถุงกาแฟลดปัญหาขยะพลาสติกจากแบรนด์ ‘North Star Coffee’ ที่ทุกส่วนย่อยสลายได้ 100%
ในทุกๆ ปี การผลิตพลาสติกนั้นใช้น้ำมันในปริมาณมากเท่ากับการใช้น้ำมันในอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด และถึงแม้ว่าจะมีการโฆษณาว่าพลาสติกบางชนิดนำไปรีไซเคิลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีเพียง 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ถูกรีไซเคิล โดยที่เหลือนั้นไปอยู่ในหลุมฝังกลบ และอีกกว่า 8 ล้านตันลงสู่มหาสมุทร อย่างไรก็ตาม เราทุกคนต่างรู้ดีว่าการเลิกใช้ถุงพลาสติกนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่ในเมื่อยังไม่สามารถลดการใช้งานได้ทั้งหมด แล้วจะทำอย่างไรหรือหาวัสดุแบบไหนมาใช้ทดแทนพลาสติกโดยที่ไม่ทำลายโลกด้วย ‘North Star Coffee’ โรงคั่วกาแฟในเมืองลีดส์ ร่วมมือกับ ‘Grounded Packaging’ บริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์จากออสเตรเลีย สร้างบรรจุภัณฑ์สำหรับถุงกาแฟขนาด 250 กรัม ที่ย่อยสลายได้เอง 100 เปอร์เซ็นต์ชนิดแรกในสหราชอาณาจักร เพราะถุงกาแฟที่ย่อยสลายได้หลายแบบในท้องตลาดนั้นจะสลายตัวได้ในปุ๋ยหมักอุตสาหกรรมเท่านั้น และก่อนจะเข้าสู่กระบวนการย่อยสลาย ผู้บริโภคต้องนำส่วนประกอบต่างๆ บนถุง เช่น ฉลาก วาล์ว และแถบที่ปิดผนึกได้ออกก่อน ถุงใบนั้นถึงจะย่อยสลายได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่บรรจุภัณฑ์ของ North Star Coffee นั้นสามารถย่อยสลายตัวเองได้ในถังปุ๋ยหมักที่บ้านภายในเวลา 6 เดือน บรรจุภัณฑ์ชนิดนี้มีส่วนผสมของวัสดุชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นเซลลูโลส กระดาษคราฟต์ และอ้อย พร้อมวาล์วที่ย่อยสลายได้ รวมไปถึงหมึกพิมพ์ที่ใช้ก็ย่อยสลายได้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนไหนบนสินค้าจาก North Star Coffee […]
Heart GURU การ์ดเกมว่าด้วยเรื่องหัวใจ ความสัมพันธ์ และเพศสัมพันธ์ ที่อยากให้สังคมไทยตระหนักรู้เรื่องความรุนแรงทางเพศมากขึ้น
‘ความรุนแรงทางเพศ’ และ ‘อคติทางเพศ’ ในสังคมไทยเปรียบเสมือนสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า ‘Elephant in the Room’ ซึ่งหมายถึงปัญหาใหญ่ที่ทุกคนรับรู้ดี เห็นได้ชัดเจน แต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงหรือตั้งใจทำเป็นมองไม่เห็นมัน ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปเราก็ยังเห็นปัญหาเหล่านี้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผ่านเรื่องเล่าของคนใกล้ตัวที่ตกเป็นเหยื่อ หรือแม้แต่พาดหัวข่าวตามสื่อต่างๆ ที่สะท้อนว่าการใช้ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศได้ฝังรากลึกอยู่แทบทุกแวดวง ไม่ว่าจะเป็นวงการบันเทิง การศึกษา ภาคธุรกิจ หรือแม้แต่ในพรรคการเมืองเองก็ตาม ทว่ายังมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามส่งเสียงและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศ หนึ่งในนั้นคือ Thaiconsent สื่อออนไลน์ที่อยากชวนสังคมไทยพูดคุยเรื่องเพศและความสัมพันธ์ในเชิงลึก Thaiconsent พยายามสื่อสารประเด็นเรื่องเพศผ่านช่องทางออนไลน์มาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรุนแรงทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงความยินยอมพร้อมใจในการมีเพศสัมพันธ์ (Sexual Consent) และล่าสุด Thaiconsent ต้องการสื่อสารกับผู้คนในรูปแบบใหม่ จึงพัฒนาและออกแบบการ์ดเกม ‘Heart GURU รอบรู้เรื่องหัวใจ’ โดยตั้งใจทำให้เป็นสื่ออีกประเภทหนึ่งที่ส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้อง และชวนให้คนแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ในมิติต่างๆ ตามไปคุยกับ ‘นานา-วิภาพรรณ วงษ์สว่าง’ ผู้ก่อตั้ง Thaiconsent ถึงแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบการ์ดเกม Heart GURU และความตั้งใจที่จะส่งต่อความรู้เกี่ยวกับหัวจิตหัวใจ ความสัมพันธ์ และเพศสัมพันธ์ ให้ไปถึงคนจำนวนมากที่สุด จุดเริ่มต้นของ Heart GURU นานาเล่าย้อนความให้ฟังว่า […]
‘Or Collective’ บริการเช่าเสื้อผ้าแบบสมัครสมาชิกสำหรับเด็กเล็ก ลดขยะเสื้อผ้าจากการที่เด็กโตขึ้น
ปัญหาที่พ่อแม่ลูกเล็กหลายบ้านต้องเผชิญ ส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่จำนวนมากในแต่ละปี เนื่องจากเด็กในวัยแรกเดินจนถึงประมาณ 4 ขวบนั้นเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเผลอแป๊บเดียวเสื้อผ้าที่ซื้อมาก็ใส่ไม่ได้ กลายเป็นขยะเสื้อผ้าทิ้งไว้ให้จัดการ จากปัญหานี้ Studio Parallel เอเจนซีด้านการออกแบบและการสร้างแบรนด์ ตัดสินใจสร้างแบรนด์เสื้อผ้าเด็กที่ให้บริการเช่าโดยสมัครสมาชิกขึ้นในชื่อ ‘Or Collective’ โดยที่ Or ย่อมาจากคำว่า On Rotation ที่หมายถึงการหมุนเวียน เสื้อผ้าภายใน Or Collective ถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายและอ่อนโยนต่อผิวเด็กตั้งแต่ทารกจนถึง 4 ขวบ อีกทั้งราคายังสบายกระเป๋าผู้ปกครองด้วยแผนการสมัครสมาชิกรายเดือนที่มีให้เลือกถึง 4 ขนาด ตั้งแต่ 5 ชิ้นต่อเดือนไปจนถึง 20 ชิ้นต่อเดือน ในราคาเริ่มต้นเพียง 22 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 970 บาท) ตามความต้องการและเงินในกระเป๋า นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถปรับแผนสมาชิกได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้าและขนาดได้อย่างอิสระ หยุดการต่อสมาชิกรายเดือนแบบชั่วคราวหรือถาวรเมื่อไหร่ก็ได้ หรือถ้ามีเสื้อผ้าชิ้นไหนถูกใจอยากจะซื้อเก็บไว้เป็นของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน แถมในการส่งคืนแต่ละครั้งยังไม่ต้องกังวลถึงเรื่องคราบสกปรกจากการเล่นของเด็ก เพราะ Or Collective จะไม่เรียกเก็บเงินเพิ่มเติมในกรณีเกิดคราบหรือเสื้อผ้าสึกหรอ เพื่อให้ตรงตามความตั้งใจของ Or Collective ที่ต้องการต่อสู้กับปัญหาขยะเสื้อผ้าเด็ก […]
กทม. ชวนเช็กสภาพรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกับโครงการ ‘คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5’ ที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน วันนี้ – 29 ก.พ. 67
ปลายปีแบบนี้ มองไปทางไหนก็พบเจอแต่ฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้น จนผู้คนรอบตัวเริ่มทยอยป่วยเพราะปัญหาสภาพอากาศย่ำแย่ แถมเจ้าฝุ่นที่ว่านี้ยังมีต้นเหตุหลักมาจากควันรถยนต์ที่จราจรบนท้องถนน กทม. ที่พยายามแก้ปัญหานี้ ได้ร่วมมือกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และตัวแทนค่ายรถยนต์ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทย จัดทำโครงการ ‘คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5’ เพื่อจัดโปรโมชันลดค่าบริการตรวจสอบสภาพรถ ทั้งการเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ไส้กรองน้ำมัน และตรวจเช็กรถยนต์กว่า 35 รายการฟรี ที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนกรุงเทพฯ และทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 โปรโมชันนี้ออกมาสำหรับรถยนต์ที่อายุการใช้งานตั้งแต่ 2 – 15 ปี เรียกได้ว่ายิ่งอายุรถยนต์มาก บริษัทที่เข้าร่วมก็จะให้ส่วนลดมากขึ้นตามไปด้วย โดยส่วนลดสูงสุดอยู่ที่ 55 เปอร์เซ็นต์ เพื่อจูงใจให้ประชาชนที่มีรถยนต์เก่าเข้ามารับบริการบำรุงรักษา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของรถยนต์นั่นเอง รถของบ้านไหนที่เข้าเกณฑ์ เจ้าของรถสามารถเข้าร่วมตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน รวมถึงเข้ารับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน และหากใครมีแพลนเดินทางในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูง ติดตามการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้า รวมถึงรายละเอียดส่วนลดและระยะเวลาเข้าร่วมโครงการของแต่ละบริษัทได้ที่เพจ กรุงเทพมหานคร