ในภาพจำของใครหลายคน ‘ไปรษณีย์ไทย’ คือหน่วยงานที่ให้บริการด้านการขนส่งมาแล้วยาวนาน เราต่างผูกพันกับพี่ไปรษณีย์ที่มักขับรถมาจอดเทียบหน้าบ้านตอนมีพัสดุมาส่ง และคุ้นชินกับการก้าวเข้าอาคารสีแดง-ขาวของไปรษณีย์ไทยเมื่อต้องไปส่งของให้ใครสักคน
ในขวบปีที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กำลังจะมีอายุครบรอบ 140 ปี ด้วยการแข่งขันในตลาดธุรกิจขนส่งที่ดุเดือดยิ่งขึ้น เราจึงได้เห็นไปรษณีย์ไทยปรับตัวอยู่หลายหน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือความสัมพันธ์ระหว่างไปรษณีย์ไทยกับผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่แนบแน่นอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเหล่าคนทำธุรกิจและวิสาหกิจในชุมชนที่ไม่เพียงแต่เป็นลูกค้าของไปรษณีย์ไทย แต่ไปรษณีย์ไทยยังทำให้ธุรกิจของพวกเขาแข็งแรงขึ้นด้วย หนึ่งในโครงการที่เห็นได้ชัดคือ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 2559
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_1-1024x683.jpg)
สรุปให้ฟังสั้นๆ ในโครงการนี้ ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่เป็นผู้ผลักดันให้คนในชุมชนทั่วไทยที่มีภูมิปัญญาได้ผลิตสินค้าของตัวเองขึ้นมา ช่วยเหลือตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ช่วยคิดชื่อ แพ็กเกจจิ้ง ขนส่ง โปรโมต ไปจนถึงขายผ่านทางช่องทางต่างๆ ของไปรษณีย์ไทยด้วย
ปลาส้มบ้านห้วยหมากหล่ำจากอุดรธานี ข้าวฮางทิพย์จากสกลนคร ไข่เค็ม อสม.จากสุราษฎร์ธานี และลำไยอบกึ่งแห้งจากลำพูน คือ 4 ธุรกิจที่ไปรษณีย์ไทยเลือกผลักดันในปีนี้ แต่หากนับรวมมาตั้งแต่ต้น ไปรษณีย์ไทยก็ได้ช่วยเหลือธุรกิจของชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ มากกว่า 26 แห่ง และสร้างรายได้ให้พวกเขาได้เป็นหลักล้าน
ความสำเร็จนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เราชวน ‘ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด มาถอดรหัสกันในบทสนทนานี้
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_2-1024x683.jpg)
โครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” เกิดขึ้นได้ด้วยแนวคิดแบบไหน
แนวคิดของ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” มาจากนโยบาย CSR In Process ของไปรษณีย์ไทย ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่นโยบายครอบคลุมคือเรื่องความสัมพันธ์ของไปรษณีย์ไทยกับคนในชุมชน หลายคนอาจเห็นว่าพนักงานของเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับชุมชน เพราะฉะนั้นการทำ CSR ของเราจึงอยากเน้นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงสัมพันธ์จากภายในสู่ภายนอก ทำให้ชุมชนมีโอกาสทางธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น
แนวคิดอีกอย่างคือความยั่งยืน เรามีนโยบายที่เรียกว่า ESG (Environment, Social, Governance) โครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” จะเน้นที่ตัว S หรือเรื่องของชุมชน เราใช้ความเชี่ยวชาญในการขนส่งของเราไปช่วยพวกเขา มากกว่านั้นคือช่วยขายสินค้าให้คนในชุมชนทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งก็คือที่ทำการไปรษณีย์มากกว่า 1,201 แห่งทั่วประเทศ และเว็บไซต์ Thailandpostmart ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม E-Marketplace ที่เราเลือกสินค้าตัวท็อปจากทั่วประเทศมาขึ้นแพลตฟอร์ม
นอกจากนั้น โครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ยังมีการพัฒนาธุรกิจในชุมชนตั้งแต่จุดเริ่มต้น หากชุมชนขาดโอกาสด้านต่างๆ ทั้งโอกาสด้านการขายหรือการสร้างแบรนด์ เราก็ไปช่วยเขาได้ อีกทั้งเรายังช่วยบูรณาการเครือข่ายต่างๆ ทั้งเครือข่ายท้องถิ่นและส่วนกลางเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เพราะตอนแรกที่เราไปพัฒนา ชุมชนบางแห่งอาจมีวิสาหกิจชุมชนอยู่แล้วแต่ยังไม่เข้มแข็งพอ บางแห่งอาจไม่เคยมีวิสาหกิจชุมชนเลย เราก็เข้าไปช่วยตั้งแต่จุดเริ่มต้น
หากให้สรุปหลักการว่าโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ทำอะไร อาจสรุปได้เป็น 3 Up คือ Upskill, Upgrade และ Upscale ในส่วนของ Upskill คือการอัปความรู้และทักษะให้ชุมชน โดยได้เครือข่ายภาครัฐและส่วนกลาง เช่น มหาวิทยาลัย อบต. อบจ. มาช่วยสร้างความรู้และทักษะที่ทำให้เขาอยู่ได้ยั่งยืน ส่วน Upgrade คือการทำให้สินค้าของเขามีคุณภาพมากขึ้น เช่น ปลาส้มบ้านห้วยหมากหล่ำ เราก็ใช้สูตรของปลาส้มสมหวังซึ่งเป็นเครือข่ายของเราที่ประสบความสำเร็จไปสอนชาวบ้านบ้านห้วยหมากหล่ำ นอกจากนั้นคือการอัปเกรดคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ในลักษณะของการออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้ดูสวยงามทันสมัย จูงใจคนตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ รีแบรนด์ เช่น ปลาส้มบ้านห้วยหมากหล่ำ เราอาจเรียกว่าปลาส้มสุขหล่ำเพื่อให้จดจำง่าย
ส่วนการ Upscale คือการสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ เราช่วยในเรื่องประชาสัมพันธ์ สื่อสารแบรนด์เพื่อสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางของไปรษณีย์ทั้งออฟไลน์ นั่นคือ ที่ทำการไปรษณีย์ และช่องทางออนไลน์คือโซเชียลมีเดียของเรา แล้วเรายังช่วยสอนชุมชนให้เรียนรู้การใช้เครื่องมือทางการตลาดและประชาสัมพันธ์เองด้วย
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_3-1024x683.jpg)
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการนี้คืออะไร
เราเน้นไปที่การวัดผลลัพธ์หรือผลประกอบการทางการเงิน เราจะดูว่าเมื่อเราเข้าไปช่วยบ่มเพาะและสร้างแบรนด์ ช่วยขน ช่วยขาย ช่วยหนุนเครือข่ายแล้ว เขาจะมีรายได้เพิ่มไหม และเราก็มีการตั้งเป้าหมายรายได้ที่เพิ่มขึ้นด้วย
ในปี 2566 เป้าหมายคือ 3 ล้านบาท ตัวเลขนี้คือตัวเลขที่เราคิดว่าชุมชนที่เราได้มีการบ่มเพาะน่าจะทำได้ จากการมีรายได้เพียงหลักหมื่นหรือหลักพัน ซึ่งจากที่ดำเนินการมา ชุมชนที่เราไปช่วยบ่มเพาะก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_4-1024x683.jpg)
หากให้ถอดรหัสความสำเร็จเบื้องหลังของโครงการ ปัจจัยที่ทำให้โครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” สำเร็จได้คืออะไร
ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับชุมชน ความไว้เนื้อเชื่อใจของเขาที่มีให้กับไปรษณีย์ไทย จากการที่ได้ลงพื้นที่ เขาบอกว่าเขารู้สึกว่าเราช่วยเหลือและสนับสนุนเขาในทุกด้านมาตลอด สิ่งหนึ่งที่เขาบอกเสมอว่าอย่าทิ้งชุมชนนะ เพราะไปรษณีย์ไทยช่วยเขาตั้งแต่ต้นจนสามารถขายได้ อย่างน้อยเขามีช่องทางการขายแน่ๆ
จริงๆ ไม่ใช่ว่าหน่วยงานไหนหรือใครจะเข้าไปในชุมชนเหล่านี้ได้ง่ายๆ แต่ด้วยความที่เรามีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ จุดนี้ทำให้คนในชุมชนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ มากกว่านั้น ปัจจัยที่มีผลมากคือความต่อเนื่องในการดูแลและพัฒนาพวกเขา เรามีไปรษณีย์กว่า 1,201 แห่งทั่วประเทศ คนในชุมชนจึงไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะทิ้งให้พวกเขาหายไป เพราะเราสร้างความต่อเนื่องเรื่องความสัมพันธ์ไปตลอด
สินค้าที่อยู่ในโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากสินค้าในท้องตลาดทั่วไปอย่างไร
สินค้าที่เราเลือกมาส่วนใหญ่ทางเขตพื้นที่จะเป็นคนเลือกมาก่อน เพราะฉะนั้นสินค้าจะสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้น อย่างตัวปลาส้ม “สุขหล่ำ” ก็เป็นสินค้าที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนั้น สินค้าแต่ละตัวยังมีเรื่องราวความเป็นมาของตัวเอง อย่างปลาส้ม “สุขหล่ำ” ก็มาจากคลองในชุมชนที่เป็นแหล่งอาหารในพื้นที่จริงๆ นับเป็นสินค้าพื้นถิ่น เราก็นำปลาส้มตัวนี้มาผ่านกระบวนการที่ทำให้กลายเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสากล มี อย. มีบรรจุภัณฑ์ที่ดี เพื่อทำให้เขาขายได้มากขึ้น
หรืออีกกรณีคือข้าวฮางจากจังหวัดสกลนคร เป็นข้าวที่มีจุดเด่นกว่าข้าวประเภทอื่นๆ คือ ผ่านกระบวนการพิเศษที่ทำให้มีคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสารกาบา โปรตีน วิตามิน และไฟเบอร์ ซึ่งการมีสารอาหารเพิ่มขึ้นน่าจะตอบโจทย์คนรักสุขภาพในปัจจุบัน นี่คืออีกปัจจัยที่ทำให้สินค้าในโครงการนั้นแตกต่าง คือเราดูกระแสในปัจจุบันด้วยเพื่อให้มั่นใจได้ว่าชุมชนที่เราไปบ่มเพาะหรือพัฒนา เขาจะสามารถขายสินค้าในระยะยาวได้
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_5-1024x683.jpg)
ยกตัวอย่างสินค้าที่เป็น Success Story ในโครงการให้ฟังหน่อยได้ไหม
เรามี 4 ตัว ตัวแรกคือปลาส้ม “สุขหล่ำ” อย่างที่เล่าให้ฟังไป จริงๆ แล้วสินค้าในแขนงปลาส้มมาจากปลาส้มสมหวังซึ่งเคยขายผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ของเราในอดีตแล้วประสบความสำเร็จมาก มีรายได้หลักล้าน เราจึงขอสูตรของเขามาสอนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านห้วยหมากหล่ำ จังหวัดอุดรธานีต่อ นอกจากนั้น ในโมเดลของบ้านห้วยหมากหล่ำเอง ไปรษณีย์ไทยยังได้ช่วยก่อสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนไปรษณีย์ไทย บ้านห้วยหมากหล่ำด้วย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับพื้นที่ผลิตปลาส้มของเขา ในโรงเรียนนั้นมีครูกับนักเรียนอยู่ ทีมก็นำสูตรของไข่เค็มไชยาซึ่งเป็นเครือข่ายของเราเช่นกันไปสอนนักเรียน จนเกิดเป็น ‘ไข่เค็มเด็กน้อย’ ฝีมือนักเรียนออกมาขาย
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_6-1024x683.jpg)
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_7-1024x683.jpg)
ตัวที่ 2 คือข้าวฮางทิพย์ เป็นแบรนด์วิสาหกิจชุมชนจากจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยเขานำข้าวสายพันธุ์ต่างๆ มาเข้ากระบวนการแช่ นึ่ง ผึ่ง สี ไม่ใช่ขัดสีอย่างเดียว ทำให้ตอบโจทย์เป้าหมายคนรักสุขภาพ เราก็ไปช่วยเขาพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เป็นแพ็กแบบสุญญากาศเพื่อให้ขายได้มาตรฐานสากล และมีการบรรจุขวดด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไม่เคยหุงข้าว เขาจะได้ตวงน้ำจากขวดของเราตอนหุงได้
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_8-1024x683.jpg)
ตัวที่ 3 คือไข่เค็ม อสม. ไชยา หรือที่รู้จักกันดีในนามไข่เค็มไชยา เขาใช้ไข่เป็ดออร์แกนิกมาชูเป็นกิมมิก สตอรีของแบรนด์แข็งแรงอยู่แล้ว เราจึงไปบ่มเพาะเพิ่มเติมให้แข็งแรงขึ้นด้วยเรื่องแพ็กเกจจิ้ง แต่ก่อนเขาขายแบบใส่ถุง เราก็ออกแบบแพ็กเกจจิ้งให้เขาใหม่เพื่อให้หยิบง่าย เป็นกล่องป้องกันไข่แตกที่ไม่ใช้พลาสติก และใช้วัสดุในชุมชนมาทำ รวมถึงช่วยเขาขนส่งแบบ Parcel Centric (พัสดุเป็นศูนย์กลาง) คือขนส่งแบบของที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ลูกค้าจึงไม่ต้องกลัวไข่แตก ตอนนี้ชุมชนรายได้หลักแสนต่อเดือน ปีหนึ่งก็หลักล้าน พอเราไปช่วยพัฒนา ชุมชนยังได้ยกระดับเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้คนมาศึกษาดูงานด้วย
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_9-1024x683.jpg)
ตัวที่ 4 คือลำไยอบกึ่งแห้งแบบ Soft Dry ของลำพูน เราทำร่วมกับชุมชนพัฒนาผลิตภัณฑ์พืชผักสมุนไพรและผลไม้ อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน ร่วมมือกับ STeP หรืออุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จุดเริ่มต้นคือแต่ก่อนลำไยล้นตลาด เราเลยอยากช่วยชุมชนด้วยการทำเป็นลำไยอบกึ่งแห้งเพื่อให้อยู่ได้นานขึ้น เวลารับประทานจะให้รสสัมผัสใกล้เคียงกับของสดอยู่ คือมีความหอมนุ่ม ละมุน นอกจากนั้นคือสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ Thailandpostmart ได้ทั้งปี
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_10-1024x683.jpg)
การทำโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” สำคัญกับไปรษณีย์ไทยอย่างไร
เราคิดว่าไปรษณีย์ไทยจะยั่งยืนได้ ชุมชนต้องยั่งยืนด้วย สโลแกนของเราคือ Carry Relationship, Deliver Success หรือ ส่งทุกความสัมพันธ์สู่ทุกความสำเร็จ เราเน้นเรื่องความสัมพันธ์กับชุมชน ซึ่งเราเชื่อว่าคนในชุมชนเอง นอกจากจะเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับเรา เขาก็เป็นลูกค้าของเราด้วย
เรายังมีวิสัยทัศน์ใหม่อีกข้อที่เพิ่งแถลงไปคือ Delivering Sustainable Growth through Postal Network นั่นคือ การส่งมอบการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ไทย เรามองว่าใครที่มาเชื่อมโยงกับเราก็จะเติบโตไปด้วยกัน อยากสร้างเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีความยั่งยืนทั้งตัวองค์กรของเรา ชุมชน และสังคมในภาพกว้าง
![ไปรษณีย์เพิ่มสุข โปรเจกต์ส่งต่อสินค้าน่าใช้จากชุมชนทั่วไทย จากไปรษณีย์ไทย](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/11/UC-thailandpost_11-681x1024.jpg)
มองอนาคตของโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ไว้อย่างไรบ้าง
เราอยากอัปสเกลเรื่อยๆ ทั้งจำนวนของชุมชนที่จะเข้าไปพัฒนาภายใต้โครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” ร่วมกับอัปสเกลเครือข่ายของเราให้ใหญ่ขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น
ส่วนอนาคตของไปรษณีย์ไทย เราก็คงต้องการความยั่งยืนเช่นเดียวกับชุมชน เรามีการบูรณาการเพื่อใช้ประโยชน์เครือข่ายไปรษณีย์ที่เรามีอยู่ทั้งสอง 2 มิติ ทั้งมิติ Physical ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เรามีพนักงานไปรษณีย์และตัวแทนของเราประมาณ 20,000 คนทั่วโลก ซึ่งเราอยากพัฒนาให้แข็งแรงต่อไป อีกมิติหนึ่งคือ Digital ที่มีเว็บไซต์ Thailandpostmart ในตอนนี้ แต่ในอนาคตจะพัฒนาบริการใหม่ๆ ในระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากโครงการ “ไปรษณีย์เพิ่มสุข” เรายังมีโครงการเพิ่มสุขสิ่งแวดล้อมและเพิ่มสุขสังคมแตกออกมา ในกรณีเกิดภัยพิบัติเรามีบริการส่งฟรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างตอนโควิดระบาดเราก็เคยช่วยขนส่งหน้ากากอนามัย เตียงสนาม สินค้าจำพวกยา ส่วนเพิ่มสุขสิ่งแวดล้อมคือการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งไปรษณีย์ไทยมองว่าเราคือ Green Hub ที่รวบรวมของเหลือใช้หลากหลายประเภทมารีไซเคิล รวมถึงมีการนำกล่องพัสดุ ซองจดหมายที่เป็นกระดาษทุกประเภท มารีไซเคิลเป็นเตียงสนาม หน้ากากอนามัย ชุดโต๊ะและเก้าอี้ให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน กล่องพัสดุสำหรับบรรจุสิ่งยังชีพให้หน่วยงานคนพิการ และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ เพื่อชุมชนและสังคม