เช้าวันหยุดเราเดินทางออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังถนนประชาธิปไตยในฝั่งพระนคร รู้ตัวอีกทีเราก็ยืนอยู่หน้าบ้านสไตล์วินเทจสีเหลืองนวลที่มีต้นไม้เขียวขจีแซมอยู่ตามจุดต่างๆ เป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปบริเวณชั้นสองของอาคารก็จะเห็นป้ายตัวอักษรสีเหลืองขนาดใหญ่เขียนว่า ‘โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย’
ใช่แล้ว ที่นี่คือสาขาใหม่ของร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ตำนานร้านอาหารเช้าที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนกรุงเทพฯ มาหลายทศวรรษ ทำให้หลายครั้งที่เราพูดถึงร้านกาแฟโบราณ ชื่อของร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่จะต้องติดอยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ ของใครหลายคน
แต่สิ่งที่ทำให้โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย แตกต่างจากสภากาแฟทั่วไปคือการออกแบบร้านให้โมเดิร์นขึ้น แถมเฟอร์นิเจอร์และสีที่ใช้ตกแต่งยังช่วยสร้างบรรยากาศโฮมมี่ เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟเพลินๆ ไม่เหมือนกับสภากาแฟแบบดั้งเดิมที่เน้นเสิร์ฟอาหารเพื่อความสะดวกรวดเร็ว
ความอบอุ่นตลบอบอวลในบ้านหลังนี้ เพราะ ‘กั๊ก-สุวิชชาญ คมนาธรรมโกมล’ ทายาทรุ่นที่ 4 ร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ้กี่เล่าให้เราฟังระหว่างทัวร์ร้านในวันนี้ว่า เขาอยากให้ลูกค้าที่เข้ามาทานอาหารรู้สึกเหมือนได้ทานข้าวอยู่บ้าน และพูดคุยแลกเปลี่ยนกันท่ามกลางบรรยากาศใหม่ๆ ขณะเดียวกัน เขาตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวและเสน่ห์ความเก่าแก่ของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ให้กับผู้มาเยือนทุกกลุ่มและทุกวัย
“ปรับในสิ่งที่ควรปรับ เปลี่ยนในสิ่งที่ควรเปลี่ยน เก็บในสิ่งที่ควรเก็บ” คือแนวคิดในการทำธุรกิจของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ที่กั๊กย้ำกับเราตลอดบทสนทนานี้
ตำนานความอบอุ่นคู่พระนคร
กั๊กเล่าย้อนให้เราฟังว่า โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่สาขาแรกเปิดให้บริการเมื่อ ค.ศ. 1952 แรกเริ่มเดิมทีถูกเรียกว่า ‘ร้านโชห่วย’ ที่มีกาแฟและชาขายอยู่ในมุมเล็กๆ มีพื้นที่ให้ลูกค้านั่งดื่มเพียง 3 โต๊ะเท่านั้น
จากนั้นเป็นต้นมา โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ได้ยืนหยัดอยู่คู่ชาวพระนคร ผ่านทุกรอยต่อของกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ทิศทางการขับเคลื่อนของสังคม และดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องมานานถึง 71 ปีแล้ว
“เราตั้งใจทำร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย เพื่อฉลองครบรอบเจ็ดสิบเอ็ดปีของร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ แรงบันดาลใจของเรามาจากการได้เห็นต่างประเทศมีร้านอาหารและคาเฟ่ที่อยู่คู่เมืองมานานเป็นร้อยปี เราอยากให้ประเทศไทยมีร้านแบบนี้บ้าง ร้านที่เป็นของคนไทย ก่อตั้งโดยคนไทย และเติบโตในประเทศไทย”
บ้านที่อยากเพิ่มบทสนทนาระหว่างมื้ออาหาร
เมื่อพูดคุยถึงประวัติศาสตร์ของร้านกันพอสมควรแล้ว กั๊กก็พาเราทัวร์บ้านหลังเล็กๆ อายุ 90 ปีที่ถูกแปลงโฉมเป็นร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกกันแบบทุกซอกทุกมุม
กั๊กอธิบายว่า Modern Heritage คือแนวคิดหลักในการออกแบบร้าน เขาเลือกใช้โทนสีที่เรียบง่ายและวัสดุประเภทต่างๆ อย่างหินอ่อน หนัง ไม้ และเฟอร์นิเจอร์สไตล์ดั้งเดิมของร้าน เป็นการผสมผสานความร่วมสมัยและความทันสมัยเอาไว้ด้วยกัน ช่วยให้โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย ดูโดดเด่นและคงเสน่ห์แห่งความเก่าและใหม่เอาไว้อย่างลงตัว
“สำหรับเรา คำว่า Modern Heritage อาจยังไม่มีความหมายหรือคำนิยามที่ชัดเจนขนาดนั้น แต่มันอาจจะหมายถึงการเอาการดีไซน์รูปแบบเก่ามาผสมผสานกับการออกแบบยุคปัจจุบัน การเลือกเก็บบางอย่างที่เราเห็นว่ายังมีคุณค่าอยู่ และเติมความร่วมสมัยเข้าไป แนวคิดนี้ทำให้โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่กลายเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ”
ทายาทรุ่นที่ 4 ของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่อธิบายต่อว่า เขาตั้งใจทำให้ชั้นล่างยังคงรักษากลิ่นอายของร้านกาแฟโบราณเอาไว้ เห็นได้จากเคาน์เตอร์สั่งอาหารที่ตั้งอยู่กลางร้าน ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ยังเป็นโต๊ะกลมและเก้าอี้ไม้กลมที่เห็นกันบ่อยๆ ตามร้านกาแฟโบราณ ยังไม่รวมของตกแต่งอย่างโคมไฟห้อยเพดาน นาฬิกาแขวนผนัง และพื้นไม้ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้าน
เมื่อเดินขึ้นไปชั้นสองเราจะพบกับพื้นที่ทานอาหารที่กว้างขวางมากขึ้น แต่ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่นจากแสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามาจากทุกทิศทาง ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้มีทั้งโต๊ะกลมขนาดเล็กใหญ่ และมุมโซฟาที่ทำให้พื้นที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น แถมกำแพงยังใช้เฉดสีน้ำตาลและครีมซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘โคเฟเต้’ เมนูกาแฟซิกเนเจอร์ของร้าน ทั้งหมดช่วยให้ร้านกาแฟในตำนานแห่งนี้มีบรรยากาศโฮมมี่และเป็นกันเองมากกว่าเดิม
ร้านกาแฟที่อยากทำให้คนได้พักผ่อนระหว่างวัน
นอกจากพื้นที่ภายในร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย ยังจัดสรรพื้นที่นอกร้านให้ใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะยาวสำหรับจัดเลี้ยงมื้อใหญ่ ไปจนถึงมุมเล็กๆ สำหรับคนที่อยากนั่งจิบกาแฟคนเดียวเพลินๆ
เท่านั้นไม่พอ กั๊กยังตั้งใจทำสวนป่าขนาดเล็กเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและบรรยากาศที่ร่มรื่นให้กับสถานที่ โดยอยู่ติดกันกับน้ำตกที่ทำจากหินธรรมชาติสีดำ ถือเป็นอีกหนึ่งมุมไฮไลต์ที่ทางร้านตั้งใจออกแบบให้ลูกค้าได้ฟังเสียงน้ำไหลระหว่างทานอาหาร รู้สึกเหมือนได้หลีกความวุ่นวายในเมืองหลวงมาอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
“ร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่สาขาเดิมตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ที่ห้อมล้อมไปด้วยเมืองและตึกเป็นส่วนใหญ่ พอมีโอกาสสร้างสาขาใหม่บนถนนประชาธิปไตย เราเลยอยากเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะเรารู้สึกว่าการเข้ามาทานอาหารในร้าน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังถือเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง แทนที่จะนั่งอยู่ในตึกแถวธรรมดา เราอยากให้ลูกค้าเดินเข้ามาแล้วได้สัมผัสกับธรรมชาติ ได้เห็นต้นไม้สีเขียว ได้ยินเสียงน้ำตก เปรียบเสมือนการแวะมาเติมพลังกายพลังใจก่อนออกไปใช้ชีวิตในเมืองต่อ”
อีกหนึ่งการออกแบบที่น่าสนใจของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่บนถนนประชาธิปไตยคือบริเวณหน้าร้านที่ออกแบบให้เป็นเหมือนพื้นที่ฟุตพาท ทำให้ลูกค้าได้นั่งจิบกาแฟ กินลมชมวิถีเมืองเก่าอยู่ริมถนน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่
ข้อดีของโซนนี้คือโต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ขวางทางเดินบนฟุตบาทจริงๆ นอกจากจะสร้างบรรยากาศที่เฉพาะตัวแล้ว ไอเดียนี้ยังไม่รบกวนพื้นที่สาธารณะหรือสร้างความเดือดร้อนให้คนที่สัญจรไปมาด้วย
ความพิเศษเฉพาะที่ ‘โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย’
อีกเอกลักษณ์และจุดเด่นของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ‘เมนู’ ของร้านที่มีทั้งอาหารเช้า ชา กาแฟ และเครื่องดื่มหลากหลายที่ถูกประยุกต์ให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกตามแบบฉบับดั้งเดิมเอาไว้
นอกจากเสิร์ฟเมนูสภากาแฟตามยุคสมัยแล้ว กั๊กบอกกับเราว่า ความพิเศษที่มีเฉพาะที่โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย คือวิธีล้อมวงทานเมนูกับข้าวแบบไทยๆ (Sharing Menus) ที่เหมาะกับการแบ่งปันระหว่างกลุ่มเพื่อนและสมาชิกในครอบครัว
ตัวอย่างเมนูกับข้าว ได้แก่ หมูคอนโด แบล็กแซลมอนผัดฉ่า กุ้งราดซอสมะขาม น้ำพริกคั่วกลิ้งหมูสับ น้ำพริกกะปิกุ้งเคย แกงจืดเกี่ยมบ๊วยหมูสับ ไข่ลูกสะใภ้ กะเพราถั่วไข่ฟู พะแนงไข่ฟู และต้มยำน้ำข้นทะเล เป็นต้น
ตามธรรมเนียมการรับประทานอาหารของคนไทย เมื่อกินคาวแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน อีกความพิเศษที่มีเฉพาะสาขานี้เท่านั้นคือตู้เค้กที่รังสรรค์เมนูขนมหวานให้สอดคล้องกับความเป็นไทยและเอกลักษณ์ของร้าน เช่น เค้กกาแฟโคเฟเต้ มูสเค้กชาเข้มนมข้น เค้กเยลลี่บ๊วยมะนาว เค้กขนมปลากริมไข่เต่า เป็นต้น รับรองว่าขนมเหล่านี้จะอร่อยขึ้นอีกหลายเท่าตัวถ้ากินคู่กับเครื่องดื่มร้อนเย็นจากทางร้าน
“เรามองว่าโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่เป็นตัวกลางในการส่งต่อเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น บรรยากาศของร้านทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนกลับไปในสมัยก่อน ชวนให้นึกถึงเรื่องราวและความทรงจำดีๆ ที่พวกเขาเคยเจอในชีวิต จากนั้นพวกเขาก็จะเริ่มพูดคุยถึงเรื่องราวเก่าๆ หรือเรื่องราวในวันวานที่พวกเขามีความสุขกัน
“เราต้องการต่อยอดจากสาขาดั้งเดิมอื่นๆ ที่มีพื้นที่จำกัด นั่งได้ไม่นาน สาขานี้เราเลือกทำโต๊ะให้ใหญ่ขึ้นและเพิ่มเมนูที่เป็นกับข้าวเข้ามา เพื่อสร้างพื้นที่และเมนูที่ลูกค้าทุกคนได้มาใช้เวลา ได้มานั่งล้อมวงทานข้าว และมีบทสนทนาร่วมกันบนโต๊ะอาหารมากขึ้น”
ทายาทรุ่นที่ 4 ของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่พูดปิดท้ายว่า เขาตั้งใจทำร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย ให้เป็นเกียรติแก่บรรพชนเหล่าผู้สร้าง ผู้สืบทอด และทีมงานเบื้องหลังร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ทุกคน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจตลอด 71 ปีที่ผ่านมา สิ่งสำคัญที่สุด เขาอยากมอบร้านแห่งนี้ให้กับลูกค้าที่รัก ผู้ให้การสนับสนุนพวกเขามาโดยตลอด และอยากให้ทุกคนที่เข้ามาที่ร้านมีความสุข ดื่มด่ำไปกับผลงานชิ้นนี้ แล้วร่วมกันฉลองเจ็ดทศวรรษของโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ตำนานความอบอุ่นคู่พระนครแห่งนี้ไปพร้อมๆ กัน
โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ ประชาธิปไตย
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.00 – 20.00 น.
พิกัด : 110 ถนนประชาธิปไตย แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ที่จอดรถ : วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ฝั่งกุฏิพระสงฆ์
แผนที่ : maps.app.goo.gl/dVo2VSZeiZzDqgXD8
ช่องทางติดต่อ :
facebook.com/kope.htk
instagram.com/kopehyataikee