“เฟทอยากให้สังคมรับรู้ว่า ‘ความต่าง’ ที่โดนปฏิเสธมาตลอด จริงๆ แล้วมันโดนปฏิเสธเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เก่ง แต่เป็นเพราะวงการไอดอลยังห่างไกลกับการยอมรับ Self-determination (สิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง)”
ในวันที่อุตสาหกรรม T-POP กำลังเติบโตและถูกจับตามองจากทั่วโลก ใครหลายคนอาจกำลังเดินตามความฝันของตัวเองอย่างสุดกำลัง แต่สำหรับใครบางคน ความฝันของพวกเขาอาจดับลงไปแล้ว เพียงเพราะพวกเขา ‘แตกต่าง’ จากสิ่งที่สังคมต้องการ
‘FiNESSE’ คือธีสิสวงไอดอลระยะสั้นจากฝีมือการโปรดิวซ์ของ ‘เฟท-ฐิตา เกษรสมบัติ’ อดีตสมาชิกไอดอลวง Siamese Kittenz ที่ปัจจุบันเป็นนิสิตชั้นปีสุดท้ายจากคณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน สาขาการออกแบบและผลิตสื่อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งโปรเจกต์นี้ทำให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้ใหม่ๆ ของอุตสาหกรรมไอดอลที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่ที่เพศสภาพ อายุ หรือบิวตี้สแตนดาร์ด
![FiNESSE Project](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/FiNESSE_6-683x1024.jpg)
![FiNESSE Project](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/FiNESSE_5-683x1024.jpg)
คอลัมน์ Debut ขอพาไปรู้จักธีสิสวงไอดอล FiNESSE ให้มากขึ้นผ่านบทสนทนาของหญิงสาว ถึงแนวคิดจุดเริ่มต้นตั้งแต่เดย์วันของการตัดสินใจทำธีสิสว่า อะไรคือสิ่งที่อยากนำเสนอ จนถึงวันนี้ที่เธอพยายามผลักดันให้วงนี้เข้าสู่อุตสาหกรรมเพลงได้จริงในอนาคต
ได้เวลาทำวงไอดอลระยะสั้น
หลายคนคงเคยเห็นธีสิสที่ทำขึ้นโดยมีแรงบันดาลใจมาจากไอดอลที่ชอบ แต่สำหรับธีสิสของเฟทแตกต่างออกไป เพราะ ‘FiNESSE’ คือธีสิสที่เกิดจากเศษเสี้ยวความฝันการเป็นไอดอลของเธอเอง
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-12.jpeg)
“อดีตเฟทเคยเป็นไอดอลมาก่อน แต่ในตอนนี้ ต่อให้อยากกลับไปเป็นอีกมันก็ไม่ง่ายแล้ว ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้นจนเกินเพดานการสมัคร และเรารู้สึกว่ามันคงมีคนที่เป็นแบบเราเยอะ เลยตัดสินใจทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา” เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้น
ธีสิสในรูปแบบวงไอดอลระยะสั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในคณะ ทำให้เฟทไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นได้จริงไหม จนกระทั่งเข้าไปปรึกษาครูที่ปรึกษาถึงไอเดียนี้ และได้คำตอบกลับมาว่า ไม่ว่าธีสิสจะออกมาในรูปแบบไหนก็ทำได้ ขอแค่มี Requirement ที่ภาคต้องการ นั่นคือ ต้องออกมาในรูปแบบของ Transmedia และประกอบด้วยสื่อหลักและสื่อรอง
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-11.jpeg)
“แม้ FiNESSE จะเป็นธีสิส แต่ส่วนที่ใช้ส่งงานจริงมีแค่ตัว MV เพลงแรก คือเพลง ‘ยินดีที่ได้… (Cherish)’ และการแสดงสดเท่านั้น นอกนั้นเป็นแพสชันของเราล้วนๆ” เธอเล่าด้วยแววตาเป็นประกาย
หลังจากที่ครูที่ปรึกษาเซย์เยส ไอเดียของ FiNESSE ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างจนออกมาเป็นโปรเจกต์วงไอดอลระยะสั้นในรูปแบบของ Feminine Group ที่กินระยะเวลาประมาณ 5 เดือน ตั้งแต่ช่วงมกราคมจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2567
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image.jpeg)
คำจำกัดความของคำว่า Feminine Group คือการที่เฟทเปิดรับสมัครคนออดิชันเข้าวงแบบไม่จำกัดเพศ โดยเปิดรับตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปแบบไม่มีเพดานอายุ เพื่อเปิดโอกาสให้คนมีฝันได้ก้าวเดินตามความฝันอย่างไม่ถูกจำกัดเพศสภาพและอายุ
“เหตุผลที่เฟทเปิดรับสมัครแบบไม่จำกัดเพศ เพราะมองว่าอาจจะมีคนที่เขามีอัตลักษณ์ทางเพศเป็นผู้ชาย แต่มี Gender Expression เป็นแบบ Feminine ซึ่งเรารู้สึกว่าคนแบบนี้ก็ Valid กับโปรเจกต์เรา อยากให้เขาได้มีโอกาสในการเป็นไอดอลเหมือนกัน
“ส่วนเรื่องอายุที่รับสมัครตั้งแต่สิบหกปีขึ้นไปแบบไม่มีเพดานอายุ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราคิดว่าคงมีคนที่อยากเป็นไอดอล แต่กว่าจะพร้อม อายุก็เกินเกณฑ์ที่จะสมัครไปแล้วอยู่ไม่น้อย” เจ้าของธีสิสอธิบาย
ได้เวลาออดิชันหาความแตกต่างที่ลงตัว
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้การออดิชันของ FiNESSE แตกต่างไปจากการออดิชันไอดอลวงอื่นๆ คือการที่เฟทเปิดรับออดิชันใน 2 รูปแบบ คือ ‘Idol-to-be’ คนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นไอดอล และ ‘Former Idol’ อดีตไอดอลที่เคยยอมแพ้กับความฝัน
เฟทเล่าว่า ในช่วงที่เดบิวต์เป็นสมาชิกวง Siamese Kittenz ตอนนั้นเธออายุเพียง 14 ปีเท่านั้น ด้วยความที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ทำให้เธอรับมือทุกอย่างผิดพลาดไปหมด เพราะไม่รู้ว่าอะไรหลายๆ อย่างในตอนนั้นคือปัญหา แต่พอจะให้มาตั้งต้นใหม่ในตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว การเปิดรับสมัครในส่วน Former Idol จึงเกิดขึ้น
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-1.jpeg)
โดยในการออดิชันรอบออนไซต์ นอกจากตัวเฟทเอง ยังมีกรรมการออดิชันกิตติมศักดิ์อีก 2 ท่าน คือ ‘สุกิจ เจริญมุขยนันท์’ Co-founder จาก IdolMaster และ ‘มาร์ค คัตสึตะ’ อดีต Producer ของ BNK48 รุ่นที่ 1 ที่ปัจจุบันเป็น CEO ของ Goen Thailand ที่มาร่วมคัดเลือกสมาชิกด้วย
“ในการคัดเลือก เฟทมีธงในใจประมาณหนึ่งเหมือนกัน เพราะอยากได้ภาพเมมเบอร์ที่เหมือนมาจากคนละที่ แต่พอมาอยู่ด้วยกันแล้วรวมกันได้ ซึ่งเราอยากได้คนที่ไม่ตรงตามกรอบของสังคม ทั้งในเรื่องของการถูก Stereotype และ Gender” หญิงสาวเล่าถึงเกณฑ์ของสมาชิกไอดอลที่เธอตั้งไว้
หลังจากออดิชันและคัดเลือกกันอย่างเข้มข้น ในที่สุดก็ได้ออกมาเป็น 6 เมมเบอร์ที่เป็นความแตกต่างอย่างลงตัว ประกอบด้วย ‘กังหัน-ชนณฐ เรืองช่วย’ อดีตสมาชิกไอดอลวง Sora! Sora! รุ่นที่ 1 รุ่นน้องในคณะที่เฟทไว้ใจให้เป็นลีดเดอร์ด้วยชั่วโมงบินที่สูง ‘พลอย-ธนัญญา แพมณี’ น้องเล็กอายุ 18 ปีที่ศักยภาพไม่เล็กตามอายุ ‘แพร-แพรทอง ไทยเกษม’ เมนโวคอลตัวจี๊ดของวง ‘เดียร์-ณัฐภัทร ชูเมือง’ เซ็นเตอร์สาวผมหยักศก ‘เคิร์ก-อรวัตร เอี่ยมมงคล’ วิชวลของวงที่คาริสมาพุ่งเตะตาตั้งแต่รอบออดิชัน และสุดท้าย ‘ทิชา-กฤติยากร ลิ่วเฉลิมวงศ์’ พี่ใหญ่อายุ 29 ปี ที่ควบตำแหน่งที่พึ่งทางใจของเหล่าเมมเบอร์ในวง
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-2.jpeg)
ได้เวลามีซิงเกิลเป็นของตัวเอง
แม้ว่าตัวธีสิสจะมีแค่เพลงยินดีที่ได้… (Cherish) เพลงเดียวที่ถูกวางไว้เป็นเพลงเดบิวต์ในตอนแรก แต่เมื่อได้รับโอกาสให้ขึ้นแสดงในงาน ‘JAPAN EXPO THAILAND 2024’ เฟทก็ตัดสินใจแต่งเพลง ‘แอ๊บแบ๊วมั้ยคะ (Illegal Cutie)’ ขึ้นอีกเพลง
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-5.jpeg)
และเมื่อมีการพูดคุยกับ ‘เค kmb_boyz’ นักออกแบบท่าเต้นจาก PassionfruitDNA ที่อาสาเข้ามาช่วยคิด Choreography ให้กับวง ทำให้เฟทตัดสินใจเปลี่ยนเพลงเดบิวต์ใหม่เป็นเพลงแอ๊บแบ๊วมั้ยคะแทน ส่วนเพลงยินดีที่ได้… (Cherish) กลายเป็นเพลง Pre-release แทน
“เราคุยกันว่า เพลงที่สองดูมี Potential ที่จะ Viral คนน่าจะคาดไม่ถึงว่าเราจะทำเพลงแบบนี้ออกมา ทุกอย่างเลยเดือดมาก เพราะต้องทำทั้งสองเพลงพร้อมกันในเวลากระชั้น” เฟทเล่าถึงเหตุผลที่ FiNESSE ปล่อยออกมาทั้งหมดสองเพลง ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงธีสิสเธอใช้แค่เพลงเดียว
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-7.jpeg)
อดีตไอดอลยังบอกกับเราอีกว่า ความโชคดีในการทำธีสิสครั้งนี้คือ เธอได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้างเป็นอย่างดี เพราะนอกจากกรรมการทั้ง 2 ท่านในรอบออดิชัน และนักออกแบบท่าเต้นจาก KNIVERSE แล้ว วงของเธอยังได้ Gravity Motion มาช่วยทำเอ็มวี มีน้องนักเรียนที่ต้องการเก็บพอร์ตฯ ทักมาช่วยทำกราฟิก รวมไปถึงมีพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ในคณะซัพพอร์ตเป็นอย่างดี
ได้เวลาบอกลาตัวตนที่ไม่ใช่ และกล้าเป็นตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้น เฟทยังเลือกใช้เพลงยินดีที่ได้… (Cherish) เป็นธีสิสส่งครู เพราะแม้เพลงนี้จะมีทำนองที่สดใส แต่มันคือเพลงของการจากลา เป็นสัญญะของการเป็นไอดอลที่เธอต้องการสื่อ
![FiNESSE Project](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/FiNESSE_16-1024x683.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-3.jpeg)
“เพลงมันพูดจากมุมมองของคนที่เป็นไอดอล ที่แม้ช่วงเวลาที่เป็นไอดอลจะมีความสุข แต่บางครั้งเรากลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้ว่าที่แฟนคลับบอกว่าชอบเรา มันคือตัวเราจริงๆ ไหม จนสุดท้ายเลยตัดสินใจที่จะปล่อยมันไป เพราะว่าอยากเป็นตัวของตัวเอง”
และหากใครที่ได้มีโอกาสดูตัวเอ็มวี จะเห็นว่าตอนท้ายเอ็มวีเพลงยินดีที่ได้… (Cherish) จะเชื่อมไปยังเพลงเดบิวต์นั่นก็คือเพลงแอ๊บแบ๊วมั้ยคะ (Illegal Cutie) ที่พูดถึงการเป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องสนใจใคร
“เพลงแรกเฟทพยายามแต่งให้มีความ J-POP น้อยที่สุด ส่วนหนึ่งเพราะเฟทโดนอคติเรื่องลุคที่ดูญี่ปุ่น แต่พอมาเพลงสอง เราเลยทำแบบประชดไปเลย อยากให้มันออกมาญี่ปุ่นแบบตะโกน เนื้อเพลงออกมาในแนวประชดด้วย”
ส่วนที่มาของการเลือกใช้คีย์เวิร์ด ‘แอ๊บแบ๊ว’ ก็เพราะเธอมองว่าคนไทยติดภาพคำว่าแอ๊บแบ๊วเป็นคำด่า ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะเธอเองรู้สึกว่ามันน่ารัก และมองว่าคนที่สร้างคาแรกเตอร์แบ๊วๆ น่ารักๆ ขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างหลายคนคิด
![FiNESSE Project](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/FiNESSE_21-1024x683.jpg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-4.jpeg)
“การที่เราจะแอ๊บแบ๊วได้ มันต้องผ่านการคิดมาเยอะมากว่าต้องทำยังไง ต้องทำแค่ไหนถึงจะโอเค เพราะอย่างเพลงนี้ที่หลายคนอาจจะมองว่าง่าย แต่จริงๆ คือร้องและเต้นยากมาก เราเลยอยากให้คนเข้าใจว่าส่วนหนึ่งที่เราทำตัวน่ารักเพราะเราชอบ หรือกระทั่งเป็นตัวของตัวเองด้วยซ้ำ มันไม่ใช่เรื่องผิด
“อย่างเมื่อก่อนเฟทเองเป็นคนหนึ่งที่เคยเกลียดสีชมพูมากๆ เพราะสังคมไม่ชอบ แต่พอมาตอนนี้เฟทรู้สึกว่าการแสดงออกแบบ Feminine ก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะความอ่อนหวานไม่เคยเป็นความอ่อนแอ” หญิงสาวพูดถึงสิ่งที่อยากให้คนในสังคมเข้าใจ เพราะตัวเธอเองเคยผ่านจุดนั้นมาก่อน
ได้เวลายกระดับธีสิสเข้าสู่โลกธุรกิจ
![FiNESSE Project](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/FiNESSE_9-1024x683.jpg)
“ถ้าทำโปรเจกต์จบแล้ว จะทำยังไงกับเมมเบอร์ต่อ เราควรระวัง อย่าให้เขารู้สึกว่าเขามาเพื่อแค่ให้เราเรียนจบ” คือประโยคที่ครูพูดกับเฟทในระหว่างการทำธีสิส ที่กลายเป็นตัวจุดประกายให้เธอต่อยอด FiNESSE ต่อไปในอนาคต
“เฟทไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่ามาแค่ให้เฟทเรียนจบแล้วแยกย้าย เฟทอยากทำต่อ อยากผลักดันมันให้เป็นธุรกิจให้ได้มากที่สุด เพื่อที่อย่างน้อยถ้าทุกคนไม่อยากทำตรงนี้ต่อ ทุกคนจะได้ไปต่อทางอื่นได้” เจ้าของธีสิสบอกเล่าถึงความตั้งใจ
ขณะเดียวกัน เฟทยังบอกกับเราว่า ใน FiNESSE นอกจากเมมเบอร์จะได้ทำตามความฝันของตัวเองแล้ว ตัวเธอเองก็มีความฝันใหม่ขึ้นมาเหมือนกัน
“จริงๆ เฟทไม่อยากเป็นเบื้องหลังเลย เพราะกลัวตัวเองรับไม่ได้ที่จะต้องเห็นคนอื่นอยู่ในตำแหน่งที่เราควรจะได้อยู่ จนกระทั่งมาทำโปรเจกต์นี้ กลายเป็นว่าตำแหน่งโปรดิวเซอร์ทำให้เราได้ใช้ความสามารถเราสนับสนุนคนที่เขามีความฝัน เราเลยแฮปปี้กับการเป็นโปรดิวเซอร์ และยินดีที่สิ่งนี้เป็นความฝันใหม่ของเรา” เธอเล่าด้วยรอยยิ้ม
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-13.jpeg)
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-6.jpeg)
หลังจากจบโปรเจกต์ในวันที่ 31 พฤษภาคม เฟทเล่าว่าจะมีการนัดคุยกับเหล่าสมาชิกในวงอีกรอบว่าอยากทำวงนี้ต่อไหม เพราะหลังจากนี้จะมีการโอนวง FiNESSE เข้าสู่บริษัทในอุตสาหกรรมเพลงจริงๆ โดยมีเฟทดูแลเหมือนเดิม
“ถึงตอนนั้นค่อยมานั่งคุยกันว่าจะเอายังไง อยากทำต่อไหม ถ้าไม่อยากทำ มีความฝันใหม่เป็นอะไร เฟทก็จะหาทางให้เขาไปทำตรงนั้นให้ได้ แต่ถ้าอยากทำไอดอลต่อก็ยินดีมากๆ เพราะเฟทอยากทำต่อจริงๆ นะ” เธอกล่าว
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-14.jpeg)
ได้เวลายอมรับความแตกต่าง เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม
ก่อนจากกัน เราได้ถามถึงภาพจำของวงไอดอลที่เฟทปลุกปั้นมาหลายเดือนว่า อยากให้คนจดจำในรูปแบบไหน
‘ทักษะ’ คือคำนิยามที่เฟทใช้ครอบความเป็น FiNESSE
“ส่วนหนึ่งเพราะคำว่า Finesse แปลว่า ทักษะ แต่สำหรับ FiNESSE ทักษะที่ว่าคือทักษะการเป็น ‘ตัวของตัวเอง’ ของ ‘ไอดอล’ ทักษะนี้สำคัญมากในการทำให้พวกเขาเป็นที่ชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นจริงๆ”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-10.jpeg)
จากจุดที่เธอเล่านี้เอง ทำให้ถ้าสังเกตสมาชิกทั้ง 6 คนของ FiNESSE จะพบว่าทุกคนต่างมี Personality หรือคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันมาก และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งเฟทมองว่าสิ่งนี้แหละที่จะส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครสักคน และทำให้พวกเขาเหล่านั้นรับรู้ถึงความต่างในสังคม
เฟทเล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงแห่งความคับแค้นใจว่า หลายครั้งที่พวกเขาเหล่านี้โดนปฏิเสธ มันไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เก่ง แต่เป็นเพียงเพราะเขาไม่ตรงมาตรฐานที่สังคมต้องการ
“มันไม่เห็นจำเป็นเลยว่าเกิร์ลกรุ๊ปต้องเป็นเพศหญิงโดยกำเนิด บอยแบนด์ต้องแสดงออกแบบ Masculine มันมีเหตุผลอะไรนอกจากการที่คุณเป็น Transphobia ไม่ชอบคนที่เป็น Trans”
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-9.jpeg)
เพราะต่อให้มีข้อแย้งกลับมาว่า แต่ในปัจจุบันเราเห็นคนในวงการที่ไม่ใช่ Cishet ตั้งเยอะแล้ว เฟทก็ยังมองว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นตัวเองหรือ Come out ได้อย่างเต็มที่ หรือต่อให้ Come out ได้ ก็ต้องเป็นคนที่ได้รับความรักจากแฟนคลับมาประมาณหนึ่งก่อนอยู่ดี
“เฟทอยากให้สังคมยอมรับเขาโดยที่เขาเป็นเขามาตั้งแต่ต้นมากกว่า ระยะเวลาของ FiNESSE ห้าเดือนนี้มันอาจทำอะไรไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยเฟทก็อยากให้สังคมเห็นความแตกต่าง เห็นว่าอะไรคือปัญหา และแน่นอนว่าคนที่พูดมันควรเป็นไอดอลที่ออกมาพูด Represent ตัวเขาเอง ถึงจะมีน้ำหนักมากกว่า” เธอกล่าวทิ้งท้าย
![](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2024/05/image-8.jpeg)