ปัญหาไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำและการกีดขวางทางเดินของร้านรถเข็นสตรีทฟู้ด คือสองปัญหาเรื้อรังของกรุงเทพมหานครที่ไม่ว่าจะจัดการเท่าไหร่ก็ไม่หมดไปสักที
จะเป็นยังไงถ้าสองปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียว ที่เป็นได้ทั้งถังดักไขมันและอุปกรณ์สำหรับเทินล้อร้านรถเข็นให้สามารถจอดคร่อมระหว่างทางต่างระดับ
คอลัมน์ Debut ขอดึงตัว ‘ชัช-ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์’ สถาปนิกแห่ง Everyday Architect Design Studio เจ้าของโปรเจกต์ที่หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากอีเวนต์ Bangkok Design Week 2025 ที่เพิ่งจบไป มาพูดคุยเจาะลึกถึง ‘ตัวโดนเท’ โปรเจกต์ออกแบบนวัตกรรมถังดักไขมันแบบพกพา ที่โดนเทน้ำมันใส่ยังไงก็ไม่เล็ดลอดลงสู่ท่อระบายน้ำ แถมยังได้พื้นที่ทางเดินคืนมาให้คนเดินเท้าด้วย

จากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในเมือง สู่การออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาจริง
ถ้าพูดถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ คงต้องย้อนไปถึงหนังสือ ‘สถาปัตยกรรมคณะเรี่ยราด’ ที่ชัชวาลเขียนขึ้น โดยมีแกนหลักคือการบันทึกภาพสเก็ตช์และเรื่องราวสั้นๆ ของข้าวของรอบตัวที่เกิดขึ้นเรี่ยราดตามรายทางจากฝีมือผู้คนตัวเล็กๆ ในเมือง ซึ่งเรียกโดยรวมว่า ‘สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในเมือง’
“เราได้แรงบันดาลใจมาจากการเห็นร้านรถเข็นมีปัญหาเรื่องฟุตพาททางเท้า เขาเลยมักจะเอาอิฐมวลเบาแถวนั้นมาเทินล้อ เป็นการแก้ปัญหาแบบเมืองๆ” เจ้าของโปรเจกต์เล่าถึงไอเดียตั้งต้น ก่อนจะนำมารวมกับปัญหาที่พ่อค้าแม่ขายมักเทน้ำเสียจากการประกอบอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันลงท่อระบายน้ำของเมืองโดยตรง

‘ตัวโดนเท’ ถือเป็นโปรเจกต์ในลักษณะ Product Design ตัวแรกของทาง Everyday Architect Design Studio ที่ชัชวาลออกแบบร่วมกับ ‘รมย์รวินท์ พิพัฒน์นัดดา’ และนักศึกษาฝึกงาน ‘มยุรฉัตร สิงห์ฉลาด’ โดยมี ‘รศ. ดร.จีมา ศรลัมพ์’ ที่ปรึกษาออกแบบวิศวกรรมให้คำปรึกษา หลังจากที่เขาได้มีโอกาสไปบรรยายที่สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และพูดคุยกับอาจารย์ในวันนั้น
“อาจารย์แนะนำว่าเราน่าจะลองฝึกทำ Product Design ทำให้ตอนที่ Bangkok Design Week ครั้งล่าสุดเปิด Open Call ให้ส่งโปรเจกต์เข้าไป เราเลยคิดว่า งั้นลองทำโปรดักต์สนุกๆ จากองค์ความรู้ของหนังสือที่เราเขียนสักอันไหม ก็ออกมาเป็นตัวนี้” ชัชวาลกล่าว
ดักไขมันแบบ DIY ด้วยวัสดุใกล้ตัว
“มีช่วงหนึ่งที่เราพูดกับหลายคนว่า เราเห็นร้านรถเข็นขนาดเล็กชอบเทน้ำลงท่อโดยตรง รวมถึงเขาจะชอบพกอิฐมวลเบามาใช้หนุนล้อรถเข็นเวลาเจอทางต่างระดับ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมไม่เอามารวมร่างจัดการไขมันและหลบทางเดินเท้าไปพร้อมๆ กันเลย มันน่าจะเป็นโซลูชันแก้ปัญหาเรื่องเมืองที่น่าสนใจดี”

ด้วยเหตุนี้ โปรเจกต์ตัวโดนเทที่เปิดตัวครั้งแรกในงาน Bangkok Design Week 2025 จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของร้านรถเข็นขนาดเล็กแบบ 2 in 1 ผ่านการนำเสนอโปรดักต์สนุกๆ ด้วยการที่ชัชวาลสวมบทเป็นพ่อค้ารถเข็นขายอาหาร และสาธิตวิธีใช้งานตัวโดนเทให้เห็นกันแบบสดๆ ที่ซอยเจริญกรุง 32 ข้างไปรษณีย์กลาง บางรัก ซึ่งรายล้อมไปด้วยร้านค้าขายอาหาร
ชัชวาลเล่าว่า จริงๆ แล้วหลักการทำงานของตัวโดนเทไม่ได้ต่างจากถังดักน้ำมันใต้ซิงก์น้ำทั่วไป และก็ไม่ได้ต่างจากถังดักไขมัน DIY ที่มีการสอนในอินเทอร์เน็ต ยิ่งถ้าไปต่างจังหวัดเราจะพบว่าหลายๆ ที่มีการเผยแพร่ความรู้ การสอนทำถังดักไขมันจากถังน้ำ ถังสี หรือถังขยะ ซึ่งเป็น KPI จากทางกระทรวงสาธารณสุขกันอยู่แล้ว เพียงแต่มีบริบทที่แตกต่างจากในกรุงเทพฯ
“เวลาคนเมืองมองถังดักไขมัน เขามักมองว่าต้องเป็นระบบปิดติดใต้ซิงก์ล้างจานเท่านั้น ตัวโดนเทของเราเลยเป็นเหมือนการเอาระบบปิดที่เขาสอนกันอยู่แล้วมาทำเป็นระบบเปิดที่สามารถพกพาได้ เหมาะสำหรับร้านรถเข็นในเมือง” ชัชวาลเล่าถึงการออกแบบถังดักไขมันพกพาที่ป็อปขึ้นโดยเจาะไปที่กลุ่มร้านรถเข็นขนาดเล็ก

เหตุผลที่ร้านรถเข็นรายย่อยไม่สามารถมีถังดักไขมันขนาดมาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ใต้ซิงก์ล้างจานได้ มาจากสาเหตุหลักๆ คือ ร้านประเภทนี้มีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ทำให้มีที่ทางประจำการไม่ชัดเจน อีกทั้งถังดักไขมันทั่วไปมีราคาค่อนข้างแพง ตัวโดนเทที่เป็นงาน DIY ราคาถูกแบบนี้จึงน่าจะเข้ามาช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ร้านรถเข็นได้
ส่วนไอเดียการออกแบบนั้นเริ่มจากการที่ชัชวาลหยิบเอาวัสดุใกล้ตัวมาใช้ทำถังดักไขมันแบบสองบ่อ มีกรวยพลาสติกและตะกร้าขนมจีนมาเป็นส่วนหัวเป็นจุดเทน้ำเข้า เมื่อเทน้ำที่ปนเปื้อนไขมันและเศษอาหารลงไป เศษอาหารจะถูกกรองก่อนหนึ่งชั้นด้วยตะกร้าขนมจีน จากนั้นน้ำที่ผสมกับน้ำมันจะถูกส่งต่อไปยังส่วนตัวถังที่ทำจากลังพลาสติก โดยมีแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด (PP Board) ที่ถูกเจาะรู้ด้านล่างเป็นตัวแบ่งบ่อพักน้ำมัน และท่อ PVC ขนาด 6 นิ้วที่ถูกใช้เป็นฝาปิด ก่อนที่น้ำที่ไม่ผสมไขมันจะถูกส่งออกมาทางวาล์วน้ำสุดท้ายด้วยหลักการกาลักน้ำนั่นเอง


ที่ออกแบบเช่นนี้เพราะหลักการทำงานของถังดักไขมันคือ เมื่อน้ำผสมไขมันเข้าสู่ตัวถัง น้ำมันจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำเนื่องจากมีมวลที่เบากว่า ในขณะที่น้ำที่เหลือจะไหลผ่านช่องฟิวเจอร์บอร์ดจากบ่อแรกเข้าสู่บ่อที่สอง จากนั้นไขมันที่อาจเล็ดลอดเข้าสู่บ่อสองจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้ง เป็นการกรองไขมัน 2 ชั้นเพื่อให้มั่นใจได้ว่า น้ำที่จะปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำปนเปื้อนไขมันน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย
แก้ปัญหาภาพเล็ก สร้าง Awareness ภาพใหญ่
แม้องค์ความรู้ของ ‘ถังดักไขมัน’ จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากที่ชัชวาลนำผลงานไปจัดแสดงใน Bangkok Design Week 2025 เขาก็พบว่ามีหลายคนที่ไม่ทราบว่าถังดักไขมันคืออะไร หรือแม้กระทั่งไม่ทราบว่าการเทน้ำที่มีไขมันโดยตรงลงท่อระบายน้ำคือหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้ท่อระบายน้ำอุดตัน



“เราแบ่งคนที่มาดูงานของเราได้เป็นสองประเภท ประเภทแรกคือ คนที่รู้กลไกดักไขมันอยู่แล้ว เขาจะตื่นเต้นว่ามันสามารถทำเองเป็นตัวเล็กๆ ราคาถูกได้ แต่ก็จะยังมีคำถามว่า แล้วถ้าเอาไปใช้จริงจะใช้พอไหม กับแบบที่สองคือ คนที่ไม่รู้ว่าถังดักไขมันคืออะไร คนกลุ่มนี้เขาจะตื่นเต้นมาก มันทำให้เรารู้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ ทั้งที่ตามกฎหมายทุกบ้านต้องมีถังดักไขมัน” ชัชวาลเล่าด้วยความแปลกใจเมื่อนึกย้อนกลับไปในวันงาน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผลตอบรับหน้างานจะดี แต่ด้วยความที่ประเด็นเรื่องร้านรถเข็นที่ขายของบนทางเท้ายังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ จึงมีหลายคนบนโลกออนไลน์ที่มองว่าการออกแบบตัวโดนเทคือการสนับสนุนบุคคลเหล่านั้นให้ทำผิดกฎหมายหรือไม่ บ้างก็ว่าเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจแต่เชื่อว่าคงไม่มีคนนำไปใช้จริง
“เราเข้าใจเขานะ เพราะงานออกแบบตัวนี้ไม่ได้แก้ปัญหาภาพใหญ่ เพราะว่าการจัดการขยะต้องทำทั้งระบบ แก้ทั้งลูป แต่ตัวโดนเทเป็นไอเดียหนึ่งที่เราพยายามจัดการสโคปเล็กมากกว่า ถ้ามองภาพใหญ่ ตัวนี้ไม่ได้แก้ปัญหาที่คุณต้องการหรอก”

นอกจากนี้ สถาปนิกหนุ่มยังมองว่าตัวไอเดียตั้งต้นอาจจะดี แต่ถ้าจะนำตัวโดนเทไปใช้งานจริงจำเป็นต้องมีการพัฒนาและวางแผนการบังคับใช้อีกเยอะ ว่าควรจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการร้านรถเข็นรู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่การไปแปะป้ายว่าพวกเขาเป็นผู้ร้าย ซึ่งล่าสุดชัชวาลได้พูดคุยกับ ‘ศานนท์ หวังสร้างบุญ’ รองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อนำไอเดียของตัวโดนเทไปพัฒนาต่อยอดร่วมกับโรงเรียนฝึกอาชีพ และทดลองกับร้านค้าแผงลอยพื้นที่ต่อไป
“เราต้องพยายามเข้าใจและไม่โจมตีกัน ถามว่าการที่เขาไม่ได้ดักไขมันหรือจอดขวางบริเวณทางเท้าเขาทำถูกไหม ก็ไม่ถูกแหละ แต่ถ้ามองลึกลงไป มันมีปัจจัยที่ทำให้เขาเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหลายๆ เรื่องด้วยเหมือนกัน” ชัชวาลทิ้งท้าย
