ยุคนี้ใครๆ ก็หันมาใส่ใจสุขภาพและใช้ชีวิตอย่างสมดุลมากขึ้น เพราะทนไม่ไหวกับสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จากการทำงานหนัก การผจญรถติดวันละหลายชั่วโมง รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนและมลพิษรอบตัว
แม้จะมีหลายวิธีที่คนเมืองอย่างเราๆ สามารถเปลี่ยนสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงขึ้นได้ แต่หนึ่งในแนวทางที่ง่ายที่สุดคือการปรับพฤติกรรมการกินของตัวเอง ซึ่ง Urban Creature มีทริกแนะนำที่ทำได้ง่ายๆ เพียงเลือกกินเนื้อหมูมีโอเมก้า 3 ที่เต็มไปด้วยประโยชน์ในมื้ออาหารของเราทุกวัน ก็สามารถบำรุงร่างกายของเราให้เฮลตี้
เพราะในปัจจุบันสังคมไทยมีอัตราการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นในคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะสัดส่วนผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Diseases : NCDs) เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคเหล่านี้คือ พฤติกรรมการกินของเรานั่นเอง
เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนทั่วโลก คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคีเครือข่ายทั้งภาคการศึกษาและเอกชน จึงร่วมกันจัด การประชุมวิชาการนานาชาติด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และการศึกษา เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 28 – 29 กันยายน 2566 โดยภายในงานมีผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม
Urban Creature ได้สรุปความรู้น่าสนใจจากสัมมนาที่เหมาะกับคนเมืองยุคใหม่ภายใต้หัวข้อ ‘การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี’ (Health Promotion and Well-being) และ ‘โภชนาการและวิทยาศาสตร์การอาหาร’ (Nutrition and Food Science) ที่ตอกย้ำความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนที่เริ่มต้นง่ายๆ จากการกินมาให้ทุกคนในบทความนี้แล้ว
การดูแลสุขภาพเชิงรุกด้วยอาหารในชีวิตประจำวัน
เทรนด์การดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรงในยุคนี้คือ ‘Preventive Medicine’ หมายถึงการป้องกันก่อนจะป่วย ที่ผู้คนสามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่านการจัดการสุขภาพตนเองตามแนวทาง ‘เวชศาสตร์วิถีชีวิต’ ภายใต้ 6 องค์ประกอบ ได้แก่ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การทำกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม การนอนหลับให้เพียงพอ การควบคุมความเครียด การเลี่ยงสารหรือวัตถุที่เป็นอันตราย และการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ดี
งานสัมมนาครั้งนี้ได้เน้นเรื่องการกินอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ หรือ ‘Preventive Care Food’ โดยเฉพาะการเลือกกิน ‘ไขมัน’ ที่มีทั้งประโยชน์และโทษต่อร่างกาย เพราะไขมันไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายเสมอไป ยังมีไขมันที่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าเป็นประโยชน์และดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคอยู่
โอเมก้า 3 มีประโยชน์กว่าที่คิด
เพราะการเลือกกินไขมันที่ดีในปริมาณเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีได้ ‘รองศาสตราจารย์ ดร.พัชราณี ภวัตกุล’ หัวหน้าภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มาร่วมแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับสารอาหารสำคัญอย่าง ‘โอเมก้า 3’
ดร.พัชราณี อธิบายว่า โอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างไขมันดีที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะช่วยป้องกันการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดการอักเสบต่างๆ ได้ มากไปกว่านั้นยังช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดบนผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดไม่อุดตันและช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ผลที่ตามมาก็คือระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น และลดจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ ทำให้สุขภาพดีขึ้นไปอีกขั้น โอเมก้า 3 ยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ด้วย ทั้งนี้ ประโยชน์ด้านสมองยังต้องอาศัยงานวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
อีกหนึ่งผู้บรรยายอย่าง ‘ดร.อนันตวัฒน์ กุลธนเตชานนท์’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักวิชาการอาหารสัตว์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ยังเล่าว่า ผู้ค้นพบประโยชน์ของโอเมก้า 3 คือศาสตราจารย์ ‘Jørn Dyerberg’ จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน
ในช่วงปี 1960 – 1970 ศาสตราจารย์ Jørn Dyerberg และกลุ่มนักวิจัยเดินทางไปยังกรีนแลนด์ และพบว่าอาหารที่คนพื้นเมือง ‘ชาวเอสกิโม’ กินในชีวิตประจำวันมีส่วนประกอบของไขมันมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอาหารฝั่งตะวันตก เช่น ฟาสต์ฟู้ดที่มีไขมันราว 35 – 40 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้อ
แม้จะบริโภคไขมันในปริมาณที่สูง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือ หลังจากตรวจสอบประวัติการเกิดและเสียชีวิตของชนพื้นเมืองกลับพบว่า ชาวเอสกิโมมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดต่ำมาก เหล่านักวิทยาศาสตร์จึงเก็บตัวอย่างเลือดของชาวพื้นเมือง 130 ตัวอย่างเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อ ก่อนพบว่าชาวเอสกิโมมีสัดส่วนโอเมก้า 3 ในเลือดสูงมาก ขณะเดียวกัน สัดส่วนคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์กลับค่อนข้างต่ำ
นวัตกรรมเนื้อหมูมีโอเมก้า 3
เมื่อพูดถึงแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาแม็กเคอเรล ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ฯลฯ และพืชตระกูลถั่ว เช่น เมล็ดแฟลกซ์ ถั่วพีแคน และถั่ววอลนัต เป็นต้น แต่ความจริงแล้วโอเมก้า 3 สามารถพบได้ในเนื้อหมูแล้วเช่นกัน
‘หมูชีวามีโอเมก้า 3’ (Cheeva Pork) คือผลิตภัณฑ์เนื้อหมูที่เกิดจากการใช้นวัตกรรมวิทยาศาสตร์เชิงบูรณาการ (Integrated Sciences) คัดเลือกแม่พันธุ์ที่สามารถสะสมโอเมก้า 3 และเพาะเลี้ยงด้วยอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นแหล่งของโอเมก้า 3 เช่น สาหร่ายทะเล น้ำมันปลา และเมล็ดแฟลกซ์ ทำให้หมูชีวาเป็นเนื้อหมูที่มีไขมันดีและมีโอเมก้า 3
นอกจากจะมีโอเมก้า 3 แล้ว หมูชีวายังผ่านการเลี้ยงในคลีนฟาร์มที่สะอาด ปลอดภัย และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน NSF
ซึ่งเป็นองค์กรจากประเทศสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้นำในระดับนานาชาติด้านการรับรองผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในอาหารอีกด้วย
หมูชีวามีโอเมก้า 3 ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ของการผลิตอาหารไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างอาหารที่ผู้คนทานได้ทุกวัน ทั้งยังเพิ่มโอเมก้า 3 ในเมนูทั่วไปที่เราทานกันทุกวันเพื่อส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพเชิงรุกอย่างยั่งยืนได้อีกด้วย
Sources :
Everyday Marketing | bit.ly/3RJYHXm
Ministry of Public Health | bit.ly/3F2bzRb
United Nations Thailand | bit.ly/48y1p8B
Writer
Graphic Designer
