URBAN VISION X SHMA SOEN

URBAN VISION : “คุณภาพชีวิตคนเมืองในอนาคต คุยกับ Shma SoEn กลุ่มนักออกแบบเพื่อส่วนรวมที่เชื่อว่าเมืองและที่อยู่อาศัยที่ดีต้องไม่ดีด้านเดียว”

Active River Station : จูงมือลงเรือลำเดียวกัน ร่วมคิด ร่วมสร้าง “สถานีเรือเพื่อทุกคน”

“ท่าเรือ” ที่เราใช้ทุกวันนี้เป็นอย่างไร? เท่าที่เห็นกัน คงมีชำรุดหรือบางที่ก็ดีไซน์มาไม่ตอบโจทย์สำหรับคนทุกกลุ่ม เราจึงมีแนวคิดดีๆ จากเหล่า “คนเข้าท่า” มานำเสนอ กับโครงการ “Active River Station – สถานีเรือเพื่อทุกคน” ที่ต้องการสร้างสถานีเรือรูปแบบใหม่ให้คนเมืองได้ใช้

“อุ๋ย นนทรีย์” ผู้กำกับ | จักรยาน | เมือง | ท้องถนน | และโอเค เบตง

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงอยู่ไม่น้อย ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่าน ‘ทิดธรรม’ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างชาวไทยพุทธและชาวมุสลิมในชายแดนใต้ของไทย ซึ่งแวดล้อมไปด้วยวัฒนธรรม วิถีคนท้องถิ่น ความรุนแรง และความไม่สงบในอำเภอเบตง, ยะลา

CHART SUCHART ‘ชาติ สุชาติ’

URBAN PEOPLE : ชวนขึ้น ‘บันไดเลื่อน’ ไปคุยกับ ‘ชาติ สุชาติ’ เปิดกระเป๋าใบเท่ ที่ไม่มี ‘มือถือ’ อยู่ในนั้น.ในวันที่มือถือเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของมนุษย์ แต่พี่ชาติกลับไม่พกติดตัวเหมือนใครเขา ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า “มันโล่งดี ไม่ต้องกังวล”.อะไรที่พี่ชาติพกใส่กระเป๋าเข้ากรุงครั้งแรกกันบ้าง? ทุกวันนี้ยังพกอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า? มากดเปิดวิดีโอ พร้อมเปิดกระเป๋าพี่ชาติ คลอไปกับเพลง ‘บันไดเลื่อน’ แบบสดๆ กันเลย

โสเภณี (ถ้า) อาชีพนี้ถูกกฎหมาย

เจาะลึกเรื่องราวของ “หญิงขายบริการ” ที่มีประเด็นถกกันอย่างเข้มข้นระหว่างนักอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับขนบธรรมเนียม และนักวิชาการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเพื่อให้โสเภณีในประเทศไทยถูกกฎหมาย ถึงทิศทางความเป็นไปของ “โสเภณี” ว่า อาชีพนี้ ควรถูกกฎหมายหรือไม่?

Six Degrees of Separation : โลกของฉันและเธอ พบเจอกันผ่านคน 6 คน

‘สวัสดีครับ เราเคยรู้จักกันหรือเปล่า ท่าทางคุ้นๆ แค่ผมมองคุณยังไม่ค่อยชัด’ ใครเคยเกิดอาการเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ หรือเดินไปไหนมาไหนแล้วเจอหน้าใครคนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า ‘คนนี้หน้าคุ้นๆ’ จนอยากจะเดินไปร้องเพลงพี่แสตมป์ใส่ให้ทำหน้างงกันไปข้าง มากไปกว่านั้น ยังมีอาการชวนประหลาดใจที่หากเรารู้จักใครสักคนแล้ว มันจะมีบางสิ่งบางอย่าง (ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เรื่องมิติลี้ลับแต่อย่างใด) เชื่อมโยงเรา เขา และผู้คนรอบข้างของกันและกัน จนกลายเป็นว่ารู้จักมักจี่กันไปเสียหมด ดูเป็นเรื่องแปลกแต่มันก็เกิดขึ้นจริง และเมื่อประมาณ 89 ปีที่แล้ว มีนักเขียนชาวฮังการีตั้งชื่อให้เรื่องราวน่างงงวยหัวใจแต่ก็แอบโรแมนติกอยู่หน่อยๆ นี้ว่า ‘ทฤษฎีโลกใบเล็ก’ (Six Degrees of Separation) จากความคิดของนักเขียน | สู่การทดลองของนักจิตวิทยา ‘Frigyes Karinthy’ นักเขียนชาวฮังการี คือจุดเริ่มต้นของทฤษฎีโลกใบเล็กเมื่อ ค.ศ. 1929 โดยตอนแรกเป็นเพียงจินตนาการแบบล้ำๆ อย่างไม่มีชื่อเรียกในเรื่องสั้นชิ้นหนึ่ง ซึ่งเขาคิดไว้ว่า ถ้าลองสุ่มคนบนโลกใบนี้แบบมั่วนิ่มขึ้นมาสัก 2 คน จะพบว่าคนทั้งสองสามารถรู้จักกันได้ผ่านการเช็กแฮนด์ไม่เกิน 5 คน โดยเชื่อกันว่าระหว่างตัวเราและใครสักคนบนโลกใบนี้ ถูกคั่นไปด้วยจำนวนคนเพียง 6 คนเท่านั้น 38 ปีต่อมา จินตนาการล้ำลึกของ Karinthy ถูกนำมาสานต่อด้วยฝีมือและมันสมองของ […]

Sex Worker: เมื่อร่างกายฉันไปหนักหัวคนอื่น

“ประเทศเราไม่ใช่จุดหมายปลายทางด้านเซ็กซ์ หากคุณต้องการเซ็กซ์ ให้ไปประเทศไทย” ประโยคจู่โจมบ้านเราจากนายฮามัต บาห์ รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวแกมเบีย ออกมาประกาศผ่านสื่อเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาเที่ยวแกมเบียเพื่อเสพสุขทางเพศว่า ‘ไม่ต้องมาที่บ้านเขาหรอก โกทูไทยแลนด์ไปเลยดีกว่า’ ทำเอาชาวไทยออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างเข้มข้น ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ค่อนข้างไม่พออกพอใจ ถึงขั้นที่รัฐมนตรีวัฒนธรรมออกมาพูดว่า ถึงในอดีตบ้านเราจะ “เคยจัด SEX Tour” จริง แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้วนะ! แต่ยังมีเสียงอีกส่วนที่มองมุมกลับและลองคิดถึงสาเหตุที่นายบาห์พูดแบบนั้น เพราะว่ากันตามจริง พี่ไทยเราก็ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีการค้าบริการทางเพศรายใหญ่แห่งหนึ่งของเอเชีย (เป็นน้องรองจากแดนอาทิตย์อุทัย และเมืองโสมกิมจิ) และมีสถิติผู้ขายบริการทางเพศมากถึง 2 ล้านคน เราเลยชวนมาล้วงลับเบื้องลึกเบื้องหลังของ “การขายบริการทางเพศ” ให้ลองขบคิดกัน ร่างกายเป็นต้นทุน Michel Foucault นักทฤษฎีสังคมชาวฝรั่งเศสที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เรื่องอำนาจกับบริบทรอบข้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจกับร่างกายในเรื่อง “Discipline and Punishment” – ร่างกายที่ว่านอนสอนง่าย (Docile Body) มองว่าร่างกายคนเราอาจถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัวภายใต้การครอบงำด้วยความรู้ และชุดวาทกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากอำนาจ ดั่งเช่น วาทกรรมว่าด้วย ร่างกายเป็นสินค้าในระบบทุนนิยม “อำนาจปฏิบัติการอยู่ทุกที่ในสังคม รวมถึง ‘ร่างกายมนุษย์’ ด้วย” จากวาทกรรมร่างกายมนุษย์เป็นสินค้าในระบบเศรษฐกิจที่ครองโลกอย่างทุนนิยม จึงเกิดความเชื่อที่ว่า ร่างกายของตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนหรือระบบเศรษฐกิจที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ในตลาด ดังนั้น […]

เรื่องเล่ารายวิน 13 “รูดม่าน”

ผมจำวันแรกในชุดเสื้อกั๊กสีส้มเบอร์60ได้ดี มันเป็นความรู้สึกประหม่าในทุกๆเรื่องจริงๆ ทั้งกลัวว่าจะขี่พาผู้โดยสารไปเกิดอุบัติเหตุ ทั้งเกรงว่าจะถูกหาเรื่องจากพวกนักเลงในวินฯ หรืออาจจะเผลอไปทำให้ใครไม่พอใจ เพราะด้วยความที่เราหน้าใหม่ หลายคนจึงคอยจับจ้องเสมือนคนแปลกหน้าเป็นธรรมดา แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก เริ่มจับจุดได้ เริ่มที่จะเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องวางตัวยังไง หรือใครเบอร์เท่าไหร่เป็นคนแบบไหน ผมเก็บข้อมูลรายละเอียดพวกนี้ไว้หมด และเลือกที่จะวางตัวกลางๆไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับใครเท่าใดนัก แต่ก็พอจะมีเพื่อนที่พอจะพูดคุยกันได้บ้างน่ะนะ สิ่งเดียวที่ผมคิดถึงในช่วงแรกที่ขับวินนั้นก็คือเงิน! เงินอย่างเดียวเท่านั้นเพราะตอนนั้นหนี้สินเยอะเหลือเกิน เรียกได้ว่าเป็นบุคคลล้มละลายเลยก็ว่าได้…. เรื่องราวต่างๆมากมายที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันที่ผมประสบในช่วงที่ขี่วินฯนั้น มันสอนผมได้ดีเลยทีเดียว การได้คลุกคลีอยู่กับคนหาเช้ากินค่ำจริงๆทำให้ผมรับรู้และเข้าใจถึงปัญหาของชาวรากหญ้าแท้ๆว่า “เงินมันสำคัญเพียงใด” ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ไม่ได้อู้ฟู่หรูหรา หรือแม้กระทั่งกระบวนการทางความคิดที่บางครั้งผมก็คิดไม่ถึงว่าพวกเค้าจะคิดแบบนั้นแบบนี้ เรื่องเล่าต่างๆจากปากของเพื่อนวินฯกันเองหรือตัวผู้โดยสารที่เราสนิทคุ้นเคยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำให้การมองโลกของผมมันเปลี่ยนไปจริงๆ ก่อนที่จะไปขี่วินฯ ผมเป็นพ่อค้าตลาดนัดอยู่2ปี ตอนนั้นผมคิดนะ ว่าทำไมเงินแค่ร้อยสองร้อยพวกคนทำงานพวกนี้ถึงควักยากควักเย็นกันจังวะ? กว่าจะซื้อแต่ละที ต่อแล้วต่ออีกจะต่ออะไรกันนักหนา คือผมไม่เข้าใจไงว่าเงินหนึ่งหรือสองร้อยบาทเนี่ยมันสำคัญสำหรับบางคนขนาดไหน ถ้าไม่ได้มาอยู่ที่วินฯก็คงไม่รู้จริงๆ แต่เมื่อชีวิตผมเดินทางมาถึงจุดนี้ จุดที่สัมผัสกับสังคมต่างๆมาแล้วหลายรูปแบบ ทัศนคติที่มองโลกของผมจึงเปลี่ยนไป ผมไม่สามารถอธิบายเป็นตัวอักษรได้หรอกนะว่ามันเป็นยังไง เพียงแต่ผมสามารถประมวลสิ่งต่างๆในแต่ละเหตุการณ์ของชีวิตได้ดีขึ้น เข้าใจชีวิตมากขึ้น ใจเย็นขึ้น และที่สำคัญคือผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น…. เข้าใจว่าภาพลักษณ์ของความเป็นวินมอไซค์นั้นมันไม่ค่อยดีนัก ซึ่งมันก็จริงนั่นแหละ แต่เราต้องยอมรับว่าในทุกๆองค์กรและสังคมนั้นมันมีคนไม่ดีแฝงตัวอยู่ไปหมดนั่นแหละไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามที ที่วินฯผมก็มีตั้งแต่อันธพาลเก็บเงินกู้ พวกชอบเอารัดเอาเปรียบ พวกชอบเก็บเงินเกินราคา พวกขี้โม้โอ้อวดไปวันๆ หรือแม้กระทั่งพ่อค้ายาเสพติดที่ถูกตำรวจจับไป แต่นั่นก็ยังเป็นส่วนน้อยหากเทียบกับประชากรในวินฯที่เค้ามาทำเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวจริงๆ คนที่สุจริตในอาชีพไม่คิดเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ผมขอสดุดีคนพวกนี้ที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะ แต่ก็ต้องบอกว่าน่าเสียดายจริงๆที่สัจธรรมของทุกสังคมนั้นจะต้องมีคนเลวปะปนอยู่ […]

Hello Strangers : กาลครั้งหนึ่ง…เมื่อต้องคุยกับคนแปลกหน้า

“ห้ามคุยกับคนแปลกหน้า” “คนแปลกหน้าอันตราย” “อย่ารับของจากคนที่ไม่รู้จัก”   ประโยคเชิงลบถึงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม แต่ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนก็ขยันเพิ่มลงซีรีบรัมตั้งแต่เด็ก พร้อมย้ำซ้ำๆ ให้จำกันขึ้นใจอีกว่า ‘คนแปลกหน้า = อันตราย’ เราและหลายคนจึงถูกกระบวนการทางสังคมหล่อหลอม (socialization) ให้เติบโตและใช้ชีวิตกับกรอบความเชื่อแบบนั้นโดยอัตโนมัติ เรากังวลเวลาอยู่ใกล้พวกเขา เพราะเราไม่มีข้อมูล เราไม่รู้ว่าเจตนาของพวกเขาคืออะไร เราจึงจัดพวกเขาไว้ในกล่องของ “คนแปลกหน้า” จนถึงยุคที่สังคมโลกถูกแทรกแซงด้วยคำว่า ‘สังคมไซเบอร์’ เกิดแพลทฟอร์มต่างๆ ที่ทำให้เราได้ทักทายกับคนแปลกหน้าผ่านตัวอักษร หรือแม้กระทั่งการตั้ง status บอกใครสักคนบนโลกให้ผ่านมาเห็น โดยอาจลืมคิดไปว่า สิ่งนั้นคือจุดเริ่มต้นของการพูดคุยกับคนแปลกหน้า เราจึงขอชวนทุกคนมาเปิดโลกอีกมุมในการมองคนแปลกหน้า ที่กลายเป็นความสบายใจภายใต้การไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ Hello Strangers “When you talk to strangers, you’re making beautiful interruptions into the expected narrative of your daily life — and theirs,” ประโยคชวนคิดจาก ‘ไคโอ สตาร์ค […]

เรื่องเล่ารายวิน 12 “ตีห้าครึ่งถึงสามทุ่ม”

“เช้าตื่นก็ต้องรีบไปปากซอย ต้องคอยว่าใครจะมาเรียกใช้ ถึงสายก็คงต้องคอยต่อไป เมื่อไรจะรวยกับเขาสักทีหนอ….!” เพลงนี้ที่คุณเสกร้องไว้มันช่างตรงกับชีวิตวินมอไซค์เสียจริงเชียวที่ต้องตื่นแต่เช้ามานั่งคอยคนเรียก มองคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วหวังในใจลึกๆว่าเค้าจะเรียกให้เราขี่ไปส่ง… ผมมีเพื่อนอยู่คนนึงชื่อโอเล่ใส่เสื้อเบอร์ 65 โอเล่มันเล่าว่า ทุกคืนประมาณตีสามมันต้องตื่นไปรับลูกค้าประจำของมันเพื่อไปส่งยังจุดหมายแล้วจะเข้าบ้านไปนอน ต่ออีกนิด พอตีห้าก็ออกมาวิ่งวินฯต่อยาวไปจนสามทุ่มกว่าๆเลย! ต้องบอกว่าผมนี่ยอมรับหัวจิตหัวใจของความมานะในการตื่นนอนเพื่อเงินของโอเล่มันเหลือเกิน ซึ่งถ้าเคสนี้เปลี่ยนมาเป็นตัวผม ต้องบอกเลยว่า “ไม่ไหวล่ะครับ” ตื่นตั้งแต่ตีสามแบบนี้ แต่กระนั้น ความพยายามและจุดมุ่งหมายของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน ก็แล้วแต่คนล่ะนะครับว่าจะเลือกทำแบบไหน การรอคอยไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะครับ วินฯในกรุงเทพฯบางครั้งบางทีที่ผมสังเกตเห็นก็คือแทบจะไม่ต้องรอผู้โดยสารเลยเพราะคนเยอะมาก สลับกันกลายเป็นผู้โดยสารที่ต้องต่อแถวยืนรอวินฯเพราะในช่วงเวลาเร่งด่วน ใครๆก็อยากจะใช้บริการวินมอไซค์ที่มีความคล่องตัวสูงด้วยกันทั้งนั้น…. แต่วินฯต่างจังหวัดอย่างผมมันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิครับ บางครั้งบางทีนั่งรอกันเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงก็มีกว่าจะได้ออกแต่ละคัน นั่งโขกหมากรุกกันจนตูดด้านแล้วยังไม่มีผู้โดยสารมาโบกมือเรียกเลย! ที่พอจะคล่องบ้างก็แค่ช่วงเช้ากันเย็นนิดๆหน่อยๆเท่านั้นช่วงกลางวันนี่เรียกได้ว่า หลับรอกันได้เลยทีเดียว บางคนทนรอไม่ไหว จับกลุ่มพากันไปแทงสนุ๊กเดิมพัน กินเงินกันเองอีก ไอ้คนได้ก็ยิ้มไปสิ ส่วนคนที่เสียนี่บอกเลย หน้าซีดเป็นไก่ต้มก็มิปาน! ครั้งนึงผมเคยนั่งรอผู้โดยสารมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ จนมีน้องผู้หญิงคนนึงเดินมาเรียกให้ไปส่งบ้านส่วนราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 15 บาท ผมก็สตาร์ทรถออกทันที แต่แล้ว..!! เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น พอผมออกจากวินมาได้นิดเดียวเท่านั้น มีมอไซค์ขับสวนมา น้องผู้หญิงที่ซ้อนท้ายผมอยู่มันก็เรียกแล้วบอกให้ผมจอดพร้อมพูดกับผมว่า “พี่ๆ หนูขอโทษนะคะ พอดีแฟนหนูมารับพอดี” แล้วน้องมันก็ลงจากรถผมไปโดดขึ้นรถแฟนมันแล้วก็ขี่ไปเลย ทิ้งผมไว้กับความงงงวยและซวยสุดๆ เพราะออกคิวมาแล้วแถมไม่ได้ตังค์ กลับไปถึงวินฯก็ต้องต่อคิวใหม่ รอมาชั่วโมงกว่าเงินกลายเป็นศูนย์บาท โอ้มายก็อดดดด!! เวลาว่างๆผมมักจะชวนเพื่อนวินฯคุยเล่นถามอะไรไปเรื่อย มีอยู่คนนึงชื่อตาจบใส่เบอร์ 20 แกเป็นคนตัวเล็กนิดเดียว พรรคพวกที่วินฯจึงเรียกแกว่าตาเตี้ย! วันนั้นตอนประมาณสามทุ่มผมถามแกว่า “น้า วันนี้ได้กี่ตังค์แล้วเนี่ย?” แกตอบว่า “ไม่รู้สิประมาณ 500 มั้ง” “อ้าวแล้วนี่ออกจากบ้านมาตั้งแต่กี่โมงอะ?” ผมถามต่อ… “ตีห้าครึ่ง!” แล้วแกก็ขอตัวกลับบ้านเพราะถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนแล้ว…. นั่นล่ะครับ เงิน 500 บาทแลกกับกี่ชั่วโมงล่ะตั้งแต่เช้ามืดยันมืดค่ำ เป็นเงินที่แลกมาด้วยความอดทนในการรอคอยแท้ๆเลยทีเดียว เงินมันมีพลังมากมายนะครับ ดลบันดาลได้ทุกสิ่งอย่าง เมื่อมีเงินแล้วก็สามารถหาซื้อความสุขได้ ฉะนั้น อดทนกันนะครับทุกคน….

เรื่องเล่ารายวิน 11 “จะเร็วหรือช้า มันก็ต่างกันไม่กี่บาท”

การขับขี่ยานพาหนะบนถนนเนี่ย นอกจากจะต้องระวังให้รอบด้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว เรายังควรที่จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทางด้วยนะครับ ยิ่งถ้าเป็นผู้ขับขี่รับจ้างสาธารณะอย่างวินฯมอไซค์ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งต้องระวังให้มากขึ้นไปอีกสองเท่าตัวเลย เพราะถ้าประสบอุบัติเหตุขึ้นมา มันจะไม่ใช่แค่คุณที่เจ็บ แต่ผู้โดยสารที่ซ้อนท้ายคุณอยู่ก็เจ็บด้วย หรือเกิดโชคร้ายสุดๆคือเสียชีวิตขึ้นมาเนี่ย ก็ไม่รู้ว่าจะรับผิดชอบกันยังไงไหวเหมือนกันนะ ฉะนั้น ในเมื่อผู้โดยสารเค้ามอบความไว้วางใจให้เราดูแลชีวิตเค้าจนถึงที่หมายแล้ว เราควรตอบแทนน้ำใจเค้าโดยการไม่ประมาทและส่งเค้าให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยนะ ช่วงเช้าของชาววินฯผมนั้น เกือบทุกคนจะไปกระจุกตัวกันอยู้ที่ปากประตูนึง ซึ่งเป็นลานจอดรถของบริษัทนึงอีกนั่นแหละ ตรงนี้ช่วงเช้าจะมีผู้โดยสารขึ้นวินฯไปหน้าโรงงานเยอะเพราะเค้าจำเป็นจะต้องเอารถมาจอดตรงนี้และบางทีขี้เกียจเดินก็ขึ้นวินกันไปในระยะใกล้ๆ ค่าตอบแทนก็แค่คนละ 10 บาท อาศัยวิ่งระยะใกล้ไปกลับแป๊ปเดียว แต่ด้วยความที่มีวินฯมอไซค์หลายสิบคันมาจอดรอกันอยู่ มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งอาจจะต้องมีการทำความเร็วกันเพื่อรีบกลับมาเอารอบเข้าคิวเพื่อรอรอบต่อไป ซึ่งบางคันก็เร่งจนเกินงาม!! จนเกินงามในที่นี้คือมันดูน่าหวาดเสียวและอันตรายเกินไปน่ะนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ขับแซงรถพ่วงหกล้อสิบล้อสิบแปดล้อในขณะที่มีผู้โดยสารซ้อนท้ายอยู่ คือในตอนเช้าเนี่ย อะไรๆมันก็จะไหลเข้ามาในสวนอุตสาหกรรมแห่งนี้ทั้งนั้นนะครับ โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ต้องบรรทุกสิ่งของต่างๆเข้าออกอยู่ตลอดเวลา และการขับแซงรถใหญ่ประเภทนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนมันจึงดูไม่ค่อยเหมาะสมนักในสายตาของผมน่ะนะ บางครั้งผมออกตัวมาก่อนแล้วกำลังต่อท้ายรถพ่วงเพื่อรอจะเข้าโค้งไปหน้าโรงงานอยู่ มีอีกคันนึงตามมา เค้าแซงขวารถพ่วงไปเลยพร้อมบีบแตรลั่นตลอดทางเพื่อส่งเสียงให้รถชะลอให้จนไปแซงพ้นตรงก่อนจะเข้าโค้งแค่นิดเดียวซึ่งมันอันตรายมากๆ ผมสังเกตเห็นสีหน้าของผู้โดยสารสาวคนนั้นแล้วรับรู้ได้เลยว่าเธอเกร็งและเป็นกังวลเอามากๆ ไม่ชนไม่คว่ำมันก็ดีไป แต่อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าคำว่า”อุบัติเหตุ”เนี่ย มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งถ้าทุกคนตระหนักตรงนี้ได้ ผมว่าจะลดปัญหาบนท้องถนนลงเยอะเลยแหละ ผมเคยถามพรรคพวกที่ชอบทำความเร็วแบบนี้นะครับ ว่าที่มาซอยเข้าออกโรงงานช่วงเช้าเนี่ย ได้เงินกี่บาท จำนวนเงินที่เค้าได้มากกว่าผมแค่ 20-30 บาทแค่นั้นเองนะ ตัวผมก็ขับเร็วในระดับหนึ่งไม่ได้ช้าจนอืดแต่ก็ไม่เร็วจนหวาดเสียว ไม่แซงทางโค้งและไม่ฉวัดเฉวียนใดๆ ผมจึงถูกแซงเอาบ่อยๆ แต่ก็นั่นแหละครับ 20-30 บาทแลกกับความปลอดภัยอันนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ผมมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเร็วจนอันตรายขนาดนั้นเพื่อเงินเพียงไม่กี่บาทเลยนะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมหลายๆคนจึงตั้งหัวความคิดของตัวเองไว้ว่าต้องเร็วและเร็วและเร็วด้วยก็ไม่รู้…. หรือบางทีตอนเย็นช่วง […]

เรื่องเล่ารายวิน 10 “คู่แฝดอภินิหาร”

คู่แฝดคู่นี้นานๆทีถึงจะเดินมาขึ้นวินสักครั้งนึง ซึ่งก็เข้าใจได้น่ะนะครับว่าค่าโดยสารค่อนข้างสูง ถ้าขึ้นทุกวันก็คงไม่เหลือเงินยาไส้หรอกครับสำหรับพนักงานไลน์ผลิตอย่างสองคนนี้ มันจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะสเปเชียลมากๆเลยหากวันไหนได้ไอ้เจ้าคู่แฝดนี้มาครอบครอง

1 29 30 31 32 33

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.