บ่ายวันที่เรานัดคุยกับ พลากร แซ่ตัน หรือ ไบรอัน ตัน เขาปล่อยซิงเกิลล่าสุดอย่าง ‘ต๊าช (Touch)’ มาแล้วหนึ่งสัปดาห์
สารภาพตามตรงว่า ทุกวันในสัปดาห์นั้นที่เรารอจะคุยกับเขาด้วยใจจดจ่อ ไม่มีวันไหนที่เราจะไม่นึกถึงภาพของไบรอันก้าวลงจากรถด้วยท่าทางหัวรัดฟัดเหวี่ยง พอดนตรีขึ้นก็เดินสับๆ ประหนึ่งฟุตพาทที่ย่ำอยู่คือรันเวย์ ยิ้มแบบลักซูฯ (นิยามการยิ้มแบบไบรอันที่ชาวเน็ตตั้งให้) ให้กล้องสลับกับร้องอย่างมั่นใจ
รู้ตัวอีกที เราก็กดฟัง ‘ต๊าช’ ซ้ำๆ จนถึงวันที่ได้คุยกัน
ไบรอันบนหน้าจอปรากฏตัวด้วยชุดสบายๆ ต่างจากคนในยูทูบอย่างชัดเจน แต่เมื่อบทสนทนาดำเนินไป จริต อินเนอร์ น้ำเสียง และคำตอบของคนตรงหน้าก็ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคย
นี่แหละคือหนึ่งในอินฟลูเอนเซอร์ตัวท็อปของแวดวงนางงาม โฮสต์ของเรียลลิตี้ประกวดนางงาม Miss Fabulous Thailand ที่เป็นไวรัลไปทั่วอินเตอร์ เจ้าของประโยค ‘เวอร์ เวอร์ เวอร์ เวอร์ เวอร์’ ที่ถูกนำมาต่อยอดเป็นซิงเกิลฮิต
ในขณะเดียวกัน บางช่วงของบทสนทนานี้ ไบรอันก็เล่าเรื่องชีวิต ความฝัน และมุมมองต่อการงานที่เรามั่นใจว่าหลายคนไม่เคยได้ยินจากที่ไหน
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-2-1024x683.jpg)
ชาวเน็ตหลายคนบอกว่าชอบคุณเพราะจริตแบบลักซูฯ คำว่าจริตแบบลักซูฯ ในความหมายของไบรอันเป็นยังไง
ตามความหมายแล้วจริตลักซูฯ มันแปลว่าจริตของการเป็นคนรวยถูกไหม ซึ่งเราน่าจะได้มาจากเวลาเราขายสินค้าแบรนด์เนมและเครื่องประดับ เราต้องพรีเซนต์สินค้าเหล่านั้นออกมาให้คนซื้อ ในขณะเดียวกันก็ต้องเอนเตอร์เทนลูกค้าด้วย พอเราได้พรีเซนต์ ได้ถ่ายทำบ่อยก็กลายเป็นจริตที่ติดมา
เราชอบคนชอบแฟชั่น ชอบความสวยความงาม เสพสื่อเมืองนอกอยู่แล้ว พอได้มาขายสินค้าพวกนี้เราก็จะศึกษาในหนัง ซีรีส์ แฟชั่นโชว์ ว่าคนรวยเขามีจริตแบบไหน แต่มันไม่ได้เป็นการดูคนนั้นคนนี้แล้วก๊อบปี้นะ มันคือการที่เราเสพสื่อเหล่านี้ที่พรีเซนต์ความเป็นลักซูรีออกมาแล้วเอามาผสมกับบุคลิกของเรา ซึ่งก่อนอื่นเราต้องเชื่อมันก่อนว่าเราเป็นคนที่ลักซูรี เป็นคนไฮคลาส แสดงกิริยาท่าทางออกมาโดยที่เราเชื่อแบบนั้นจริงๆ
เมื่อก่อนเราไม่ได้มีบุคลิกแบบนี้หรอก แต่เพราะสื่อที่เราเสพ สังคมที่เราอยู่ อาชีพที่เราทำ เราต้องเป็นตามนั้น
แล้วตัวตนจริงๆ ของไบรอัน ตันเป็นยังไง
จริงๆ แล้วเป็นคนง่ายๆ เงียบๆ ชิลๆ พูดช้า แต่บทที่จะต้องทำงานก็จะเป็นคนตั้งใจ Push Energy ทุกอย่างลงไปในงาน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-9-681x1024.jpg)
เล่าชีวิตวัยเด็กให้ฟังหน่อยสิ
เราย้ายบ้านบ่อยเพราะการงานของพ่อแม่ เกิดที่เชียงใหม่ ไปโตที่ภาคใต้ ย้ายไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หาดใหญ่ สตูล กลับไปเชียงราย และค่อยมาเรียนที่เชียงใหม่ ในทุกๆ ช่วงชีวิตเราก็จะไม่ได้สนิทกับเพื่อนมาก ไม่มีเพื่อนวัยเด็กที่ยังติดต่อกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีเลย ส่วนมากเพื่อนที่ยังอยู่ในชีวิตทุกวันนี้คือเพื่อนมัธยมปลาย เพื่อนมหาวิทยาลัย และเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศ
ตอนเด็กๆ เป็นเด็กที่กล้า โตเกินวัย มีความคิดแตกต่างจากคนอื่นพอสมควร มีความเป็นผู้นำที่ถ้าอยู่ในสังคมไหนพี่จะพยายามพาตัวเองเป็นผู้นำในสังคมนั้น ตอนเด็กก็จะพยายามเป็นหัวหน้าห้อง เรียนอาจจะไม่ได้เก่งที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุด เราชอบความรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตน ต้องทำอะไรก็ได้ให้เรารู้สึกแบบนั้น แต่ในขณะเดียวกันเราพยายามระวังตัวตลอดว่าอยากเป็นจุดเด่นจนคนรอบข้างเอือมระอาไหม แต่รู้สึกว่ายังโชคดีที่ตัวเองสามารถหาสมดุลได้
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-6-681x1024.jpg)
ทำไมคุณถึงรู้สึกอยากมีตัวตนในสายตาคนอื่น
(นิ่งคิด) เหมือนจิตวิญญาณข้างในของเราจริงๆ แล้วรู้สึกว่าตัวเองมีของดี เราเป็นคนที่มีความพิเศษ อย่างตอนเด็กๆ เราจะชอบมองกระจก คิดว่าตัวเองสวย ดูดี คนนี้ต้องเป็นดารา ต้องดัง จะคิดอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว อาจเพราะการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่ที่ค่อนข้างปล่อยเราด้วย เราเลยกล้าคิด กล้าทำอะไรมากกว่าคนทั่วไป ประมาณนั้น
รู้มาว่าไบรอันเริ่มทำงานตั้งแต่เด็กเลย?
10 ขวบก็เริ่มทำแล้วนะ แม่ปลูกมะละกอให้เราไปขาย เราก็จะเป็นเด็กช่างพูดช่างเจรจา แล้วด้วยความเป็นคนรักสวยรักงาม ตอนเด็กๆ เราก็จะไปศูนย์ความงามข้างบ้าน ชอบไปเล่น ไปอยู่ ไปซึมซับ แนะนำเครื่องสำอางให้ลูกค้าเวลาเจ้าของร้านไม่อยู่ได้ พอตอน ม.4 ซึ่งเป็นช่วงซัมเมอร์แล้วเราอยากมีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่บ้าง แต่ไม่อยากรบกวนเงินพ่อแม่ เราเลยไปทำงานล้างจานในโรงงานเพื่อแลกเงิน เป็นงานที่เหนื่อยมากๆ (เน้นเสียง) แต่ก็ทำ และพ่อแม่ก็ไม่ได้ห้าม
ช่วง ม.ปลายเป็นช่วงค้นหาตัวเอง เราเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด ถึงจะยังไม่รู้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าอยากทำอะไร แต่สิ่งที่รู้ว่าชอบแน่ๆ คือแฟชั่นและวงการบันเทิง เราเลยเริ่มเรียนการแสดงตั้งแต่นั้น ทั้งที่เป็นเด็กบ้านนอก ต้องขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปเรียนในเมือง 50 กว่ากิโลฯ ในวันเสาร์อาทิตย์ก็ไป เพราะชอบการแสดงมาก เวลามีเข้าค่ายด้านนี้ก็จะไปตลอดเพราะคิดว่าได้ประสบการณ์ พอหลังจากเรียนจบก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้โดยใช้พอร์ตยื่นเข้าและสอบสัมภาษณ์ ไม่ต้องสอบเหมือนคนอื่นๆ
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-14-681x1024.jpg)
แล้วบทบาทการเป็นยูทูบเบอร์เริ่มขึ้นตอนไหน
ตอนอยู่มหา’ลัยเราตั้งตัวเองเป็นเมกอัปอาร์ติสท์ (หัวเราะ) จริงๆ มันมาจากการทำงานคณะที่ฝึกฝนให้เราได้ฝึกแต่งหน้า พอแต่งเยอะๆ ก็มีความคิดเปิดช่องยูทูบของตัวเอง เพราะเราอยากอยู่หน้ากล้อง และไม่เคยได้โอกาสตรงนี้ คือเราไม่ได้เกิดมาแล้วมีคนชมว่าสวยหรือหล่อ แต่มีความรู้สึกว่าฉันมีอินเนอร์ข้างในที่เลิศ สายตาฉันพิฆาตนะ ฉันมีความเซ็กซี่ข้างในแต่ไม่มีใครชมเลย ก็เลยลองให้โอกาสตัวเองดู
ช่อง Bryan Tan Make-up Artist เกิดขึ้นตอนนั้น เป็นช่องสอนแต่งหน้าแบบครีเอทีฟ มีเชิญเพื่อนมาแต่งบ้าง มีความโรลเพลย์บ้าง มีคอเมดี้นิดหน่อยทำให้ดูเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับวงการ กลายเป็นมันทำให้เรามีชื่อเสียงในแวดวงบิวตี้บล็อกเกอร์ เป็นยูทูบเบอร์คนแรกๆ ของไทยที่ทำเกี่ยวกับเรื่องการแต่งหน้า ในยุคที่การเป็นยูทูบเบอร์ยังไม่บูมเท่าตอนนี้ การแต่งหน้าของเราต่อยอดให้เราได้ไปเป็นวิทยากร จนได้ร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ทั้งแบรนด์แมสโปรดักต์อย่าง Twelve Plus หรือแบรนด์อินเตอร์ เช่น Estée Lauder เราก็โดนเรียกว่าคุณไบรอันมาตั้งแต่เรายังไม่จบมหาวิทยาลัย (หัวเราะ)
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-3-1024x683.jpg)
เราทำยูทูบมาตลอดแต่ช่วงแรกๆ มันสร้างรายได้ไม่ได้ ตอนนั้นเราเลยเซ็นสัญญาเข้าสังกัดหนึ่งและต้องรอเขาป้อนงานมาให้อย่างเดียว ช่วงแรกมีงานเข้ามาเยอะมาก สอนแต่งหน้าเต็มไปหมด แต่ช่วงหลังๆ เริ่มมีบิวตี้บล็อกเกอร์หน้าใหม่ขึ้นมาเต็มเลย งานก็ลดน้อยลงและทำให้เราไม่อยากรอเงินจากสังกัดแค่ฝั่งเดียว ด้วยความที่เราเป็นคนที่ฝันเร็ว ทำเร็ว ซื้อบ้านหลังแรกก็ตอนนั้น เรามีภาระต้องดูแลก็เลยต้องพยายามทำมาหากิน ตอนนั้นก็เป็นจุดที่เราไปเรียนทำผมเพราะต้องเอาตัวรอด ทั้งๆ ที่การเป็นช่างทำผมไม่เคยอยู่ในความคิดเรามาก่อนเลย ตอนแรกก็ร้องไห้อยู่เหมือนกันเพราะเราคือไบรอัน ตัน เมกอัปอาร์ติสท์ที่ร่วมงานกับ Estée Lauder มาแล้ว แต่ตอนนี้ต้องไปฝึกทักษะจับกรรไกร จับปัตตาเลี่ยนใหม่ ก็ต้องทำ
เรียนไปได้สักแป๊บหนึ่งก็เปิดร้านของตัวเองชื่อไบรอัน ตันซาลอน เป็นโฮมซาลอนที่มีเตียงสระเตียงเดียว อยู่ในห้องห้องเดียวของบ้าน ซึ่งได้ไอเดียมาจากการเสพสื่อเมืองนอกเหมือนกัน กลายเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ให้เราช่วงหนึ่งที่เปิดซาลอนมาได้สักพัก กระแส The Face Thailand ก็มา เราก็ชอบเพราะถูกจริต เผอิญว่าตอนนั้นรู้จักกับพี่สไปรท์ (พัชร์ธีรัตน์ แหลมหลวง เจ้าของเพจ สไปรท์ไงที่ไหล่กว้าง) ลองชวนนางมานั่งเมาท์มอยลงยูทูบ ปรากฏว่าทำไปทำมาคนดูชอบมาก ยอดวิวพุ่งขึ้นไปห้าแสนวิวซึ่งมันไม่ค่อยเกิดกับวิดีโอที่คนมานั่งเมาท์กันเฉยๆ (ยิ้ม) เราเลยทำกับพี่ไปรท์มานานจน The Face Thailand หยุดทำรายการไปแล้ว (หัวเราะ) หลังจากนั้นเลยเริ่มมาทำเกี่ยวกับนางงามเพราะพอจบเดอะเฟซฯ คนก็อยากให้เราทำต่อ เลยเข้าไปอยู่ในวงการนางงาม
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-7-681x1024.jpg)
การทำงานตั้งแต่เด็กสอนอะไรคุณ
สอนเรื่องความอดทน ในทุกๆ งานที่ทำเราต้องใช้ความอดทน แม้กระทั่งตอนนี้ที่ทุกคนอาจจะคิดว่าเราอยู่หน้ากล้องแล้ว สบายแล้ว แต่ทุกอย่างไม่ได้สบายนะ ขนาดเราไปถ่ายโฆษณาเป็นพรีเซนเตอร์ เรายังต้องนั่งรอคิวแต่งหน้าทำผม หรือตอนอยู่หน้ากล้องแล้วสปอตไลต์จ่อคอแรงมากจนคอจะไหม้อยู่แล้ว เราก็ต้องขอกันแดดเขามาทา
ในทุกงานที่ดูเหมือนชิลๆ จะมีอุปสรรคตลอด ดังนั้นถ้าเราอดทนกับอุปสรรคต่างๆ งานก็จะออกมาดี
แล้วอะไรทำให้คุณกลายเป็นไวรัลได้
น่าจะ Miss Fabulous นี่แหละ
คิดว่าเป็นเพราะอะไร
น่าจะเป็นเพราะเราได้ทำสิ่งที่ชอบ บวกกับตัวตนที่เราแสดงออกในรายการ แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นไบรอัน ตันที่เป็นมีมเต็มไปหมด ซึ่งเราไม่ได้พยายามทำสิ่งนั้นเลย ตอนทำไม่ได้มานั่งคิดว่าจะต้องเป็นมีมหรอก เราแค่ทำไปแบบของเรา อาจเพราะเป็นจังหวะชีวิตด้วย ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเรานิยามตัวเองว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในวงการนางงาม หมายถึงว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลจริงๆ ในแวดวงนั้น เพราะพอเวทีไหนจัดประกวดคนก็รอให้เรารีแคป หรือฝั่ง Luxury Lifestyle คนดูของเราก็ไปใช้บริการตามของเรา ซื้อคอนโดฯ ตามเรา ใช้บริการบริษัทสร้างสระน้ำตามเราจริงๆ เราเลยนิยามว่าตัวเองเป็นอินฟลูเอนเซอร์ จนกระทั่งช่วงออกเพลง Ver Ver Ver ที่ต่อยอดมาจาก Miss Fabulous นี่แหละที่เรารู้สึกว่าเราเป็นคนสาธารณะ เพราะมีหลายรายการเชิญไปออก หรือไปอีเวนต์ไหนก็มีคนกรี๊ดกัน ไปเดินห้างฯ แล้วมีคนตามมาขอถ่ายรูปตลอด ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตเลย
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-12-681x1024.jpg)
ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างหลังจากเป็นคนสาธารณะ
ปกติเวลาไปเดินห้างฯ ก็จะไปแบบไม่แต่งหน้า แต่งตัวสบายๆ แล้วใส่แว่นตาดำ ไม่เหมือนเวลาออกกล้องแล้วแต่งแบบจัดเต็ม คนจะจำไม่ได้ แต่ช่วงนี้คนก็จำผมทอง จำเครื่องประดับ จำบุคลิกเราได้ ใจหนึ่งมันก็ดีใจ แต่อีกใจก็เป็นห่วงความรู้สึกคนที่ไปกับเรา สมมติเราไปกับเพื่อนแต่คนมาขอถ่ายรูปแล้วเพื่อนต้องหลีกทางให้ หรือไปนัดกินข้าวในร้านอาหารก็แอบต้องระวังเรื่องที่เมาท์ มันไม่มี Privacy อีกต่อไป
แต่เราก็ไม่ได้ติสท์ถึงขนาดที่ว่าไม่เอา ไม่ชอบเลย จริงๆ เราชอบการเป็นคนสาธารณะนะ เพราะมันคือสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว เราเลยเข้าใจว่านี่แหละบุคคลสาธารณะ ขอถ่ายรูปก็ต้องให้ถ่าย อยู่ในที่สาธารณะต้องทำตัวน่ารัก เพราะเมื่อก่อนเราเห็นข่าวมาอยู่แล้วเวลาดาราทำตัวไม่น่ารักกับคนอื่น เขาโดนแบบไหนบ้าง เราก็ต้องพยายามเซฟตัวเองไม่ให้เจอตรงนั้น ตัวตนของเราก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไปนะ เพียงแค่เรารู้ว่าเราควรจะเป็นเบื้องหน้ายังไงให้น่ารัก
แล้วมีอะไรที่สูญเสียไปเพราะเป็นคนสาธารณะบ้างไหม
ความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับเพื่อนและครอบครัว มันอาจจะทำให้เกิดสเปซนิดหน่อย แต่จริงๆ แล้วชื่อเสียงก็เป็นสิ่งที่มาแล้วไปแหละ ในขณะเดียวกันเราก็ยอมรับว่าเราต้องพึ่งพามัน ใช้มันทำมาหากินไปอีกนาน
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-4-1024x683.jpg)
แล้วในฐานะคนสาธารณะ สิ่งที่คุณกลัวที่สุดคืออะไร คือการไม่มีชื่อเสียงแล้วหรือเปล่า
ไม่กลัวนะ เรามองคำว่าชื่อเสียงเป็นทรัพย์สินในชีวิตที่จะอยู่ติดตัวเราไป ตราบใดที่เราไม่ทำให้มันเสียหาย การรักษาชื่อเสียงคือเรื่องยาก อาจจะต้องประคองไปเรื่อยๆ เพราะใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะมีดราม่าอะไรหรือเปล่า แต่ตัวเราก็ต้องพยายามรักษามาตรฐานผลงานของเราไม่ให้เสียชื่อเสียง โฟกัสกับการทำผลงานให้ออกมาดี
เคยเจอกระแสเชิงลบจากคนในอินเทอร์เน็ตไหม รับมือยังไง
มี ช่วงที่เราเริ่มแต่งตัว แต่งหน้าแปลกๆ นี่อู้ว (เน้นเสียง) โดนด่าเยอะมากในยูทูบ เป็นคำที่ร้ายแรงอย่างอีบ้า อีควาย อีกะเทยบ้า เกิดมาแล้วเป็นแบบนี้ไม่อายบ้างเหรอ จริงๆ คำมันแรงกว่านี้แต่จำไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ไปโฟกัสมันเพราะคิดว่าเขายังไม่เข้าใจความเป็นเราจริงๆ
จนตอนนี้คนบนอินเทอร์เน็ตเหมือนจะเริ่มรับรู้แล้วว่าไบรอัน ตัน เป็นยังไง ถึงแม้จะทำอะไรบ้าๆ แต่มันคือไบรอัน ตันน่ะ กลายเป็นว่าเขา Respect เรา ไบรอัน ตันเป็นอย่างนี้แหละ มันทำให้เราเห็นว่าทำสิ่งที่เราอยากทำไปเถอะ ถ้าคนเก็ตเดี๋ยวทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเอง
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-5-681x1024.jpg)
ทุกวันนี้ความทุกข์ส่วนใหญ่ในชีวิตมาจากไหน
น่าจะมาจากกรอบของสังคม การที่คนมาว่าทำไมถึงไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำแบบนี้ เพราะเราเป็นคนไม่ชอบอยู่ในกรอบมาแต่ไหนแต่ไร
อย่างเรื่องที่ชาวเน็ตถามว่า ‘แต่งหน้าขนาดนี้แล้วทำไมไม่พูดค่ะ’ นี่ถือเป็นกรอบไหม
มันคือกรอบ บางคนบอกแต่งหน้าสวยขนาดนี้แล้วทำไมไม่พูดค่ะ ซึ่งเราก็รู้สึกว่าทำไมต้องพูด (หัวเราะ) แต่จริงๆ ก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรมากมายเพราะเราเจอบ่อยจนชิน เวลาคนถามก็แค่ตอบว่า อ๋อ ถ้าพูดค่ะมันก็เหมือนคนอื่น เราใช้คำว่าครับมาตลอดและไม่ได้รู้สึกว่าจะพูดครับไม่ได้ขนาดนั้น ก็ตอบแบบนี้ไป
สิ่งสำคัญของชีวิตในตอนนี้คืออะไร
การโฟกัสกับความฝันและงานที่รัก เราอยากเป็นศิลปินเลยลดงานในฝั่งธุรกิจลงมาแล้วโฟกัสกับการทำงานที่เป็นเอนเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น มันมีบางงานที่เราไม่เคยทำ แล้วต้องทำ ณ ตอนนี้ ถ้าเวลาผ่านไปมากกว่านี้อาจจะไม่ได้ทำก็ได้ เช่นการทำ Miss Fabulous ก็เช่นกัน
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-8-681x1024.jpg)
พูดถึง Miss Fabulous เพราะคุณอยู่ในแวดวงรีแคปนางงามมานาน อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้อยากจัดเวทีของตัวเอง
พอเราชอบอะไรมากๆ เราก็อยากเป็นผู้จัดบ้าง ก่อนหน้านี้ก็เคยทำเวทีที่ซื้อลิขสิทธิ์ของคนอื่นมาทำ แต่พอจัดแล้วรู้สึกว่าเป็นการทำให้คนอื่น เราเลยฝันว่าอยากมีสักโปรเจกต์หนึ่งที่ตั้งลิขสิทธิ์ขึ้นมาเอง
แต่การทำเวทีของตัวเองก็ไม่ได้ง่าย เพราะอัตลักษณ์ของมันก็ต้องชัด ต้องแตกต่างจากเวทีอื่น อย่างตอนแรกที่ Miss Fabulous ประกาศออกมาคนก็ยังงงๆ ว่าคืออะไร แต่พอปล่อยรายการปีแรกออกไปคนก็จะรู้ว่าเป็นแนวประมาณไหน เราก็ต้องทำให้เขาดูก่อน
คุณเคยพูดในคลิปหนึ่งว่าจริงๆ แล้วแก่นของ Miss Fabulous คือเรื่องสิทธิมนุษยชน แถมเวทีนี้ยังมีการเปิดโอกาสให้ Transgender (คนข้ามเพศ) มาประกวดได้ด้วย การสนับสนุนเรื่องนี้สำคัญกับคุณยังไง
มันเป็นสิ่งที่เราคิดตั้งแต่เริ่มทำแล้วว่าจุดขายของเวทีของเราคืออะไร ตัวเราเองก็เป็น LGBTQ+ คนหนึ่ง เลยอยากฉีกกรอบว่าไม่ว่าเพศไหนก็สามารถเป็น Beauty Queen ได้ คำว่า Human Rights จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์และสอดคล้องกับสิ่งที่เราทำ มันเลยกลายเป็นแก่นของการประกวดที่อยู่ในทิศทางเดียวกับเรื่องที่สังคมกำลังขับเคลื่อน
แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสังคมทันทีหรอก แต่มันจะค่อยๆ ซึมผ่านการนำเสนอ วิธีการ การเล่าเรื่อง ผ่านคำถามบนเวทีของเรา
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-10-681x1024.jpg)
นอกจากเวที Miss Fabulous คุณยังทำ Bryan Tan Entertainment ซึ่งทำทั้งเพลง หนัง เรียลลิตี้ทีวี ทำไมถึงอยากทำหลายอย่างขนาดนี้
มันเป็นการเสิร์ฟเมนูอาหารที่เราไม่อยากให้คนเบื่อ บวกกับแพสชันตัวเองด้วย เราอยากเป็นนักร้อง เราก็ต้องทำเพลง เราอยากแสดงหนังเพราะเรียนการแสดงมาตลอด ก็ต้องทำหนังก่อนที่เราจะแสดงไม่ได้ มันคือสิ่งที่เราอยากเป็น เราเลยต้องทำออกมาให้ดี
ถามว่ากลัวความล้มเหลวไหม เราไม่กลัวความนะ เราทำสิ่งที่ชอบ เป็นสิ่งที่คิดว่าเราทำได้ดี ไม่ได้ฝืนตัวเอง ถ้าทำแล้วมันล้มเราก็ต้องทำใจไว้ยอมรับ แต่เราจะเสียใจมากกว่าถ้าเราไม่ได้ทำ
การอยากทำแล้วได้ทำมันมีความหมายกับคุณยังไง
มันมีความหมายกับชีวิตเพราะถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ เราอาจไม่มีแรงบันดาลใจในการมีชีวิตอยู่เลยก็ได้ เพราะตอนนี้เราคิดอยู่เสมอว่าต้องทำตามความฝันที่อยากจะเป็น ในเมื่อมีโอกาสที่พอจะทำเองได้ เราก็ทำ เพราะไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ เราจะรอโอกาสจากใครล่ะ ไปสมัครเป็นนักร้องหรือนักแสดงสักค่ายงี้เหรอ เขาก็อาจไม่เลือกเรา
เพราะฉะนั้นสำหรับเรา การทำ Bryan Tan Entertainment ก็คือการเลือกตัวเอง
![ไบรอัน ตัน](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2022/07/UC-byantan-1-1024x683.jpg)