สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อรองเท้าบ่อยๆ อย่างเรา โอกาสที่จะหยุดดูรองเท้าสักคู่ในช็อปอาจมีไม่มาก
แต่บ่ายวันนี้ รองเท้าคู่หนึ่งชวนให้เราเดินทางมาถึงช็อปเล็กๆ ในย่านพุทธมณฑล สาย 2 เพื่อมันโดยเฉพาะ
คุณอาจสงสัยว่า แล้วคนไม่ค่อยซื้อรองเท้าอย่างเราทำไปทำไม เฉลยให้ฟังว่าเพราะรองเท้าคู่นี้ไม่ใช่รองเท้าธรรมดา แต่เป็นรองเท้าหนังสังเคราะห์ที่ทำจากผักผลไม้เหลือทิ้งในอุตสาหกรรมเกษตร ทั้งเปลือกกล้วย เศษมะนาว และลูกมะพร้าว
BRAVE SHOES คือชื่อแบรนด์รองเท้าที่เรากำลังพูดถึง
เหมือนกับชื่อแบรนด์ นอกจากความกล้าที่จะใช้วัสดุซึ่งไม่เคยเห็นดีไซเนอร์ไทยคนไหนใช้มาก่อน ‘ตะวัน-กฤดิพัชร เจริญชัยปิยกุล’ และ ‘มาย-มาย การุณงามพรรณ’ สองผู้ก่อตั้งแบรนด์ยังใส่ความกล้าลงไปในแทบทุกองค์ประกอบ
ไล่ไปตั้งแต่ดีไซน์รองเท้าสุดเก๋ไก๋ที่เหมือนหลุดออกมาจากหนังไซไฟสักเรื่อง การผลิตแบบสล็อตเล็กๆ ไม่มีซีซัน ไม่ขายตลาดแมส ไปจนถึงการตั้งราคาที่สูงเมื่อเทียบกับรองเท้าแฟชั่นแบรนด์อื่น ไม่ใช่เพราะอยากให้แบรนด์มีรายได้เยอะๆ แต่อยากให้ทุกคนในสายพานการผลิตได้รับผลตอบแทนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ทั้งคู่เอาความกล้านี้มาจากไหน ตะวันและมายพร้อมตอบคำถามเราแล้ว
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes01-1024x683.jpg)
แบรนด์แฟชั่นยั่งยืนของเพื่อนสนิท
BRAVE SHOES เปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกบน Instagram ในเดือนธันวาคม 2564 แต่ความเป็นเพื่อนของตะวันกับมายเริ่มต้นมาเนิ่นนานก่อนหน้านั้น
เรียนมัธยมฯ ที่เดียวกัน มหาวิทยาลัยก็อยู่คณะใกล้กัน ตะวันเรียนจบด้านแฟชั่นดีไซน์จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนมายจบสถาปัตย์ ต่างคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเองหลังสำเร็จการศึกษา มายผู้สนใจเรื่องความยั่งยืนเป็นทุนเดิมเปิดสตาร์ทอัปทำเทคโนโลยีที่แปลงวัสดุใช้แล้วในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง ส่วนตะวันบินลัดฟ้าไปเรียนต่อปริญญาโทที่อิตาลี และมีโอกาสได้ทำงานเป็นฟรีแลนซ์ดีไซเนอร์ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
ที่นั่น ตะวันได้รู้จักคำว่า Circular Business Model หรือธุรกิจหมุนเวียนเป็นครั้งแรก
“โคเปนเฮเกนเป็นเมืองตัวท็อปเรื่องความยั่งยืน แบรนด์แฟชั่นทุกแบรนด์ต้องสื่อสารว่าเขารับผิดชอบต่อสังคมยังไง ทำให้เราได้รู้จักคำว่า Circular Business Model หรือการทำธุรกิจที่ต้องใช้ Waste ให้น้อยที่สุดในทุกกระบวนการ สิ่งนี้ค่อนข้างสร้างแรงบันดาลให้เราในฐานะแฟชั่นดีไซเนอร์พอสมควร”
เมื่อกลับประเทศไทย ตะวันจึงคิดอยากเปิดธุรกิจของตัวเองบ้าง ประจวบเหมาะกับเพื่อนเก่าอย่างมายที่ทักมาชวนเปิดแบรนด์ด้วยกันพอดี
เรียบง่ายเช่นนั้นเอง แบรนด์แฟชั่นยั่งยืนเล็กๆ ของพวกเธอก็ถือกำเนิด
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes12-823x1024.jpg)
ทำไมแฟชั่นยั่งยืนจะชิกไม่ได้
ถ้าให้นึกถึงแบรนด์แฟชั่นเพื่อความยั่งยืน ภาพที่หลายคนคิดถึงน่าจะหนีไม่พ้นกระเป๋าผ้าสีอ่อน หรือเสื้อผ้าสุดเพลนที่ใช้คอตตอน ลินิน และวัสดุออร์แกนิกเป็นส่วนประกอบหลัก
ภาพในหัวของตะวันก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน ติดแค่ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธออยากทำสักเท่าไหร่
“ในมุมของเรา โปรดักต์ของแบรนด์ Sustainable ในไทยอาจดูน่าเบื่อไปหน่อย ซึ่งเราอยากลบความคิดนั้นของผู้บริโภคว่าจริงๆ แล้ว โปรดักต์ Sustainable มันสามารถเก๋ได้ เปรี้ยวได้ เพื่อนทักแล้วเห็นว่าสวยมากได้”
“ทำไมถึงอยากให้มันเก๋” เราถามต่อ
“เพราะเราเป็นคนเก๋ไงคะ” ตะวันตอบกลั้วหัวเราะ เราดีดนิ้วให้เธออย่างชอบใจ
“เราอยากโชว์ Aesthetic และสไตล์ของเราผ่านวัสดุที่ยั่งยืน เพื่อคงความเป็นตัวของตัวเองและไม่เป็นพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อม ความตั้งใจหลักๆ ที่อยากให้แบรนด์เป็นคือต้องชิก แปลก เก๋ และเตะตา”
จากประเภทของสินค้าแฟชั่นทั้งหลาย ตะวันกับมายเลือกผลิตรองเท้า เหตุผลไม่ใช่เพราะมันเป็นสินค้าที่ดีไซเนอร์สาวอย่างตะวันชอบดีไซน์มากที่สุด (อันที่จริงเธอถนัดดีไซน์กระเป๋ามากกว่า) แต่ทั้งสองมองว่าแบรนด์รองเท้ายั่งยืนในไทยยังมีไม่ค่อยมาก โดยเฉพาะเจ้าที่นำวัสดุเหลือใช้มาเป็นส่วนประกอบหลักอาจยังไม่มีเลย ยิ่งถ้าเป็นรองเท้าที่ต้อง ‘ชิก แปลก เก๋ และเตะตา’
และเมื่อไม่มีใครทำ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ลอง
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes02-823x1024.jpg)
แฟชั่นยั่งยืนที่ต้องกล้าใส่และกล้าทำ
คู่เพื่อนสนิทเริ่มต้นจากการออกแบบรองเท้า โดยดีไซเนอร์สาวอย่างตะวันได้แรงบันดาลใจมาจากทรงเรขาคณิตที่เธอหลงใหลเป็นพิเศษ ผสมกับแฟชั่นแนว Space Age ซึ่งมีกลิ่นอาย Futuristic ที่เอกลักษณ์คือความโค้งเว้าและทรงกลม
“ระหว่างดีไซน์เราก็คิดว่า มันแปลกว่ะ คนที่จะใส่รองเท้าเราต้องมีความกล้าในระดับหนึ่ง นั่นเลยเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งชื่อว่า BRAVE SHOES แบรนด์รองเท้าที่กล้าจะใส่ กล้าจะลองของใหม่” ตะวันเผย
เมื่อได้ดีไซน์ที่พอใจ ขั้นตอนต่อไปคือการแมตช์วัตถุดิบที่ทำได้จริง มายเล่าว่าในขั้นตอนนี้ท้าทายกว่าที่คิด เพราะพวกเธอต้องลองผิดลองถูกกับวัสดุเหลือใช้หลายๆ ชนิดจากหลายอุตสาหกรรม ทั้งผ้าเหลือใช้เดดสต็อกจากโรงงานผ้า เปลือกผลไม้หลากสายพันธุ์ ทั้งยังพบปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นของหนังสังเคราะห์ที่ต้องมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่คือวัสดุที่ต้องใช้ทำรองเท้าที่มีส่วนโค้งเว้า มีการตัดเย็บที่ประณีต ที่สำคัญคือต้องแข็งแรง ทนแดดทนฝน
6 เดือนแห่งการทดลองผ่านไป สุดท้ายก็มาลงตัวกับเปลือกกล้วย มะพร้าว และมะนาว
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes03-823x1024.jpg)
“ทำไมต้องเป็นสามอย่างนี้” เราสงสัย
“ตอนแรกเราทำรีเสิร์ชเยอะมากว่าผลไม้อะไรบ้างที่มีการส่งออกและสร้างขยะเยอะ เราลิสต์ข้อมูลผลไม้มาดูกันราวห้าถึงสิบชนิด แล้วเลือกดูว่าผลไม้ตัวไหนที่มีเส้นใยเยอะ พอจะแปรรูปเป็นหนังที่คงทน เหมาะกับการทำรองเท้า
“เราพบว่ามะพร้าวเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ส่งออกเยอะมาก แต่ส่งออกแต่น้ำมะพร้าวแล้วทิ้งกากใยไว้ เช่นเดียวกับมะนาวและกล้วยที่ถูกแปรรูปแล้วทิ้งเปลือก”
เมื่อได้ตัวเลือกวัสดุดังนั้น ตะวันและมายก็รับเปลือกผลไม้เหลือใช้จากโรงงานแปรรูปทั่วไทย เพื่อนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปให้เป็นเส้นใยโดยชาวบ้านจากหลายๆ ชุมชนที่พวกเธอจ้างงาน กลายเป็นแผ่นหนังสังเคราะห์ที่นำมาประกอบกับผ้าเดดสต็อกจากโรงงานซึ่งใช้ทำเป็นพื้นรองเท้าอีกที จนสุดท้ายได้เป็นรองเท้าคู่สวยและแปลกประหลาดสมใจ
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes16-683x1024.jpg)
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองหลงใหลในทรงกลมแค่ไหน เพราะนอกจากรูปทรงของรองเท้าที่เน้นความโค้งเว้า ชื่อของ BRAVE SHOES แต่ละรุ่นก็ล้วนมีวงกลมเป็นส่วนประกอบ ทั้ง ‘O’ Tis รองเท้ารุ่นแรก ไปจนถึง GLOBE ที่แปลตรงตัวว่าลูกโลก
แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์เราได้มากกว่าคือ ทั้งคู่บอกว่า BRAVE SHOES ไม่ได้ออกรองเท้าเป็นคอลเลกชันเหมือนแบรนด์อื่นๆ ที่ซีซันหนึ่งจะคลอดออกมาที แถมรองเท้าแต่ละรุ่นก็มีจำกัดม้ากมาก ถึงขนาดที่บางรุ่นมีแค่ 2 คู่!
ที่สำคัญ หากเทียบกับแบรนด์อื่น ราคาของ BRAVE SHOES นับว่าสูงกว่าไม่น้อย ถึงอย่างนั้นสองเพื่อนสาวก็ยืนยันกับเราว่าพวกเธอจะไม่ประนีประนอมกับการตั้งราคาเด็ดขาด
“ตอนแรกเราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าลูกค้าไทยจะซื้อ เพราะราคาขายอยู่ในระดับสูงประมาณหนึ่ง ถึงอย่างนั้นเราก็รู้สึกว่าไม่อยากกดราคา ด้วยต้นทุนวัสดุที่สูงและอยากให้ค่าฝีมือกับทุกคนที่อยู่ในทุกกระบวนการกว่าจะมาเป็นรองเท้าสักคู่ เราอยากให้สิ่งนี้ไปต่อได้ทั้งอุตสาหกรรม” ตะวันเล่า แล้วเสริมต่อพร้อมรอยยิ้ม “แต่ปรากฏว่าพอเปิดตัวออกไป ลูกค้าไทยก็ให้การตอบรับที่ดีนะ”
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes05-823x1024.jpg)
แฟชั่นยั่งยืนไม่ได้จำกัดที่วัสดุเท่านั้น แต่คือการทำให้อุตสาหกรรมยั่งยืน
มองเผินๆ BRAVE SHOES คือสินค้าแฟชั่นยั่งยืนที่ใช้วัสดุย่อยสลายได้มาเป็นส่วนประกอบ แต่ตะวันกับมายยืนยันว่า ความหมายของคำว่ายั่งยืนของทั้งคู่ไม่ได้หยุดอยู่แค่เรื่องวัสดุเท่านั้น
“ตอนทำแบรนด์นี้ เราได้เรียนรู้ว่าในระดับ Global Scale สิ่งที่เขาบอกว่าเป็น Sustain ในวงการแฟชั่นสามารถทำอะไรได้บ้าง บางคนอาจคิดถึงการหยุดซื้อใหม่ แต่กับเราเองที่ได้ไปสัมผัสใน Value Chain ตรงนี้ ทั้งคนงานที่เขายังต้องได้รับค่าจ้างอยู่ และโรงงานที่ยังทำ Material พวกนี้แล้วเขามีลูกน้องที่ต้องประทังชีวิต เราเลยมองว่า ณ วันนี้เราจะทำยังไงให้คนเหล่านั้นเขายังมีอาชีพและรายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งนั่นเป็นนิยามความยั่งยืนอีกแบบที่เราทำได้” มายเล่า ก่อนตะวันจะเสริมต่อ
“เราอยากให้แบรนด์เราไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แค่ลูกค้า แต่รวมไปถึงคนสร้างแบรนด์อื่นๆ ด้วย เพราะเรารู้ว่านักเรียนดีไซน์จบออกมาเยอะมาก เราไม่ได้อยากให้คนหยุดซื้อหรือหยุดครีเอทีฟ เพราะดีไซเนอร์ก็ต้องทำงานของดีไซเนอร์ต่อไป โรงงานผลิตก็ต้องทำงานของตัวเองต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน เราก็อยากให้พวกเขาตั้งคำถามว่า มันจะมีทางเลือกอื่นไหมที่ทำให้แบรนด์ดีต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มขยะให้น้อยที่สุด”
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes09-823x1024.jpg)
ทั้งคู่ยอมรับกับเราว่า แม้ในยุคที่คำว่า ‘ยั่งยืน’ จะถูกพูดบ่อยจนช้ำ แต่การทำแบรนด์แฟชั่นยั่งยืนตอนนี้ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายอยู่ดี “มันต้องใช้เวลาในการ Educate ลูกค้าให้มาเชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ ให้เขาได้เรียนรู้ว่า Circular Business มันมีอย่างนี้ด้วยนะ มีวัสดุที่เป็นทางเลือกอื่นที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม การ Educate คนยังเป็นสิ่งที่ท้าทายเราอยู่ เพราะลูกค้าอาจไม่เคยรู้จักสิ่งนี้มาก่อน เราก็ต้องพัฒนามาร์เก็ตติงต่อไป” ตะวันเล่าแผนในอนาคตที่เธอหมายมั่นปั้นมือ
“ในพาร์ตของ Material ตอนนี้เรามีข้อมูลว่ารองเท้าหนึ่งคู่ลดขยะไปได้เท่าไหร่ ใช้เปลือกกล้วยกี่กิโล แต่ในอนาคตเราจะมีข้อมูลว่ารองเท้าคู่นี้สามารถซัปพอร์ตครอบครัวในชุมชนได้กี่ครัวเรือน เพื่อทำให้คนรู้ว่าโปรดักต์ที่ขายราคาเท่านี้ มันมีหลายคนมากเลยที่จะได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ด้วย” มายอธิบายสมทบ
“ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำแบรนด์ สิ่งแรกที่ยึดไว้ในการทำธุรกิจคือความยั่งยืน เพราะเรารู้สึกว่าธุรกิจทุกวันนี้แข่งขันกันเรื่องรายได้ คุณกำลังสร้างความเหลื่อมล้ำที่มันยิ่งกว้างขึ้นไปทุกที โดยเฉพาะประเทศเราที่ความเหลื่อมล้ำสูง มันมีคนที่อยู่ข้างหลังอย่างคนที่อยู่ใน Value Chain ตรงนั้นอีกเยอะที่เขาได้รับผลกระทบ เราเลยตั้งเป้าหมายไว้ว่าในการทำธุรกิจ ทุกๆ ภาคส่วนจะต้องเติบโตไปด้วยกัน” คู่เพื่อนสนิทสรุปทิ้งท้าย
![แบรนด์รองเท้า braves shoes](https://urbancreature.co/wp-content/uploads/2023/01/uc-sgreen-braveshoes13-823x1024.jpg)
ติดตาม BRAVE SHOES ได้ที่ อินสตาแกรม, ป็อปอัปสโตร์ที่โรงแรม The Standard และป็อปอัปสโตร์แห่งใหม่ๆ ในอนาคต