ค่าเช่าแพง แต่ค่าแรงถูก กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองค่าเช่าที่อยู่อาศัยแพงอันดับหนึ่งของโลก

ช่วยด้วย จ่ายค่าเช่าไม่ไหวแล้ว! ทุกวันนี้คุณจ่ายค่าเช่าห้องกันคนละเท่าไหร่ เป็นห้องขนาดเท่าใด และอาศัยกันอยู่กี่คน เพราะด้วยเศรษฐกิจและค่าครองชีพในตอนนี้ จะให้ซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักหลังคงแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่พอมาเทียบอัตราค่าเช่าและรายได้ บางครั้งก็ยังดูสูงเกินเอื้อมไปอยู่ดี คนกรุงเทพฯ จ่ายค่าเช่า 79 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ล่าสุดข้อมูลจาก DWS บริษัทจัดการสินทรัพย์ ได้นำผลการสำรวจ Housing Affordability (ความสามารถในการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย) ปี 2568 มาขยายผลเป็น 80 เมืองทั่วโลกแล้วพบว่า กรุงเทพฯ ได้อันดับรั้งท้ายในอัตราส่วนระหว่างค่าเช่าบ้านกับรายได้ รวมถึงมีคะแนนความสามารถในการจ่ายค่าเช่ารวม (Combined Affordability Score) ต่ำที่สุด จนแทบสรุปได้เลยว่า กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองรายได้ต่ำ ค่าเช่าแพงไปแล้ว ในรายงานให้ข้อมูลว่า ปกติแล้วสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมระหว่างค่าบ้านกับรายได้ คือต้องต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เช่น รายได้ 30,000 บาท ค่าเช่าบ้านไม่ควรเกิน 9,000 บาท เพื่อที่จะเหลือเงินออม หรือแบ่งจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ แต่จากรายงานสถิติ กรุงเทพฯ มีอัตราส่วนค่าเช่า (สำหรับอะพาร์ตเมนต์ 2 […]

‘น่าน-สงขลา’ ได้การรับรองจาก UNESCO ให้เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ระดับโลกที่พร้อมพัฒนาเมืองผ่านงานหัตถกรรมและอาหาร

‘เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network : UCCN)’ คือโครงการที่มีเป้าหมายสร้างความร่วมมือกับเมืองต่างๆ ที่นำความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเมืองที่สนใจอยากเข้าร่วมโครงการสามารถเสนอตัวเองและกรอกใบสมัครให้ทางโครงการพิจารณาได้ ซึ่งประเทศไทยเองมีหลายจังหวัดที่ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกเครือข่าย เช่น จังหวัดภูเก็ต (พ.ศ. 2558) จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2560) จังหวัดสุโขทัยและกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2562) เป็นต้น ในปีนี้ยูเนสโกได้ประกาศเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ทั้งหมด 58 เมือง โดยมีสองจังหวัดของไทย ได้แก่ จังหวัดน่านและจังหวัดสงขลา ที่ได้รับเลือกเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้วย สำหรับจังหวัดน่านที่ได้รับการประกาศในสาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน (Crafts and Folk Art) ได้นำเสนอแนวคิด ‘ปราชญ์ท้องถิ่น-ชุมชน-ธรรมชาติ’ (Artisans-Community-Nature) ในการสะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองเก่าที่มีชีวิต ผ่านงานหัตถกรรมที่ยังคงดำเนินอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นผ้าทอไทลื้อและลายน้ำไหล งานเครื่องเงินอิ้วเมี่ยน งานจักสานพื้นบ้าน งานไม้หัวเรือแข่ง พญานาค มรดกเตาเผาโบราณบ่อสวก รวมไปถึงจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดัง ‘กระซิบรักบันลือโลก’ ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นภูมิปัญญาและทุนวัฒนธรรมที่สืบทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และจะยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต […]

ลองเชื่อมต่อตัวเองกับสิ่งแวดล้อม พักจิตใจ ไล่ความเครียดได้แม้อยู่ในเมือง ด้วย ‘Ecotherapy’ การบำบัดด้วยธรรมชาติ

ในแต่ละวันที่เราใช้ชีวิตในเมืองอยู่กับความเร่งรีบ ความกดดันในการทำงานและการใช้ชีวิต จนก่อให้เกิดความเครียดสะสม วิธีการที่ช่วยลดภาวะลบๆ นี้ได้คือ ให้วางมือจากความเครียดทั้งหลายแล้วออกไปใช้เวลากับธรรมชาติ เพื่อให้สีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าช่วยชะล้างความเหนื่อยล้าออกไป แต่การออกไปใช้เวลาท่ามกลางธรรมชาติที่ว่านั้นไม่จำเป็นต้องถึงขนาดไปเดินเขา เข้าป่า หรือนอนดูดาว แค่ใช้พื้นที่แถวบ้านหรือไปสวนสาธารณะใกล้ๆ ก็เพียงพอแล้ว โดยใช้การบำบัดง่ายๆ อย่าง ‘Ecotherapy’ หรือการบำบัดด้วยธรรมชาติมาเยียวยาจิตใจ เชื่อมต่อตัวเองกับธรรมชาติช่วยเพิ่มพลังเชิงบวก หลักการของ Ecotherapy เชื่อว่า มนุษย์และธรรมชาติมีความเชื่อมโยงและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน โดย Ecotherapy ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้มนุษย์และธรรมชาติกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง เพื่อที่เราจะหันกลับมาโฟกัสและสำรวจตัวเองไปพร้อมๆ กับการสำรวจธรรมชาติ ละทิ้งความเครียด ฟื้นฟูสภาพจิตใจให้ดีขึ้น Ecotherapy ไม่ได้หยิบเอาธรรมชาติมาใช้เยียวยาเป็นหลัก แต่ใช้ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยฟื้นฟูและเยียวยาจิตใจมากกว่า มีการศึกษาหนึ่งที่แบ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีความเหนื่อยล้าทางจิตใจให้ไปใช้เวลาในกิจกรรมที่แตกต่างกัน ได้แก่ การเดินในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ การเดินในเขตเมือง และนั่งอ่านนิตยสารพร้อมกับฟังเพลง ผลปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่เดินในเขตอนุรักษ์ธรรมชาตินั้นมีอารมณ์เชิงบวกที่มากกว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ หรืออีกหนึ่งการศึกษาของ Roger Ulrich นักวิจัยด้านจิตวิทยาสิ่งแวดล้อมที่พบว่า ผู้ป่วยที่กำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดหัวใจนั้นมีความวิตกกังวลจากการรักษาลดลง รวมถึงพึ่งพายาแก้ปวดน้อยลงหลังจากที่ใช้เวลาไปกับการดูภาพต้นไม้และสายน้ำ กิจกรรมที่ใช้ธรรมชาติมาช่วยบำบัดจิตใจ เมื่อพูดถึงการบำบัดในเชิงธรรมชาติ เราอาจนึกถึงการใช้เวลาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมสีเขียว แต่ในความจริงแล้ว Ecotherapy เป็นการเยียวยาที่ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ตามคำแนะนำของนักจิตบำบัด ที่ทำได้ในรูปแบบรายบุคคลและกลุ่ม ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ยกตัวอย่าง – […]

ไปเดินข้ามสะพานคลองโอ่งอ่างใหม่ ที่ กทม.ร่วมกับ SCG ใช้วัสดุรักษ์โลกพัฒนาแลนด์มาร์กของย่านพระนคร

มีใครกำลังคิดถึงคลองโอ่งอ่างและบรรยากาศสบายๆ ของย่านสำเพ็ง-สะพานเหล็กอยู่ไหม ตอนนี้กรุงเทพมหานคร และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) ร่วมกันรีโนเวตสะพานยอดฮิตด้วยนวัตกรรมผสานเทคโนโลยี 3D Printing Concrete สะพานนี้ได้รับการปรับปรุงด้วยวัสดุรักษ์โลก High Performance Concrete (HPC) ที่แข็งแรงทนทาน คู่กับการใช้ปูนซีเมนต์ลดโลกร้อนรุ่นใหม่ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เวลาเพียง 2 เดือนครึ่งในการก่อสร้าง ซึ่งเร็วกว่าการก่อสร้างแบบเดิมๆ หลายเท่า การปรับปรุงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘โครงการพัฒนาคูคลองบริเวณพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และคลองแสนแสบ’ ที่ไม่เพียงทำให้การข้ามคลองสะดวกขึ้น แต่ยังเป็นการพัฒนาแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร ที่ช่วยเชื่อมโยงรถ ราง เรือ และเส้นทางสัญจรของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งสองฝั่งคลองให้สะดวกขึ้น ใครอยากไปเดินเล่น หรือถ่ายรูปที่แลนด์มาร์กใหม่ในย่านเมืองเก่า แวะไปได้ที่ช่วงสะพานดำรงสถิต-สะพานภาณุพันธ์ ใกล้ MRT สถานีสามยอด (ทางออก 1) ตั้งแต่วันนี้ Source :Facebook : สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ | www.facebook.com/share/p/1QFWMpbyUN/

‘น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม’ น้ำพุร้อนน้ำเค็มที่เดียวในประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดถ้าไปจังหวัดกระบี่

การท่องเที่ยวในกระบี่ไม่ได้มีดีแค่ทะเลและชายหาดที่สวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน เพราะยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือ ‘น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม’ ที่มีส่วนช่วยบำบัดผ่อนคลายความเครียด และไม่มีที่ไหนนอกจากในจังหวัดกระบี่ น้ำพุร้อนเค็มเป็นบ่อน้ำที่ผุดขึ้นมาจากธรรมชาติเช่นเดียวกับบ่อน้ำร้อนทั่วไป ซึ่งน้ำพุร้อนส่วนใหญ่ที่เราเคยเห็นนั้นมักเป็นน้ำจืด แต่ที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีบ่อน้ำพุร้อนน้ำเค็มซึ่งเกิดจากการผสมกันของน้ำร้อนและน้ำทะเลในระดับลึกก่อนโผล่พ้นพื้นดิน ไม่ส่งกลิ่นกำมะถันรุนแรง ทำให้เราแช่ตัวอยู่ในบ่อน้ำร้อนได้โดยไม่รู้สึกฉุนจมูก ซึ่งอุณหภูมิแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40 – 47 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ เพราะการแช่น้ำร้อนเป็นหนึ่งในการบำบัด ช่วยให้สบายตัว ผ่อนคลาย และลดความเครียดได้ รวมไปถึงในน้ำร้อนเค็มนั้นยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ เช่น โซเดียมคลอไรด์ แมกนีเซียม โพแทสเซียม และอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความดัน ลดการอักเสบของข้อ ปัจจุบันทางการแพทย์ได้มีการศึกษาและนำน้ำพุร้อนเค็มมาใช้เสริมทางการแพทย์ เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะทางให้เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคต่างๆ มากไปกว่านั้น น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมยังได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories ในปี 2566 ที่ส่งผลให้ได้รับการผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวพิเศษแบบยั่งยืน เพราะเป็นน้ำพุร้อนเค็มแห่งเดียวในประเทศไทยอีกด้วย ถ้าใครมีโอกาสแวะเวียนไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ อย่าลืมแวะไปที่น้ำพุร้อนเค็มคลองท่อมกัน เปิดบริการตั้งแต่เวลา 05.00 – 20.00 น. โดยมีค่าเข้าเพียงคนละ 40 […]

ชวนไปใช้ Biblio Reading Corner มุมอ่านหนังสือใหม่ใจกลางสามย่าน ที่อยากชวนคนมาพักผ่อนหย่อนใจไปกับหนังสือดีๆ ในราคา 59 บาท

ใครชอบอ่านหนังสือยกมือขึ้น! Urban Creature ขอชวนนักอ่านออกจากบ้านมาเปลี่ยนบรรยากาศที่ ‘Biblio Reading Corner’ มุมอ่านหนังสือใหม่ใจกลางเมืองในโครงการ Slowcombo สามย่าน ที่อยากชวนทุกคนมาพักนั่งอ่านหนังสือชิลๆ ด้วยกัน ที่นี่คัดสรรหนังสือทั้งจากสำนักพิมพ์ Biblio และคอลเลกชันของ Slowcombo ทั้ง Fiction และ Non-fiction ไปจนถึงหนังสือศิลปะและดีไซน์ มาให้ทุกคนยืมอ่านในราคาเริ่มต้นเพียง 59 บาทต่อวัน หรืออ่านเพลินพร้อมจิบเครื่องดื่มรสชาติดีในราคา 99 บาท และสำหรับใครที่ซื้อของใน Slowcombo 300 บาทขึ้นไป เข้าใช้บริการได้ฟรี (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ) นอกจากมุมหนังสือที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่การอ่านในเมืองแล้ว Slowcombo เองยังเป็นคอมมูนิตี้ที่รวบรวมร้านต่างๆ ที่คอนเซปต์ Mindfulness และ Sustainable Lifestyle ไม่ว่าจะเป็นร้านจัดดอกไม้ ร้านอาหารมังสวิรัติ ร้านรวง Eco Friendly สตูดิโอพิลาทิส เป็นต้น การมีมุมหนังสือที่เป็นกิจกรรมทำสมาธิเพิ่มขึ้นมาจึงนับว่าเป็นการเติมให้ที่นี่สมบูรณ์ขึ้น พบกับ Biblio Reading Corner ที่ชั้น 1 […]

รถไฟฟ้าทุกสายเหมาจ่าย 40 บาท ใช้ได้ไม่จำกัดเที่ยวในหนึ่งวัน สายสีแดงและสีม่วง เริ่ม 1 ธ.ค. 68 ก่อนขยายจนครบทุกสาย ม.ค. 69

หลังจากที่นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ รวมไปถึงนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทที่ถูกปัดตกไปเรียบร้อย ล่าสุด ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มีการมอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งศึกษาข้อมูลแนวทางรวมศูนย์การบริหารจัดการระบบรถไฟฟ้าแบบองค์รวม (Single Ownership) เพิ่ม เพื่อให้บริการ ‘บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน’ ที่จะครอบคลุมโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 8 สาย ได้แก่ สายสีแดง สีม่วง สีน้ำเงิน สีชมพู สีเหลือง สีเขียว สีทอง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ โดยจะเปิดให้บริการบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวันในสายสีแดงและสายสีม่วง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568 จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2569 และคาดว่าจะขยายครบทุกสายในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า นโยบายนี้เกิดขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยมีรูปแบบการคิดค่าโดยสารเดินทางไม่จำกัดเที่ยวในวันเดียว ให้บุคคลทั่วไปจ่ายในราคาเหมา 40 บาทต่อวัน นักเรียน-นักศึกษาราคา 30 […]

แจ้งหมีใกล้ฉันกับ BowBear แอปฯ แผนที่เตือนภัยหมีแบบเรียลไทม์ หลังสถิติหมีเข้าพื้นที่ชุมชนพุ่งสูง

หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นมีสถิติการพบเห็นหมีบุกรุกเข้าใกล้พื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 พบว่า ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของเหตุหมีทำร้ายคน เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ประชาชนใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เขตที่อยู่อาศัยและพื้นที่เกษตรกรรม ไม่ใช่ในป่าลึก และมีผู้เสียชีวิตจากการถูกหมีทำร้ายสูงถึง 10 ราย WISM บริษัทเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นจึงได้พัฒนาแอปพลิเคชัน BowBear เพื่อเตือนให้ประชาชนรู้ถึงตำแหน่งของหมี โดยชื่อแอปฯ มาจากคำว่า Bow ที่ออกเสียงเหมือนใน ‘Bow and Arrow’ หรือ คันธนู และเป็นคำพ้องเสียงกับภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ‘การป้องกัน’ ด้วย แอปฯ นี้ทำงานด้วยระบบ Crowdsourcing หรือการรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้ทุกคน แทนที่การเตือนภัยแบบดั้งเดิมอย่างป้ายประกาศหรือการเดินลาดตระเวนของชุมชน เมื่อผู้ใช้งานพบเห็นตัวหมี ร่องรอย รอยเท้า หรือแม้แต่มูลของหมี ก็ปักหมุดลงบนแผนที่ของแอปฯ ได้ทันที โดย ‘หมุดสีแดง’ คือจุดที่มีการยืนยันการพบเจอหมี ส่วน ‘หมุดสีส้ม’ คือจุดที่คาดการณ์ว่าอาจพบเจอหมีได้ ข้อมูลนี้จะถูกแชร์ไปยังผู้ใช้งานคนอื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ ‘เสียงสุนัขเห่า’ ที่กดใช้เวลาเจอหมี ในความดังต่อเนื่องที่ผู้พัฒนาแอปฯ ยืนยันว่าจะทำให้หมีตกใจและหนีไปได้ ด้วย UI […]

‘ดาษดื่น’ ร้านขายของที่ระลึกของคนสงขลารุ่นใหม่ ที่หยิบเอกลักษณ์ท้องถิ่นมาใช้ได้อย่างไม่ดาษดื่น.

บางคนอาจรู้จัก ‘ดาษดื่น (DASDNN)’ จาก ‘พัดรวยหนัด’ พัดที่พี่ลูกกอล์ฟ LG and Friends และลิซ่า Blackpink ถือถ่ายคลิปวิดีโอจนเกิดกระแสฟีเวอร์ แต่ความจริงแล้ว ภายใต้ร้านดาษดื่นยังมีอีกหลายสินค้าน่าสนใจที่บอกเล่าความเป็นสงขลาออกมาได้อย่างจี๊ดจ๊าดด้วยคอนเซปต์ร้านขายของชำ ร้านชำที่อยากนำเสนอความธรรมดาแบบพิเศษ สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็งของสงขลาคือ ที่นี่เป็นเมืองที่มีแบรนด์ท้องถิ่นหลายราย และผลิตสินค้าที่มีคุณภาพอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือยังขาดร้านที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ระลึกหรือของฝากหลากหลายชนิดไว้ด้วยกัน รวมไปถึงการพัฒนาด้านดีไซน์หรือบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ดาษดื่นจึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ในช่วงงานเทศกาล Pakk Taii Design Week ‘มะปราง-สีตวรรณ สิงหเศรษฐ’ หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้าน ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน ได้แก่ ‘เอ๋-ปกรณ์ รุจิระวิไล’ และ ‘แอม-พิสุทธิ์พักตร์ สุขวิสิทธิ์’ บอกกับเราในระหว่างพูดคุยว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อร้านขายของที่ระลึกในรูปแบบร้านของชำแห่งนี้ว่า ‘ดาษดื่น’ เพราะต้องการนำเสนอความธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน “ดาษดื่น มีความหมายว่า อะไรง่ายๆ ที่เห็นได้ทั่วไป เห็นกันอย่างดาษดื่น เราเลยใช้คอนเซปต์นี้มาต่อยอด โดยหยิบเอาภาพลักษณ์ของร้านชำซึ่งมีอยู่ในเมืองเก่ามาเป็นคอนเซปต์หลักของร้าน” มะปรางเล่า ร้านชำที่อยากพัฒนาสินค้าในท้องถิ่นให้หนุกหนัด […]

ห้องน้ำหญิง ความเหลื่อมล้ำทางเพศที่เกิดจากการออกแบบพื้นที่สาธารณะ และแนวทางแก้ไขปัญหาในระยะยาว

เกิดเป็นผู้หญิงต้องอดทน ทนทุกอย่าง ทนทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องเข้าห้องน้ำ เวลาไปเดินห้างฯ ภาพของผู้หญิงที่ต่อแถวเข้าห้องน้ำเป็นภาพที่พบเห็นได้เป็นประจำ ทั้งที่ห้องน้ำชายไม่มีคิวเลย นี่คือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศในพื้นที่สาธารณะที่เกิดขึ้นมาอย่างเนิ่นนาน จนเป็นเหมือนเรื่องปกติที่สังคมชินชา ทุกคนเข้าใจร่วมกันว่า ‘ผู้หญิงเข้าห้องน้ำ = นาน’ ทว่าในช่วงหลังมานี้ เทรนด์การออกแบบอาคารสาธารณะเริ่มมีการกำหนดสัดส่วนของห้องน้ำหญิงให้มากกว่าห้องน้ำชาย หรือแม้กระทั่งการมาถึงของห้องน้ำสำหรับทุกเพศ (Unisex Toilet) ก็ค่อยๆ ทำให้สังคมตระหนักรู้ว่า การเข้าห้องน้ำสาธารณะได้โดยไม่ต้องรอคิวนานเป็นสิทธิที่ทุกคนควรได้รับ และจริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ทำได้หากผ่านการคิดคำนึงและออกแบบมาอย่างถี่ถ้วน คอลัมน์ Curiocity อยากชวนมาดูประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเพศที่เกิดขึ้นจากห้องน้ำสาธารณะ ทั้งสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการแก้ไขด้วยการออกแบบในระยะยาว สาเหตุที่ผู้หญิงต้องรอคิวเข้าห้องน้ำแทบทุกครั้ง จากสถิติของ The Guardian พบว่า 59 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงประสบปัญหาการรอคิวห้องน้ำที่นานเกินไป ในขณะที่ฝั่งผู้ชายมีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์ที่ประสบปัญหานี้ โดยหนึ่งในต้นตอสาเหตุมาจากการที่เพศหญิงใช้เวลาในห้องน้ำประมาณ 90 วินาที ในขณะที่เพศชายใช้เพียง 40 วินาที อันเนื่องมาจากสรีระร่างกายและพฤติกรรมการขับถ่าย อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุที่ผู้หญิงใช้เวลาในห้องน้ำนานกว่านั้นเกิดจากหลายปัจจัย เช่น เลเยอร์ของเสื้อผ้าที่มากกว่าผู้ชาย การทำความสะอาดฝารองโถก่อนนั่ง การมีประจำเดือน และจากปัจจัยภายนอกอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การช่วยพาลูกหรือผู้สูงอายุเข้าห้องน้ำ […]

ทริปเที่ยวแบบกรีนๆ ที่เกาะลันตา พื้นที่ท่องเที่ยวแบบยั่งยืน การันตีด้วยรางวัล Green Destinations Top 100 Stories

การท่องเที่ยวในประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของแหล่งธรรมชาติ จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือนได้อย่างยาวนาน ทว่าความงดงามจะอยู่กับเราไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ด้วยเหตุนี้ ในหลายพื้นที่ที่เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนจึงเริ่มมีการจัดการระบบนิเวศที่ดีควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว หนึ่งในนั้นคือ ‘หมู่เกาะลันตา’ จังหวัดกระบี่ ที่มองเห็นโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวของพื้นที่ โดยที่ยังสามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างความตระหนักรู้ให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในเกาะแห่งนี้ด้วย ความตั้งใจนี้เองส่งผลให้เกาะลันตาได้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล ‘Green Destinations Top 100 Stories 2025’ โดยองค์กร Green Destinations Foundation ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมอบให้กับแหล่งท่องเที่ยวที่มีการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว นับเป็นโอกาสดีที่ ‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)’ ชวนเราเดินทางไปยังจังหวัดกระบี่ เพื่อพาไปสัมผัสการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในหมู่เกาะลันตาว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงคว้ารางวัลระดับโลกนี้มาได้ ซึ่งเราก็ไม่พลาดนำบันทึกการเดินทางนี้มาฝากทุกคนด้วย ส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ทะเล ด้วยโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน จุดประสงค์หลักของการไปเกาะลันตาของเราในครั้งนี้คือ การไปรู้จัก ‘คืนบ้านให้ปูเสฉวน’ โครงการเล็กๆ ที่ทำให้เกาะลันตาได้รับรางวัล Green Destinations Top 100 Stories 2025 โครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2563 จากการที่นักท่องเที่ยวได้โพสต์ภาพปูเสฉวนในขวดแก้วหรือขยะทะเลลงบนโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงปัญหาขยะทะเลที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ เหล่านี้เกิดความสับสนในการหาเกราะป้องกันตัวเอง […]

7 พื้นที่สาธารณะ ใน 7 เมืองเพื่อเด็กผู้หญิง ออกแบบตามการใช้งาน ครอบคลุมความต้องการ สร้างความรู้สึกปลอดภัย ไม่เกิดบรรยากาศแบ่งแยก

พื้นที่สาธารณะที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงควรเป็นอย่างไร การจะหาคำตอบนี้ได้ดีที่สุดคือการถามพวกเธอโดยตรง Make Space for Girls (MSFG) คือองค์กรการกุศลในเมืองลอนดอน ที่จัดตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ในการรณรงค์การออกแบบพื้นที่สาธารณะที่ครอบคลุมความต้องการของผู้หญิงมากขึ้น หลังจากพบว่าพื้นที่สาธารณะหลายแห่งออกแบบโดยอิงการใช้งานของผู้ชายเป็นหลัก ทำให้พวกเธอรู้สึกเหมือนถูกกีดกันออกจากการใช้งานสวนและพื้นที่สาธารณะ Urban Creature ขอหยิบเอา 7 พื้นที่สาธารณะใน 7 เมือง ที่ดำเนินงานโดยองค์กรนี้ และออกแบบพื้นที่จากการสอบถามความต้องการของเด็กผู้หญิงโดยตรงมารวบรวมไว้ให้ทุกคนดูกัน เพื่อทำความเข้าใจมุมมองที่ผู้หญิงมีต่อพื้นที่สาธารณะในท้องถิ่น และอุปสรรคที่เผชิญ รวมถึงเห็นความสำคัญของการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบเมืองที่อยู่อาศัย ปรับพื้นที่ เพิ่มแสงสว่าง ขยายทางเข้า-ออก เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย  การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสวนสาธารณะ Einsiedler Park ในกรุงเวียนนา มีที่มาจากนโยบายที่ให้ความสำคัญเรื่องเพศมากกว่าเมื่อครั้งอดีต หลังจากพบว่าจัตุรัสเล็กๆ ที่มีรั้วล้อมรอบแห่งนี้ถูกวิจารณ์ว่า แม้จะเป็นพื้นที่สาธารณะแต่กลับถูกจับจองโดยกลุ่มเด็กผู้ชายเป็นหลัก นำมาสู่การดำเนินกระบวนการปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญ ทั้งกับเด็กผู้หญิงเองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ อย่างตระหนักรู้ถึงปัญหาความเท่าเทียม จนเกิดเป็นสวนสาธารณะเดิมที่เพิ่มเติมเรื่องการเปิดพื้นที่ให้เด็กผู้หญิงเข้าไปใช้งานได้โดยไม่รู้สึกถูกกีดกัน การเพิ่มเติมที่ว่าคือ การเพิ่มแสงสว่างบริเวณทางเดินทั่วทั้งสวน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำกิจกรรมเล่นเกมเพื่อให้เด็กผู้หญิงรู้สึกปลอดภัยที่จะเข้าไปใช้งาน แบ่งพื้นที่เป็นโซนย่อย พร้อมทางเข้า-ออกที่กว้างขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งเก้าอี้และม้านั่งในสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กเล็กมากขึ้น เพื่อให้มีที่นั่งพักสำหรับผู้ปกครองที่มาเฝ้าเด็กๆ ในระหว่างเล่นภายในสนาม ออกแบบโครงสร้าง ดึงคนออกมาทำกิจกรรมเมือง เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ในย่านเบรเดง ชานเมืองของสตอกโฮล์ม มีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในด้านการออกแบบพื้นที่เพื่อเด็กสาววัยรุ่นโดยเฉพาะ เนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาอัตราการเข้าร่วมกิจกรรมเมืองของกลุ่มเด็กสาววัยรุ่นที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก […]

1 2 3 385

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.