#เรื่องเล่าในคืนวันศุกร์ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร - Urban Creature

“ในค่ำคืนวันศุกร์เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว”

ปี๊นๆ เสียงแตรรถดังเสียดเข้าไปในแก้วหูของผมอยู่เป็นระยะ ภาพเบื้องหน้าคือรถเมล์แทรกตัวจากเลนขวาสุดเข้าซ้ายสุดเพื่อจอดป้าย ตัดกับภาพแท็กซี่กึ่งๆ จอดกึ่งๆ ขยับ เพื่อคอยผู้โดยสารโบก ท่ามกลางทางเท้าที่มีผู้คนเดินไปมากันขวักไขว่ บวกกับเสียงล้อรถไฟฟ้าเสียดสีกับรางที่วิ่งสวนกันอยู่เหนือหัวผมขึ้นไป ผสมผสานกับเสียงเพลงลูกทุ่งที่ชายพิการท่านหนึ่งยืนร้องออกไมค์อย่างใส่อารมณ์ มันคือค่ำคืนที่สุดแสนจะวุ่นวายสำหรับผมจริงๆ

ผมยืนพักเหนื่อยอยู่ตรงข้างบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ฝั่งตรงข้ามกับสวนจตุจักร แล้วสังเกตสิ่งต่างๆ ตรงหน้าที่เคลื่อนตัวไป ผมกำลังเหนื่อย หลังจากที่ตัดสินใจก้าวเท้าลงจากรถเมล์สาย 8 ตรงป้ายรถเมล์โชคชัย 4 เนื่องจากเมื่อ 10 นาทีก่อน ผมขึ้นรถเมล์จากป้ายนี้แหละ ขึ้นมาก็ยืนรอด้วยความหวังว่า รถเมล์จะเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ เรื่อยๆ เพื่อเดินทางไปสวนจตุจักร

แต่10นาทีผ่านไป ล้อรถไม่ได้ขยับจากพื้นถนนเลยด้วยซ้ำ ผมจึงตัดสินใจเดินมันซะเลย หยิบเอาหูฟังขึ้นมาเสียบเปิดเพลงแล้วย่ำก้าวไปเรื่อยๆ แบบไม่สนว่าจะถึงเมื่อไหร่ ซึ่งหลังจากที่ข้ามสะพานลอยแยกรัชดามาเรียบร้อยแล้ว ผมก็พบว่าสาย 8 ที่เพิ่งลงมามันค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ จนสุดสายตาเหมือนกับว่ากำลังเยาะเย้ยกัน….

แต่ช่างมันเถอะ ไหนๆ ก็เดินแล้ว ถือซะว่าออกกำลังกายไปในตัวก็แล้วกัน

หลังจากที่พักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งตรงข้างบันไดเลื่อน ผมก็เดินขึ้นไปเพื่อแทรกตัวฝ่าฝูงชนข้ามถนนไปยังฝั่งสวนจตุจักร

คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ ผมมีนัดกับร้านค้าหลายร้านในนั้นที่สั่งของไว้เพื่อนำกลับไปขาย…..

ใช่แล้ว ตอนนั้นผมเป็นพ่อค้าตลาดนัด

ระหว่างที่กำลังเดินข้าม โดยใช้สถานีรถไฟฟ้าเป็นทางสัญจร ตอนอยู่ข้างบนนั้น ผมหันซ้ายไปมองด้านล่างตรงส่วนที่เป็นคิวรถตู้ ภาพที่เห็นคือ คนยืนรอต่อคิวเพื่อขึ้นรถตู้กันยาวเหยียดเป็นระยะสัก 100เ มตรได้มั้ง มองเข้าไปในรถตู้ที่เต็มแล้วกำลังจะออก ก็คือเต็มจริงๆ เต็มแบบไม่มีที่ว่างเลย เห็นแล้วก็นึกถึงตัวเองว่า ถ้าคนกลัวที่แคบมากๆ อย่างผมเข้าไปอยู่ในนั้น ผมคงอึดอัดตายแน่ๆ

ผมเดินผ่านแถวอันยาวเหยียดนั้นไปเพื่อเข้าประตู 2 ของตลาดนัดสวนจตุจักร เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้วความรู้สึกเหมือนเราก้าวเข้ามาสู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่มีแต่การซื้อขายกันอย่างครึกครื้น เร่งรีบ และหนักหน่วง….

หนักหน่วงในที่นี้ คือถือของกันหนักหน่วงแทบทุกรายนั่นเอง เพราะอะไรรู้มั้ยครับ เพราะคืนวันศุกร์ ที่นี่จะเป็นเหมือนกับตลาดขายส่งของพ่อค้าแม่ค้าจากทั้วทุกสารทิศที่เดินทางเข้ามาเพื่อเติมของ จับจ่ายใช้สอย เสาะหาแฟชั่นใหม่ๆเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่ตัวเองขายของอยู่ ซึ่งผู้ค้าส่งในนี้เขาจะมีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ตกเทรนด์อยู่แล้ว มากันทีก็จัดหนักจัดเต็มเอาไปสต็อกกันไว้ เพื่อให้เพียงพอต่อการขายในรอบสัปดาห์ เราจึงเห็นภาพคนเดินเข็นกระเป๋าที่มีล้อลากกันอย่างเยอะแยะมากมาย เพราะมันง่ายต่อการเคลื่อนย้ายของเยอะๆ

บางคนขี้เกียจยกขี้เกียจลาก ที่นี่เค้าก็มีบริการรถเข็นอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อเข็นไปส่งให้ถึงที่จอดรถ สนนราคาค่าบริการก็อยู่ที่ 40-50 บาท แล้วแต่ระยะทางใกล้ไกล ซึ่งมันก็สะดวกสบายไปอีกแบบนะ ส่วนผมน่ะเหรอ ใช้วิธีพกถุงทะเลใบใหญ่ แล้วเอาของที่ซื้อทั้งหมดยัดเข้าไปแล้วเดินแบกเอา ซึ่งมันสะดวกดีสำหรับผมนะ แต่ถ้าสัปดาห์ไหนเติมของเยอะล่ะก็ มีหลังยอกเหมือนกัน

อย่างที่บอกว่าคืนวันศุกร์ของสวนจตุจักรนั้น จะเป็นการขายส่งขายยกซะส่วนใหญ่ คนที่มาส่วนหนึ่งนั้นก็จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าจากที่ต่างๆ แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่พ่อค้าแม่ค้าอย่างเดียว คนธรรมดาที่ไม่ได้มีอาชีพค้าขายก็สามารถไปเดินจับจ่ายได้ บางร้านก็มีขายปลีกขายแยกเหมือนกันนะ หรือถ้ามากันเป็นหมู่คณะล่ะก็แจ๋วเลย อยากได้อะไรก็ช่วยกันแชร์ จะได้ของถูกในราคาส่งเลยแหละ เช่น บางร้านขายส่ง 6 ชิ้นขึ้นไป แล้วถ้ากลุ่มเราไปกันทั้งหมด 6 คนพอดี เราก็จะได้สินค้าชิ้นนั้นกันคนละ 1 ชิ้นในราคาส่ง ซึ่งต้องบอกว่า ถูกว่าราคาปลีกอยู่เยอะเหมือนกันนะ แต่ก็ใช่ว่าทุกร้านจะขายส่งที่จำนวน 6 ชิ้นขึ้นไป บางร้านก็ 10 ชิ้นขึ้น หรือบางร้านแค่ 3 ชิ้นก็ได้ราคาส่งแล้ว อยู่ที่เราถามเขาในแต่ละร้าน

นอกจากนั้นชาวต่างชาติก็มีมาเดินให้เห็นกันเยอะเหมือนกันนะในคืนวันศุกร์เนี่ย ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งตาน้ำข้าวหรือชนชาติแถบเอเชีย ทำให้บรรยากาศมันยิ่งดูคึกคักขึ้นไปอีก

แต่ก็ใช่ว่าจะจับจ่ายกันอย่างสะดวกสบายอย่างเดียว การเปิดศึกแย่งชิงของขายกันก็มีนะ ผมเคยเห็นบางร้านที่มีของเจ๋งๆ หมายถึงว่าเป็นของที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้า เช่น เสื้อผ้าแฟชั่นที่วัยรุ่นกำลังฮิตใส่กัน วันนั้นร้านที่ขายส่งยังไม่เปิด คือกั้นม่านไว้กำลังจัดของอยู่ ยังไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่มาเอาของเข้าไปหยิบไปเลือก คนก็ยืนออกันเต็มหน้าร้านเลย ยืนรอด้วยความหวัง หนึ่งในนั้นมีพี่ชายที่สนิทกันซึ่งขายอยู่ตลาดเดียวกับผมยืนรออยู่ด้วย พอเจ้าของร้านเปิดม่าน คนนี่วิ่งกรูเข้าไปหยิบไปแย่งกันแบบชุลมุนวุ่นวายไปหมด เห็นละปวดหัวแทนเจ้าของร้านเลย ซึ่งพอเวลาผ่านไปซักพัก เข้าสู่ช่วงแห่งความสงบคือรอจ่ายตัง ผมเดินผ่านมาอีกรอบแล้วเห็นพี่ชายยืนรอจ่ายตังอยู่ เข้าไปถามพี่ชายว่า “เป็นไงพี่ ได้เยอะมั้ย” แกตอบกลับมาว่า “ได้ห่าไรล่ะ จะหยิบตัวโน้นคนโน้นก็แย่ง จะหยิบตัวนี้คนนี้ก็เอาไป สรุปได้มาแต่ชิ้นที่คนเค้าไม่เอาแล้ว” ฮ่าๆๆ ก็ขำๆ กันไป ไว้ศุกร์หน้าค่อยมาเอาใหม่ละกันนะพี่นะ

คือจริงๆ แล้วการขายของพวกนี้ต้องตามแฟชั่นให้ทัน บางทีมันก็เป็นแค่ไฟลามทุ่ง แป้ปๆ มันก็จางแล้วไปฮิตอย่างอื่นแทน ถ้าพ่อค้าแม่ค้าคนไหนตามทัน มันก็จะทำเงินได้มากกว่าคนที่หยุดอยู่กับที่ไม่ตามแฟชั่น ตรงนี้สำคัญมากๆ เพราะมันหมายถึงรายได้โดยตรงเลย ขึ้นอยู่กับทักษะ สกิล และประสบการณ์ของแต่ละคนว่าจะเจ๋งแค่ไหน

ส่วนผมน่ะเหรอ….

ขายแปลกกว่าชาวบ้านหน่อย ก็เลยไม่ค่อยได้แย่งอะไรกับใครเท่าไหร่ ผมจะมีจุดที่ผมจะต้องไปอยู่แล้ว มันเป็นแพทเทิร์นเดิมๆ ที่ทำอยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์ ก็เลยไม่ค่อยลำบากตรงนี้

มีอีกจุดนึงที่อยากจะพูดถึงก็คือ จุดแวะพักสำหรับผมในสวนจตุจักรนี่แหละ คือตรงช่องกลางระหว่างโครงการทางที่จะไปออกด้านหลังสวนฯ ตรงประตูหนึ่ง มันจะมีหอนาฬิกาอยู่ แล้วใกล้ๆ กับหอนาฬิกาจะมีตู้โค้กสำหรับขายน้ำไว้บริการ ผมจะเดินทางหยุดพักซื้อยาคูลท์ที่นี่ดื่มตลอด ไม่รู้เป็นอะไร มาทีไรก็ดื่มแต่ยาคูลท์ คนขายจะเป็นคุณป้ากับคุณลุงและลูกชายใส่แว่น ป้ากับลุงอัธยาศัยดีมากๆ คือน่าซื้อ ซึ่งหลังจากผมซื้อของเสร็จผมจะแวะทุกครั้ง อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะจิบยาคูลท์หมดแล้วค่อยกลับ และนอกจากตู้โค้กแล้วตรงนั้นก็จะมีร้านข้าวร้านขายของกินแบบรถเข็นอยู่หลายร้านไว้คอยบริการคนอ่อนล้าและหิวโซอยู่นะ ไม่ว่าจะเป็นร้านข้าวกะเพรา ร้านยำ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านลูกชิ้นทอด และมีทีเด็ดอยู่ร้านหนึ่งตรงสุดทางเดิน เป็นร้านข้าวห่อหมก คนขายเป็นแก๊งสาวประเภทสอง ที่มีลูกค้ามายืนต่อคิวซื้อทั้งคืน ตอนนั้นคือขายดีมากๆ นะ แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่มั้ย เดี๋ยวมีโอกาสจะแวะไปดูสักที

จริงๆ แล้ว ทุกครั้งที่มาผมจะขี่มอ’ไซค์มาเลย มาจากลาดพร้าวอ้อมไปทางอตก. ยูเทิร์นกลับเข้าทางประตูหนึ่งด้านหลัง ขากลับก็เอาถุงทะเลผูกกับเบาะแล้วแว๊นกลับเลย แต้ที่วันนั้นเลือกที่จะไม่เอารถมา เพราะมีนัดแฮ้งค์เอ้าท์กับมิตรสหายนิดหน่อยที่ร้านนั่งชิลล์ในย่านหลังสวนฯ ผมจึงต้องแบกถุงทะเลขึ้นหลังแล้วก้าวต่อไปยังสถานที่ที่นัดหมายกันไว้อีก

สรุปว่าคืนนั้นเดินทั้งคืน เดินจนน่องโป่งกันเลยทีเดียว แต่การที่ได้ไปนั่งฟังเพลงจิบเครื่องดื่มแล้วมองวัยรุ่นเดินผ่านไปผ่านมานี่ก็ทำให้หายเหนื่อยได้อย่างเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียวนะครับ

ตลาดนัดสวนจตุจักรคืนวันศุกร์ เปิดทุกสัปดาห์นะไม่เว้นแม้แต่ช่วงเทศกาลต่างๆ เขาขายกันตลอด เรียกได้ว่าอยากไปศุกร์ไหนก็ได้

ซึ่งถ้าหากใครกำลังมองหาสินค้ามาขายทำกำไร ลองไปเดินเลือกเดินหาดูครับ ไม่แน่อาจจะเจอของที่ถูกใจแล้วสามารถสร้างรายได้เข้ากระเป๋าคุณได้ก็ได้นะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านจำพวกเสื้อผ้า, กระเป๋า, สินค้าแฟชั่นต่างๆ ที่เป็นมือหนึ่งนะครับ

เผลอๆ คุณอาจจะได้อาชีพใหม่จากที่นี่ก็ได้

ใครจะไปรู้ จริงมั้ย

 

Writer

SEND YOUR STORY

REQUEST INTERVIEW

ติดตามอ่าน “Urban Creature”
นิตยสารออนไลน์ที่จะทำให้คุณรักเมืองที่คุณอยู่ รักตัวเองมากขึ้นด้วยการเปิดมุมมองและนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต
Better Life. Better Living.

Max. file size: 256 MB.