ประเทศญี่ปุ่น ดินแดนอาทิตย์อุทัย มักมีของเล่นใหม่ๆ มาให้เราตื่นเต้นเสมอ ล่าสุดบริษัทสตาร์ทอัป Zip Infrastructure คิดแก้ไขปัญหารถติดในเมืองโตเกียว ด้วยการพัฒนาระบบการเดินทางรูปแบบใหม่ในชื่อ ‘Zippar’ ซึ่งดูละม้ายคล้ายกระเช้าลอยฟ้าโรปเวย์ที่เรานั่งกัน
Zippar นอกจากจะมาพร้อมหน้าตาสุดเท่แล้ว มันเป็นกระเช้าไร้คนขับที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แถมงบประมาณในการสร้างนั้นก็อยู่แค่เพียง 1 ใน 5 เท่าของรถไฟโมโนเรล ซึ่ง 1 กระเช้าจุผู้โดยสารได้ราว 12 คน และจะขนส่งคนได้ถึง 3,000 คนใน 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ Zippar ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบระบบที่เมืองโอดาวาระ จังหวัดคานางาวะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น โดยทีมผู้พัฒนาตั้งเป้าว่า เจ้ากระเช้าลอยฟ้านี้จะใช้งานได้จริงในปี 2025
RELATED POSTS
‘Forest Crayons’ กระตุ้นการดูแลป่าไม้ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการผลิตสีเทียนธรรมชาติจากไม้รีไซเคิล
เรื่อง
Urban Creature
ปกติแล้ว ไม้มักจะถูกนำมาแปรรูปเป็นของใช้ต่างๆ ที่ยังคงลักษณะของไม้เอาไว้ แต่สตูดิโอออกแบบในญี่ปุ่นได้มองเห็นความพิเศษของไม้ในมุมที่แตกต่างออกไป ทำให้เราได้เห็นการรีไซเคิลออกมาในรูปแบบใหม่อย่างสีเทียน ‘Daniel Coppen’ และ ‘Saki Maruyama’ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอออกแบบ Playfool พบว่า พื้นที่สองในสามของประเทศญี่ปุ่นปกคลุมไปด้วยต้นไม้ที่ถูกปลูกขึ้นหลังช่วงสงครามกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของธรรมชาติ จึงต้องคอยตัดและปลูกต้นไม้อยู่เป็นประจำ แต่ในขณะเดียวกัน การใช้ไม้ในประเทศนั้นก็ลดน้อยลง ทำให้การดูแลต้นไม้เหล่านี้ลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างความเสี่ยงต่อภัยพิบัติปัญหาดินถล่มตามมาด้วย Playfool ได้คิดถึงวิธีการนำไม้เหล่านั้นมาใช้ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากเดิม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการดูแลรักษาป่าไม้ และทำให้คนรุ่นหลังเห็นถึงคุณค่าของป่าไม้ เกิดเป็น Forest Crayons สีเทียนจากไม้รีไซเคิล ที่นำมาใช้งานได้จริง และยังมีสีสันสวยงามอีกด้วย สีเทียนนี้สกัดขึ้นจากเม็ดสีจากต้นไม้สายพันธุ์ต่างๆ เช่น ซีดาร์ ไซเปรส และแมกโนเลีย ผสมกับไม้ ขี้ผึ้งข้าว และน้ำมันข้าว จนได้ออกมาทั้งหมด 10 สี ที่ไม่ได้มีแค่โทนน้ำตาลอย่างสีไม้ที่เราคุ้นเคยกัน เพราะในความเป็นจริงแล้ว สีของไม้ในธรรมชาตินั้นมีหลากหลายเฉด ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวอ่อนของต้นแมกโนเลีย ไปจนถึงสีเขียวอมฟ้าเข้มของไม้ที่ย้อมเชื้อรา โดยเฉดสีต่างๆ นอกจากจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ไม้แต่ละชนิดแล้ว ก็ยังเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่ต้นไม้เหล่านั้นเติบโต มากไปกว่านั้น Forest Crayons ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยป่าไม้ของญี่ปุ่นอีกด้วย […]
TOGO BOOKS nomadik คาเฟ่ร้านหนังสือในเมืองโอซาก้า สถานที่ที่หนังสือและอาหารมาบรรจบกัน
เรื่อง
Urban Creature
ด้วยความตั้งใจที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่พักอาศัยให้กลายเป็นร้านค้าเชิงพาณิชย์ที่หนังสือและมื้ออาหารจะเข้ามาช่วยเติมเต็มชีวิตประจำวัน ‘TOGO BOOKS nomadik’ จึงถือกำเนิดขึ้นในเมืองโนเสะ เมืองทางตอนเหนือของจังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่นี่คือร้านคาเฟ่ไม้สไตล์ดั้งเดิมที่เสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำไปพร้อมกับหนังสือละลานตา และวิวสวยๆ แห่งนี้เกิดขึ้นด้วยฝีมือการออกแบบของ Coil Kazuteru Matumura Architects ที่เนรมิตบ้าน 2 ชั้นเดิมให้สอดคล้องไปกับความปรารถนาของเจ้าของ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่มีหนังสือออกใหม่บนชั้นวางให้ลูกค้าได้เลือกหยิบอ่านตามความต้องการ ก่อนจะนำไปสู่พื้นที่ครัวแบบเปิดและพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารภายในคาเฟ่ที่รายล้อมไปด้วยชั้นวางหนังสือสูงจรดเพดาน ให้ได้ซึมซับกับรสชาติอาหารและเพลิดเพลินไปกับเหล่าหนังสือที่คล้ายเป็นห้องสมุดขนาดย่อม ก่อนจะเข้าสู่สวรรค์ของนักอ่านบริเวณชั้น 2 ของบ้าน ที่มาพร้อมหนังสือและพื้นที่อ่านที่เงียบสงบ ให้ได้จมอยู่ในโลกแห่งหนังสือพร้อมทิวทัศน์ของเมืองที่ผสมผสานกับสวนสีเขียวเล็กๆ ของทางร้าน ทำให้ TOGO BOOKS nomadik กลายเป็นหนึ่งแลนด์มาร์กที่ห้ามพลาดสำหรับใครที่ต้องการรับประทานอาหารจากผลผลิตในชุมชน และมองหาหนังสือดีๆ สักเล่มอ่านเคล้าไปกับวิวธรรมชาติในเมืองโอซาก้า Sources : ArchDaily | t.ly/bQ-c3Coil KMA | t.ly/yhPLF
สำรวจความรุนแรงในครอบครัว ผ่านเสียงร้องของวาฬกับความโดดเดี่ยวในสังคม ในหนัง ‘52 Hertz คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน’
เรื่อง
Urban Creature
วันหนึ่งเราอาจเป็นวาฬหรือวาฬอาจอยู่รอบตัวเรา ‘วาฬ 52Hz’ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกนิยามว่าเป็นสัตว์ที่เหงาที่สุดในโลก เนื่องจากคลื่นเสียงที่วาฬตัวนี้ส่งออกมาเป็นความถี่ที่สูงกว่าวาฬทั่วไปใช้ในการสื่อสาร ทำให้วาฬ 52Hz ไม่สามารถสื่อสารกับฝูงได้ มันต้องอยู่อย่างเดียวดายท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และกลายเป็นภาพแทนความโดดเดี่ยวของผู้คนในสังคมปัจจุบัน ‘52 เฮิรตซ์…คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน’ เป็นภาพยนตร์ดราม่าจากญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากหนังสือชื่อเดียวกัน เล่าเรื่องของ ‘คิโกะ มิชิมะ’ หญิงสาวที่พยายามเอาตัวเองออกมาจากอดีตอันขมขื่นและย้ายมาอยู่ในเมืองเล็กๆ ริมทะเล จ.โออิตะ ก่อนจะได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เธอนึกถึงอดีตของตนเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ทุกคนในสังคมต่างมีอิทธิพลต่อกัน แต่บางคนอาจต้องหลบซ่อนตัวตนหรือความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง เพราะกลัวการต่อต้านจากสังคม บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่นแต่กลับถูกทำร้ายต่อเนื่อง ขณะที่บางคนเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ยินดีกับการมีชีวิตอยู่ของเขา ตัวละครเหล่านี้ต่างเหมือนวาฬที่พยายามส่งคลื่นเสียง 52 Hz ของตนเอง โดยหวังว่าวันหนึ่งจะมีคนที่มีคลื่นเสียงตรงกันรับรู้และตอบกลับมาในความถี่เดียวกัน นอกจากความเหงาและความโดดเดี่ยว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสอดแทรกประเด็นความรุนแรงในครอบครัวซึ่งเป็นปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ในสังคมญี่ปุ่น โดยเล่าผ่านคิโกะที่ต้องเผชิญความรุนแรงทั้งจากแม่ พ่อเลี้ยง และคนรัก ซึ่งล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่ตัดสินใจเอาตัวออกมาได้ยาก ถึงอย่างนั้น คนที่เจอความโชคร้ายซ้ำซ้อนแบบคิโกะกลับผ่านทุกเหตุการณ์มาได้เพราะมีคนที่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจ และไม่ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวบนโลกที่กว้างใหญ่ รับชมภาพยนตร์ 52 เฮิรตซ์…คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน ได้แล้ววันนี้ ที่โรงภาพยนตร์ SF, Major Cineplex และ House Samyan หมายเหตุ : ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว […]
ถอดรหัสความสำเร็จจาก Haikyu!! สุดยอดมังงะกีฬาสร้างแรงบันดาลใจ สู่การฟื้นกระแสกีฬาวอลเลย์บอลในญี่ปุ่น
เรื่อง
โยษิตา สินบัว
‘เพราะว่าเราไม่มีปีก ดังนั้นเราจึงพยายามหาวิธีที่จะบิน’ หากพูดถึงอนิเมะที่กระแสแรงที่สุดในวินาทีนี้คงหนีไม่พ้น ‘ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน’ หรือ ‘Haikyu!!’ จากกระแส #ประเทศไทยมีศึกกองขยะแล้ว ครองไทม์ไลน์โซเชียลมีเดียตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้วความเฟมัสของไฮคิว!! ไม่ได้เพิ่งมีในช่วงปีนี้ เพราะที่ผ่านมาไฮคิว!! ถูกพูดถึงมาตลอดในฐานะการ์ตูนสร้างแรงบันดาลใจ ที่ ‘ชาวไฮเคี่ยน’ มักนำโควตของตัวละครในเรื่องมาแชร์กันบ่อยครั้ง ทั้งบทสนทนาที่เปิดมุมมองการใช้ชีวิตและการทำตามความฝัน ไฮคิว!! ถือเป็นสุดยอดมังงะกีฬา ที่พูดถึงเรื่องราวของ ‘ฮินาตะ โชโย’ เด็กหนุ่มตัวเล็กที่สนใจในกีฬาวอลเลย์บอลตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา หลังบังเอิญได้เห็นการแข่งขันของ ‘ยักษ์จิ๋ว’ เอซ (Ace) ในตำนานของทีมคาราสึโนะ ผู้เล่นตัวเล็กที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทีมตรงข้ามที่สูงถึง 190 เซนติเมตรได้ ทำให้ฮินาตะใฝ่ฝันอยากเป็นอย่างยักษ์จิ๋ว พยายามฝึกฝนกีฬาวอลเลย์บอล เกิดเป็นเรื่องราวมิตรภาพและการแข่งขันตามมา ไฮคิว!! ถือกำเนิดจากฝีมือการเขียนของ ‘อาจารย์ฮารุอิจิ ฟุรุดาเตะ’ โดยเริ่มต้นจากการตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ในปี 2555 ก่อนจะถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมะซีซันแรกในปี 2557 ปัจจุบันมีการรวมเล่มมังงะจนจบ 45 เล่ม อนิเมะ 4 ซีซัน โดยล่าสุดภาพยนตร์อนิเมะกำลังฉายในโรงภาพยนตร์ ในชื่อ ‘Haikyu!! The […]