‘จงลืมเรื่องความก้าวหน้าและความเข้าใจใดๆ สงครามคือสิ่งเดียวในอนาคตอันมืดมิด จะไม่มีสันติสุขใดในมวลหมู่ดาว มีเพียงความบ้าคลั่งของสงครามนิรันดร์ และเสียงหัวเราะของทวยเทพผู้หิวกระหาย’
ตอนนี้จักรวาลของ Warhammer 40K ได้เฉิดฉายขึ้นมาเป็นกระแสหลัก หลังจากการปล่อยเกม Warhammer 40K : Space Marine 2 และการประกาศฉายแอนิเมชัน Secret Level บนสตรีมมิง Amazon Prime
Warhammer 40K เล่าถึงช่วงสหัสวรรษที่ 41 หลังจากที่มวลมนุษยชาติได้เดินทางสู่ห้วงอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุด เหล่ามนุษย์ก่อตั้งอาณานิคมบนหมู่ดาวนับล้านดวง แต่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มวลมนุษย์ในจักรวาลถูกตัดขาดจากกัน
ชายผู้หนึ่งตั้งตนเป็นจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์ (The Emperor of Mankind) โดยมีพันธกิจอันยิ่งใหญ่ ตั้งใจรวบรวมมนุษย์ที่กระจัดกระจายอยู่ในจักรวาลให้กลับมาอยู่ภายใต้ธงผืนเดียวกัน ร่วมกับกองทัพชายหญิงผู้กล้าหาญในจักรวาลที่มีแต่ภยันตรายรอบด้าน
คอลัมน์ Urban Isekai วันนี้ เราจะมารับบทนักวิชาการแห่งหน่วยงาน Adeptus Administratum เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ สังคมเมืองในสหัสวรรษที่ 41 ในมหานครซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยหลักของมนุษย์ เรียกกันว่า ‘Hive City’
เมืองหอคอย
Hive City เป็นมหานครแนวตั้งขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นหอคอยสูงที่สร้างจากแกนของดาวจนทะลุไปนอกชั้นบรรยากาศ เมืองขนาดใหญ่แห่งนี้เกิดจากการสร้างโครงสร้างทับถมกันขึ้นไปเรื่อยๆ ในระยะเวลาหลายพันปี จากบันทึกที่มี Hive City มีความสูงโดยประมาณ 20 กิโลเมตร มีประชากร 1,000 – 5,000 ล้านคน และในดาวดวงหนึ่งอาจจะมี Hive City ได้ตั้งแต่ 5 – 20 เมือง
ภายใน Hive City ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต มีที่พักอาศัย แหล่งงาน โรงงานผลิตอุปกรณ์ต่างๆ และสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนากระจายอยู่ทุกส่วนของเมือง
ในจักรวาล Warhammer 40K นี้ Hive City ทำหน้าที่เป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่คอยผลิตอุปกรณ์และอาวุธสงคราม โดยอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือการผลิตกำลังคน ว่ากันว่า Hive City สามารถผลิตอุปกรณ์และกำลังพลทดแทนจำนวนที่สูญเสียไปในสงคราม 1,000,000 คนภายในเวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
เมืองแห่งการจัดการทรัพยากร
สำรวจรูปร่างลักษณะภายนอกเรียบร้อยแล้ว ลองย้ายมาส่องบริเวณแกนกลางของเมือง ที่ดึงความร้อนจากแกนของดาวมากระจายภายในเมืองอย่างทั่วถึงกันบ้าง
ในส่วนยอดของหอคอยจะคอยกักเก็บน้ำจากชั้นบรรยากาศก่อนแจกจ่ายเข้าสู่เมือง โดยระบบเหล่านี้จะมีเหล่าแรงงานคอยสอดส่องดูแลตลอดเวลาให้เมืองสามารถคงอยู่ได้ ขณะเดียวกัน Hive City นั้นไม่สามารถผลิตอาหารได้อย่างเพียงพอต่อประชากรทุกคน จึงต้องนำเข้าอาหารจากดาวเกษตรกรรมอื่นๆ โดยทั้งน้ำและอาหารจะถูกนำเข้าสู่ระบบรีไซเคิลอีกที เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรอย่างไม่รู้จบ มีเพียงชนชั้นสูงและชนชั้นปกครองเท่านั้นที่ได้รับน้ำและอาหารที่สดใหม่
นอกจากนี้ การจัดการทรัพยากรต่างๆ ภายในเมืองก็ถูกจัดการและบริหารด้วยสมาพันธ์ต่างๆ ที่จะรับคำสั่งมาจากผู้ปกครองเมืองอีกที โดยสมาพันธ์เหล่านี้จะคอยจัดการทรัพยากรต่างๆ รวมถึงควบคุมการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของส่วนกลาง การควบคุมของสมาพันธ์เหล่านี้มีตั้งแต่เรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเรื่องอาหารและน้ำ ไปจนถึงการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือการจัดการศพ พร้อมกับมีหน่วยงาน Adeptus Arbites เป็นเหมือนตำรวจคอยดูแลความเรียบร้อยภายในเมืองที่แสนวุ่นวายแห่งนี้
ทรัพยากรมนุษย์เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญของ Hive City เนื่องจากมีมนุษย์จำนวนมหาศาล ทำให้ผู้คนเหล่านี้ถูกนับเป็นทรัพยากร สามารถส่งไปทดแทนในพื้นที่ต่างๆ ของจักรวาลที่ต้องการกำลังของมนุษย์ได้ หรือหน่วยงานอื่นๆ จะเข้ามาสรรหาเหล่าผู้มีความสามารถไปทำงานในหลายๆ ภาคส่วนของจักรวรรดิก็ได้เช่นกัน เช่น ไปเป็นแรงงานในโรงงานขนาดใหญ่ เป็นทหารในกองกำลังของ Astra Militarum หรืออาจจะมีอัจฉริยะ 1 ในล้านคนที่สามารถเข้ารับการดัดแปลงร่างกายเป็นกองกำลังพิเศษ Adeptus Astartes ก็เป็นไปได้
เมืองแห่งชนชั้น
Hive City แบ่งตัวเมืองเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ Upper Hive, Lower Hive และ Under Hive ถ้าไปไล่ดู Upper Hive จะเป็นส่วนที่สูงอยู่เหนือเมฆขึ้นไป เป็นที่อยู่อาศัยของขุนนางหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงเป็นที่ตั้งของวิหารทางศาสนา โดยส่วนบนสุดจะเรียกว่า The Spire เป็นส่วนยอดที่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ปกครองเมือง พ่อค้าผู้มั่งคั่ง หรือแขกบ้านแขกเมืองที่สำคัญ
ประชาชนทั่วไปจะอยู่ในส่วน Lower Hive บริเวณนี้จะเป็นเหมือนมหานครขนาดใหญ่ที่กระจุกตัวกันเป็นแนวตั้ง มีที่อยู่อาศัยจำนวนมาก มีพื้นที่พาณิชยกรรมและโรงงานกระจายอยู่ทั่วบริเวณทั้งในแนวราบและแนวตั้ง สิ่งของทุกอย่างของผู้คนในเมืองคือการใช้ต่อจากผู้ที่จากไป ไม่ว่าจะเป็นห้องพักอาศัย อุปกรณ์ต่างๆ แม้กระทั่งน้ำและอาหารที่เกิดจากการรีไซเคิล ประชาชนทั่วไปจะใช้ชีวิตอยู่ในนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองในระบบขนาดใหญ่ ทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อผลิตทรัพยากรให้จักรวรรดิแห่งมวลมนุษยชาติ
และส่วนที่ลึกที่สุดอยู่ใต้ผิวดาวคือ Under Hive พื้นที่ใต้ดินนี้เป็นที่ที่มีซากอารยธรรมโบราณของเมืองที่ถูกถมขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งอยู่ เป็นดินแดนมืดมิดไร้กฎหมาย เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตอันตราย ไม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปการใดๆ เป็นพื้นที่ที่พวกนอกกฎหมายหรือนอกรีตมักจะมาอยู่อาศัย โดยมีหน่วย Adeptus Arbites คอยลงมาตรวจตราพื้นที่นี้เป็นครั้งคราว และอาจจะมีเหล่านักล่าสมบัติลงมาหาชิ้นส่วนเทคโนโลยีจากยุคโบราณ
เมืองแห่งความเหลื่อมล้ำ
ความสูงของ Hive City เป็นภาพที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำของแต่ละชนชั้นได้เป็นอย่างดี ชนชั้นสูงอยู่บนยอดหอคอยที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ได้รับทรัพยากรและการรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุด ได้รับสวัสดิการต่างๆ เท่าที่มนุษย์จะมีได้ มีพื้นที่มากมายให้ทำกิจกรรมและใช้ชีวิต ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองชั้นล่าง ซึ่งเป็นภาพที่คนข้างล่างได้แต่เฝ้าฝัน
ในขณะที่ส่วนล่างของ Hive City เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนทั่วไปผู้คอยขับเคลื่อนเมืองนี้ ทุกตารางเมตรอัดแน่นไปด้วยผู้คน คำว่า ‘พื้นที่ส่วนตัว’ เป็นแนวคิดที่พบเจอได้ยาก ผู้คนส่วนใหญ่ตั้งแต่เกิดจนตายอาจไม่เคยมองเห็นท้องฟ้าเลยด้วยซ้ำ การทำงานตลอดเวลาเป็นเรื่องปกติของคนเหล่านี้ พวกเขาพยายามดูแลตัวเองและครอบครัวให้ดีที่สุด แต่ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน ทุกคนก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเพื่อรับใช้จักรวรรดิแห่งมวลมนุษยชาติอย่างไม่ลดละ ภายใต้จักรวาลที่มีแต่สงครามและความมืดมิดนี้
ปี๊บๆๆๆๆ…ปฏิเสธการเข้าถึงข้อมูลขั้นต่อไป (เสียงของ Machine Spirit ดังขึ้น)
ข้อมูลขั้นต่อไปถูกจำกัดการเข้าถึงโดยหน่วยงาน Inquisition การค้นคว้าต่อจากนี้ถือเป็นการกระทำนอกรีต
หน้าจอบันทึก Hive City ถูกปิดไปแล้ว นี่คือข้อมูลเบื้องต้นที่เหล่านักวิชาการแห่งจักรวรรดิรวบรวมมาได้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า Hive City อาจมีความลับดำมืดซ่อนอยู่ในที่ที่แสงแห่งองค์จักรพรรดิส่องไปไม่ถึง
ขอให้องค์จักรพรรดิคุ้มครอง
Writer
