รู้ไหมว่า กว่า ‘เจริญกรุง’ จะกลายมาเป็นย่านท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างในปัจจุบันนี้ต้องเจอสถานการณ์อะไรบ้าง
ภาพจำของเจริญกรุงที่เราคุ้นตาคงเป็นแหล่งรวมร้านถ่ายรูปที่เรียงรายอยู่ตลอดแนวถนน ทั้งยังเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการและอาร์ตแกลเลอรีที่หมุนเวียนมาไม่ซ้ำเป็นประจำทุกเดือน จนได้เป็นย่านแรกของไทยที่ก้าวสู่การเป็น ‘ย่านสร้างสรรค์’ จากการรวมตัวของคนหลายกลุ่มที่ช่วยกันฟื้นฟูและขับเคลื่อนย่านให้กลับมาคึกคักกันอีกครั้งเช่นในปัจจุบัน โดยเริ่มดำเนินการผ่านโปรเจกต์ Bangkok Design Week ที่เราคุ้นเคย
แต่ก่อนที่เจริญกรุงจะเดบิวต์ใหม่เป็นย่านสร้างสรรค์ที่เหมาะกับการมาเดินเล่นในวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น ย่านนี้เคยเป็นที่รู้จักในด้านการเป็นพื้นที่ต้นกำเนิดของการเดินทางบนคอนกรีตที่สะดวกสบายในปัจจุบัน เพราะเจริญกรุงนับว่าเป็น ‘ถนนสายแรก’ ของกรุงเทพฯ ที่สร้างด้วยเทคนิคตะวันตก ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายสำคัญที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางสังคม สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเมืองและความเจริญที่เริ่มคืบคลานทยอยเข้ามาในเมืองทีละนิดๆ ส่งผลให้เกิดเป็นการคมนาคมที่เข้าถึงง่าย มีความสะดวกสบายในปัจจุบัน

คอลัมน์ Urban Tales ขอพาทุกคนย้อนดูไทม์ไลน์การเดินทางกว่า 160 ปีของเจริญกรุง ตั้งแต่เริ่มมีถนนใช้เป็นครั้งแรก พากรุงเทพฯ ก้าวเข้าสู่เมืองแห่งความทันสมัย ก่อนผลัดเปลี่ยนสู่ยุคตกทุกข์ได้ยากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และผงาดขึ้นอีกครั้งในฐานะย่านสร้างสรรค์แรกของไทย
กำเนิด ‘ถนนเจริญกรุง’ จากเส้นทางสายน้ำสู่พื้นคอนกรีตแบบตะวันตก
ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ไหนในกรุงเทพฯ สังเกตได้ว่าแทบทุกพื้นที่จะมีคลองเล็กใหญ่ให้เห็นอยู่เสมอ และส่วนใหญ่คลองเหล่านี้มักบรรจบหรือมีจุดที่เชื่อมโยงเป็นสายเดียวกัน
ถือเป็นร่องรอยจากอดีตที่แสดงให้เห็นว่าคนกรุงเทพฯ มีความใกล้ชิดกับสายน้ำมาก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งบ้านเรือนติดแม่น้ำลำคลอง การประกอบอาชีพประมง รวมถึงการใช้ทางน้ำเป็นเส้นทางหลักสำหรับสัญจรไปมาในอดีต
จึงไม่แปลกที่เขตหรือแขวงในกรุงเทพฯ มักขึ้นต้นด้วยคำว่า ‘บาง’ ที่หมายถึงทางน้ำเล็กๆ ที่ไหลขึ้นลงตามระดับน้ำในแม่น้ำ ลำคลอง หรือทะเล เพื่อใช้เรียกสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับสายน้ำ ซึ่งในพื้นที่ย่านเจริญกรุงในอดีตก็มี ‘บางรัก’ ที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา และเป็นท่าเรือสำคัญของการติดต่อค้าขายกับต่างชาติในสมัยก่อนเช่นกัน

พูดถึงต้นกำเนิดของ ‘ถนนเจริญกรุง’ คงต้องย้อนไปในช่วง พ.ศ. 2398 ที่ไทยมีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริงกับประเทศอังกฤษ ทำให้ชาวต่างชาติเดินเรือเข้ามาเทียบท่าติดต่อค้าขายกับไทยในพระนครมากขึ้น ส่งผลให้มีการขุดคลองเพิ่มเติมเพื่อขยายการค้าเข้าไปยังเมืองภายในต่างๆ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2404 ที่ชาวต่างชาติเรียกร้องให้ทางราชการสร้างถนนสำหรับใช้รถม้าในการสัญจรขึ้น โดยใช้เหตุผลด้านสุขภาพว่า ตนจะได้มีพื้นที่สำหรับขี่ม้าตากอากาศ เพื่อจะได้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย รวมถึงเป็นการสร้างความสะดวกสบายในการคมนาคมและขนถ่ายสินค้า นำมาสู่การดำเนินการสร้างถนนสายแรกขึ้นในที่สุด
นับจากวันแรกที่เริ่มสร้างเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี ในที่สุดถนนผิวการจราจรแบ่งเป็นสองแนว ในลักษณะพื้นถมดินและทรายอัดแน่น ปูพื้นผิวถนนด้วยอิฐแห่งนี้ก็เปิดใช้ใน พ.ศ. 2407 โดยมีชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘ถนนใหม่’ และ ‘นิวโรด’ (New Road) ตามชาวต่างชาติเรียก ในขณะที่ชาวจีนเรียกตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า ‘ซิงพะโล่ว’ (新打路) ก่อนจะได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ‘ถนนเจริญกรุง’ โดยมีความหมายว่า ความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง ในเวลาต่อมา
ถนนเจริญกรุง สู่การเปิดพื้นที่แห่งการเจริญเติบโตของกรุงเทพฯ
การมีถนนเจริญกรุงเกิดขึ้นส่งผลกระทบในทิศทางที่ดีขึ้นกับกรุงเทพฯ อย่างเห็นได้ชัด เพราะนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นความศิวิไลซ์ของเมืองหลวงที่สามารถขยายความเจริญไปยังพื้นที่ต่างๆ ในเมืองด้วยการสร้างถนนเชื่อมต่อกันไปเรื่อยๆ เกิดเป็นถนนชื่อคล้องอย่างถนนบำรุงเมืองและถนนเฟื่องนครในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน และกลายเป็นวลีคล้องจองพ้องความหมายที่ชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่า ‘เจริญกรุง บำรุงเมือง เฟื่องนคร’ รวมถึงมีการสร้างและตัดถนนอีกมากกว่า 110 สายในเวลาถัดมา

การมีถนนของกรุงเทพฯ ถือเป็นประตูสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในยุคนั้น เพราะเป็นการเปิดเส้นทางการค้าขาย ทำให้ถนนเจริญกรุงในยุคแรกกลายเป็นแหล่งพาณิชยกรรมและศูนย์รวมการค้าขายขนาดใหญ่ มีคนอาศัยเป็นชุมชนอย่างหนาแน่น ตามมาด้วยตึกแถวและอาคารที่แสดงถึงความเจริญในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นสถานทูต ธนาคาร โรงแรม โรงภาพยนตร์ และไปรษณีย์
ก่อนที่ใน พ.ศ. 2427 จะมีการนำเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าเข้ามาในไทย และตั้งโรงไฟฟ้าขึ้นที่วัดราชบูรณะ ในนาม ‘บริษัท ไฟฟ้าสยาม จำกัด’ ใน พ.ศ. 2432 ทำให้ถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมคึกคักขึ้น เนื่องจากโรงเหล้า โรงบ่อนเบี้ย โรงมหรสพ สามารถเปิดบริการได้ตลอดเวลา อีกทั้งไฟฟ้ายังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงสีข้าว โรงเลื่อย โรงงาน ที่เป็นธุรกิจสำคัญในช่วงนั้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่แล้วความเจริญก็อยู่กับเราได้ไม่นาน เพราะจากนโยบายสร้างชาติและการเป็นมิตรกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้พื้นที่ในกรุงเทพฯ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสมรภูมิรบและถูกโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตร ส่งผลให้ความเจริญของถนนเจริญกรุงซึ่งเป็นถนนสายสำคัญของกรุงเทพฯ เริ่มหยุดชะงักและค่อยๆ ซบเซาลง
นอกจากนี้ การเป็นพันธมิตรและให้ความร่วมมือกับญี่ปุ่นในสงคราม เป็นผลให้ไทยจำต้องยุติความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับชาติอื่นๆ ที่เคยมีมา โดยเฉพาะกับชาติตะวันตก และหันมาสร้างสัมพันธ์กับญี่ปุ่นแทน ทำให้มีการเปิดห้างร้านของชาวญี่ปุ่นกระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ของถนนเจริญกรุง
อีกทั้งถนนเจริญกรุงในช่วงนั้นถือเป็นที่ตั้งของกองทัพญี่ปุ่น ทำให้พื้นที่ได้รับความเสียหายมาก เกิดความสูญเสียทั้งคนและทรัพย์สินมหาศาล ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนบริเวณนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความสะดวกสบายที่เคยมีหายไป โรงไฟฟ้าที่มีใช้กันเป็นประจำไม่สามารถใช้งานได้ ชาวบ้านจึงจำเป็นต้องกลับมาใช้ตะเกียงน้ำมันดังเดิม ในขณะที่บางครอบครัวเลือกอพยพไปอยู่ที่อื่นแทน

ทำให้แม้ภายหลังผู้คนในละแวกนั้นและรัฐบาลจะช่วยกันฟื้นฟูพื้นที่ถนนและที่อยู่อาศัย โดยมีความตั้งใจให้ถนนเจริญกรุงกลับมาคึกคักและเจริญสมชื่ออีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นผลให้เจริญกรุงกลับมาเจริญดังเดิม เนื่องจากหลายธุรกิจในพื้นที่ปิดตัวลง บ้างก็ย้ายถิ่นค้าขายไปยังที่อื่น
ส่งผลให้ศูนย์กลางการค้าขายย้ายไปอยู่เส้นสีลมแทน เพราะเป็นพื้นที่ที่ตัดออกมาจากถนนเจริญกรุงเดิม และสามารถขยายพื้นที่ทางธุรกิจได้มากกว่า ถนนเจริญกรุงจึงกลายเป็นย่านค้าขายเก่าในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยังคงตั้งอยู่ด้วยอัตลักษณ์ของพื้นที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
การเดินทางสู่การเป็นย่านสร้างสรรค์ย่านแรกของไทย

ถัดจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ระยะเวลานั้นถือเป็นช่วงฮอตฮิตของการรับวัฒนธรรมจากชาติตะวันตก ทั้งการแต่งกาย อาหาร เพลง และภาพยนตร์ เกิดการขายพื้นที่บางส่วนที่ติดกับถนนเจริญกรุงสร้างเป็นโรงภาพยนตร์แกรนด์, คิงส์ และควีนส์ ไปจนถึงการเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาวังบูรพา ส่งผลให้เจริญกรุงเริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในฐานะแหล่งซื้อขายสินค้าวัยรุ่น
ผ่านมากว่า 100 ปี ถนนเจริญกรุงยังปรากฏให้เห็นร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองในอดีต ทั้งร้านค้าเก่าแก่ อาคารสถานทูตกงสุล และอาคารที่ทำการไปรษณีย์อย่าง ‘อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก’ ที่ตั้งตระหง่านใจกลางถนนเจริญกรุง
ในปัจจุบันที่นี่ไม่ได้ให้บริการส่งจดหมายแก่ประชาชนเท่านั้น แต่ยังขยายขอบเขตการทำงานของตนเองให้กลายเป็น ‘สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)’ หรือ Creative Economy Agency (CEA) และได้เลือก ‘ย่านเจริญกรุง’ เป็นย่านต้นแบบ เพื่อส่งเสริม พัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไปสู่เศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว

มากไปกว่านั้น ยังเกิดสนามทดลองของเหล่านักสร้างสรรค์อย่างเทศกาล Bangkok Design Week ใน พ.ศ. 2561 สร้างคุณค่าใหม่ให้เจริญกรุงจากการหยิบยกต้นทุนทางวัฒนธรรมในย่าน อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจและเปิดพื้นที่ให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์ผลงานที่ส่งเสริมเมืองไปพร้อมๆ กัน
ปัจจุบัน ‘เจริญกรุง’ กับ ‘Bangkok Design Week’ เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนเมืองให้เป็นย่านสร้างสรรค์ ประกอบกับได้รับความร่วมมือและความสนใจจากหลายฝ่าย ได้แก่ ชาวย่านในพื้นที่ ผู้ประกอบการ นักออกแบบ นักกิจกรรม และผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบรวมกันเป็นปัจจัยที่ทำให้เจริญกรุงกลับมาคึกคักอีกครั้งในปัจจุบัน
Sources :
BKKDW2024 | bangkokdesignweek.com/bkkdw2024/content/94952
DDproperty | shorturl.asia/SRFnk
GQ Thailand | shorturl.asia/eZMWz
100 ปีถนนเจริญกรุงกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2411-2511) | shorturl.asia/PzY8k
กรมศิลปากร | shorturl.asia/CAT0g
ศิลปวัฒนธรรม | silpa-mag.com/history/article_27564
สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง | lib.ru.ac.th/miscell2/?p=1732