ใครเคยวาดฝันเมืองแห่งอนาคตที่มีลักษณะเป็นแนวตั้ง เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยี และอุปกรณ์ไฮเทคอย่างครบครัน เหมือนที่เราเคยเห็นในหนังไซไฟสุดล้ำ ฝันเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นจริงในอนาคตอันใกล้แล้ว!
เพราะหลังจากที่ต้นปี 2564 ทางซาอุดีอาระเบียได้เปิดตัว ‘THE LINE’ แผนสร้างเมืองระยะทางยาว 170 กิโลเมตร ที่สามารถเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องใช้รถยนต์และไร้ถนน หนึ่งในโครงการ Saudi Vision 2030 (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ urbancreature.co/saudiarabia-theline)
ล่าสุด เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด (Mohammed bin Salman Al Saud) มกุฎราชกุมาร ที่เหมารวบตั้งแต่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และประธานคณะกรรมการโครงการ NEOM ที่ทำเกี่ยวกับนวัตกรรมเมืองแห่งอนาคต ได้เปิดเผยรายละเอียดของการออกแบบ THE LINE เมืองแนวตั้งแห่งแรกของโลกไว้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งเป็นมิติใหม่ที่อาจทำลายข้อจำกัดของผังเมืองแบบดั้งเดิมไปอย่างสิ้นเชิง
เมืองแนวตั้งแห่งอนาคตนี้จะถูกสร้างขึ้นที่เมืองตะบูก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซาอุดีอาระเบีย ด้วยความกว้างเพียง 200 เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล 500 เมตร และยาวถึง 170 กิโลเมตร หากสร้างแล้วเสร็จ ที่นี่จะกลายเป็นอาคารที่มีความยาวมากที่สุดของโลก และสูงเป็นอันดับ 12 ของโลก
THE LINE คือการสร้างเมืองจากแนวคิดที่เรียกว่า ‘Zero Gravity Urbanism’ ที่ผู้คนในเมืองสามารถเดินทางติดต่อกันได้อย่างไร้รอยต่อในรูปแบบ 3 มิติ ทั้งขึ้น ลง และแนวราบ สิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่ต่างๆ เช่น ทางเท้า สวนสาธารณะ โรงเรียน บ้าน และสถานที่ทำงาน จะถูกจัดเรียงเป็นชั้นในแนวตั้ง ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ง่าย และเข้าถึงความต้องการในชีวิตประจำวันทั้งหมดได้ด้วยการเดินเพียง 5 นาที อีกทั้งยังมีรถไฟความเร็วสูงแบบที่เดินทางจากต้นทางถึงปลายทางภายในเวลา 20 นาทีเท่านั้น
มากไปกว่านั้น สภาพแวดล้อมของเมืองยังถูกดีไซน์ให้ปราศจากถนน ไร้รถยนต์ และใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย
ส่วนกำแพงนอกเมืองได้ติดตั้งกระจกเงาขนาดใหญ่ตลอดระยะทาง 170 กิโลเมตร ทำให้ THE LINE โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และยังกลมกลืนไปกับธรรมชาติในพื้นที่โดยรอบด้วย
“THE LINE เป็นการออกแบบเมืองแนวตั้งที่จะมาลบภาพเมืองแนวราบแบบเดิมๆ อีกทั้งยังเป็นการสร้างต้นแบบการอนุรักษ์ธรรมชาติ และส่งเสริมความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้ดียิ่งขึ้น” เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อัล ซาอูด กล่าว
โดยโครงการนี้คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2030 และสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้มากถึง 9 ล้านคนในปี 2045 จากการใช้เม็ดเงินในการก่อสร้างที่สูงถึง 1 – 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 – 7.3 ล้านล้านบาท
ใครสนใจเข้าไปดูวิดีโอการออกแบบสุดล้ำของ THE LINE ได้ที่นี่ t.ly/3CLK
Sources :
Designboom | t.ly/c5Va
Dezeen | t.ly/hVAz
NEOM | t.ly/PdZp
Reuters | t.ly/qAsdh
Tornadopix | t.ly/Pw9P